Ventura Dragon คอลเลคชั่นใหม่ของ แฮมิลตัน (HAMILTON) ถือว่าเป็นตัวแทนแห่งความแข็งแกร่งและโชคดี รวมถึงจิตวิญญาณแห่งพลัง จึงเป็นสัญลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับโอกาสและความสำเร็จ ซึ่งสามารถผสมผสานกับการออกแบบที่ประณีตและสวยงามได้อย่างลงตัวด้วยตัวเรือนแสดงใบหน้าของมังกรที่เต็มไปด้วยพลังและความกล้าหาญ ใบหน้าของมังกรหัน 90° ทางเข็มนาฬิกา ที่เข้ากับความเป็น Ventura มาพร้อมตัวเรือนสแตนเลสสตีล หน้าปัดขนาด 42.5 x 44.6 มล. และความหนา 12 มล. การขับเคลื่อนด้วยกลไกระบบไขลานอัตโนมัติ ที่สามารถสำรองพลังงานได้ 80 ชั่วโมง และมีความทนทาน โดยมีให้เลือกถึง 2 สี คือเคลือบ PVD สี Rose Gold สุดหรูหรา และ สีดำสุดคลาสสิก ความพิเศษที่มากกว่านั้นคือตัวเรือนที่มีการเคลือบป้องกันการสะท้อนแสงและ Super-LumiNova® สีขาวทำให้นาฬิกาเหมาะสำหรับการสวมในทุกช่วงเวลาตั้งแต่กลางวัน จนถึงกลางคืน พร้อมสายลวดลายมังกร 3 มิติเพิ่มความสมบูรณ์ในการสวมนาฬิกานี้ และนอกจากนี้ แฮมิลตัน (HAMILTON) ยังมาพร้อมกับ Boulton 4 สีใหม่สดใส ในคอลเลคชั่นนี้นาฬิกา Boulton
อัพเดท Hot Item ส่งท้ายปี กับซีรีส์เรือนเวลารักษ์โลกขวัญใจสายสตรีท รวมถึงชาวแฟชั่นนิสตาทั้งหลาย อย่าง AIKON #tide จาก MAURICE LACROIX ที่ได้เวลาปล่อยของ ออกคอลเลกชันใหม่ AIKON #tide Camo ที่แรกเริ่มเดิมที มีไอเดียในการหยิบลาย Camo หรือลายพรางมาใช้เพื่อให้ได้ฟีลกลมกลืนไปกับธรรมชาติ แต่ท้ายที่สุดต้องบอกเลยว่า เมื่อรูปทรงสปอร์ตของตัวเรือน มาเจอกับลวดลาย Camo และสีสันที่หลากหลาย ทำให้ AIKON #tide Camo กลายเป็นความกลมกลืนที่เฉิดฉาย สะท้อนสไตล์สนุกจัดจ้านของเหล่า City Girls, City Guys ให้โดดเด่น โดดเด้งขึ้นมาอย่างชัดเจน โดยนาฬิกา AIKON #tide Camo รุ่นใหม่ มาพร้อมตัวเรือนขนาด 40 มม. จัดเต็มสีสัน 4 สี 4 สไตล์ ลงตัวกับ Total Look ทุกรูปแบบ
เปิดตัวพร้อมเติมเต็มทุกสไตล์เท่ CITIZEN The “TSUYOSA” Collection (NJ015) คอลเลกชันเรือนเวลาเรียบหรูผสานความแกร่งสมชื่อ “TSUYOSA” ที่สื่อความหมายถึง “ความแข็งแกร่ง” ในภาษาญี่ปุ่น ตัวเรือนขนาด 40 มม. รังสรรค์ขึ้นจากสเตนเลสสตีลดีไซน์โค้งมน หล่อลงตัวกับสายสเตนเลสขัดเงา หน้าปัดปิดทับด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ พร้อมเลนส์ขยายหน้าต่างวันที่สุดคลาสสิก สำหรับเม็ดมะยมของ CITIZEN The “TSUYOSA” Collection ถูกจัดวางในตำแหน่ง 4 นาฬิกา ซึ่งโดดเด่นแตกต่างจากนาฬิกาข้อมือทั่วไป ด้านหลังตัวเรือนสวยสะกดใจด้วยฝาหลังขันเกลียวแบบเปลือยโชว์ให้เห็นกลไกอัตโนมัติยอดนิยม Caliber 8210 รองรับการสำรองพลังงาน 40 ชั่วโมง กันน้ำได้ที่ระดับ 50 เมตร พร้อมให้สวมใส่ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะใส่หล่อออกงาน หรือใส่ชิลในวันสบาย ๆ และไฮไลต์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือเรื่องราวของสีสันอันสดใส ที่ตอกย้ำให้ CITIZEN The “TSUYOSA” Collection เป็น Everyday Watches ที่ลงตัวกับทุกสไตล์ที่แตกต่าง ด้วยหน้าปัดหลากสี มีให้เลือกเท่ไม่ซ้ำวัน NJ0151-88M – Tiffany
เข้าสู่ช่วงปลายปีแบบนี้ ทาง SEIKO ก็ไม่พลาดที่จะมีของดีมายั่วใจนักสะสม และต้องบอกเลยว่าเรือนเวลารุ่นล่าสุดเรือนนี้นั้นไม่ธรรมดา เพราะถือเป็นเรือนส่งท้ายปีแห่งการเฉลิมฉลองวาระสุดพิเศษภายใต้ปีแห่งความภาคภูมิใจ ครบรอบ 55 ปี SEIKO 5 SPORTS กับ SEIKO 5 SPORTS YUTO HORIGOME LIMITED EDITION ที่ได้ร่วม Collab กับนักสเก็ตบอร์ดดาวรุ่งชื่อดังแห่งประเทศญี่ปุ่นอย่าง Yuto Horigome (ยูโตะ โฮริโกเมะ) อีกครั้ง ซึ่งความสามารถของ Yuto Horigome ได้เริ่มฉายแสงตั้งแต่วัยเด็ก โดยได้รับอิทธิพลความหลงใหลในสเก็ตบอร์ดมาจากคุณพ่อ และเริ่มหัดเล่นตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ก่อนที่จะขยับตัวเองให้ขึ้นมาอยู่บนจุดสูงสุดของการแข่งขันในประเทศญี่ปุ่น ได้ตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นตอนต้น ๆ เท่านั้น ภายหลังสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมปลายในประเทศญี่ปุ่น Horigome ได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ดินแดนที่ความสามารถและพรสวรรค์ของเขา ได้เฉิดฉายอย่างเต็มที่ เพราะหลังจากการเปิดตัวครั้งแรกของเขาเมื่อปี 2017 ใน Street League Skateboarding (SLS) ซีรีส์การแข่งขันสเก็ตบอร์ดชั้นนำของโลกแค่เพียง 1 ปี
MB&F จักรกลสุดซับซ้อนอันดับต้นของโลก เปิดตัว Machine รุ่นใหม่ล่าสุด HM11 ด้วยแนวคิด “une maison est une machine à habiter“ (a house is a machine to live in) ที่ Maximilian Büsser อยากทดลองวางกลไกในสถาปัตยกรรมที่ได้แรงบันดาลใจจากบ้านเรือนในช่วง mid-to-late 1960s ตัวเรือนดีไซน์ให้เป็น three-dimensional กว้าง 42mm ผลิตจากวัสดุ Grade-5 titanium ที่แข็งแรงที่สุด รูปทรงแปลกตาเหมือนบ้านหลังใหญ่ที่มีห้อง 4 ห้องทำมุม 90 องศา มองจากด้านบนจะพบหัวใจหลัก Central flying tourbillon movement ไขลานด้วยมือ ทำหน้าที่เสมือนเสาหลักของบ้าน ไขลานโดยการหมุนเคส 45 องศา โดยหมุนครบ 10 ครั้งจะได้พลังงานเต็ม 96
TAG Heuer Carrera Chronograph เป็นที่จดจำในฐานะนาฬิกาที่แสดงถึงงานฝีมือ ซึ่งเป็นมากกว่านาฬิกา; นับเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของ TAG Heuer ในการสร้างเรือนเวลาที่บ่งบอกความเหนือใครของผู้สวมใส่ การเปิดตัวครั้งนี้เหมือนได้นึกย้อนกลับถึง Jack Heuer ผู้มีวิสัยทัศน์ที่ได้สร้างคอนเซปต์ที่พลิกวงการ: ด้วยการมอบนาฬิกาสีทองสู่เหล่านักแข่งรถ นาฬิการุ่นนี้นี้เปรียบเสมือนการแสดงให้เห็นถึงสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่าง TAG Heuer และโลกแห่งมอเตอร์สปอร์ต นาฬิกาเหล่านี้ได้ก้าวข้ามบทบาทผ่านรางวัลต่างๆ ไม่ว่าเป็นเพื่อนคู่ใจในการแสวงหาชัยชนะอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความกระหน่ำของเครื่องยนต์และความเร็วน่าตื่นตาตื่นใจ ทำให้นักแข่งหลายคนเลือกที่จะสวมใส่นาฬิกาเหล่านี้บนข้อมือ อาทิ Ronnie Peterson และ Niki Lauda ซึ่งได้พาพวกเขาไปก้าวข้ามผ่านขีดจำกัดต่างๆ ความกล้าหาญของ Jack Heuer ได้พลิกโฉมอุตสาหกรรมนาฬิกาลักซ์ชัวรี่ไปตลอดกาล นาฬิกาเรือนสีทองทั้งหมดนี้กลายเป็นมากกว่าเครื่องจับเวลา แต่ละรุ่นได้รวบรวมแก่นแท้ในด้านความสำเร็จ ความกล้า และ การมุ่งหาความเป็นเลิศอย่างแน่วแน่ ทุกการขับเคลื่อนของเข็มโครโนกราฟได้สะท้อนแรงผลักดันที่ไม่หวั่นเกรงของนักแข่ง ซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจอยู่เสมอถึงเส้นทางสู่ความยิ่งใหญ่ของพวกเขา นาฬิกา TAG Heuer Carrera Chronograph มาพร้อมขนาด 39 มิลลิเมตร ถือเป็นการยกย่องที่หวนคืนสู่ยุควินเทจ แสดงถึงเสน์ห์แบบย้อนยุค และสุนทรียะที่ไร้กาลเวลา ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงสปิริตของแบรนด์ที่ไม่เคยหยุดยั้ง ตัวเรือนนาฬิกา TAG
Rolex Submariner หนึ่งในเบญจภาคีของ Rolex ที่นักสะสมทุกคนต้องมี แต่ย้อนไปในปี 1953 ปีที่ Rolex Submariner Reference 6204 วางขายเป็นครั้งแรกในฐานะนาฬิกา Dive watches ธรรมดาที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Rolex Datejust Turn-O-Graph 6202 ปีนั้นมี Rolex Submariner ออกมาทั้งหมด 3 Reference ในเวลาไล่เลี่ยกัน คือ Reference 6200, Reference 6204, Reference 6205 ซึ่งแม้จะไม่เป็นทางการ แต่มีการฟันธงว่า Ref 6204 น่าจะเป็นรุ่นแรกสุดที่วางขายแบบ commercial release เพราะมี serial number บนเคสระบุช่วงเวลา “II.53” แต่จะไม่มีการระบุความสามารถในการกันน้ำ เพราะเข้าใจว่ายุคนั้น Rolex ยังไม่สามารถพิสูจน์ depth rating ของ Ref 6204
คอลเลกชันนี้เป็นการสานต่อความมุ่งมั่นของดีไซเนอร์ในการสร้างสรรค์เสื้อผ้าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากชุดกีฬา และนำเสนอรูปแบบเสื้อผ้าซึ่งเป็นมรดกของอาดิดาสที่ถูกปรับโฉมใหม่ในสไตล์เรียบหรู โดยสินค้าที่มาในคอลเลกชันประกอบด้วย เสื้อผ้าถักสีน้ำตาลมาฮอกกานี จับคู่เข้าเช็ทกับกางเกงฟุตบอลขาสั้นผ้าไนลอนสี Sand ที่ตัดด้วยแถบสี 3 แถบด้านข้างอันเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ยังมีสินค้าหลักที่ถูกผลิตด้วยผ้าไนลอนน้ำหนักเบาอันได้รับแรงบันดาลใจจากช่วงยุค 70s ถึงยุค 90s ได้แก่ ชุดแทรคสูทมาในสีฟ้าอ่อนสะท้อนแสง และเสื้อไนลอนสีดำที่โดดเด่นด้วยปกสีเขียวสดใสที่ตัดกันอย่างลงตัว และเสื้อผ้าทุกชิ้นไม่จำกัดเพศ ทำให้ทุกคนสามารถเป็นสวมใส่เสื้อผ้าในคอลเลกชันนี้ได้ สำหรับรองเท้าในคอลเลกชัน โมเดลสุดไอคอนิกอย่างรุ่น Samba ยังคงถูกหยิบมาพัฒนาและออกแบบในสไตล์ของ Wales Bonner อีกเช่นเคย โดย 2 คู่แรก โดดเด่นด้วยอัปเปอร์ที่ทำจากขนม้าเทียมและพื้นรองเท้ายาง มาในลายพิมพ์เสือดาวและสีแทนอ่อนที่ถ่ายทอดความหรูหราของตัวรองเท้าออกมาได้อย่างลงตัว ในขณะที่อีก 2 คู่ ประกอบด้วยวัสดุหนังกลับและการตัดเย็บแบบตัดกันอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ เพื่อสร้างความแตกต่างจากซีซั่นก่อนๆ ภาพในแคมเปญจึงได้ถูกเปลี่ยนฉากหลังจากวิวภูมิทัศน์ให้กลายเป็นฉากเรียบๆ ในสตูดิโอ พร้อมผสมผสานระหว่างนาย/นางแบบและสายสตรีท รวมถึงนักสเก็ตบอร์ดอย่าง Na-Kel Smith มาร่วมถ่ายภาพในแคมเปญ โดยเน้นไปที่การถ่ายทอดความมินิมอลของเสื้อผ้าในคอลเลกชัน และความซับซ้อนในคาแรกเตอร์ของแบบแต่ละคน นอกจากนี้ แคมเปญนี้ยังมาพร้อมวีดีโอบทสัมภาษณ์สั้นๆ พร้อมภาพเคลื่อนไหว โดยคำถามในการสัมภาษณ์ถูกจัดโดยนักเขียนบทละครและนักแสดงผู้ใจบุญอย่าง Jeremy O. Harris
บนโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงและก้าวหน้าตลอดเวลา เราไม่นิ่งเฉยและพร้อมก่าวสู่มิติใหม่ในแบบของเราเอง ด้วยคอลเล็กชั่นแว่นตาล่าสุดจาก Oakley® Encoder™ Extension ที่จะฉีกกรอบรูปแบบดั้งเดิมโดยทำลายขีดจำกัดของการออกแบบและเทคโนโลยี ด้วยการมอบนิยามใหม่บนแว่นตาที่ทั้งโดดเด่นด้านดีไซน์และยังคงเน้นฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นหัวใจหลัก คอลเล็กชั่นนี่ได้หยิบเอาแว่นตาในกลุ่ม performance รุ่น Encoder ซึ่งเป็นที่นิยมมาอย่างยาวนาน มายกระดับขึ้นไปอีกขั้นจากการนำแว่นต่ากีฬาและดีไซน์ของเลนส์ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องมาปรับโฉมสู่ 2 สไตล์ใหม่ในคอลเล็กชั่น Encoder Extension นั้นคือ Encoder Ellipse และ Encoder Squared ที่นำเสนอรูปทรงเลนส์แว่นแบบดั้งเดิมของรุ่น Encoder เพิ่มเติมฟังก์ชันการระบายอากาศช่วยมอบลุคอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดีไซน์ที่โดดเด่นแต่เรียบง่ายนำเสนอ รูปทรงเลนส์บนสองรูปแบบในสไตล์ที่น่าสนใจและไม่เคยเห็นมาก่อน รุ่น Encoder Ellipse – มีให้เลือกในกรอบสี Matte Black, Matte Navy, และ Silver ชวนให้นึกถึงรูปทรงของโลโก้ Oakley อันเป็นเอกลักษณ์ ในขณะที่ Encoder Squared – มีให้เลือกในกรอบสี Sky Blue, Matte Black และ Matte Carbon
De Bethune กับการสร้างสรรค์คอลเลกชันไม่ซ้ำใครในรุ่น “Cempasúchil II” เรือนเวลาที่โฉบไปมาระหว่างชีวิต และความตายด้วยสัมผัสแห่งอารมณ์ขันอันแสนซุกซน เป็นภาพเดียวกับการเฉลิมฉลองเทศกาล Dia de Muertos ของชาวเม็กซิกันที่สนุกสนานและมีสีสัน! และยังเหมาะกับเดือนฮาโลวีนเดือนนี้เลยทีเดียว “Cempasúchil II” หน้าปัดที่ถูกแปลงเป็นฟลอร์เต้นรำสำหรับ Calaveras สองตัว เพื่อระบุชั่วโมงและนาที ในอีกด้านหนึ่งของนาฬิกา มีการตกแต่งโดยเฉพาะ (โดยปกติจะซ่อนอยู่หลังฝาครอบลับ) แสดงให้เห็นภาพ ‘การกระทำ’ ของ Calaveras ทั้งสองอันแสนซุกซนของเรา ภายใต้การแสดงโกศหัวเราะซึ่งคู่ควรกับ La Catrina มีกล้องและคันโยกมากมายที่เคลื่อนไหวและทำให้ตัวละครทั้งสองมีชีวิตขึ้นมา เคลื่อนไหวตามความต้องการด้วยกลไกที่ซับซ้อนสูง ด้วยการกดปุ่มที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ฉากร่าเริงสื่อถึงความสนุกสนาน และความชั่วร้าย งานแกะสลักทั้งหมดบนหน้าปัดทั้งสองข้างเป็นการยกย่องให้กับช่างแกะสลักชาวเม็กซิกันผู้ชาญฉลาด José Guadalupe Posada ศิลปินผู้สร้างสรรค์การเต้นรำแบบไร้ชีวิตชีวาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับ Denis Flageollet และ Michèle Rothen ในปี 2020 ในการออกแบบ DW5 Cempasúchil ด้วยการสร้างสรรค์ครั้งใหม่นี้