คุณรู้จักคำว่า K-POP ครั้งแรกเมื่อไหร่? สำหรับเรามันค่อนข้างเป็นความทรงจำเลือนราง เนื่องจากเวลาที่ผ่านมายาวนาน แต่ถ้าจำไม่ผิดคงเป็นตอนที่เราได้ยินเพลง Begin ของ TVXQ หรือ ดงบังชินกิ ที่ทุกคนน่าจะรู้จักเป็นอย่างดีจากทางวิทยุ เหตุการณ์นั้นเป็นเหมือนการเปิดประตูโลกดนตรีและวัฒนธรรมอีกบานให้เรา หากนับตั้งแต่ตอนนั้นถึงตอนนี้ เวลาก็ล่วงเลยมาเกินทศวรรษ แต่วงการ K-POP ก็ยังไม่หยุดนิ่งหรือหายไปไหน มีการผลัดเปลี่ยนจากรุ่นสู่รุ่น หลังจาก TVXQ ก็มีชื่อของศิลปินอีกมากมายที่แวะเวียนมาเขย่าวงการ ไม่ว่าจะเป็น BIGBANG, Wonder Girls, Girls’ Generation, Super Junior, SHINee และอีกมากมาย K-POP ยังคงก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง และช่วงนี้มันก็กระโดดขึ้นไปอีกขั้น จากการที่ BLACKPINK ได้ขึ้นแสดงในเทศกาลดนตรี Coachella (สามารถอ่านเรื่องราวความเป็นมาของเทศกาลดนตรีนี้ได้ ที่นี่), BTS ได้ขึ้นปกนิตยสาร Time นอกจากนั้นยังทำสถิติเป็นวงที่ขายตั๋วคอนเสิร์ตหมดเร็วที่สุดและยอดวิวใน YouTube พุ่งสูงที่สุดใน 24 ชั่วโมง สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่แค่ในเกาหลีหรือเอเชีย อีกต่อไป แต่วัฒนธรรม K-POP ได้กระจายไปทั่วโลกแล้ว และยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่าย ๆ แต่ถ้าจะพูดถึงจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่นี้ เราอาจจะต้องย้อนกลับไปไกลสักหน่อย ในช่วงเวลาที่โลกยังไม่รู้จักกับ TVXQ ด้วยซ้ำ Seo Taiji and
การจัดอันดับบุคคลผู้ทรงอิทธิพลของนิตยสาร TIME ถือเป็นธรรมเนียมที่ทำติดต่อกันมาหลายปี และปีนี้ TIME ก็เปิดเผยรายชื่อ 100 บุคคลที่มีอิทธิพลต่อโลกออกมาแล้ว UNLOCKMEN รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับหลายคนที่น่าจับตามองมาให้ได้รับชมเป็นที่เรียบร้อย การจัดอันดับบุคคลผู้ทรงอิทธิพลโดยนิตยสาร TIME จะแบ่งกลุ่มออกเป็น 5 ประเภทด้วยกัน คือ Pioneers ผู้บุกเบิกจากวงการต่าง ๆ Artists ศิลปินและนักแสดงที่มีผลต่อโลก Leaders ผู้นำคนสำคัญ รวมถึง Titans ผู้มีพลังขับเคลื่อนทางสังคม และ Icons บุคคลต้นแบบที่ควรเอาอย่าง โดยแต่ละหมวดจะมีรายชื่อผู้ที่ได้รับเลือกประเภทละ 20 คน Pioneers: Sandra Oh Sandra Oh นักแสดงสาวที่เรียกเสียงฮือฮาในงานประกาศรางวัลลูกโลกทองคำ หรือ Golden Globe Awards ด้วยการคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากซีรีส์โทรทัศน์ประเภทดราม่าทริลเลอร์เรื่อง Killing Eve ซึ่งการรับรางวัลครั้งนี้ของเธอสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ เพราะตั้งแต่ปี 1980 หลังจากนักแสดงสาวชาวญี่ปุ่นโยโกะ ชิมาดะ จากเรื่อง Shogan คว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงก็เป็นเวลากว่า 39 ปี
ว่ากันว่าคนฝรั่งเศสส่วนใหญ่มักสนใจเรื่องแฟชั่น Bernard Arnault ก็เช่นกัน เขาคือนักธุรกิจหนุ่มเมืองน้ำหอมที่สนใจเรื่องแฟชั่นและการเปลี่ยนสินค้า luxury ให้กลายเป็นเม็ดเงินมหาศาลที่บางคนอาจไม่กล้าจินตนาการถึง UNLOCKMEN อาสาพาไปดูเรื่องราวของ Bernard Arnault นักธุรกิจที่ได้ชื่อว่าเป็นชายที่รวยที่สุดในฝรั่งเศส กว่าจะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ เขาต้องผ่านอะไรบ้าง บุคคลสำคัญของวงการธุรกิจแฟชั่นส่วนมากมักเป็นดีไซเนอร์ แต่ Bernard Arnault (แบร์นาร์ด อาร์โนลด์) กลับไม่ใช่แบบนั้น เขาไม่ได้เป็นแฟชั่นนิสต้าหรือเรียนทางด้านการออกแบบมา แต่เขาเป็นนักธุรกิจจากตระกูลที่ทำบริษัทก่อสร้างมาหลายชั่วอายุคน จบการศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ อย่างไรก็ดีเขามองเห็นช่องทางสร้างรายได้มหาศาลจากแฟชั่น เพราะ Bernard คิดว่าสินค้าหรูหราเป็นสิ่งที่จะทำกำไรได้ดีที่สุด เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงไม่รอช้าเริ่มไล่ซื้อแบรนด์แฟชั่นระดับไฮเอนด์ไปเรื่อย ๆ โดยเริ่มจาก Financière Agache ก่อน จากนั้นซื้อ Boussac Saint-Frères และ Willot Group ซึ่งขณะนั้นเป็นเจ้าของแบรนด์แฟชั่นชื่อก้องโลกอย่าง Christian Dior แต่แบรนด์ชื่อดังในตอนนั้นถือว่าเป็นแบรนด์ที่ใกล้จะล้มละลาย Bernard จึงเข้ามาปรับระบบใหม่พร้อมกับก้าวขึ้นเป็นประธานของ Dior ในปี 1984 ต่อมาในปี 1987 Louis Vuitton และ Moët Hennessy ตัดสินใจรวมกลุ่มธุรกิจกันในชื่อ LVMH ซึ่งการรวมกลุ่มธุรกิจนี้เป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จของ
กลายเป็นเรื่องที่ทำให้หนุ่ม ๆ ในสหรัฐอเมริกาผู้หลงใหลในรถยนต์สนใจกันเป็นจำนวนมาก หลังทางการของรัฐ Oklahoma เตรียมเปิดประมูลรถยนต์รุ่นหายากกว่า 20 คันที่ยึดจากชายหนุ่มผู้โดนจับพร้อมกับกัญชาล็อตใหญ่ Kong Meng Vang เจ้าของคอลเลกชันดังกล่าวถูกจับกุมเมื่อปีที่ผ่านมาพร้อมกับกัญชาน้ำหนักกว่า 1500 ปอนด์ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดสินโทษสูงสุดคือจำคุก 40 ปี ก่อนหน้านี้เขาเป็นเจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ที่ชื่อว่า Dyno Performance และด้วยความหลงใหลในกีฬามอเตอร์สปอร์ตทำให้เขาเลือกสะสมรถยนต์รุ่นหายากเอาไว้มากมาย หลังจากถูกจับกุมทางการก็ยึดรถเอาไว้ทั้งหมดและตอนนี้อยู่ในขั้นตอนเตรียมแผนจัดประมูล ในคอลเลกชันเต็มไปด้วยรถยนต์รุ่นหายากสำหรับแผ่นดินสหรัฐอเมริกาไม่ว่าจะเป็น Nissan Skyline GTR ปี 1999 ซึ่งไม่เคยมีวางขายในประเทศมาก่อน คันต่อมาคือ Mitsubishi Lancer Evolution “Tommi Makinen Editon” ซึ่งหลายท่านคงทราบดีว่าเป็นของแรร์ขึ้นหิ้ง ไม่เพียงแค่นั้นเขายังมี Toyota Supra พวงมาลัยขับขวาส่งตรงจากญี่ปุ่นรวมอยู่ในคอลเลกชัน รวมไปถึง Subaru WRX STI ปี 1998 ที่ไม่เคยไปเยือนแผ่นดินสหรัฐอเมริกาเลยโดยเฉพาะรุ่น Type R อย่างไรก็ตามรถยนต์ที่เคยเป็นของ Kong Meng Vang ไม่ใช่รถที่ได้รับการจดทะเบียนให้ใช้งานได้อย่างถูกกฎหมาย จึงคาดว่าการประมูลในครั้งนี้จะเป็นการประมูลเข้าสู่ Private
เราเคยตั้งคำถามว่าวิวัฒนาการของสัตว์ที่อยู่ด้านล่างห่วงโซ่อาหารของมนุษย์อย่างเราจะมีทางขึ้นมาพัฒนาเท่าเทียมเราได้ไหม สติปัญญาของมนุษย์สองมือสองเท้าที่กายภาพด้อยกว่าแต่เอาชนะด้วยความคิดสร้างสรรค์มาหลายปีดีดักจะมีโอกาสโดนท้าทายจากพวกมันหรือเปล่า หลายครั้งพล๊อตจินตนาการแบบนี้เลยไปอยู่บนแผ่นฟิล์ม หยิบสารพัดวิธีสร้างความเป็นไปได้ที่เราจะเปลี่ยนจากฐานะของผู้ล่าสู่ผู้ถูกล่าแทน หนึ่งในนั้นคือเรื่องการนำพันธุกรรมของมนุษย์ใส่เข้าไปสัตว์ เหมือนกับเรื่อง War for the Planet of the Apes ที่มนุษย์ทดลองตัดต่อยีนของตัวเองเข้าไปในลิง จนนำมาสู่สงครามระหว่างมนุษย์และลิงยาวนานเป็นไตรภาค แต่ล่าสุดเรื่องนี้กลายเป็นกระแสโด่งดังทั่วโลกออนไลน์ เมื่อนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนทดลองปลูกถ่ายยีนส์สมองมนุษย์ใส่เข้าไปในลิงจริง ๆ เพื่อพิสูจน์คำถามที่ว่า “อะไรทำให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น” ลิง 11 ตัวกับยีนส์มนุษย์ที่ตัดต่อเข้าไป การทดลองครั้งนี้ทำโดยแยกลิงวอกที่เป็นทารกจำนวน 11 ตัวออกจากอ้อมอกแม่ในฮ่องกงมาดำเนินการทดลองปลูกถ่ายยีนมนุษย์ MCPH1 ในสมองของมัน ดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยหลายแห่งและสถาบันสัตววิทยาคุนหมิงทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนที่ต้องการไขรหัสกระบวนการวิวัฒนาการความฉลาดของมนุษย์ ผลจากการศึกษาพบว่าสมองของลิงเหล่านี้ใช้เวลาในการพัฒนานานเช่นเดียวกับมนุษย์เรา สามารถทำแบบทดสอบความจำระยะสั้นก็ได้รับการตอบสนองไวขึ้นเมื่อเทียบกับลิงที่ยังไม่ได้รับการปลูกถ่ายยีนลงไป แต่จาก 11 ตัวที่ได้รับการปลูกถ่ายยีนไปเหลือรอดชีวิตเพียง 5 ตัวเท่านั้น Su Bing หนึ่งในหัวหน้าทีมวิจัยครั้งนี้กล่าวว่า ผลการทดลองนี้พวกเขาไม่ได้ลักลอบทำ หรือกระทำผิดหลักจริยธรรมแต่ประการใด เพราะโปรเจกต์ทั้งหมดนี้ได้รับการตรวจสอบโดยคณะกรรมการจริยธรรมของมหาวิทยาลัยแล้ว และปฏิบัติตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุดของจีนและมาตรการการคุ้มครองสัตว์นานาชาติด้วย สิทธิ์การรอดชีวิต กับลิง 5 ตัวที่ยังเหลือ กลายเป็นคำถามคงค้างที่เกิดขึ้นกับคนนอกแลปครั้งนี้ว่า “สมควร” หรือไม่ ถ้าเราใช้จรรยาบรรณด้านการค้นคว้ามาตัดสินกับสิ่งมีชีวิตว่ามันควรอยู่ หรือถูกสังเวยเพื่อเป็นการยืนยันทฤษฎีความคิดของตัวเอง ทว่าอีกฟากกระแสโซเชียลที่เห็นด้วยก็กล่าวว่า ถึงลิงจะมีพันธุกรรมที่ใกล้เคียงมนุษย์แค่ไหน แต่มันก็ยังห่างชั้นกันอยู่ดีไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องจริยธรรมหรอก ในท้ายที่สุดไม่ว่าผลของการโต้แย้งที่ออกมาจะเป็นอย่างไร แต่ยังไม่มีข่าวไหนที่ออกมาแจ้งแน่ชัดว่าทีมวิจัยจะทำอย่างไรกับลิงที่เหลืออยู่ และหากต่อไปเรากังวลกับพัฒนาการทางปัญญาของมันที่เติบโตขึ้นมากเกินไป
เคยลองนับหรือไม่ว่าปกติแล้วมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ๆ ทำงานอาทิตย์ละกี่ชั่วโมง ? คำตอบที่ได้คือ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่พนักงานกินเงินเดือนส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นจะต้องทำงานล่วงเวลาหนักถึง 60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ จนสามารถเรียกว่าความขยันหมั่นเพียรและการทำงานหนักของชาวญี่ปุ่นกลายเป็นวัฒนธรรมไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ความขยันหมั่นเพียรที่มากจนเกินไปของคนญี่ปุ่นทำให้เกิดอาการ คาโรชิ (Karoshi syndrome) อาการเสียชีวิตจากการทำงานหนักจากโรคหัวใจ หลอดเลือด อาการซึมเศร้า และความเครียด และเหล่าพนักงานผู้ขยันขันแข็งบางคนก็หาทางแก้ปัญหาด้วยการออกไปดื่มเหล้าจนหัวทิ่ม UNLOCKMEN ได้รวบรวมภาพของมนุษย์เงินเดือนที่อ่อนล้าตามถนนหนทางและสถานที่ต่าง ๆ ในญี่ปุ่นมาให้ได้ดูกัน ที่มีทั้งคนที่ทำงานหนักจนต้องขอนอนสักงีบก่อนถึงบ้าน หรือเมาจนต้องนอนข้างถนนเพราะเดินไม่ไหว ไปจนถึงคนที่สิ้นหวังกับสิ่งที่ต้องเจออยู่ทุกวัน แม้เงินจะเป็นปัจจัยสำคัญและงานอาจหมายถึงคุณค่าและการมีชีวิตอยู่ แต่อะไรที่ล้นเกินจนเราไม่อาจแบ่งเวลาไปให้กับสิ่งอื่น ก็อาจหมายถึงความไม่พอดีที่เราต้องลุกขึ้นมาปรับตัว ช่วงวันหยุดนี้ก็อย่าลืมพักผ่อนชาร์จพลังให้ตัวเอง มีชีวิต มีเวลาให้ตัวเองบ้าง เพื่อกลับไปลุยทำงานต่อได้อย่างไม่เหนื่อยมากเกินไปนัก SOURCE
นิวยอร์กกำลังจะกลายเป็นรัฐล่าสุดของสหรัฐอเมริกาที่เตรียมบังคับใช้กฎหมายห้ามใช้ถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว เพื่อลดปริมาณขยะและแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม แม้จะเป็นนโยบายที่ยอดเยี่ยม แต่ดูเหมือนหนุ่มสายสตรีตที่เป็นแฟน ๆ ของแบรนด์อย่าง Supreme จะต้องโอดครวญเสียดายกันไป เพราะในอนาคตพวกเขาจะไม่มีโอกาสได้เจอกัน Supreme shopping Bag จากร้านอีกต่อไปแล้ว ก่อนหน้านี้รัฐฮาวายและแคลิฟอร์เนีย ประกาศบังคับใช้กฎหมายห้ามใช้ถุงพลาสติกและดูเหมือนวิธีดังกล่าวมีผลในการลดขยะและรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรมซึ่งนิวยอร์กจะเป็นรัฐที่ 3 ของสหรัฐอเมริกาที่เตรียมประกาศใช้กฎหมายดังกล่าวเพื่อลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกลง ด้าน Andrew Cuomo ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กหนึ่งในผู้สนับสนุนข้อกฎหมายนี้ในเหตุผลว่า “มีการใช้ถึงพลาสติกแบบใช้แล้วถึงเฉลี่ยทุก 12 นาที และความนิยมการใช้พลาสติกก็เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่เราต้องทำการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้“ แม้จะได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่าย แต่ขณะเดียวกันแบรนด์สตรีตจากนิวยอร์กอย่าง Supreme ก็ได้รับผลกระทบไปเต็ม ๆ เพราะทางร้านใช้ถุงพลาสติกที่เรียกว่า Supreme Shopping Bag ไว้สำหรับบรรจุของให้กับลูกค้านั่นเอง หลายคนอาจสงสัยว่าแค่ถุงพลาสติกที่เอาโลโก้เข้าไปแปะไว้จะมีความหมายมากมายแค่ไหน? คำตอบก็คือ Supreme Shopping Bag เป็นเหมือนกับตัวแทนของบรรจุภัณฑ์ที่กลุ่มลูกค้านิยมและสะสม รวมถึงมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันด้วย แม้รูปแบบเดิมจะถูกยกเลิกไป แต่ถ้ามองได้ด้านดีแล้ว การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจทำให้กลุ่มลูกค้าของ Supreme มีโอกาสที่จะได้เห็น Shopping Bag ในรูปแบบใหม่ของแบรนด์ที่ทั้งสวยและรักษาสิ่งแวดล้อม เรียกได้ว่าดีทั้งต่อแฟชั่นนิสต้าและเพื่อนร่วมโลกทุกคนอย่างแน่นอน คาดกันว่าข้อกฎหมายห้ามใช้ถุงพลาสติกของนิวยอร์กจะผ่านมติและเริ่มประกาศใช้เป็นครั้งแรกในเดือนมีนาคม ของปี 2563 หนุ่มที่เป็นแฟนตัวยงของแบรนด์สตรีตจากนิวยอร์กค่ายนี้
หากกล่าวถึงบุรุษผู้ยืนหยัดเพื่อสิทธิและเสรีภาพ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า อับราฮัม ลินคอล์น (Abraham Lincoln) ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของประเทศสหรัฐอเมริกา ถือเป็นวีรบุรุษในประวัติศาสตร์ที่ทำให้ผู้คนในประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาตระหนักเรื่องสิทธิ เสรีภาพและความเท่าเทียม UNLOCKMEN อาสาพาทุกคนไปรู้จักบุรุษผู้นี้ให้มากขึ้นกว่าที่เคย เด็กชายลินคอล์น ครอบครัวของลินคอล์นเป็นชาวนา ในวัยเด็กเขาเข้าโบสถ์กับครอบครัวทุกวันอาทิตย์ทำให้เด็กชายลินคอล์นเห็นการแบ่งแยกไม่ให้ทาสผิวดำและคนจนเข้าโบสถ์ ความไม่เป็นธรรมที่เขาได้สัมผัสทำให้ลินคอล์นปฏิเสธการไปโบสถ์อย่างที่พ่อแม่ของเขาไป เพราะเขามองว่าการเลือกปฏิบัติคือความไม่เท่าเทียม ลินคอล์นปฏิเสธที่จะไปเรียนหนังสือและเลือกศึกษาหาความรู้จากหนังสือพร้อมหาเลี้ยงชีพด้วยการตัดฟืนไปขาย ในระหว่างที่เขาพักเหนื่อยจากการทำงาน เขาจะแอบอ่านหนังสืออยู่เสมอ นิสัยรักการอ่านบวกกับการศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเอง ทำให้ลินคอล์นสามารถสอบเทียบชั้นและนำการสอบเทียบชั้นของเขาไปยื่นสมัครเรียนระดับปริญญาได้ในที่สุด โดยเขาเลือกเรียนทางด้านกฎหมาย เส้นทางสู่การเมือง เส้นทางสู่การเมืองของอับราฮัม ลินคอล์น เริ่มจากการที่เขาสมัครเข้าสังกัดพรรควิก (Whig Party) โดยการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาของรัฐอิลลินอยส์ด้วยวัยเพียง 23 ปี แต่ในครั้งนั้นเขาแพ้การเลือกตั้ง ทำให้ต้องผันตัวไปเปิดร้านขายของชำที่นิวซาเล็ม ไม่กี่ปีต่อจากนั้นลินคอล์นสมัครเป็นทนายและที่ปรึกษาทางกฎหมายให้กับสำนักกฎหมายแห่งหนึ่ง ทว่าเส้นทางการเมืองของเขาไม่ได้จบลงที่การพ่ายแพ้จากการลงสนามครั้งแรก เพราะลินคอล์นได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติรัฐอิลลินอยส์ระหว่าง ค.ศ. 1834 – 1842 ด้วยความรู้และประสบการณ์ทางด้านกฎหมายของเขา จนเป็นบันไดไปสู่บุคคลที่มีบทบาทสูงในสภาได้ในที่สุด นโยบายจากสิ่งที่ฝังใจในวัยเด็ก…สู่ฝันที่เป็นจริง นโยบายที่ลินคอล์นผลักดันคือการเลิกทาสซึ่งถือเป็นความฝันครั้งยังเด็กของเขาที่ต้องการให้ระบบทาสสูญสิ้นไปจากสหรัฐฯ และฝันจะเห็นความเสมอภาคเท่าเทียม แต่สมาชิกหลายคนในสภาไม่เห็นด้วย เพราะทาสผิวดำเปรียบเสมือนแรงงานที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการเกษตรที่สำคัญซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นวงกว้างได้ เมื่อฝ่าฟันสารพัดความท้าทายจนถึงวันที่เขาสามารถครองตำแหน่งประธานาธิบดีได้ เขาเลือกสานฝันในวัยเด็กให้เป็นจริงด้วยการประกาศสงครามกับฝ่ายใต้ที่ไม่ยอมรับนโยบายการเลิกทาส (สหรัฐฯ ทางตอนใต้คือแหล่งเกษตรกรรมที่จำเป็นต้องใช้ทาสผิวดำจำนวนมาก) แต่นอกจากการดำเนินการด้านสงครามแล้วลินคอล์นยังใช้ความรู้ด้านกฎหมายในการแก้กฎหมายรวมถึงรัฐธรรมนูญเพื่อล้มระบบทาสและสร้างความเท่าเทียมให้เกิดขึ้น ท้ายที่สุดฝ่ายประธานาธิบดีลินคอล์นก็ประกาศชัย เพราะความฝันในนโยบายการยกเลิกทาสนั้นสำเร็จ
ทันทีที่เดือนเมษายนมาถึง นอกจากวันหยุดยาวสะใจ อากาศร้อน กิจกรรมกลางแจ้งสุดระห่ำและสาว ๆ ในชุดเซ็กซี่ท้าแดดลมริมทะเล อีกอย่างหนึ่งที่ชายไทยอย่างเรา ๆ คงอดนึกถึงไม่ได้ คือเรื่องสำคัญอย่างวันคัดเลือกทหารกองประจำการ หรือ “การเกณฑ์ทหาร” ที่เราเรียก ๆ กันนั่นเอง การเกณฑ์ชายไทยมาเป็นทหารรับใช้ชาติอย่างเป็นกิจจะลักษณะเริ่มต้นตอนรัตนโกสิทร์ศก 124 (พ.ศ.2448) หรือเมื่อ 114 ปีก่อน โดยได้รับอิทธิพลเรื่องการเป็นทหารมืออาชีพมาจากชาติตะวันตก เพราะก่อนหน้านี้เราเกณฑ์ผู้ชายไปรบด้วยระบบไพร่ จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงยกเลิกระบบไพร่และทาสนั่นเอง UNLOCKMEN เลยอาสาพาไปสำรวจประเทศอื่นกันบ้างว่าเขามีการเกณฑ์ทหารเหมือนบ้านเราไหม? หรือเขาบังคับทุกคนเป็นทหารกันหมดโดยไม่ต้องจับใบดำใบแดงกันเลย? แล้วถ้าเขาไม่เกณฑ์ทหารเขาหาคนไปเป็นทหารกันอย่างไร? เกาหลีใต้: เมื่อผู้ชายทุกคนต้องเป็นทหาร เริ่มด้วยประเทศแถบเอเชียอย่างเกาหลีใต้กันก่อนเลย ถ้าเราเคยแอบฟังสาว ๆ ผู้ประกาศตนเป็นติ่งเกาหลีคุยกันอยู่บ้าง เราคงเคยได้ยินมาว่านักร้องหนุ่มขวัญใจพวกเธอคนนั้นคนนี้ต้องตบเท้าเข้ากรมไปเป็นทหาร นอกจากจะทำให้พวกเธอต้องเสียน้ำตาไปหลายหยด เราก็อาจอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมนักร้องหนุ่มเกาหลีนี่ต้องโดนทหารไปซะทุกคน เขาเกณฑ์เฉพาะดาราหรือเปล่า? คำตอบก็ไม่ยากเกินคาดเดา ก็เกาหลีใต้ไม่มีจับใบดำใบแดงให้เสียเวลา เพราะผู้ชายทุกคนต้องเป็นทหาร! กฏหมายรัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐเกาหลีบทที่ 2 มาตรา 39 ซึ่งตราขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1965 ระบุไว้ชัดเจนว่าผู้ชายเกาหลีอายุระหว่าง 18-35 ปีจะต้องเป็นทหารกองประจำการ เราอาจยังสงสัยว่าทำไมช่วงอายุถึงได้กว้างขนาดนั้น? นั่นเป็นเพราะรัฐอนุญาตให้ผู้ชายสามารถเลือกได้ว่าจะเข้าเป็นทหารกองประจำการตอนไหน บางคนอาจจะรอเรียนจบก่อน บางคนก็เป็นทหารก่อนเสียเลยแล้วค่อยกลับมาเรียนใหม่ ในขณะที่บางคนอาจจะทำงานเก็บเงิน
แม้ดาบปลายปืน (Bayonet) จะให้ความรู้สึกเหมือนเป็นของเก่าล้าสมัยสำหรับสงครามในยุคโบราณ ที่ใช้วิ่งเข้าโจมตีระยะใกล้หรือเมื่อกระสุนปืนหมด แต่ที่จริงในปัจจุบันก็มีการใช้กันอยู่บ้างโดยเฉพาะนักแต่งปืนที่มักจะนำ Rifle ไปเติมทุกอย่างให้ดุเดือดสะใจ แน่นอนว่าเราคงไม่หยิบดาบปลายปืนธรรมดามาแนะนำอยู่แล้ว เพราะสำหรับดาบปลายปืนจาก G.R.A.D. (Global Research And Development) ชิ้นนี้ มันไม่ใช่แค่อาวุธสำหรับแทงที่ติดบน Rifle ธรรมดา แต่ข้างในยังถูกสร้างเป็นปืนลูกโม่บรรจุกระสุนขนาเ .22 LR (Long Rifle) ได้อีก 6 นัด ใช้ยิงเป็นก๊อกสองได้สบาย ๆ โดยที่ฝ่ายศัตรูคาดไม่ถึง G.R.A.D. MB16F bayonet-revolver คือของสะสมหายากที่ผลิตใน Las Vegas ย้อนไปยุคปี 2000 ซึ่งปัจจุบันได้หยุดการผลิตไปแล้ว แต่มันยังคงน่าสนใจอยู่มาก ดูภายนอกมันก็เหมือนดาบปลายปืนทั่วไป แต่ชื่อก็บอกตรงตัวว่ามันคือดาบปลายปืนที่สามารถเป็นปืนลูกโม่ได้ในตัว สำหรับติดตั้งบนปืน M16/AR15 ขนาดมาตรฐานได้ แม้ในความเป็นจริงแล้วศัตรูอาจจะกลับบ้านเก่าไปตั้งแต่ก่อนกระสุน M16/AR15 จะหมด (Standard magazine capacity อยู่ที่ 30 นัด) แต่ในกรณีที่เกิดยิงปะทะจนหมดขึ้นมาจริง ๆ หรือบังเอิญเดินไปเจอกันในระยะไม่ใกล้ไม่ไกลเกินไป การเลือกใช้ bayonet-revolver