MUSIC

UNLOCKMEN PLAYLIST : 11 เพลงร็อกโคตรเพราะฟังเพลินยุค 2000’s จากฝั่งอเมริกา

By: JEDDY May 21, 2022

ในช่วงต้นยุค 2000’s หรือยุคมิลเลเนียม ดนตรีร็อกในอเมริกามีกระแสดนตรีหลากหลายแนวที่ได้รับความนิยม แต่หลัก ๆ ต้องยกให้ นูเมทัล, ป๊อปพังก์ และโพสต์กรันจ์ แม้วงเหล่านี้จะนิยมเล่นดนตรีที่หนักหน่วงและเกรี้ยวกราด แต่พวกเขาก็มีเพลงช้าไว้ใช้สำหรับการโปรโมตเป็นอาวุธติดตัวด้วยเช่นกัน ซึ่งเพลงเหล่านี้ที่ทำให้ชื่อเสียงของวงในยุคนั้นต่างโด่งดังและประสบความสำเร็จ

Unlockmen Playlist จึงขอนำเสนอบเพลงร็อกจากฝั่งอเมริกาแห่งยุค 2000’s ที่อยู่ในความทรงจำของทุกคน มาร่วมย้อนเวลาไปหาความรู้สึกดี ๆ เหล่านั้นกันครับ


1.IN THE END

LINKIN PARK

 

ผลงานจากอัลบั้มแรกนามว่า Hybrid Theory ของวง Linkin Park ซึ่งถือได้ว่าเป็นเพลงที่ทำให้ทั่วโลกได้รู้จักชื่อของพวกเขาอย่างกว้างขวางกับดนตรีสไตล์แร็ป/ร็อก นูเมทัล ที่มาพร้อมกับเมโลดี้ทั้งดนตรีและเสียงร้องสุดติดหู ชนิดที่ว่าฟังครั้งเดียวก็ติดหนึบในโสตประสาทแบบแกะไม่ออกเลยทีเดียว


2.MY SACRIFICE

CREED

วง Creed ถือเป็นวงที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในตลาดเพลงร็อกในอเมริกากับดนตรีสไตล์โพสต์กรันจ์ที่เน้นเนื้อหาเอาใจชาวคริสเตียน แต่ถ้าจะให้พูดถึงบทเพลงที่โด่ดังที่สุดตลอดกาลคงต้องยกให้กับ “My Sacrifice” ที่นอกจากดนตรีจะตราตรึงใจ ตัว MV ก็กลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทุกคนต่างจดจำโดยเฉพาะซีนที่ Scott Stapp อยู่บนเเรือและได้ดึงตัวเองอีกคนที่จมน้ำขึ้นมา


3.WHERE EVER YOU WILL GO

THE CALLING

วงอัลเทอร์เนทีฟร็อกที่มีหน้าตาหล่อเหลาอย่างกะบอยแบนด์ ทันทีที่พวกเขาส่งซิงเกิ้ลแรก “Where Ever You Will Go” ออกมาให้ฟังก็โด่งดังในชั่วเวลาเพียงข้ามคืน สาเหตุมาจากดนตรีที่ฟังง่าย มีเซนส์ความเป็นป๊อปสูง จึงไม่แปลกใจที่มันจะเป็นมิตรกับบรรดาคลื่นวิทยุส่งผลให้เพลงนี้ติดชาร์ตในอเมริกายาวนานถึง 48 สัปดาห์เลยทีเดียว


4.WAKE ME UP WHEN SEPTEMBER ENDS

GREEN DAY

ผลงานเพลงของวง Green Day ที่ถูกพูดถึงทุกครั้งในวันสิ้นเดือนกันยายน เพลงนี้มาจากผลงานในอัลบั้ม “American Idiot” ที่เต็มไปด้วยเพลงฮิตมากมาย และ “Wake Me Up When September End” ก็เป็นเพลงช้าในอัลบั้มที่มีทั้งความสวยงามและความเศร้าหมองในเวลาเดียวกัน


5.I DON’T LOVE YOU

MY CHEMICAL ROMANCE

 

บทเพลงบัลลาดของวงอีโมขอบตาดำ My Chemical Romance พวกเขาเรียบเรียงเพลงนี้ได้อย่างเข้มข้น ดนตรีนำพาบรรยากาศหม่น ๆ มาสู่ตัวเพลงได้อย่างน่าสนใจ และมันช่างเข้ากับตัว MV ที่เป็นภาพขาวดำได้ดีจริง ๆ อย่างไรก็ตามเนื้อหาของเพลงนี้กลับพูดถึงการแก้แค้นพวกที่เกลียดชังวงของพวกเขามากกว่าที่จะเป็นเรื่องความรัก


6.BEHIND BLUE EYES

LIMP BIZKIT

ต้นฉบับดั้งเดินเป็นของวง The Who แต่ Limp Bizkit ก็สามารถขโมยมาเป็นเพลงตัวเองได้สำเร็จ เพราะมีแฟนเพลงจำนวนมากที่คิดว่าเพลงนี้ต้นฉบับเป็นเพลงของพวกเขาเอง ข้อแตกต่างในเพลงนี้คือซาวด์ที่มีความทันสมัยมากขึ้นกว่าในต้นฉบับ และท่อนกลางของเพลงวง Limp Bizkit ก็จัดการเปลี่ยนจากจังหวะดนตรีคึกคักให้กลายเป็นเสียงแซมเปิ้ลจากเทิร์นเทเบิ้ลแทน


7.I MISS YOU

BLINK-182

แม้ว่าภาพลักษณ์ของ Blink-182 จะกวนและแสบขนาดไหน แต่ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็มีมุมความโรแมนติคซ่อนไว้เช่นกัน สิ่งมันสะท้อนออกมาจากเพลง “I Miss You” ผลงานจากอัลบั้มชื่อเดียวกับวง พวกเขาได้รับแรงบันดาลใจเพลงนี้มาจาก The Cure ตำนานโพสต์พังก์จากประเทศอังกฤษ ทำให้โทนของเพลงออกมาด้วยบรรยากาศหม่นหมองมากเลยทีเดียว


8.HERE WITHOUT YOU

3 DOORS DOWN

อีกหนึ่งเพลงบัลลาด/โพสต์กรันจ์ที่ติดตลาดอเมริกา เพลงนี้มีครบทุกสูตรที่พร้อมเป็นเพลงฮิตไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับความอกหัก, ดนตรีที่ไม่หนักจนเกินไป รวมไปถึงความไม่ซับซ้อนของดนตรี จึงไม่น่าแปลกใจที่ “Here Without You” จะสามารถครองใจแฟนเพลงชาวร็อกได้อย่างง่ายดาย


9.TOXICITY

SYSTEM OF A DOWN

วงนูเมทัลเชื้อชายอาร์เมเนียนมักจะทำให้เราประหลาดใจกับดนตรีของพวกเขาเสมอ เช่นเดียวกับเพลงนี้ที่มีทั้งความหนักหน่วงและความงดงามของไลน์กีตาร์ แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนประทับใจคือการปรับเปลี่ยนท่อนดนตรีที่พร้อมจะเบรกเราให้หัวทิ่มได้เป็นประจำ


10.LIKE A STONE

AUDIOSLAVE

 

Audioslave คือการร่วมตัวระหว่างสมาชิกวง Rage Against The Machine และ Soundgarden ทำให้เราจะได้ยินเอกลักษณ์ของทั้ง 2 วงในเพลงเดียวกัน และสิ่งที่ชัดเจนมากคือเสียงร้องของ Chris Cornell และลูกเล่นกีตาร์ของ Tom Morello ซึ่ง “Like A Stone” สะท้อนสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นออกมาได้ดีมากจริง ๆ 


12.THE REASON

HOOBASTANK

ไลน์เปียโนและเมโลดี้เพราะ ๆ ของเพลงนี้ยังคงติดอยู่ในใจของใครหลายคนอย่างแน่นอน วง Hoobastank รังสรรค์เพลงนี้ออกมาได้อย่างนุ่มละมุนหูมาก มันเต็มไปด้วยบรรยากาศชวบเคลิบเคลิ้ม และแน่นอน “The Reason” น่าจะเป็นผลงานที่สร้างชื่อให้กับพวกเขามากที่สุดแล้ว


ทั้งหมดนี้ล้วนบ่งบอกความรุ่งเรืองของดนตรีร็อกในยุค 2000’s ได้เป็นอย่างดี และหลาย ๆ เพลงมันได้กลายเป็นเพลงระดับคลาสสิคที่อยู่เหนือกาลเวลาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอให้สนุกกับการฟังเพลงกันนะครับทุกคน

JEDDY
WRITER: JEDDY
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line