CARS

THE ICONIC CARS: ย้อนชม JDM CARS ที่เป็นที่สุดแห่งยุค 90’s

By: SPLESS January 27, 2020

ถ้าพูดถึงเรื่องรถยนต์หนุ่ม ๆ ในเมืองไทยคงคุ้นเคยดีกับค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นจำนวนมากที่ได้รับความนิยมในบ้านเรามาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 1990 ช่วงเวลาที่มีรถญี่ปุ่นสร้างความยิ่งใหญ่ให้ทั่วโลกรู้จักกับคำว่า JDM Cars

JDM ย่อมาจาก Japanese Domestic Market หมายถึงรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ที่ผลิตขึ้นมาตามกฎหมายหรือสอดคล้องกับระเบียบรถยนต์และถนนในญี่ปุ่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารถญี่ปุ่นจะถูกยกให้เป็น JDM เพราะรถยนต์ญี่ปุ่นมากกว่าครึ่งเป็นรุ่นเดียวกับที่ออกแบบเพื่อส่งขายต่างประเทศโดยเฉพาะ เพราะกฎหมายและระเบียบควบคุมเกี่ยวกับรถยนต์ของแต่ละประเทศแตกต่างกันออกไป

รถหรือชิ้นส่วน JDM ถูกผลิตขึ้นมาภายใต้กฎข้อบังคับที่เข้มงวดซึ่งจะต้องผ่านการทดสอบที่เรียกว่า Shaken (車検) ทำให้รถที่ใช้ภายในประเทศและรถสำหรับส่งออกมีจุดที่แตกต่างกัน บางคนบอกว่าคุณภาพสูงกว่า บ้างก็บอกว่าความสวยงามและความแรงโดยรวมเหนือกว่า

Shane Hunter Flick

ที่แน่ ๆ คือรถเหล่านี้สามารถปรับจูนให้แรงขึ้นด้วยงบประมาณไม่สูงเกินไป คนรักความเร็วทั่วโลกรวมถึงในไทยเองจึงชื่นชอบรถยนต์ JDM ไม่ว่าจะสั่งซื้อเข้ามาทั้งคัน เปลี่ยนอะไหล่หรือทำรถแบบลูกผสมก็แล้วแต่ความชอบและงบประมาณ

ยุค 90’s ยังถือเป็นช่วงเวลาที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเปิดตัวและพัฒนารถยนต์ออกมาจำนวนมาก หลายคันกลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งยุคสมัยของค่ายโดยปริยาย

กลายเป็นยุคสมัยที่นักเลงรถทั่วโลกอยากจะลองของแรงจากแดนอาทิตอุทัยสักครั้งในชีวิต เมื่อบวกกับอายุการใช้งานรถของคนญี่ปุ่นที่ค่อนข้างต่ำและไม่นิยมมีในครอบครองจำนวนมากเกินไป เพราะภาษีและค่าตรวจสภาพรถในญี่ปุ่นมีราคาค่อนข้างสูง ทำให้มีรถมือ 2 สภาพดีและอะไหล่ JDM จำนวนมากถูกส่งออกไปทั่วทุกมุมโลก แต่ JDM CAR คันไหนถือเป็นที่สุดแห่งยุค 90’s มาย้อนชมโลกรถยนต์ไอคอนิกแห่งยุคสมัยไปพร้อมกัน

 

MAZDA RX-7

Autodeft

เริ่มกันที่ตัวแรงจาก Mazda กับตำนานของค่ายอย่าง RX-7 รถยนต์ที่สายการผลิตยาวนานถึง 30 ปี โดยในยุคนั้น Mazda RX-7 เดินทางมาถึงเจเนอเรชันที่ 3 หรือ FD มาพร้อมรูปทรงที่โฉบเฉี่ยวโค้งมนในน้ำหนักที่เบากว่ารถรุ่นอื่น โดยรถที่ใช้ในญี่ปุ่นแชสซีจะเป็นรหัส FD3S เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลังที่แบ่งน้ำหนักแบบ 50/50

บนถนน RX-7 รุ่นแรกไม่ใช่รถที่ยอมให้ใครแซงได้ง่าย ๆ ด้วยขุมพลังโรตารี่กับเครื่อง Wankel 2 ลูกสูบบวกกับเทอร์โบคุ่ที่ให้พลังระหว่าง 238 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดที่ 218 ปอนด์-ฟุตสูงสุดที่ 5,000 รอบ/นาที พร้อมความมันส์จากชุดเกียร์กระปุกแมนนวล 5-Speed ก็ทำให้รถมีอัตราเร่ง 0-100 ในเวลาเพียง 5.3 วินาที​ ความเร็วสูงสุดที่ 250 กิโลเมตรโดยยังไม่ผ่านการปรับจูน ซึ่ง FD รุ่นต่อมามีความแรงที่เพิ่มขึ้นอีก

Mazda RX-7 ไม่ได้โดดเด่นแค่บนถนน เพราะนี้คือหนึ่งในรถที่ถูกนำมาปรับจูนเป็นรถแข่งทั้งแบบเซอร์กิตและดริฟต์ กลายมาเป็นรถยนต์อีก 1 คันที่ทุกคนต้องรู้จัก พิสูจน์ด้วยยอดขาย 68,589 คัน ใน 10 ปีและคว้ารางวัลเกี่ยวกับยานยนต์มากมายมาครอบครอง

 

TOYOTA SUPRA MK VI

Hagerty

ปี 1993 รถยนต์หนึ่งคันเปิดตัวใน Chicago Motor Show หลังอยู่ในโปรเจกต์พัฒนาของทีมวิศวกรนาน 4 ปี รถคันนี้อีกหนึ่งผลงานของหัวหน้าวิศวกร Isao Tsuzuki ผู้เคยฝากผลงานไว้กับ Toyota Celica และ Toyota MR2 ชื่อของมันคือ Toyota Supra เจเนอเรชันที่ 4 รหัสตัวถัง A80 ที่ทำให้โลกรู้จักกับเครื่องยนต์ 2JZ

Supra (A80) หรือ Supra MK VI เป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นระหว่างปี 1993 – 2002 ถือเป็นหัวขบวนของโตโยต้าในยุค 90’s ร่วมกับ MR2 เปิดตัวมากับดีไซน์ใหม่ทั้งคันด้วยรูปทรงโค้งสไตล์ Curvaceous ด้านหน้ารถที่ยื่นออกมาพร้อมกับปีกหลังที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ทั้งหมดมาในน้ำหนักรถร่วม 1,585 กิโลกรัม

ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือเครื่องยนต์ใหม่ 2 ตัวล่าสุดของ Toyota ในเวลานั้นคือเครื่องยนต์ 2JZ-GE ให้พลัง 220 แรงม้าแรงบิดที่ 210 ปอนด์-ฟุต และเครื่องยนต์ 2JZ-GTE Twinturbo ที่ให้พลัง 276 แรงม้าและแรงบิดที่ 318 ปอนด์-ฟุต ทำให้มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรใน 4.9 วินาที ทั้งความเร็วและความสวยงามที่ไม่เหมือนใครในยุคสมัยนั้น ทำให้ SUPRA MK VI เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ JDM ที่ผู้คนจดจำมากที่สุด

 

HONDA NSX (1st GEN)

WSupercars

ณ ดินแดนแดนซามูไรมันคือ NSX แต่ในตลาดต่างประเทศผู้คนอาจเรียกว่า Acura NSX รถยนต์สปอร์ต 2 ที่นั่งมาวางเครื่องแบบ Mid-Engine ที่ผลิตขึ้นระหว่างปี 1990-2005 โดยชื่อ NSX แปลได้ว่า NEW SPORTCARS EXPERIMENTAL ผลงานดีไซน์จากทีมวิศวกรนำโดย Shigeru Uehara และ Masahito Nakano

Honda NSX คือรถที่โดดเด่นมากสำหรับรถญี่ปุ่นในยุคสมัยนั้น เพราะมีแรงบันดาลใจการออกแบบจากห้องนักบินเครื่อง F-16 และคำแนะนำจาก Ayrton Senna สุดยอดนักแข่งรถสูตร 1 ผู้ล่วงลับในขั้นตอนสุดของการพัฒนา และเป็นรถยนต์คันแรกของโลกที่ใช้ตัวถังอลูมิเนียมทั้งหมด

ด้านขุมพลังเวลานั้น Honda มาพร้อมกับเทคโนโลยี Variable Valve Timing หรือ VTEC กับเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ให้พลัง 270 แรงม้า แรงบิดที่ 210 ปอนด์-ฟุต และเครื่อง 3.2 ลิตรให้พลัง 290 แรงม้า แรงบิดที่ 224 ปอนด์-ฟุต

แต่ถ้าพูดถึงตำนาน JDM ของรุ่นนี้ต้องยกให้ Honda  NSX Type S ที่ผลิตเพื่อขายในประเทศเท่านั้น โดยฮอนด้าบอกเหตุผลว่าสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ “ถนนที่คดเคี้ยว” ด้วยน้ำหนักที่เบาลง 45 กิโลกรัมและชุดแต่งแบบจัดเต็ม ทำให้ NSX รุ่นนี้มีราคาแพงที่สุดในโลก โดยราคาในปี 1997 อยู่ที่ 10,357,000 เยนหรือประมาณ 2.8 ล้านบาท เมื่อ 22 ปีที่แล้ว

 

MITSUBISHI EVOLUTION VI

alphacoders

Mitsubishi Evolution รถยนต์สปอร์ตซีดานที่มีสายการผลิตยาวนานตั้งแต่ปี 1992-2016 โดยในยุค 90’s คงไม่มีรถคันไหนจากค่ายนี้โดดเด่นไปกว่า Evolution IV (เจเนอเรชันที่ 6)

Evolution IV เป็นรถพัฒนาให้สมบูรณ์มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องอากาศพลวัตและสมรรถนะเครื่องยนต์ เริ่มจากดีไซน์บอดี้ใหม่ที่ลดขนาดไฟตัดหมอกลงและย้ายไปที่มุมเพื่อให้อากาศไหลเวียนดีขึ้น ด้านระบบภายใน Evolution IV มาพร้อมกับอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ทำให้รถระบายความร้อนดีขึ้น

แต่สิ่งที่ทำให้ Evolution IV กลายเป็นศัตรูตัวฉกาจทางการตลาดของ Subaru Impreza คือเครื่องยนต์ 4 สูบ 4G63 ขนาด 2.0 ลิตร Turbocharged ให้พลัง 276 แรงม้า แรงบิดที่ 275 ปอนด์-ฟุต ทำงานร่วมกับชุดเกียร์แมนนวล 5-Speed ทำให้รถมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรใน 4.7 วินาที เหยียบควอเตอร์ไมล์ใน 14 วินาทีโดยไม่ต้องผ่านการปรับจูนใด ๆ

ความสำเร็จของ Evolution IV ทำให้มีรถรุ่นพิเศษออกมาเป็นรุ่น Tommi Makinen ส่วนรุ่น JDM ที่มีจำนวนจำกัดก็มีแฟนของ EVO ตามหาอยากครอบครองมาถึงปัจจุบัน

 

NISSAN SKYLINE GT-R

รวมสุดยอด JDM จากยุค 90’s ไม่มีทางข้ามชื่อ Nissan Skyline GT-R ไปได้ แต่ด้วยความที่มี Skyline GT-R ถึง 3 เจเนอเรชันที่คาบเกี่ยวกันในยุคนั้น เราเลยถือโอกาสรวมเรื่องราวของทั้ง 3 มาพร้อมกันทีเดียวเลย

เริ่มจาก Skyline GT-R (R32) ที่ผลิตระหว่างปี 1989-1994 เป็นการกลับมาครั้งแรกหลังเคยยกเลิกสายการผลิตไปในปี 1973 โดยเป็นผลงานการออกแบบของ Naganori Ito เพื่อส่งลงแข่งขัน Group-A ด้วยรถเจเนอเรชันใหม่กับแชสซีรหัส E-BNR32 ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ R32

Skyline GT-R (R32) มาพร้อมเครื่องยนต์ 6 สูบ 2.6 ลิตร Twin-Turbocharged และเกียร์แมนนวล 5-speed กลายเป็นรถยนต์สมรรถนะสูงในยุคสมัยที่สมบูรณ์แบบที่สุดเลยก็ว่าได้ ก่อนจะเข้าสู่ยุคของเจเนอเรชันที่ 4 อย่าง Skyline GT-R (R33) ที่มาพร้อมดีไซน์ตัวรถที่ทันสมัยมากขึ้น พร้อมเพิ่มทางเลือกเป็นเครื่องยนต์ 6 สูบขนาด 2.8 ลิตร Twin-Turbocharged RX-X GT2 รวมถึงรุ่นพิเศษ NISMO 400R

จนกระทั่งปี 1999 ก็เปลี่ยนเข้าสู่ยุคสมัยของ Skyline GT-R (R34) ที่พัฒนาอย่างยอดเยี่ยมด้วยเทคโนโลยีการขับขี่ขั้นสูงในเวลานั้น รวมถึงสมรรถนะที่ไล่ควบซูเปอร์คาร์จากยุโรปได้สบาย ๆ ไม่ต้องแปลกใจที่คนรักรถจำนวนมากจะยกให้รถตระกูลเป็น JDM ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุค 90’s

 

ทั้งหมดคือสุดยอดรถยนต์สายพันธุ์ JDM แห่งปี 90’s ที่คนรักความเร็วยกให้เป็นที่ที่สุดยุคสมัยนั้น หลายคันเป็นตำนานที่ยังโลดแล่นที่เป็นเหมือนกับตัวแทนของสมัยที่รถยนต์จากญี่ปุ่นถูกส่งไปโชว์พลังทั่วทุกมุมโลก

SPLESS
WRITER: SPLESS
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line