“Do It Or Die 1” ของค่าย Music Bugs คืออัลบั้มรวมศิลปินที่เคยสร้างกระแสฮือฮาให้กับดนตรีนอกกระแสในปี 2005 เป็นอย่างมาก เพราะมันอุดมไปด้วยเหล่าวงที่เล่นดนตรีหนัก ๆ ที่ส่วนมากมาจากแวดวงอันเดอร์กราวน์ โดยมีวงรุ่นพี่ที่มีชื่อเสียงมาก่อนแล้วใช้เป็นแม่เหล็กดึงดูดคนฟัง นำโดย Basher, Oblivious, Bikini, Winky, Underfloor, Housetrap, Ritalinn, Zigg, Harem Belle และ Madame Dubois ผลงานชุดนี้ถูกวางขายตรงกับกระแสดนตรีอีโมบูมทั่วโลกพอดี มันก็ยิ่งส่งผลให้ช่วยปลุกกระแสในบ้านเราขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งต่อเนื่องจากโปรเจกต์ Showroom 1 ของทาง genie records ที่ปล่อยมาก่อนหน้านี้ โดยมีวงอย่าง Retrospect และ Sweet Mullet นำทางไปก่อนแล้ว เรามาย้อนวันวานไปสัมผัสดนตรีที่ถูกบรรจุอยู่ในอัลบั้ม “Do It Or Die 1” กันซักหน่อยดีกว่าครับ BASHER เป็นวงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโปรเจกต์นี้ พวกเขาโด่งดังมากับเพลงอย่าง “เสียดายของ”
ต่อเนื่องจากบทความครั้งที่แล้ว “11 อัลบั้มโคตรแรร์! ของวงการอันเดอร์กราวน์ไทยปี 2000-2005” มาต่อกันที่ผลงานที่กลายเป็นของหายากสำหรับวงการร็อกและเมทัลไทยในช่วงปี 2006-2010 จะเป็นของศิลปินวงใดกันบ้าง เราไปทำการขุดมาให้ทุกคนได้ทำความรู้จักกันแล้วครับ G6PD “PAST OF PIECES” (2006) G6PD วงดนตรีสไตล์เมทัลคอร์ จากเมืองล้านนา จังหวัดเชียงใหม่ พวกเขาเติบโตมาจากวงการอันเดอร์กราวน์แบบขนานแท้ ก่อนจะได้รับโอกาสร่วมงานกับสังกัด Day One Records ที่ดูแลโดย สมศักดิ์ แก้วทิตย์ มือกลองของวงดอนผีบิน “Past Of Pieces” คืออัลบั้มเต็มชุดแรกของพวกเขา ที่เต็มด้วยท่วงทำนองอันหนักหน่วง ทำลายล้าง มันส์ตั้งแต่เพลงแรกไปยันเพลงสุดท้าย แถมยังทำความเข้าใจกับเนื้อหาของเพลงได้ง่ายเพราะใช้ภาษาไทยในการเล่าเรื่องทั้งหมด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ G6PD สร้างรากฐานแฟนเพลงเมทัลเฮดไทยอย่างรวดเร็ว แทร็กแนะนำ : “เส้นทางความฝัน” IMAGINARY LIE (2007) หากพูดชื่อวง Imaginary Lie หลายคนอาจจะไม่คุ้นหู แต่หากพูดถึงชื่อวง No More Tear หลาย ๆ
ครั้งที่แล้ว เราได้มีการเล่าถึงอัลบั้มสุดเดือดของวงสายร็อกและเมทัล ที่คว่ำวอดอยู่ในวงการอันเดอร์กราวน์ในยุค 90’s ไปแล้ว (Link : https://bit.ly/3S5nDW4) มาในครั้งนี้เราจะเขยิบไทม์ไลน์ขึ้นมาอีกหนึ่งสเตปด้วยการต่อไปสู่ช่วงปี 2000-2005 ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่กำลังเข้าใกล้ความพีคของวงการนี้ โดยเราได้คัดเลือก 11 อัลบั้มสุดแรร์ที่คุณอาจจะไม่เคยได้สัมผัสมาให้ทุกคนได้ลองเสพกันดูครับ SWEET MULLET “PANAPHOBIA” (2003) ปัจจุบันคงไม่มีใครไม่รู้จักวง Sweet Mullet ที่สร้างชื่อเสียงจากเพลง “ตอบ” ในโปรเจกต์ Showroom No.1 และยืนหยัดอยู่ในวงการดนตรีมาอย่างยาวนาน มีเพลงฮิตฝากไว้เพียบ ไม่ว่าจะเป็น “สภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน”, “ขอโทษในสิ่งที่เธอไม่รู้”, “ภาพติดตา” เป็นต้น แต่ก่อนที่จะเป็นที่รู้จัก พวกเขาก็เคยผ่านวิถีอันเดอร์กราวน์มาก่อน หลังจากที่ “เต๋า” นักร้องนำได้ออกจากวง Napkin ก็ได้มาสร้างวง Sweet Mullet ที่นำเสนอแนวทางอีโม/สครีมโม ที่เต็มไปด้วยเมโลดี้กับความเกรี้ยวกราด ซึ่งมันถูกสะท้อนออกมาใน EP.Panaphobia บรรจุไว้ด้วย 6 เพลงด้วยกันรวมอินโทร, เอาท์โทร และเพลงอะคูสติค ซาวด์อีพีนี้ได้สะท้อน DNA ของวงไว้ได้อย่างชัดเจน วง
ปัจจุบันดนตรีร็อกและเมทัลในบ้านเราเติบโตขึ้นมามาก เราได้เห็นวงมากหน้าหลายตาที่ได้โอกาสก้าวข้ามพรมแดนไปเล่นยังต่างประเทศมาแล้วมากมาย เช่นวง Annalynn, Whispers, Retrospect, Sweet Mullet, Defying Decay เป็นต้น กล่าวมาถึงตรงนี้หลาย ๆ คนอาจจะไม่ใช่คุ้นชื่อหลาย ๆ วง ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นวงนอกกระแส หรือที่เรียกกันว่า ‘วงการอันเดอร์กราวน์’ นั่นเอง วงการที่อุดมไปด้วยเพลงอันหนักหน่วง รุนแรง และทุกคนต่างต้องต่อสู้บนเส้นทางที่รายรับติดลบ รายจ่ายตีบวก เรียกได้ว่าใช้แพชชั่นขับเคลื่อนล้วน ๆ และ ‘วงการอันเดอร์กราวน์’ บ้านเราจริง ๆ แล้วเริ่มมีรากฐานมาตั้งแต่ช่วงปลายยุค 80’s แล้ว ว่ากันว่าอัลบั้ม “ฆาตกัญชา” ของวง Flesh And Skin (เนื้อกับหนัง) ที่วางจำหน่ายเมื่อปี 1984 คือผลงานบุกเบิกวงการอันเดอร์กราวน์โดยแท้จริง ผลงานของพวกเขานำเสนอแนวทางเฮฟวี่เมทัลอันเข้มข้น แหวกแนวกว่าวงในยุคนั้นทั้งหมดทั้งปวง หลังจากนั้นดูเหมือนว่าวงการเฮฟวี่เมทัลในบ้านเราก็คึกคักขึ้นมา เมื่อค่ายเมนสตรีม หรือค่ายระดับรองต่างหันมาจับจ้องปลุกปั้นแนวนี้กัน ทำให้เราได้เห็นผลงานของวงหิน เหล็ก ไฟ, The Olarn Project,
แม้ว่าดนตรีสายหนักหน่วงอย่างเมทัลจะไม่ได้รับความนิยมในบ้านเรา และมีแฟนเพลงเฉพาะกลุ่มในจำนวนที่ไม่มาก ทำให้การขายงานโชว์ให้ได้อย่างวงปกติทั่วไปบนท้องตลาดก็ยากตามไปด้วย นั่นทำให้รายรับของคนที่เล่นดนตรีแนวนี้ไม่มีทางหาเลี้ยงชีวิตได้เพียงพอแน่นอน แม้อุปสรรคที่ขวางจะใหญ่โตมากนัก แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ ศิลปินที่ไม่เคยท้อแท้ แถมยังคอยพัฒนาฝีมือ ต่อยอดคุณภาพ จนกล้าพูดได้เต็มปากว่าสามารถฟัดกับวงต่างประเทศได้อย่างสบาย ๆ ซึ่งวงที่ทำให้เห็นภาพนั้นได้ชัดเจนมากที่สุดคงต้องยกให้ Annalynn! BASED ON NU METAL Annalynn มีจุดเริ่มต้นวงตั้งแต่ปี 2003 หรือกว่า 19 ปีที่แล้ว การรวมตัวในตอนนั้นคือการลุยประกวดดนตรีที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ซึ่งนำโดย 2 สมาชิกหลักที่อยู่มาถึงปัจจุบันนั่นคือ “บอน” (ร้องนำ) และ “เอก” (เบส) โดยช่วงแรกพวกเขานำเสนอสไตล์ดนตรีนูเมทัล ที่เป็นที่นิยม ณ เวลานั้น โดยมีวง Deftones ที่เปรียบเสมือไอดอลและแรงบันดาลใจ หลังจากที่ได้ข้อตกลงว่าต้องการทำเพลงอย่างจริงจัง Annalynn จึงได้ผลิตผลงานเพลงเป็นของตัวเอง และต่อยอดกลายเป็น “EP.First Shut Up, Then Shut Down” ออกมาในปี 2004 รวมไปถึงในช่วงแรกพวกเขาได้มีโอกาสทำงานกับค่าย Sexy Pink