News | Video
UNLOCKMEN Logo
News | Video
Unlockmen Facebook Page Unlockmen Twitter Unlockmen YouTube channel
  • World
  • Entertainment
    :
    Films
    |
    Music
  • Guide
    :
    EVENT
    |
    MENU
    |
    TRAVEL
  • TECH
    :
    APPS
    |
    CARS
    |
    GADGETs
  • Style
    :
    DESIGN
    |
    FASHION
    |
    GROOMING
  • Business
  • Girls
  • Life
  • Work
  • Play
  • Survival
UNLOCKMEN Logo

News

World Entertainment Guide TECH Style Business Girls Life
Work Play Survival

Videos

Tag "world"

  • World
    By: unlockmen January 10, 2019
    THE PROFILES: ‘ความล่ำซำอันพังพินาศ’ กับ 5 พ่อค้ายาเสพติดที่ร่ำรวยที่สุดในประวัติศาสตร์

    แม้เป็นเรื่องยากจะยอมรับ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเหล่าพ่อค้ายานั้นมีอิทธิพลทั้งในธุรกิจบนดินและใต้ดิน แถมยังมีส่วนในการดำเนินกิจการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ที่บางครั้งกฎหมายก็ยากที่จะต้านทานอำนาจของเม็ดเงินที่เหล่าพ่อค้ายามี แต่ความราบรื่นก็ไม่ได้เป็นของทุกคนที่ทำอาชีพนี้ มีน้อยคนนักที่จะร่ำรวยมหาศาล จำนวนมากต้องล้มตายหรือจบชีวิตลงในคุก   UNLOCKMEN จึงจะพาไปทำความรู้จักกับเหล่าพ่อค้ายาที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ว่าเขาได้เงินเหล่านั้นมาจากไหน และเอาเงินเหล่านั้นไปทำอะไรบ้าง   5. KHUN SA ทรัพย์สินราว 5 พันล้านเหรียญ ขุนส่า หรือ จางชีฟูที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ จันทร์ จางตระกูล ราชายาเฮโรอีนผู้ล่วงลับที่ครอบครองเขตพื้นที่แถบสามเหลี่ยมทองคำทางภาคเหนือของไทยและใช้เป็นฐานการผลิตยาเสพติด ได้รับการจัดอันดับให้เป็นพ่อค้ายาที่ร่ำรวยที่สุดในโลกอันดับ 5 ด้วยเม็ดเงินที่ได้มาจากการค้าฝิ่น เฮโรอีน รวมถึงธุรกิจใต้ดินต่าง ๆ ขุนส่ามีอิทธิพลมากต่อระบบการเมืองของพม่าเพราะเขาคือผู้นำกองทัพเมิงไตที่ร่วมต่อสู้เพื่อเรียกร้องเอกราชให้กับชนกลุ่มน้อยชาวไทใหญ่ในประเทศพม่า จนกระทั่งลุกลามเป็นสงครามฝิ่น ค.ศ. 1967 ถึงแม้ว่าจะมีรายได้มากมายจากการค้ายา แต่ขุนส่าได้กล่าวถึงธุรกิจของตัวเองว่าที่ทำไปทั้งหมดเพราะต้องการจะปลดแอกตัวเองจากการกดขี่ของกองทัพพม่าตั้งแต่ปี 1947 และเฮโรอีนคือหนทางทำเงินที่รวดเร็วที่สุดเพื่อนำเงินทั้งหมดทุ่มไปกับการซื้ออาวุธสงครามเพื่อต่อสู้   4. Jorge Luis Ochoa Vásquez ทรัพย์สินราว 6 พันล้านเหรียญ สามพี่น้องตระกูล Ochoa นำโดย Jorge Luis

  • World
    By: Chaipohn January 10, 2019
    RAHEEM STERLING เหยื่อ RACIST ที่ไม่มีใครฟัง แต่ NIKE ขอนำมาเป็น PRESENTER คนใหม่

    การกลับมาอีกครั้งของแคมเปญตบหน้าสังคมของ Nike หลังประสบความสำเร็จอย่างมากกับ Colin Kaepernick อดีต NFL quarterback ชื่อดังที่มากับ Tagline เงินล้านอย่าง “Believe in something even if it means sacrificing everything.’’ ซึ่งเป็นสิ่งที่ Kaepernick เลือกที่จะแสดงออกเพื่อต่อต้านการไม่เท่าเทียมในสังคมของคนผิวดำ แม้จะรู้ว่าผลที่ตามมาจะรุนแรงถึงขั้นทำให้อาชีพต้องจบลงก็ตาม ซึ่งการที่ Nike เลือกสนับสนุน Colin Kaepernick ก็ทำให้เกิดกระแสต่อต้านมากมาย แต่สุดท้ายดูเหมือนคนชนะจะเป็น Nike เมื่อความเด็ดเดี่ยวนี้กลับสร้างยอดขายได้อย่างมหาศาลชนิดที่ทำ Promotion ยังไม่ได้ขนาดนี้ เหมือนหนังภาคแรกประสบความสำเร็จ ย่อมต้องมีภาคสองตามออกมา กับ Campaign ล่าสุดของ Nike ที่เลือกใช้ Approach เดิมในการยืนหยัดข้างนักกีฬาผิวสีที่โดนกระทำอย่างไม่เสมอภาคอีกครั้ง โดยคราวนี้เป็นเรื่องราวของนักฟุตบอลมากพรสวรรค์แห่ง Manchester City ‘Raheem Sterling’ ที่มีปัญหากับการถูกเลือกปฏิบัติจากสื่ออังกฤษและแฟนบอลอย่างไม่เท่าเทียมกับนักเตะผิวขาวเสมอ Sterling เคยโพส Instagram เปรียบเทียบความไม่เสมอภาคจากการนำเสนอของสื่อ โดยเปรียบเทียบตัวเค้ากับ Phil Foden

  • World
    By: unlockmen January 9, 2019
    โพสต์รูปตัวเองบ่อยระวังรักพัง “วิจัยชี้ว่ามีคนรักขี้เซลฟี่ทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงโดยไม่รู้ตัว”

    ในบางครั้งเมื่อเราเข้าสู่โซเชียลมีเดียสารพัดรูปแบบ เช่น Facebook หรือ Instagram ก็มักเห็นบางคนที่มีแฟนแล้วแต่ชอบโพสต์รูปตัวเองอยู่เป็นประจำและลงรูปคู่กับคนรักน้อยมาก ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวนั้นสามารถบอกได้ว่าผู้ที่ชอบโพสต์แต่รูปเซลฟี่ของตัวเองลงโซเชียลมีเดีย ในชีวิตจริงมักมีความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นกับคนรัก งานวิจัยจาก Florida State University ระบุว่าการเซลฟี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดปัญหาด้านความสัมพันธ์กับคู่รัก เพราะเมื่อออกไปเดตแล้วคนรักมักลงแต่รูปเซลฟี่ของตัวเองแต่ไม่ลงรูปคู่ จะทำให้อีกฝ่ายเกิดคำถามในใจมากมายว่าเพราะอะไรแฟนถึงไม่ลงรูปคู่ และคิดไปจนถึงขั้นว่าการมาเดตในแต่ละครั้งไม่สามารถสร้างความทรงจำที่ดีให้กับคนรักได้ รวมถึงไปความหวาดระแวงเรื่องของมือที่สาม ส่วนฝ่ายที่คลั่งการเซลฟี่ก็จะให้ความสนใจกับกระแสตอบรับจากโลกออนไลน์เวลาที่โพสต์ในแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นยอดไลก์หรือคอมเมนต์ต่าง ๆ มากกว่าที่จะให้ความสนใจกับคู่ชีวิตที่อยู่ใกล้ตัว โดยงานวิจัยได้บอกเพิ่มเติมอีกว่า อาการชื่นชอบการเซลฟี่เป็นชีวิตจิตใจนั้นสามารถเป็นทั้งเพศชายและเพศหญิง นอกจากนี้ Dr.Nikki Goldstein ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยากล่าวว่า เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยังไม่มั่นใจในความสัมพันธ์จึงมักจะแสดงออกถึงความต้องการจะแบ่งปันเรื่องราวชีวิตของตัวเองให้คนอื่นได้รับรู้มากกว่าการโพสต์รูปคู่กับแฟน หรือเขียนสเตตัสว่าไปไหนมาไหนกับคนรัก และเสพติดการเล่นโซเชียลมีเดียเป็นชีวิตจิตใจ จากการเฝ้าศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมนุษย์มาเป็นเวลานาน Dr. Goldstein ได้บันทึกเรื่องราวที่เธอพบเจอไว้ว่า ในแต่ละวันเธอมักจะเห็นคู่รักหลายคู่โพสต์เรื่องราวต่าง ๆ ที่ดูเหมือนจะมีความสุข ที่เน้นบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง แต่สิ่งที่ Dr. Goldstein ได้รับรู้เกี่ยวกับเรื่องราวเบื้องหลังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคู่รักนักเซลฟี่นั้นไม่ได้มีความสุขอย่างที่แชร์ลงในโซเชียลมีเดีย และการโพสต์เรื่องราวต่าง ๆ เพียงด้านเดียวแบบนี้ต่อไปจะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของคู่รักไม่มั่นคงมากกว่าเดิม การชื่นชอบเซลฟี่เกินควรนอกจากจะส่งผลกระทบกับชีวิตคู่แล้วก็ยังส่งผลเสียกับตัวเองเช่นกัน เพราะพฤติกรรมการชื่นชอบเซลฟี่จะทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า Generation me คล้ายกับอาการหลงตัวเองของวัยรุ่นที่เวลารูปที่ลงในโซเชียลแล้วได้รับการตอบรับเยอะก็จะรู้สึกมั่นใจ แต่เมื่อยิ่งได้รับฟีดแบคที่ดี คนรักของผู้ที่ชื่นชอบเซลฟี่มักจะเกิดความรู้สึกไม่พอใจและหึงหวง ก็จะเป็นการย้อนกลับมาในเรื่องของปัญหาความสัมพันธ์อีกครั้งแบบไม่รู้จบ ดังนั้นคำถามที่เหล่านักเซลฟี่จะต้องถามตัวเองให้ชัดเจนคือ สิ่งที่ตัวเองจะต้องให้ความสำคัญนั้นคือความสัมพันธ์ในโลกแห่งความเป็นจริงหรือสนใจฟีดแบคในโลกออนไลน์มากกว่ากัน

  • World
    By: unlockmen January 8, 2019
    นักดื่มใจสลาย ผลวิจัยใหม่ดับฝัน การดื่มแอลกอฮอล์น้อย ๆ เป็นประจำ ไม่ได้ทำให้ดีต่อสุขภาพอย่างที่คิด

    เหล่านักดื่มอาจต้องสับสนกันอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้ผลวิจัยได้บอกว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์วันละน้อยจะช่วยเรื่องสุขภาพ แต่มาวันนี้ก็ได้มีงานวิจัยที่มาหักล้างกันอีกครั้ง แถมยังบอกอีกด้วยว่าการดื่มเพียงเล็กน้อยนั้นก็คือสิ่งที่ได้ไม่คุ้มเสียกันเลยทีเดียว ข้อหักล้างที่ว่าด้วยการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณน้อยจะช่วยบำรุงสุขภาพนั้นถูกนำเสนอผ่านเว็บไซต์ข่าวชื่อดังอย่าง BBC กับการวิจัยที่เกิดขึ้นภายใต้โครงการการศึกษาภาระปัญหาของโลกว่าด้วยเรื่องโรคภัยไข้เจ็บหรือ Global Burden of Disease ผลวิจัยชิ้นนี้สำรวจพฤติกรรมการดื่มของนักดื่มกว่า 195 ประเทศ ตั้งแต่ช่วงอายุ 19-95 ปี เป็นจำนวนกว่า 28 ล้านคนทั่วโลก ด้วยระยะเวลายาวนานกว่า 26 ปี โดยวิจัยนี้เริ่มลงสนามสำรวจตั้งแต่ปี 1990-2016 ถือว่าเป็นงานวิจัยที่ใช้เวลาศึกษาเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมา รวมถึงจำนวนกลุ่มตัวอย่างที่มีมากถึงหลักหลายสิบล้านตัวอย่าง   ผลการวิจัยครั้งนี้เผยให้เห็นถึงอัตราความเสี่ยงที่จะเกิดโรคต่าง ๆ อย่างมะเร็ง ตับแข็ง หรือระดับการเกิดอุบัติเหตุเพราะเมานั้นมีตัวเลขที่พุ่งสูงขึ้นตามปริมาณที่ดื่มแอลกอฮอล์ที่เราดื่มในแต่ละวัน เช่น วันหนึ่งเราดื่มเครื่องดื่มที่มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ 1 หน่วย หรือประมาณ 10 กรัม ก็จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคและการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุสูงกว่าคนที่ไม่ดื่มเลย 0.5% ในขณะที่ถ้าดื่มวันละ 2 หน่วย ก็จะเพิ่มความเสี่ยงขึ้น 7% หรือถ้าดื่มวันละ 5 หน่วย ความเสี่ยงก็จะพุ่งสูงถึง 37% ผลวิจัยดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารการแพทย์ Lancet และได้ชี้แนะให้หน่วยงานสาธรณสุขของประเทศอังกฤษควรออกคำเตือนให้ประชาชนลดการดื่ม เพราะปัจจุบันในอังกฤษได้แนะนำให้ประชาชนบริโภคแอลกอฮอล์ไม่เกิน

  • World
    By: unlockmen January 7, 2019
    หาเงินยังไงให้รวย? วิธีหาเงินของ 5 เซเลบฯ ที่รวยที่สุดในโลกแห่งปี 2018 โดย FORBES

    เมื่อถึงช่วงสิ้นปีเก่าขึ้นปีใหม่ อันดับและสถิติต่าง ๆ ก็จะดาหน้าออกมาให้เราได้รับชมกัน นิตยสารธุรกิจและการเงินชื่อดังของสหรัฐฯ อย่าง Forbes ก็ไม่พลาดที่จะจัดอันดับในหัวข้อเซเลบริตี้ที่มีรายได้มากที่สุดในโลกประจำปี 2018 โดยวัดจากรายได้ก่อนหักภาษีและค่าธรรมเนียม รวมถึงอ้างอิงจากเว็บไซต์การเงิน และผู้เชี่ยวชาญในวงการต่าง ๆ ซึ่ง UNLOCKMEN จะพาไปดูว่าเหล่าเซเลบฯ ที่รวยที่สุด  5 อันดับแรกสร้างรายได้มหาศาลจากอะไรกันบ้าง   5. Dwayne Johnson มูลค่าทรัพย์สิน 124 ล้านเหรียญ หรือราว 4,040,000,000 บาท ในปีนี้ Dwayne Johnson คือหนึ่งในนักแสดงชายที่ทำงานหนักตลอดทั้งปี จนปีนี้นอกจากจะติดในอันดับ 5 เซเลบฯ ที่มีรายได้มากที่สุดในโลกแล้ว เขายังกลายเป็นนักแสดงฮอลลีวูดที่ทำรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่มีการจัดอันดับมากว่า 20 ปี เจ้าตัวก็เคยให้สัมภาษณ์ว่าจากนักมวยปล้ำที่ได้ค่าตัว 40 เหรียญ (ประมาณ 1,300 บาท) ต่อการแข่งหนึ่งแมท ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะมาได้ถึงขนาดนี้ Dwayne Johnson ยังบอกอีกว่าเขามีวันนี้ได้แม้ไม่ใช่นักธุรกิจที่จบมาจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง แต่เขาตั้งใจทำงานทุกครั้ง และเรียนรู้ถึงความผิดพลาด จนในที่สุดก็สามารถประสบความสำเร็จได้   4.

  • World
    By: unlockmen January 7, 2019
    NIHON STORIES: จากผู้ปราบกบฏสู่กบฏ “ไซโง ทากาโมริ” ชายที่โลกขนานนามว่าซามูไรคนสุดท้าย

    ก่อนหน้านี้ UNLOCKMEN นำเสนอเรื่องราวของชาย(อีกคน)ที่ถูกขนานนามว่าซามูไรคนสุดท้ายไว้ที่ วิถีซามูไร ฮาราคีรี และมิชิมะ ยูกิโอะ ผู้ที่เรียกตัวเองว่าซามูไรคนสุดท้าย ในนั้น เรากล่าวถึง “ไซโง ทากาโมริ” ไปแล้วเล็กน้อย ใครหลายคนที่กระหายจะเสพเรื่องราวของเขา วันนี้ไม่ต้องรออีกต่อไป เราพร้อมตีแผ่ชีวิตของเขาเพื่อค้นหาคำตอบว่าเพราะเหตุใดไซโงถึงได้เป็นซามูไรที่ครองใจชาวญี่ปุ่นมาจนถึงปัจจุบัน ไซโง ทากาโมริ คือหนึ่งในซามูไรผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เหล่านักประวัติศาสตร์และนักวิชาการต่างก็ยอมรับ และเรียกเขาว่าเป็น The Last True Samurai หรือ ซามูไรที่แท้จริงคนสุดท้าย เขามีจุดเริ่มต้นธรรมดาทั่วไปจากการเป็นซามูไรระดับล่างที่ผลักดันตัวเองขึ้นมาเป็นหนึ่งในซามูไรผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค บุคลิกเข้มแข็ง ความตรงไปตรงมา ความเป็นผู้นำ และเอาจริงเอาจังกับงานของตัวเองเสมอ ไซโง ทากาโมริจึงได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาอยู่บ่อยครั้ง ในช่วงที่ญี่ปุ่นแบ่งออกเป็นฝักเป็นฝ่าย ต่อสู้ฟาดฟันกันเองและเกิดกบฏอยู่บ่อยครั้ง ไซโง ทากาโมริตั้งกลุ่มพันธมิตรซามูไรเพื่อสร้างความแน่นแฟ้นในหมู่พรรคพวกของตัวเอง สิ่งที่ไซโงต้องการคือการตั้งกลุ่มยอดฝีมือเพื่อป้องกันซามูไรกลุ่มอื่นที่จะบุกโจมตีพระราชวังหลวงในกรุงเกียวโต เขาได้รับการแต่งตั้งจากโชกุนให้เป็นผู้บัญชาการกองทัพเพื่อปราบกบฏตามเมืองต่าง ๆ เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างชื่อเสียงให้กับไซโงเป็นอย่างมาก เพราะกลุ่มกองกำลังฝ่ายกบฏถูกตีแตกพ่ายภายในเวลาไม่กี่วัน แต่เพราะความรอบคอบและเฉลียวฉลาดของเขา ในศึกบางครั้งแทนที่จะใช้กำลังเข้าห้ำหั่นปราบปราบเพียงอย่างเดียว เขาเลือกเจรจาลับกับกลุ่มซามูไรที่เป็นกบฏนับเป็นกลยุทธ์ที่ลดความสูญเสียได้มาก ต่อมาเมื่อโชกุนโทกุงาวะประกาศสละอำนาจและคืนสิทธิทุกอย่างให้กับสมเด็จพระจักรพรรดิเพื่อเป็นการรวมญี่ปุ่นให้เป็นปึกแผ่นและเปิดประเทศและถือเป็นการสิ้นสุดระบอบโชกุน เข้าสู่การฟื้นฟูประเทศในสมัยเมจิ ไซโง มากาโมริ มีท่าทีไม่เห็นด้วยเพราะเขาไม่ต้องการให้ชาติตะวันตกเข้ามามีอิทธิพลในญี่ปุ่น รวมไปถึงหากเกิดการปฏิรูปประเทศ บทบาทของซามูไรจะต้องลดน้อยลง เขาจึงจัดเตรียมทัพเพื่อบุกเข้าปราสาทเอโดะ แต่รัฐบาลได้ส่งคนมาขอทำเรื่องสงบศึกโดยการเจรจาเป็นการส่วนตัว ผลคือไซโงยอมจำนนต่อเหตุผลของรัฐบาลอย่างไม่เต็มใจนัก แต่ผลที่ดีที่สุดจากการเจรจาในครั้งนี้คือการทำให้บ้านเมืองรอดพ้นจากสงครามครั้งใหญ่ไปอีกครั้ง เมื่อญี่ปุ่นเริ่มดำเนินนโยบายทำประเทศให้ทันสมัย

  • Entertainment
    By: Chaipohn January 4, 2019
    BRUNO MARS แจก GOLD AP EXTRA-THIN ‘JUMBO’ ROYAL OAK 8 เรือนให้สมาชิกฉลองปีใหม่

    Bruno Mars ศิลปินมากความสามารถผู้มีความมั่งคั่งกว่า $150 ล้านเหรียญ (เกือบ 5 พันล้านบาท) จากผลงานเพลงที่ประสบความสำเร็จเกือบทุก Single และ World Tour Concert ที่คนดูเต็มทุกที่นั่งในทุกประเทศที่ไป ซึ่งเบื้องหลังของ Bruno Mars ย่อมต้องมีสมาชิก Back Up และนักดนตรีที่ออกทัวร์ด้วยกันเสมอในชื่อ “Hooligans” แม้จะไม่ได้มีชื่อเสียงเทียบเท่านักร้องคนดัง แต่ก็เป็นความภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง ทำให้ทุกคนใส่เต็มที่เสมอในทุกโชว์ และเพื่อเป็นการขอบคุณที่  “24K Magic World Tour” ล่าสุดผ่านไปได้ด้วยดี พร้อมฉลองปีใหม่ 2019 Bruno Mars จึงแสดงความป๋าเต็มที่ แจกนาฬิกาหรู  Audemars Piguet Extra-Thin ‘Jumbo’ Royal Oak เรือนทองจำนวน 8 เรือน ให้สมาชิกทุกคนได้ใส่กันทั่วหน้า ความหล่อครั้งนี้เกิดขึ้นในทัวร์ปลายทางสุดท้ายของ “24K Magic World Tour” ณ​ Las Vegas ซึ่งตรงกับวัน New Year

  • Entertainment
    By: Chaipohn January 4, 2019
    BIRD BOX CHALLENGE ปิดตาใช้ชีวิตแบบในหนัง เทรนด์สุดเพี้ยนที่โลกทำ แต่เราไม่ควรทำตาม

    เคยมีคำพูดที่ฟังดูน่ากลัวกว่าวไว้ว่า วันนึงธรรมชาติจะคัดสรรผู้รอดชีวิตเอง ในวัยเด็กเราอาจจะฟังไม่เข้าใจ แต่ตั้งแต่มี Social Media ขึ้นมาบนโลก ทำให้เราได้เห็นเทรนด์กระแสการท้าทายประหลาด ๆ ที่หลายคนทำตามกันแบบไม่มีสาเหตุ ซึ่งหลายครั้งมันก็อันตรายจนคนปกติต้องสงสัยว่า “ทำไปได้ไง” อยู่เสมอ ตั้งแต่กระแสกินน้ำยาปรับผ่านุ่ม Tide Pod challenge ไปจนถึงกระแสการจุดไฟเผาตัวเอง คือ…. ไม่ต้องฉลาดมากนักก็พอจะรู้ว่ามันอันตรายถึงชีวิต ไม่คุ้มเลยสักนิดที่จะเสี่ยงตายแลก View และ Like ซึ่งในจุดนี้ต้องบอกว่าฝรั่งเค้ายอมเสี่ยงมากกว่าคนไทยหลายเท่า มาถึงกระแสการท้าทายล่าสุดที่ฮิตขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ โดยมีต้นเหตุมาจากซีรีส์ดังของคนห้ามมอง “Bird Box” บน Netflix ที่สร้างสถิติมีสมาชิกดูมากถึง 45 ล้านบัญชีอย่างรวดเร็วภายใน 7 วัน ซึ่งถือเป็นที่สุดของสถิติจาก Netflix เลยทีเดียว สำหรับคนที่ไม่รู้จัก Bird Box มันคือซีรีส์ที่ว่าด้วยอาการแปลกประหลาดจากผีปีศาจที่มองไม่เห็น เพราะถ้าใครเห็นก็จะเกิดอาการฆ่าตัวตายโดยไม่มีสาเหตุจนโลกวุ่นวายไปหมด วิธีรอดก็ตรงตัวคือการไม่มอง โดยครอบครัวตัวเอกของเรื่อง Sandra Bullock และลูก ๆ ที่ใช้ผ้าปิดตาเอาตัวรอดนอกบ้านระหว่างเดินทางไปหาที่ปลอดภัย ไม่นานนักหลังจากที่ซีรีส์เข้าฉาย ก็มี Memes จาก Social Media

  • TECH
    By: unlockmen January 3, 2019
    เมื่อเทคโนโลยียิ่งล้ำยิ่งต้องเท่าทัน “ส่องเทรนด์ไฮเทคมาแรงปี 2019″โดยศูนย์วิจัยเทเลเนอร์

    เราหายใจอยู่บนโลกที่เทคโนโลยีรุกคืบเข้ามาในเขตแดนของชีวิตมากขึ้นทุกขณะ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกขณะของชีวิตเราต้องพึ่งพาอาศัยเทคโนโลยี เพราะเหตุนี้ศูนย์วิจัยเทเลเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีจึงลองคาดเดาทิศทางเทคโนโลยีที่คาดว่าจะมาแรงในปี 2019 ไว้ 7 เรื่องด้วยกัน UNLOCKMEN ก็ไม่รอช้า เพื่อความรู้เท่าทันเราจึงสรุปทิศทางของแต่ละเทคโนโลยีมาให้เรียบร้อยแล้วว่าเราน่าจะได้เห็นอะไรเกิดขึ้นบ้างในปีนี้   1. AI รูปแบบใหม่ที่มีกรอบของจริยธรรมเข้ามาเป็นตัวกำหนด AI กลายเป็นสิ่งที่หลายองค์กรใช้กันอย่างแพร่หลาย เมื่อเกิดความแพร่หลายสิ่งที่ตามมาคือการอยู่เหนือความควบคุมของมนุษย์มากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะบางครั้ง AI ก็อาจจะทำอะไรที่เกินกว่าความต้องการของผู้ใช้ รวมถึงการให้ข้อมูลที่บิดเบือน และการละเมิดความเป็นส่วนตัวของบุคคล ปี 2019 นี้จึงมั่นใจได้เลยว่าหลายองค์กรจะเริ่มตรวจสอบไปพร้อมกับการสนับสนุนให้ใช้ AI มากขึ้น รวมถึงการกำหนดขอบเขตการใช้งาน AI ให้มีความละเอียดมากขึ้น พูดง่าย ๆ ปีนี้เราจะไม่มอง AI เป็นแค่หุ่นยนตร์ที่เกิดขึ้นเพื่อใช้งานแล้วจบไป แต่เราจะมองมันลงลึกในรายละเอียดถึงจริยธรรมและขอบเขตการใช้งานที่ซับซ้อนลงไป เพราะมัน AI นั้นซับซ้อนพอ ๆ กับการใช้งานมนุษย์สักคนให้ทำงานนี่เอง   2. DEEPFAKE จะแพร่หลายมากยิ่งขึ้น Deepfake คือเทคโนโลยีที่เกิดจากระบบปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่สร้างขึ้นเพื่อนเลียนแบบพฤติกรรมของมนุษย์อย่างแนบเนียน เป็นการสร้างข้อมูลปลอมที่แพร่กระจายอยู่เต็ม Social Media ในปี 2019

  • Work
    By: unlockmen January 3, 2019
    “อัจฉริยะอย่าง ELON MUSK อ่านอะไร?” สำรวจหนังสือโปรด 5 เล่มของ MUSK ที่ผู้ชายควรอ่าน

    Elon Musk คือชายที่โลกตั้งฉายาให้ว่า Iron Man ในชีวิตจริง เพราะมุมมองเฉียบคมและมันสมองสุดอัจฉริยะ แถมยังเป็นเจ้าของบริษัทที่มีเทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง SpaceX, Tesla และอื่น ๆ อีกมากมาย ส่วนทรัพย์สินยิ่งไม่ต้องอธิบายให้มากความ เขามีมากกว่า 20 พันล้านเหรียญสหรัฐ ฯ แต่นอกจากเรื่องของความสำเร็จทะลุขีดความเป็นมนุษย์ที่เราพยายามนำเสนอรูปแบบการทำงานของเขามาให้ชาว UNLOCKMEN ได้เสพบ่อย ๆ แล้ว เราเชื่อว่าเราสามารถเข้าถึงความคิดของเขาผ่านหนังสือที่อ่านได้ UNLOCKMEN จึงอยากแนะนำหนังสือ 5 เล่มที่ Elon Musk อ่าน เพื่อเป็นแนวทางให้เห็นว่าคนที่ประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้เขาสนใจอ่านอะไร    Zero to One: Notes on Startups, or How to Build the Future by Peter Thiel หนังสือเกี่ยวกับธุรกิจโดย ปีเตอร์ ธีล ผู้ได้ฉายาว่าเป็นประธานาธิบดีของโลกไร้เงินสด จากชายที่ถูกปฏิเสธไม่รับเข้าทำงานในศาลสูง เขาคือหนึ่งในผู้สร้างธนาคารออนไลน์ชื่อดังอย่าง PayPal หนังสือเล่มนี้จึงไม่ต่างจากการแบ่งปันความคิดและทัศนคติในการเริ่มต้นสร้างธุรกิจของตัวเองบนโลกแห่งการเงินในปัจจุบันของเขา Musk

« Previous 1 … 42 43 44 45 46 … 102 Next »

HOT THIS WEEK

#7daysinarow

< Prev Next >

most popular video of the week

#7daysinarow

THE REAL EP 1 : Tamaryn Cooper
Unlockmen Channel
19,590

EVERYTHING GUYS NEED
TO UNLOCK YOUR TRUE
POTENTIAL EVERYDAY

Unlockmen

Subscribe now

Unlockmen
  • About Us
  • Our team
  • Jobs
  • Contact Us
  • Terms of Use
  • Privacy Policy
© 2016 whiteline thaithayan. All rights reserved.
Use of this site constitutes acceptance of our User Agreement (effective 1/4/2016) and Privacy Policy (effective 1/4/2016).The material on this site may not be reproduced,
distributed, transmitted, cached or otherwise used, except with prior written permission of thaitayan ltd.