APPS

จุดเริ่มต้น บิทาซซ่า ของคุณกวิน พงษ์พันธ์เดชา และการเริ่มเทรดจริงของคุณอนันดา เอเวอริงแฮม

By: Chaipohn March 9, 2022

คำว่า Cryptocurrency วันนี้ไม่ใช่สิ่งที่ไกลตัวพวกเราอีกต่อไป เทียบกับเมื่อหลายปีก่อนที่ผู้คนพึ่งจะได้รู้จักกับเทคโนโลยี Blockchain ได้เห็นการเติบโตของมูลค่าเหรียญต่าง ๆ ได้เห็นการต่อยอดไปสู่การใช้งานมากมายนับไม่ถ้วน

รอบตัวพวกเราวันนี้ ไม่ใช่แค่นักลงทุน แต่คนที่เข้ามาเทรดคริปโทเคอร์เรนซีจะพบเห็นได้ตั้งแต่เด็กนักเรียน คนทำงาน ฟรีแลนซ์ ไปจนถึงผู้ใหญ่มีอายุ แม้แต่ดารานักแสดงชื่อดังอย่างคุณอนันดา เอเวอริงแฮม ก็ยังหันเข้าสู่โลกของคริปโทเคอร์เรนซีอย่างจริงจังมากขึ้น

ในมุมมองของเรา คิดว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดการแพร่หลายของคริปโตอย่างรวดเร็วในบ้านเรานั้น คือความเข้าใจแเละมั่นใจในเทคโนโลยี จุดเปลี่ยนของการใช้ชีวิตที่ผู้คนมองหาอิสรภาพทางการเงิน และเวลามากขึ้น สถานการณ์โควิดที่ทำให้คนมีเวลาว่างในการศึกษาอย่างลึกซึ้ง และยังเป็นเพราะมีแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตในไทยที่ปลอดภัย อย่างเช่น Bitazza (บิทาซซ่า) ได้รับใบอนุญาตสำหรับการประกอบธุรกิจนายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้การดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และกระทรวงการคลังแห่งประเทศไทย รวมถึงความน่าเชื่อถือที่มีผู้ใช้งานจากทั่วโลก

และบิทาซ​ซ่ายัง​ได้​ประกาศ​ผลประกอบการ​ในปี 2564 ผ่านทางช่องทางโซเชียลมีเดียของบิทาซซ่า เช่น เฟสบุ๊ค อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ โดยมียอดธุรกรรมการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลบนแพลตฟอร์ม​กว่าแสนล้านบาท และผู้ใช้งาน​ที่ดาวน์โหลด​แอปพลิเคชันของบิทาซซ่าแล้วกว่า​ 500,000 คน​ จากการรายงานสถิติยอดจำนวนดาวน์โหลดแพลตฟอร์มบิทาซซ่าผ่านทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชันมือถือของบิทาซซ่า ซึ่งนับเป็นการเติบโต​เพิ่มขึ้นมาถึง 20​ เท่า

วันนี้เป็นโอกาสดีที่เราได้เจอและพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่หลายคนอยากรู้ นั่นคือ “จุดเริ่มต้นของการสร้างบิทาซซ่า” แพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตกับ คุณอาท กวิน พงษ์พันธ์เดชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งของบิทาซซ่า และการเลือกชีวิตอิสระ เข้าสู่วงการคริปโทเคอร์เรนซี ของคุณอนันดา เอเวอริงแฮม แอมบาสเดอร์ ผู้ใช้งานจริงของบิทาซซ่า


Q : อะไรเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณอนันดาเข้ามาในวงการคริปโต

ANANDA : จริงๆ แล้ว เรารู้จักคริปโทเคอร์เรนซีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะเกิดในช่วงยุคผม ผมก็ไม่ต่างจากคนอื่น ก็อ่านๆ ไป ตอนนั้นได้ยินข่าวว่าขึ้นจากแปดสิบเหรียญไปหมื่นเหรียญก็ตกใจแล้ว แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะไม่ได้ศึกษาจริงๆ และด้วยอาชีพของผมก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโลกการเงินเลย ผมอยู่ในสายอาร์ต สายการแสดง ไม่ได้มีความสนใจเรื่องการเทรดโดยตรง ผมเอาสกิลของตัวเองไปแลกค่าตัว ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ได้ศึกษาเรื่องหุ้น ไม่ได้เทรด แต่คนที่เราคอยซักถามเรื่อยๆ ก็มีคนแถวบ้านเป็นฝรั่ง ชื่อ “ไนเจล” เขาเป็น Digital Nomad ก็คอยเล่าเรื่องคริปโตให้ฟัง

สองปีที่ผ่านมาด้วยเหตุผลที่ไม่ได้เกี่ยวกับตัวผมโดยตรง อยู่ดี ๆ มีคนมาบอกว่าคุณทำงานไม่ได้ ผมก็ไม่คิดว่าจะนาน ก็โอเค คิดว่าทำงานมา 20 กว่าปีแล้วถือเป็นช่วงพักผ่อน หลังจากนั้นผมเลยไปผ่าตัดเท้า ทำกายภาพ 6 เดือนจนหายปกติ ก็ยังทำงานไม่ได้ เลยคุยกับณัฐว่าทำใจ เราทำงานไม่ได้ทั้งคู่ เพราะธุรกิจของณัฐก็ติดขัดเหมือนกัน เลยตัดสินใจไปคลายเครียดด้วยการเดินทาง ขับไปทั่วประเทศ ภาคเหนือ อีสาน เบตง และไปจบที่เกาะพะงัน ก็ได้ข่าวคริปโตมาอีกรอบนึง ว่ามันดีดขึ้นตอนอีลอน มัสก์ (Elon Musk) ซื้อ

แต่ผมก็ไม่ได้ซื้อตอนนั้นนะ ยังมีความรู้สึกว่ามันคืออะไร ก็เลยเริ่มศึกษาว่าทำไมขนาดคนที่รวยที่สุดในโลกยังยอมซื้อคริปโตหลักพันล้านเหรียญ ก็เลยเริ่มศึกษาและเข้าใจ บล็อกเชน (Blockchain) P2P (Peer-to-Peer) การเทรด (Direct Trade of Value) มันเป็นสิ่งที่เรารู้สึกหลงใหลมาก

พอศึกษา บล็อกเชน (Blockchain) ไปเรื่อยๆ มันเป็นไปตามหลักการตรรกวิทยามาก ทุกอย่างมีเหตุและผลที่ถูกต้อง การที่เงินจากจุด A ไปจุด B แล้วทุกอย่างถูกบันทึกไว้ และไม่ได้มีใครเข้ามาคุม (Centralized) ผมเข้าใจมาตลอดว่าต้องมีตัวกลางเข้ามายุ่งเงินของเรา พึ่งรู้ว่าเป็นแบบนี้ได้ด้วย มีความเป็นอิสระของเราที่เราจะเทรดเอง (Decentralized) รู้สึกว่าเราก็สามารถสร้างมูลค่าจากแบบนี้ได้

พอเรามาถึงจุดนั้น เราเริ่มเข้าใจแล้วว่ามันเป็นเหมือนปรัชญาการเงินที่เราค่อนข้างมั่นใจในมันมาก เริ่มศึกษาเกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจปัจจุบันเพิ่มขึ้น พอศึกษาก็ตกใจว่า ไม่ใช่ว่าระบบในปัจจุบันปราศจากความเสี่ยง มันอาจจะเสี่ยงกว่าด้วยซ้ำ ด้วยวิกฤติทางการเงิน พอมาเข้าใจระบบการเงินของทุกวันนี้ มันเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา เลยคอนเฟิร์มว่า “โอเค ผมเชื่อในสิ่งนี้ละ” ผมไม่ได้สนใจราคา หรือจะเป็นเดย์เทรดเดอร์ (Day Trader) แค่มองว่าคือการกระจายสินทรัพย์ของตัวเอง

ผมถอนออกมา 10% แล้วลงทุนในบิทคอยน์ (Bitcoin) เป็นคริปโตที่ผมศึกษามา ผมอยู่ในสายอาร์ทติส ชอบเข้าใจในเบื้องลึก ผมเลยมองว่าราคาเท่าไหร่ก็ได้ เราเชื่อว่าสินทรัพย์จะมีมูลค่ามากขึ้นในอนาคต


Q : เล่าให้ฟังหน่อยว่า คริปโทเคอร์เรนซีมีความหมายยังไงกับชีวิตคุณอนันดา

ANANDA : มันเริ่มจากเราทำงานไม่ได้ในช่วงโควิด แล้วเรารู้สึกว่าไม่มั่นคง เลยอยากหาอย่างอื่นมาลงทุนจากนั้นเราก็เพิ่มพอร์ตโฟลิโอมาเรื่อยๆ ศึกษาอัลท์คอยน์ (Altcoin) ต่างๆ เริ่มเข้าใจตลาดมากขึ้นเยอะ ได้สร้างมูลค่าจากตรงนี้ด้วย แต่สำหรับผม ตรงนี้อาจจะไม่ได้มีค่ามากเท่ากับการได้อิสระที่มันมากับมูลค่านี้ เพราะว่าไม่ใช่ว่าเราต้องอยู่ที่ออฟฟิศ ต้องถูกจำกัดด้วยสถานที่

ผมอยู่เกาะพะงันตอนนั้นเป็นเดือนๆ ก็ยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ และไปๆมาๆ ณัฐที่ไม่ได้อยู่ในออฟฟิศอาจจะทำเงินมากกว่าตอนอยู่ที่เกาะก็ว่าได้ ก็เลยเป็นสิ่งที่พิสูจน์อะไรบางอย่างที่เป็นเหมือนแนวทางหรือปรัญชาของผม ผมเชื่อในอิสรภาพ พอเราได้อิสระตรงนี้รู้สึกว่าเพิ่มคุณค่าให้กับชีวิตเรามาก ในส่วนที่เข้ามาใหม่ในชีวิตที่ต้องยอมรับก็คือ มันเป็นเหมือนอีกหนึ่งอาชีพของเรา งานเทรด งานตลาดการเงิน เราก็ทำรายได้ได้ ไม่เคยคิดมาก่อนในชีวิตเลยนะว่าจะมีรายได้จากตรงนี้ เพราะเรารู้สึกว่ามันห่างไกลจากอาชีพของเราเหลือเกิน


Q: คุณอนันดามีมุมมองเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซีในอนาคตอย่างไร

ANANDA : ในระยะยาวยังไงมันก็เป็นเทคโนโลยีที่ดีและหนีไม่รอด ระบบทุกวันนี้ก็ต้องปรับเปลี่ยนตาม ถ้าไม่ปรับก็จะเป็นเทคโนโลยีเดิมที่ล้มเหลวไป ซึ่งมันก็เห็นในประวัติศาสตร์อยู่แล้ว แม้ในช่วงนี้ตลาดขึ้นๆ ลงๆ ก็ไม่รู้สึกว่ามันเพิ่มมูลค่า แต่เรารู้สึกว่าในระยะยาวยังไงมันก็จะเพิ่ม


Q : คุณอนันดารู้จักบิทาซซ่าได้ยังไง แล้วเริ่มมาใช้บริการบิทาซซ่าตั้งแต่เมื่อไหร่ เล่าประสบการณ์ให้เราฟังหน่อย

ANANDA : ในไทยมีแพลตฟอร์มเทรดอยู่ไม่กี่ที่ ที่เราใช้ได้ เราก็ลองศึกษาว่าเราเทรดที่ไหนที่สะดวกสุด ทั้งของต่างประเทศและในไทย ดูสิทธิประโยชน์ที่เราจะได้ของแต่ละแพลตฟอร์ม

อย่างของบิทาซซ่าจริง ๆ เรามีบัญชีอยู่แล้ว สิ่งทำให้เรามั่นใจจริง ๆ คือเราเริ่มคุยกันมากขึ้น ไม่ได้หมายถึงว่าบิทาซซ่ามาคุยกับผมให้ผมมาร่วมรับรองอะไรแบบนี้นะ แต่หมายถึงบิทาซซ่ามีคนคอยดูแล พอพอร์ตโฟลีโอเราอยู่ตรงนั้น เรามีคนที่เราคุยด้วยได้อยู่เรื่อย ๆ ก็ทำให้เราเข้าใจแพลตฟอร์มมากขึ้น อันนี้เป็นสิ่งที่ผมว่ามันเป็นจุดสำคัญเลย เพราะว่าหลายคนที่เป็นนักเทรดใหม่ ๆ ก็จะยังไม่ค่อยเข้าใจฟังชันก์ทั้งหมดของแต่ละแฟลตฟอร์ม มันซับซ้อน ตัวเลขเยอะเต็มไปหมด

เหตุผลหลักในส่วนของผมที่ทำให้ผมเข้ามาอยู่ที่บิทาซซ่าคือ การสื่อสาร ผมชอบมากที่ทุกคนคุยกันได้ง่าย โดยเฉพาะตอนเรามาเริ่มคุยว่ามีส่วนไหนอะไรบ้างที่เราจะร่วมทำงานด้วยกันได้ ตอนนั้นเราก็คิดว่าแบบคงคุยยาก แต่พอมาเจออาทกับทีมงาน เรารู้สึกว่ามันทำให้เห็นคนที่เราได้คุยด้วยก่อนที่เราเห็นหน้า เรารู้สึกว่าทุกคนมีพลังบวก ทุกคนเชื่อในเทคโนโลยีนี้ และพอมาเจอตัวจริงกัน มาคุยว่าเราจะร่วมงานกัน มันก็ยังคงเป็นพลังเดียวกัน ก็เลยยิ่งทำให้เรามั่นใจในทีม

อย่างคุณอาทคุยกับผมเองว่า เราอยากให้รู้สึกเหมือนว่าเราลงทุนร่วมกัน เราอยู่ในเรือลำเดียวกัน พอได้เจอทีม แล้วทีมสื่อสารกับผมอย่างนั้น ผมรู้สึกแบบใช่แนวทางหรือปรัญชา ทุกวันนี้เลยก็เลยกลายเป็น Bitazza all the way


Q : จากที่คุณอนันดาเล่ามา คุณอาทคิดเห็นยังไงกับการที่คุณอนันดามาเป็นส่วนหนึ่งของบิทาซซ่า และพูดถึงเรื่องเอนเนอร์จีบวกของทีมบิทาซซ่าที่คุณอนันดาเล่าให้เราฟังหน่อย

ART : ยินดีมากครับที่ได้พี่อนันดามาร่วมงาน และก็ได้มาเป็นลูกค้ากับเราจริง ๆ ด้วย และจริงๆ แล้วทางเราก็อยู่ในวงการนี้มาค่อนข้างนาน ถามว่าทำไมเราถึงมีเอนเนอร์จีแบบนี้ แล้วทำไมเราถึงเชื่อมั่นในเทคโนโลยี เราไม่ได้มาในช่วงที่ตลาดพึ่งกลับมาเป็น Bull Market แต่เราก็อยู่มาตั้งแต่ตอน Bear Market แล้วตลาดพึ่งก็กลับมา ตอนนั้นก็ไม่มีใครเชื่อเรา หลายคนคิดว่าเรามาหลอกหรือเปล่า ช่วงแรกเราก็ต้องมองโลกในแง่ดีไว้ก่อน ต้องคิดบวกมากๆ เข้าไปอธิบาย เข้าไปให้ความรู้ เราก็เลยมีเอนเนอร์จีนี้ที่เราสร้างมาตั้งแต่แรก


Q : คุณอาทช่วยเล่าแบล็คกราวน์ให้เราฟังว่าเข้ามาศึกษาในวงการโลกคริปโตได้ยังไง และมีมุมมองเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซีอย่างไร

ART : ผมจบวิศวะ ชอบคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์มาตั้งแต่ยังเด็ก เทคโนโลยีตัวนี้ก็ทำให้เราสงสัยในเทคโนโลยีเหมือนกัน แล้วก็เข้ามาศึกษาตั้งแต่เริ่ม ช่วงแรกๆ ก็เข้าไปอ่านคณิตศาสตร์ของเทคโนโลยีนี้ อ่านเอกสารต่างๆ ว่ามันทำงานยังไง น่าจะมีเรื่องราวคล้ายๆ กับพี่อนันดา คริปโตคนชอบมองว่ามันคือการลงทุน การเก็งกำไร การเทรด

ANANDA เสริม :ใช่เลยครับ สิ่งแรกที่ผมคิด มันไม่ใช่การเทรด แต่เป็นการสร้างมูลค่าในสินทรัพย์ใหม่ ไม่ใช่ซื้อเพื่อไปขาย อันนั้นพึ่งเกิดขึ้นเมื่อเข้าใจตลาดมากขึ้น แต่ตอนแรกผมก็จะเป็นอย่างนั้น เหมือนการเปลี่ยนเงินของเราเป็นทอง

ART : ผมอยากให้มองเป็นสินทรัพย์ตัวนึง คงไม่ได้คิดถึงกราฟ ตีเส้น เทรด สินทรัพย์ตัวนึงที่เป็นโลกใหม่ โลกดิจิทัล อย่างทุกคนอยู่ในโลกดิจิทัล ก็มีสินทรัพย์ดิจิทัลในโลกนั้น ตอนแรกเราก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร แต่ตัวเทคโนโลยีที่เราไปศึกษาเนี่ย ทุกคนก็เริ่มจากบิทคอยน์ (Bitcoin) ก่อน พอเริ่มจากบิทคอยน์ (Bitcoin) ก็กลายเป็นบล็อกเชน ว่าบล็อกเชนคืออะไร

พอเราเข้าใจเทคโนโลยี อ้าวมันไม่ใช่เทคโนโลยีทั่วไป แต่เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เอาไปทำธุรกรรมประเภทใหม่ ๆ ส่วนตัวก็เลยสนใจมากเพราะว่าที่ผ่านมาผมชอบเกี่ยวกับการเงินอยู่แล้ว แต่การเงินดั้งเดิมมันมีข้อจำกัด เวลาเราอยากไปทำนวัตกรรมอะไรก็แล้วแต่ เราต้องไปอยู่ในสถานที่ที่เอื้ออำนวยต่อการทำนวัตกรรม เช่น Wall Street และ Silicon Valley เราต้องอยู่ประเทศนั้น ผมอยู่ประเทศไทยจะเข้าไปถึงตรงนั้นมันก็ไม่ง่าย แต่ตัวเทคโนโลยีทำให้คนทั่วไปสามารถที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ใช้สมาร์ทคอนแทรค (Smart Contract) ใช้บล็อกเชนทำอะไรก็ได้ สำหรับผมมันเลยมากกว่าแค่การเก็งกำไร การเทรด

ผมมีน้องคนนึงที่ผมรู้จักอยู่ประเทศไทยพัฒนาเขียนโค้ด ทำสมาร์ทคอนแทรค (Smart Contract) พอเวลาเปิดสมาร์ทคอนแทรค (Smart Contract) ให้โลกใช้ มันไม่ใช่แค่คนไทยที่ใช้ แต่เป็นชาวต่างชาติ คนทั่วโลก เอาเงินมาฝากเข้าในแพลตฟอร์ม เป็นพันๆ ล้านเหรียญ เหมือนเราเปิดร้านแล้วบอกว่าทำธนาคาร แต่เป็นธนาคารที่ทุกคนเป็นเจ้าของ เพราะใช้สมาร์ทคอนแทรค (Smart Contract) ทุกคนตรวจสอบได้ การที่ผมเห็นว่าอยู่ดีๆ คนเอาเงินมาฝากขนาดนี้ มันเป็นเทคโนโลยีที่มันมาแทนที่โมเดลทางธุรกิจแบบดั้งเดิม เพราะฉะนั้นมูลค่าวันนี้จะขึ้นลงยังไง ผมไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าในระยะยาวมันสร้างมูลค่าจริง ๆ ได้


ร่วมค้นหาคำตอบของเส้นทางสู่อิสรภาพในแบบของคุณเองไปกับคุณอนันดา เอเวอริงแฮม แอมบาสเดอร์ และผู้ใช้งานจริงของบิทาซซ่าเพิ่มเติมได้ที่นี่



คำเตือน : ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูง อาจสูญเสียเงินลงทุน ดังนั้น ผู้ที่ประสงค์จะลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลทุกชนิด ควรศึกษาข้อมูล และทำความเข้าใจเบื้องหลังและการใช้งานของแต่ละเหรียญก่อนตัดสินใจลงทุน รวมทั้งลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ท่านยอมรับได้

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line