James Bond ถือเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ผู้ชายอย่างเรารู้จักกันเป็นอย่างดี ภาพยนตร์ที่พูดถึงสุดยอดสายลับรหัส 007 จากองค์กร MI6 ที่เต็มไปด้วยฉากแอ็กชันและการไล่ล่าสุดมันส์ แม้จะผลิตออกมาถึง 24 ภาคในช่วงเวลา 55 ปีก็ยังมีฐานแฟน ๆ ติดตามหนังภาคใหม่อยู่ตลอดเวลาราวกับต้องมนตร์ที่ไม่เสื่อมคลาย นอกจากเนื้อเรื่องแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่หนุ่ม ๆ อย่างเราซึมซับได้จากหนังเรื่องนี้คือรถยนต์คันงามคู่ใจของพระเอกในแต่ละภาค โดยเฉพาะรถจากค่าย Aston Martin ที่กำลังผลิตรถรุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 50 ของโมเดลดังจากหนังภาค On Her Majesty’s Secret Service (OHNSS) ถ้าพูดถึง Aston Martin และ James Bond หลายคนอาจติดภาพจำของ Aston Marin DB5 ที่พระเอกอย่าง Sean Connery ใช้งานในภาค Goldfinger และ Thunderball รวมถึงโผล่มาอวดโฉมทั้งใน Casino Royale Skyfall และช่วงท้ายของ Spectre Aston Marin DB5 จึงกลายเป็นรถขึ้นหิ้งที่มีราคาสูงโดยไม่ต้องบรรยายสรรพคุณไปแล้ว
เม็กซิโกถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ยังต้องเผชิญกับปัญหายาเสพติดและการคอร์รัปชันมายาวนาน การปราบปรามตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้รัฐยึดทรัพย์จากผู้กระทำผิดได้จำนวนมาก โดยหนึ่งในทรัพย์สินเหล่านั้นนั้นคือซูเปอร์คาร์และรถราคาหรูราคาแพงระยับจำนวนมากจึงเป็นโอกาสดีที่รัฐฯ จะนำรถหรูเหล่านั้นออกประมูลเพื่อนำเงินที่ได้มาไปพัฒนาชุมชนยากจนในประเทศต่อไป รัฐบาลเม็กซิโกภายใต้การนำของ Anders Manuel Lopez Obrador (แอนเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์) ประธานาธิบดีคนที่ 58 ที่กำลังให้ความสำคัญกับการพัฒนาชุมชนด้อยโอกาสในประเทศ หนึ่งในหนทางการพัฒนานั้นคืองานจัดประมูลรถหรูกว่า 80 คันที่ยึดมาได้จากพ่อค้ายาเสพติดและบุคคลฉ้อโกงที่ถูกยึดทรัพย์ โดยเงินทั้งหมดมีแผนจะนำไปพัฒนาชุมชนที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในประเทศ ณ รัฐ Oaxaca (โอคาซากา) รายชื่อรถยนต์ทั้ง 82 คันในลิสต์การประมูลประกอบไปด้วยคันที่น่าสนใจอย่าง Lamborghini Mucielago ปี 2007, Ford Mustang ปี 1965, Chevrolet Corvette C7 ปี 2014, Ford Shelby F-150 รวมไปถึงตัวคลาสสิกอย่าง Volkswagen Beetle ปี 1951 นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วย Chevrolet Suburban แบบกันกระสุนอีก 25 คันซึ่งเป็นรถแบบเดียวกันกับที่แรปเปอร์อย่าง 50
แม้ในปัจจุบันจะมีรถยนต์มากมายหลายค่ายทยอยกันเปิดตัวเพื่อโชว์สมรรถนะที่ถูกพัฒนาอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าแม้ยุคสมัยจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่ความนิยมในโมเดลรถยนต์ที่ระดับตำนานตั้งแต่อดีตก็ยังไม่เคยเสื่อมคลายลง ด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวที่หาจากรถคันอื่นไม่ได้ หากเอ่ยชื่อโมเดลอย่าง Nissan Skyline GTR (R32) , Mazda MX5 Miata (NA) รวมไปถึง Toyota Supra (A70) หนุ่ม ๆ หลายคนคงคุ้นเคยกันดี ทั้งหมดคือโมเดลในตำนานของค่ายรถจากแดนปลาดิบที่ต่างเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของตัวเองตั้งแต่ช่วงปลายยุค 80’s ไปจนถึงช่วงต้นหรือกลางยุค 90’s ปัจจุบันตำนานแต่ละคันอาจอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์นักเนื่องจากเวลาที่ผ่านพ้นไป แต่ตอนนี้เป็นโอกาสอันดีที่จะฟื้นฟูพวกมันให้กลับมาอีกครั้ง หลังจากค่ายรถยักษ์ใหญ่กำลังจะกลับมาผลิตชิ้นอะไหล่ของรถรุ่นเก๋าแต่คันอีกครั้ง รวมไปถึงมี Restoration Projects ที่เตรียมฟื้นคืนชีพให้กลับมาอยู่ในสภาพออกจากโรงงานอีกครั้งหนึ่ง เริ่มกันที่ข่าวข่าวดีของผู้ครอบครอง Godzilla หรือ Nissan Skyline GT-R ไม่ว่าจะเป็นรหัสตัวถัง R32 และ R34 ที่ได้ NISMO Heritage Parts กลับมาผลิตชิ้นส่วนทั้ง 160 ชนิดซึ่งจะช่วยคืนชีพตำนานที่อยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์แต่ละคันให้กลับมาวิ่งบนท้องถนนแบบเต็มสมรรถนะได้อีกครั้ง ชิ้นส่วนทั้ง 160 ชนิดครอบคลุมตั้งแต่ชิ้นส่วนในห้องเครื่องยนต์ แผงวงจรไฟฟ้าไปจนถึง
Panic บริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์รุ่นเก๋าหันมาเอาดีด้านเกม หลังจากที่สร้างชื่อด้วย Mac Software คุณภาพสูงและเกมผจญภัยบุกป่าฝ่าดงอันโด่งดังอย่าง FIREWATCH ในตอนนี้ Panic กำลังเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่หนุ่ม ๆ หลายคนคาดไม่ถึง เมื่อเปิดตัว “PLAYDATE” เกมบอยสีเหลืองแจ๋วที่มาพร้อมหน้าจอขาวดำพรีเมียม เอาใจหนุ่ม ๆ ผู้ชื่นชอบความคลาสสิกกึ่งโมเดิร์นได้เป็นอย่างดี เกมบอย PLAYDATE ถูกดีไซน์ด้วยสีเหลืองเพื่อให้ดูเป็นมิตรและเข้าถึงง่าย มีขนาดกะทัดรัดพอ ๆ กับ iPod Nano โดยอยู่ที่ 74×76×9 มิลลิเมตรเท่านั้น ด้านหน้ามีเพียงปุ่มเปิด/ปิด, A, B และปุ่มควบคุมทิศทาง ใช้หน้าจอแสดงผล 2.7 นิ้ว เป็นจอขาวดำ LCD 400×240 low-power ถึงแม้จะไม่มีไฟ backlight แต่ให้ความคมชัดและมีความละเอียดสูงกว่าจอเกมบอยทั่วไป ไม่มีเส้นกริดหรือหรือแม้แต่การเบลอ ต้องบอกว่าเป็นจอขาวดำที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพของจริง อีกหนึ่งจุดเด่นของเจ้า PLAYDATE ที่ไม่พูดไม่ได้ คือด้านข้างของตัวเครื่องจะมีข้อเหวี่ยงคล้าย ๆ เบ็ดตกปลาที่คอยควบคุมทิศทางโดยการหมุนไปข้างหน้าหรือหมุนถอยหลัง นับเป็นการสร้างสิ่งใหม่ให้กับวงการเกมและเชื่อว่าต้องไม่ซ้ำกับเกมบอยเจ้าไหน ๆ เป็นแน่ ส่วนระบบฮาร์ดแวร์ก็ไม่ต้องห่วง
วันนี้ผู้ชายทุกคนที่มีความหลงใหลในโลกของยนตกรรม และได้ติดตามวิวัฒนาการและความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมรถยนต์คงทราบกันดีว่า ในปัจจุบันรถยนต์พลังงานทางเลือกกำลังก้าวเข้ามามีบทบาทมากขึ้นต่อผู้คนทั่วโลก ที่ต่างตื่นตัวในเรื่องการหาพลังงานสะอาดเพื่อทดแทนการใช้น้ำมัน ทั้งการออกกฎเกณฑ์ที่เตรียมพร้อมสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างจริงจังในฝั่งยุโรป การเกิดขึ้นของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจากทั้งแบรนด์รถยนต์ใหม่และเก่า ซึ่งมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดในหลายประเทศ และหลายคนคงมีคำถามเกิดขึ้นว่า แล้วทิศทางของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยกำลังก้าวไปในทิศทางไหน? ขณะเดียวกันในบ้านเราค่าย MG (เอ็มจี) ก็เล็งเห็นถึงทิศทางและความสำคัญของเทคโนโลยีสำหรับอนาคตดังกล่าว ทำให้เกิดงานสัมมนา “EVolution Of Automotive” ซึ่งถูกจัดขึ้นเพื่อทำความเข้าใจและผลักดันการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย ให้พร้อมสำหรับยานยนต์แห่งอนาคตที่จะเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของเรามากขึ้นในอนาคตอันใกล้มาก ๆ นี้ เราได้เข้าร่วมงานสัมมนารถยนต์ MG ประเทศไทย ที่จัดขึ้นเพื่อแลกแชร์มุมมองและวิเคราะห์ความพร้อมของประเทศไทยต่อการพัฒนาและยกระดับการใช้ “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า” (EV) ให้เป็นที่นิยมมากยิ่งขึ้น ในงานสัมมนา “EVolution of Automotive” เพื่อนำเสนอประเด็นที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในทุกมิติ โดยในงานนี้ได้ 7 Guru ผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิจากทั้งภาครัฐและเอกชน มาร่วมสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางความเป็นไปได้ และความคืบหน้าในการขับเคลื่อนประเทศไทยของอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานทางเลือกที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นไปอีกขั้น ภายในงานสัมมนาครั้งนี้มีประเด็นที่น่าสนใจหลายอย่าง คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ปัจจุบันประชาคมโลกให้ความสำคัญกับการใช้รถยนต์พลังงานทางเลือก โดยเฉพาะรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น เพราะตระหนักถึงคุณภาพชีวิตควบคู่กับความต้องการลดภาวะมลพิษในระยะยาว เนื่องจากรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% จึงไม่มีการปล่อยไอเสียสู่ธรรมชาติ พร้อมพัฒนาการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าที่เงียบ มีอัตราเร่งที่ดี และสามารถขับได้ระยะทางที่ไกลมากขึ้น
สำหรับหนุ่ม ๆ ที่ชื่นชอบการถ่ายรูปโดยใช้กล้องอินแสตนท์ที่ใช้งานแสนสะดวก หยิบมาถ่ายเมื่อไหร่ก็ได้รูปที่ต้องการออกมาทันที แต่การถ่ายแบบไม่สามารถตั้งค่าต่าง ๆ ของกล้องให้เหมาะสมก็ทำให้บางโอกาสเราลั่นชัตเตอร์แล้วพลาดไป ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปหากคุณมีกล้องอย่าง MiNT InstrantKon RF70 อยู่ในมือ InstrantKon RF70 คือผลงานชิ้นล่าสุดของ MiNT บริษัทกล้องจากประเทศฮ่องกงที่เชี่ยวชาญการผลิต Instant Camera โดยเฉพาะ พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในวงการ แม้รูปแบบของกล้องชนิดดังกล่าวคนจะนิยมน้อยลง แต่ความพิเศษของกล้องแบบอินแสตนท์ตัวล่าสุดของพวกเขาคือการสร้างมาให้สามารถตั้งค่าการใช้งานในส่วนต่าง ๆ ได้ รวมถึงถ่ายทอดมันลงบนแผ่นฟิล์มที่มีขนาดแตกต่างจากกล้องทั่ว ๆ ไป MiNT InstrantKon RF70 เป็นกล้องทรง Rangefinder แบบสามารถพับเก็บได้ ตัวกล้องหุ้มด้วยหนังคุณภาพสีดำที่ออกแบบมาให้เข้ากันกับรูปทรงคลาสสิกได้เป็นอย่างดี โดยใช้เลนส์ขนาด 93 มิลลิเมตรที่ให้ภาพสุดคมชัด พร้อมจุดเด่นที่สามารถตั้งค่าความเร็วของสปีดชัตเตอร์รวมถึงรูรับแสงได้ ให้ผู้ใช้งานควบคุมรูปแบบภาพที่ต้องการถ่ายได้อย่างอิสระ ขนาดของรูรับแสงที่สามารถปรับได้ใน InstrantKon RF70 ไล่ตั้งแต่ f/5.6, f/6.7, f8, f11, f/16, f/22 โดยค่ารูรับแสงที่ f/5.6 จะเทียบเท่ารูรับแสง f/2.4 ในเลนส์ขนาด 35
ย้อนไปเมื่อปี 1919 สถาปนิกชาวเยอรมัน Walter Gropius ก่อตั้งโรงเรียนสอนศิลปะและการออกแบบ Bauhaus (เบาเฮาส์) ด้วยแนวคิดมุ่งมั่นที่อยากสร้างสรรค์งานศิลปะหลากหลายแขนง ซึ่งต้องบอกว่า Bauhaus ไม่เพียงแต่เป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมแนว Minimalism ที่หลายคนคุ้นเคย แต่โรงเรียนสอนศิลปะอันโด่งดังแห่งนี้ยังมีอิทธิพลต่องานศิลปะในเยอรมนี อเมริกา และประเทศอื่น ๆ ในทวีปยุโรปอีกด้วย แต่แล้วในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โรงเรียนแห่งนี้ก็ปิดตัวลง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองบวกกับสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำในตอนนั้น แม้วันนี้เวลาจะล่วงเลยมากว่า 100 ปี แต่ชื่อของ ‘Bauhaus’ ยังคงเด่นชัดอยู่ในวงการศิลปะไม่เสื่อมคลาย ถือเป็นโรงเรียนที่วางรากฐานและมีบทบาทสำคัญในแวดวงศิลปะ สถาปัตยกรรม กราฟิกดีไซน์ ตลอดจนการออกแบบภายใน เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของโรงเรียนสอนศิลปะ Bauhaus แบรนด์กล้องสัญชาติเยอรมันอย่าง LEICA จึงผลิตกล้อง ‘LEICA CL 100 JAHRE BAUHAUS’ รุ่น limited edition ที่รอบนี้เปลี่ยนโลโก้สีขาวแดงให้เป็นขาวดำ มาพร้อมดีไซน์สุดคลาสสิกที่สะท้อนความมินิมัลของ Bauhaus ได้เป็นอย่างดี ตัวบอดี้และเลนส์เป็นสีเงินห่อหุ้มอีกชั้นด้วยหนังสีดำก่อนจะสลักคำว่า “BAUHAUS” ด้านหน้าของกล้อง แถมยังมีสายหนังรุ่นพิเศษที่สลักคำว่า “BAUHAUS” เช่นเดียวกับตัวกล้อง จุดเด่นของ
สำหรับหนุ่ม ๆ ที่หลงใหลยานยนต์จากค่าย BMW โดยเฉพาะโมเดลสปอร์ตซีดานสุดแรงอย่าง M5 เตรียมพบกับข่าวดีกันได้เลย เพราะในปี 2020 ที่กำลังจะมาถึงรุ่นพิเศษที่ผลิตออกมาฉลองครบรอบ 35 ปีของรถยนต์ในสายการผลิตดังกล่าว เตรียมถูกเปิดตัวออกมาแล้วในชื่อ BMW M5 “Edition 35 Years” ย้อนกลับไปในปี 1985 เป็นช่วงเวลาที่ M5 รุ่นแรกถูกสร้างขึ้นมาในรหัสตัวถัง E28 โดยใช้เครื่องยนต์ที่ดัดแปลงมาจาก M1 จนกลายเป็นรถยนต์ประเภทซีดานที่เร็วที่สุดในตอนนั้นและกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จของตระกูล M5 ซึ่งเป็นที่นิยมจากผู้ใช้รถทั่วโลกมาตลอดระยะเวลา 35 ปีโดยทาง BMW เลือกจะฉลองความสำเร็จที่ผ่านมาด้วย M5 ที่อัดแน่นความพิเศษไว้เต็มคัน BMW M5 “Edition 35 Years” มีพื้นฐานมาจาก M5 Competition ที่ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.4 ลิตร Twin-Turbo ให้พลัง 617 แรงม้าแรงบิดที่ 553 ปอนด์-ฟุต มีอัตราเร่งความเร็วตั้งแต่
New McLaren GT สุดยอดรถยนต์รุ่นล่าสุดผลผลิตจาก GT Racing แผนกปรับแต่งรถยนต์สมรรถนะสูงของ McLaren Automotive โดยการกลับมาครั้งนี้ไม่ได้มีดีเฉพาะความแรงที่มากกว่าเดิมเท่านั้น แต่โดดเด่นด้วยดีไซน์หรูหราและน้ำหนักเบากว่าทุกรุ่นในสายการผลิตที่ผ่านมาอีกด้วย McLaren เปิดตัวรถยนต์ประเภทแกรนด์ทัวเลอร์คันล่าสุดในตระกูล GT ที่คาดว่าจะเป็น 1 ใน 4 โมเดลสำหรับแผนสำคัญทางธุรกิจของแบรนด์รถยนต์จากประเทศอังกฤษในปี 2025 โดย GT คันใหม่ได้รับการส่งต่อแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจาก Speedtail เรือธงของค่าย ด้วยการใช้โครงสร้าง MonoCell II-T ซึ่งแข็งแรงและมีน้ำหนักเบาทำให้มีน้ำหนักตัวถังเพียง 1,530 กิโลกรัมซึ่งเบามากสำหรับรถสายพันธุ์ GT ด้านในห้องโดยสารของ New McLaren GT กว้างขวางและสะดวกสบาย เพราะถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการขับขี่ระยะไกลด้วยเบาะปรับอุณหภูมิที่รองรับแผ่นหลังและหัวไหล่ได้เป็นอย่างดี มีระบบไฟ “Ambient Lighting“ ให้เลือกปรับบรรยากาศได้ตามความต้องการ สร้างความเพลิดเพลินจากเสียงเพลงที่ถูกส่งออกมาจากชุดลำโพงจาก Bowers & Wilkins ทั้งหมด 12 ตัว พร้อมระบบลดเสียงรบกวนจากภายนอกที่จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม ด้านขุมกำลัง 2020 McLaren GT เลือกวางเครื่องยนต์
หนึ่งในหนังที่พลาดไม่ได้สำหรับหนุ่ม ๆ หลายคน คงจะหนีไม่พ้นบทแฟรนไชส์ภาพยนตร์แอ็คชันของคนรักหมาอย่าง John Wick ที่นอกจากฉากบู๊ที่ดุดัน ยังขาดไม่ได้กับรถสวย ๆ และฉากที่ตราตรึงใจใครต่อหลายคนในภาค 3 ที่ Keanu Reeves ควบม้าฆ่ารอบเมืองจนทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่าพาหนะที่แท้จริงของพระเอกวัยเก๋าคนนี้จริง ๆ แล้วเขาใช้รถรุ่นอะไรคันไหนอยู่กันบ้าง ว่ากันว่า Keanu Reeves คือหนึ่งในชายที่หลงใหลโลกแห่งความเร็ว ทั้งในรูปแบบ 4 ล้อและ 2 ล้อ เห็นได้จากการปรากฏตัวของเขาพร้อมรถคันงาม รวมถึงเจ้าตัวยังชอบโดดไปร่วมงานทดสอบการขับขี่ของผู้ผลิตรถค่ายต่าง ๆ อยู่เสมอ อีกทั้งยังมีแบรนด์มอเตอร์ไซค์เป็นของตัวเองอีกด้วย วันนี้ UNLOCKMEN จึงได้รวบรวมพาหนะที่ตัวเขามีไว้ในครอบครอง แต่ละคันจะพิเศษและสวยงามยังไงบ้าง? มาดูไปพร้อมกันได้เลย Volvo 122 Dumpy คือชื่อของรถยนต์คันแรกชีวิตของ Keanu Reeves เป็นรถยนต์ Volvo 122 ที่ถูกผลิตขึ้นระหว่างปี 1,956-1970 มาในโทนสี British Racing Green ทั่วทั้งคันเป็น Saloon 4 ที่นั่ง