Entertainment

THE REAL : “BOMB AT TRACK” ศิลปินผู้ระเบิดเซฟโซนเพื่อ “ทำลายกรอบความคิด” ล้มล้างข้อจำกัดทางดนตรี

By: JEDDY June 10, 2022

เมื่อปี 2016 พวกเราเคยพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ Bomb At Track วงแร็ป ร็อก/เมทัล สุดร้อนแรงที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์สังคมไทยอย่างตรงไปตรงมาแบบไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม จนทำให้พวกเขากลายเป็นวงที่ถูกพูดถึงและเข้าไปยึดพื้นที่ความชื่นชอบของบรรดาคนรุ่นใหม่ที่นิยมเสพเพลงนอกกระแส

เวลาผ่านไป 6 ปี ทุกสิ่งทุกอย่างในวง Bomb At Track ก็ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนไปทีละนิดตามวัยและวุฒิภาวะที่เติบโตขึ้น ในวันนี้สมาชิกทั้ง 5 ได้แก่ เต้ (ร้องนำ), เมษ (กีตาร์), ปุ้ย (กีตาร์), ข้น (เบส) และนิล (กลอง) อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดลและศิลปากร ได้พาดนตรีของพวกเขาข้ามไปอีกขั้นด้วยการก้าวเข้ามาสู่สังกัดใหญ่อย่าง Genie records ภายใต้เครือ GMM Grammy และล่าสุดพวกเขาเพิ่งจะส่งอัลบั้มใหม่ลำดับที่ 2 “Bomb The System” ออกมาให้แฟน ๆ ได้เสพกันเป็นที่เรียบร้อย

แต่ในระหว่างทางพวกเขาได้ระเบิดระบบความคิดไปในทิศทางใดกันบ้าง คำตอบมีรอทุกคนอยู่แล้วครับ


“อำนาจเจริญ” ความหมาย ณ ที่นี้ไม่ใช่จังหวัดในภาคอีสาน แต่มันคือซิงเกิลแรกของวง Bomb At Track ที่ถูกปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 23 กรกฏาคม 2016

มันเกิดขึ้นหลังจากที่พวกเขารวมตัวกันเล่นงานคัฟเวอร์ที่ The Rock Pub ได้ไม่นาน พวกเขาต้องการจะสร้างเพลงที่มีทั้งความเป็นร็อกและแร็ปออกมา จนสุดท้ายก็ได้สุมหัวรวมตัวกันระเบิดไอเดียออกมาเป็นซิงเกิ้ลแรก ที่เปรียบเสมือนกุญแจไขเปิดเส้นทางด้านดนตรีของวงนับแต่นั้นเป็นต้นมา

“อำนาจเจริญ” คือส่วนประกอบของดนตรีอันดุเดือด, ก้าวร้าว แต่เต็มไปด้วยชั้นเชิง และถูกนำมาผสมผสานเข้ากับเนื้อร้องที่ถ่ายทอดเรื่องราวความเน่าเฟะของสังคมไทย โดยเต้ได้ย้อนความหลังแรงบันดาลใจของเพลงนี้ให้ฟังว่า

“ตอนนั้นก็ได้โครงเพลงมาแล้วเล็กน้อย มันอยู่ในช่วงที่กำลังหาว่าเราจะเขียนเนื้อเพลงไปในทิศทางไหนดี แล้วช่วงนั้นมีข่าวเกี่ยวกับสังคมที่ค่อนข้างเป็นที่สนใจ ผมก็ได้เข้าไปติดตามเหมือนกัน แล้วกลายเป็นว่าอิน ก็เลยลองเขียนตามที่ตัวเองรู้สึกออกมา พอเขียนเสร็จ เอามาอยู่กับดนตรีมันเข้ากันได้ดี รีแอคชั่นทุกคนวินาทีนั้นมันแบบ ‘เวิร์กหว่ะ’ ก็เลยแต่งต่อจนเสร็จครับ”

ด้วยความลงตัวของดนตรีบวกกับพลังส่งจากตัว MV ที่ดุดัน ทันทีที่ผลงานชิ้นนี้ได้ถูกเผยแพร่ออกไปสู่หูคนฟัง มันก็ได้รับการตอบรับอย่างดีแบบที่ทุกคนในวงคาดไม่ถึง ผู้คนต่างแชร์กันจนเกิดกลายเป็นไวรัลในชั่วข้ามคืน รวมไปถึงสื่อต่าง ๆ ก็ให้ความสนใจกับเพลง “อำนาจเจริญ” เช่นกัน

และไม่น่าเชื่อว่าแค่เพลงแรก Bomb At Track ก็ถูกทาบทามจากหลายค่ายเพลงทันที แต่พวกเขาเลือกที่จะปฏิเสธเพราะต้องการลองลุยสร้างผลงานด้วยตัวเองกันก่อน และสุดท้ายก็ได้ E.P. แรกออกมาทั้งหมด 5 เพลง ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นของแรร์ไอเทมไปซะแล้ว


หลังจากที่ได้ลุยในฐานะศิลปินอิสระอย่างเต็มที่แล้ว พวกเขาจึงตัดสินใจเซ็นสัญญากับ Wayfer Records ภายใต้การชักชวนของ ดนัย ธงสินธุศักดิ์ หรือ “ดาโน่” โปรดิวซ์เซอร์ระดับท็อปของประเทศไทย ผู้เคยปลุกปั้นให้วง Retrospect และ Sweet Mullet โด่งดังมาก่อนแล้ว

และในปี 2018 วง Bomb At Track ก็ส่งอัลบั้มแรกที่ใช้ชื่อว่า “White” ออกมาให้แฟนเพลงได้เสพ ซึ่งเป็นผลงานที่ตอกย้ำตัวตนอันชัดเจนให้เข้มข้นขึ้นไปอีก มีการจัดเนื้อร้องจากใจใส่พวกจอมปลอมแบบสะใจคนฟัง ไม่ว่าจะเป็นเพลง “ฉวย” “เจ้าหน้าที่” “คำตอบ (Feat.Repaze)” หรือ “ราชา” เป็นต้น

แม้จะอุดมไปด้วยเพลงเดือด ๆ แต่พวกเขาก็ได้สอดแทรกความอ่อนไหวไว้ด้วยกับเพลง “จด” ซึ่งได้ ริม นักร้องนำวง Silly Fools มาร่วมถ่ายทอดความรู้สึก โดยเพลงนี้ถูกทำออกมาในรูปแบบเพลงช้าจนไปถึงจังหวะกลาง มีเนื้อหาที่มอบกำลังใจและปลุกความเข้มแข็งเพื่อลุกขึ้นมาต่อสู้กับความอ่อนแอ และเพราะเพลง “จด” ก็ทำให้ Bomb At Track ได้จัดคอนเสิร์ตใหญ่ที่มีชื่อว่า “ถ้าไม่ได้ยิน ก็ต้องตะโกน” เป็นครั้งแรก ซึ่งมีแฟนเพลงนับพันเข้าร่วมในงานวันนั้น

“อัลบั้มนี้มันมีเพลงที่พาเราไปที่ใหม่ ๆ เช่นเพลง ‘จด’ ที่ทำให้เรามีแฟนเพลงกลุ่มใหม่มากขึ้นและทำให้เรามีคอนเสิร์ตใหญ่เพราะพี่โน่นบอกว่า ถ้าเพลงถึงล้านวิวแล้วจะจัดคอนเสิร์ตใหญ่ให้ครับ” 


แม้ทุกอย่างดูจะเป็นไปได้ด้วยดี กราฟความสำเร็จของ Bomb At Track ก็ดูจะไปในทิศทางที่พุ่งขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง แต่แล้วพวกเขาก็เลือกที่จะกลับมาเป็นศิลปินอิสระอีกครั้งหลังจากหมดสัญญากับทาง Wayfer Records ซึ่งถ้าให้เรามองตามความเป็นจริง ด้วยชื่อเสียงและฐานแฟนเพลงก็น่าจะทำให้วงเดินหน้าต่อได้แบบไม่ติดขัดอะไร

สุดท้ายเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้นกับคนทั่วโลก การมาของ Covid-19 มันได้ส่งผลกระทบให้ชีวิตของทุกคนเปลี่ยนไปแบบไม่ทันตั้งตัว เจ้าเชื้อร้ายตัวนี้ไม่ใช่แค่เพียงพรากหลายชีวิตให้ต้องจากลาโลกใบนี้ไป แต่มันยังได้พรากแพชชั่น ความฝัน และความหวังของหลาย ๆ คนจนหมดกำลังใจไปด้วยเช่นกัน

“ช่วงนั้นส่วนตัวผมดาวน์เหมือนกันครับ มันเป็นช่วงจบอัลบั้มไปแล้วด้วย แล้วทุกคนก็พลังหมด ไฟก็เริ่มจะไม่ค่อยมีแล้วเพราะงานคอนเสิร์ตก็หายตามไปด้วยครับ”

แม้ว่าไฟของแพชชั่นจะเริ่มมอดลง แต่พวกเขาก็ยังสามารถรวบรวมพลังจนส่งเพลง “แค่เรื่องเล่า” เพื่อสร้างกำลังใจให้กับตัวเองและคนอื่น ๆ ที่ต้องเผชิญกับความยากลำบาก 


พายุที่พัดผ่านไปย่อมเกิดความสดใสตามมา ชาว Bomb At Track ได้โอกาสเติบโตขึ้นจากกองไฟที่เกือบจะดับได้อีกครั้ง กับการเข้ามาร่วมงานภายใต้สังกัด genie records ในเครือ GMM Grammy ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของบ้านเรา งานนี้ต้องขอบคุณ “สอง” มือเบสของวง Paradox ที่เป็นคนเปิดประตูให้พวกเขาได้เข้ามาเซ็นสัญญากับที่นี่

“ผมได้มีโอกาสคุยกับพี่สอง Paradox ได้ปรึกษาว่าค่าย genie เป็นอย่างไรบ้าง? แล้วผมก็มาคุยกับที่วง จนวันหนึ่งมีโอกาสได้เข้าไปคุยกับทางทีมของ genie พอคุยกันเสร็จก็รู้สึกว่าทางทีมและทางวงเห็นอนาคตค่อนข้างไปทางเดียวกัน ก็เลยตัดสินใจลุยกับทาง genie 100% เลยครับ” 

“ผมว่ามันคล่องตัวมากขึ้น เรื่องกดดันของผมก็ไม่ได้รู้สึกขนาดนั้นครับ ผมรู้สึกว่าพอเรามาอยู่ค่ายใหญ่ หลาย ๆ อย่างจะเป๊ะมากขึ้น เรื่องการทำเพลงก็จะแยกส่วนออกไป แต่เรื่องที่เป็นระบบในค่ายมันค่อนข้างที่จะวางใจได้ มันไม่มีความกดดันอย่างที่เคยจินตนาการไว้เกิดขึ้นเลยครับ” 

“มันทำให้ผมมีพลังมากขึ้น สะใจตัวเองว่า ‘ต้องอย่างนี้ดิวะ กูจะลุยให้เต็มที่เลย’ ผมรู้ได้เลยว่าการได้มาอยู่ค่ายนี้ มันเติมเต็มเรามาก ๆ เติมไฟเรามาก ๆ ครับ” 


หลายคนมีความเชื่อว่า ศิลปินอิสระโดยเฉพาะวงใต้ดินที่เริ่มต้นจากการทำเพลงสะกิดสังคม เมื่อย้ายบ้านมาอยู่ค่ายใหญ่จะต้องปรับเปลี่ยนตัวตนไปตามกลไกของการตลาด

แต่สำหรับ Bomb At Track ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป เพราะเพลงแรกที่เปิดตัวกับ Genie records อย่าง “บ้ายอ” ก็ยังคงสะท้อนแนวคิดที่ต่อยอดมาจากจุดเริ่มต้นของวง หรือจะเป็นเพลงอย่าง “คำสั่ง” และ “เด็กเอ๋ยเด็กดี (Feat.Milli)” ก็เป็นเนื้อหาที่หาไม่ได้ง่าย ๆ จากวงเมนสตรีมทั่วไป

“บางคนอาจรู้สึกว่าเป็นการเสียตัวตนหรือเปล่า หรือทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนหรือเปล่า ผมบอกได้เลยว่าเพลงของเรามันคือของพวกเรา 5 คน ทุกคนต้องชอบ ต้องรู้สึกกับมัน มีส่วนร่วมทุกอย่างเหมือนเดิม

ในอัลบั้มนี้ไม่ใช่ผมคนเดียวเป็นคนคิดกลอง แทบจะทุกคนครับ ซึ่งมันสะท้อนตัวตนของพวกเราจริง ๆ ไม่มีเพลงไหนที่เราโดนบังคับหรือฝืนใจ อะไรที่ไม่ใช่ตัวพวกเรา เราไม่ยอมให้ปล่อยออกไปแน่นอน นั่นคือ Bomb At Track จริง ๆ” 

 

“การอยู่ค่ายใหญ่ จะต้องทำเพลงให้ซอฟต์ลงเพื่อเอาใจตลาด ผมอยากพูดตรงนี้เลยครับว่า Bomb At Track  ไม่ว่าจะทำอะไรมันก็คือตัวตนของเราอยู่แล้วครับ การเข้าค่ายใหญ่ไม่ได้รู้สึกว่าเราจะเสียตัวตน หรือเพลงจะหนักขึ้นหรือเบาลง ยังไงมันก็คือตัวตนของเราครับ 

ตั้งแต่ที่เราทำ ‘อำนาจเจริญ’ ตอนนั้นก็คือตัวตนของเราอย่างหนึ่ง ตอนนี้มันก็คือตัวตนของเราอีกรูปแบบหนึ่งที่มันพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงไป คำว่าเสียตัวตนมันอาจไม่ได้มีจริงก็ได้ในโลกนี้ เพราะผลงานที่ออกไปมันก็เป็นพวกเราที่สร้างมันขึ้นมาเองอยู่ดีครับ” 


การกล้าออกจากเซฟโซนย่อมเป็นสิ่งที่ท้าทายเสมอ 5 สมาชิกจาก Bomb At Track ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่กล้าจะฉีกกรอบเดิม ๆ ด้วยการเติมไอเดียและสีสันที่แปลกใหม่ไว้ในอัลบั้ม “Bomb The System” ผลงานชุดใหม่ของพวกเขา

เราจะได้เห็นความคิดสร้างสรรค์ที่แตกต่างออกไปในผลงานชุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นเสียงสังเคราะห์, ซาวด์ดีไซน์ และการกล้าที่จะบอกเล่าความรู้สึกข้างในของตัวเองมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เช่นเพลง “จำ” ที่ได้ พัด นักร้องนำวง Zweed n’ Roll มาเป็นแขกรับเชิญ เป็นเพลงที่เล่าถึงเรื่องราวความทรงจำของความรักครั้งเก่าที่ยังคงสวยงามเสมอยามที่ได้คิดถึง มันเป็นสิ่งสะท้อนความอ่อนไหวในความเกรี้ยวกราดของ Bomb At Track ได้เป็นอย่างดี

ส่วนอีกเพลงที่ชัดเจนมากคือ “เสียงในหัว” กับสไตล์ดนตรีที่แตกต่างอย่างสุดขั้ว มันเต็มไปด้วยแอมเบียนต์ซาวด์หลอน ๆ คลอไปพร้อมกับบีตจากกลองที่ลงตัว ช่วยให้การร้องท่อนแร็ปของเต้สามารถระบายสิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวออกมาอย่างหมดจดสวยงาม โดยนิลได้เล่าถึงความรู้สึกของเพลงนี้ไว้ว่า

“เพลง ‘เสียงในหัว’ ผมรู้สึกว่าเป็นแนวเพลงที่เราไม่เคยทำ แล้วกลับเป็นว่าเรากล้าทำเฉยเลย แทบไม่มีกลองหรือเสียงกีตาร์ในเพลงเลย แต่มันก็ยังเป็น Bomb The System สุด ๆ เลย ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ

และผมเดาว่าอนาคตมันคงไม่มีคนมาเรียกแล้วว่าเพลงแบบนี้มันเป็นแนวไหน แต่ผมรู้สึกว่าน่าจะเป็นการที่พูดถึงวงเรากับแนวเพลงต่าง ๆ ที่มาผสมกัน ผมรู้สึกว่ามันสนุกทั้งคนทำและคนฟังจะไม่สามารถตีกรอบได้เลยว่า Bomb At Track จะทำซาวด์ออกมาแบบไหนบ้าง” 

แต่กว่าที่อัลบั้มจะออกมาเสร็จสมบูรณ์พวกเขาก็ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ รวมไปถึงเวลาส่วนตัว จนได้ผลงานที่ออกมาถูกใจของสมาชิกทั้ง 5 คน และกลายเป็นผลงานที่สะท้อนการเติบโตไปสู่แฟนเพลง

“ซื่อสัตย์และฟังเสียงหัวใจของตัวเอง คือการทำงานที่ดีที่สุดเสมอครับ มันเหมือนว่าเวลาจะทำอะไร ตัดสินใจทำอะไร ไม่ต้องสนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร มันมาจากข้างในของเราจริง ๆ เหมือนที่ทุกเพลงเราทำออกมาจากสิ่งที่เรารักจริงๆ

หากเราฟังคนอื่นมากเกินไป ก็อาจทำให้ลืมสิ่งที่อยู่ในใจตัวเองได้ มันก็อาจจะทำให้เราพลาดสิ่งที่อยากทำไปตลอดชีวิตเลยก็ได้ ทุกอัลบั้มที่เราเคยปล่อยออกไป มันคือสิ่งที่เราอยากทำ 100% ครับ” 


“ผมรู้สึกว่าการที่เราค่อย ๆ เดินขึ้นไปเรื่อย ๆ ผมก็ไม่รู้ว่าเป้าหมายมันจะจบตรงไหน เราจะก้าวเดินไปได้ถึงขั้นไหน แต่ผมชอบความรู้สึกที่พวกเราค่อย ๆ ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ

จนถึงตอนนี้อัลบั้มที่ 2 มันก็คือเป้าหมายของผมเมื่อสองปีก่อน และตอนนี้ผมก็ทำได้ ผมจึงไม่รู้สึกคาดหวังกับวง หรืออยากให้วงรีบไปถึงจุดสุดยอดที่ไกลออกไปจนมองไม่เห็น

เพราะผมรู้สึกมีความสุขมากกว่าเวลาวงของเราเจอเรื่องราวที่ท้าทายแล้วสามารถผ่านมันไปได้ รู้สึกว่าได้เห็นวงมีการพัฒนาขึ้นไปเรื่อย ๆ ด้วยตาของทุกคน”

“บางทีเราก็ห้ามไม่ได้ที่จะไม่คาดหวัง อย่างที่ปุ้ยบอกว่าเราไม่คาดหวัง เพราะเราอยู่กับปัจจุบันและพยายามทำมันให้ดีที่สุดอยู่แล้ว แต่บางทีก็อดไม่ได้ที่จะคาดหวัง อย่างปัจจุบันที่สุดคืออัลบั้มนี้

ถ้าใครถามว่าความสำเร็จคืออะไร? มันอาจไม่ใช่ความดัง หรือสำหรับบางคน มันอาจจะใช่ก็ได้ แต่สำหรับผมความสำเร็จ ณ​ ตอนนี้ เท่านี้ คือมันสำเร็จแล้ว

ต่อจากนี้ Bomb The System มันจะพาเราไปทางไหนต่อ ตรงนั้นก็เป็นอนาคตที่พวกเราเฝ้ารอดู ซึ่งคงน่าสนุกขึ้นไปอีก เพราะเราก็ไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ผมเคยคิดในหัวเหมือนกันว่าถ้าไม่คาดหวังก็จะไม่ผิดหวัง แต่มันทำไม่ได้ เพราะผมคาดหวังตลอด มนุษย์น่าจะต้องคาดหวังตลอด แต่สำคัญที่สุดคือปัจจุบันพวกเรายังสนุก พวกเรายังได้อยู่กับเพื่อนเพื่อช่วยกันทำสิ่งที่เรารัก เหมือนวันแรกของ อำนาจเจริญ ไม่มีเปลี่ยนแปลงครับ”


แฟน ๆ Bomb At Track สามารถติดตามผลงานและซัพพอร์ตอัลบั้ม “Bomb The System” ได้ทาง Facebook : Bomb At Track และ genie records รวมไปถึงสามารถรับฟังเพลงได้ทาง Youtube และทุกช่องทางสตรีมมิ่ง


ทาง Unlockmen ต้องขอขอบคุณทีมพีอาร์ GMM Grammy และสมาชิกวงทุกคนที่สละเวลามานั่งพูดคุยกับพวกเรา และขอบคุณ The Pe Studio ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ในการถ่ายทำด้วยครับ

ความน่าสนใจของ Bomb At Track ยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ เตรียมพบกับคลิปสัมภาษณ์ได้ทางแฟนเพจ Unlockmen เร็ว ๆ นี้ครับ

Photographer : Krittapas Suttikittibut

JEDDY
WRITER: JEDDY
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line