Entertainment

UNLOCKMEN PLAYLIST! กับ 10 เพลงร็อกระดับ “ICONICS” แห่งยุค 90’s จากฝั่ง UK

By: JEDDY March 20, 2022

ครั้งก่อนที่ทางเราได้มีการทำคอนเทนต์เพลงร็อกยุค 90’s จากฝั่งอเมริกาไป ก็มีคอนเมนต์บางส่วนที่เรียกร้องอยากให้ทำฝั่งอังกฤษบ้าง วันนี้เราเลยขอจัด 10 เพลงร็อกระดับ Iconic แห่งยุค 90’s จากฝั่งสหราชอาณาจักรแบบเน้น ๆ เอาไว้ให้ทุกคนได้เพิ่มเข้าไปในเพลย์ลิสต์ส่วนตัวกันครับ


OASIS

“WONDERWALL” (1995)

เอาจริง ๆ เพลงของ Oasis นี่เป็นอะไรที่เลือกยากมากเพราะเพลงดี ๆ มีอยู่หลายเพลง แต่ถ้าจะให้พูดถึงเพลงระดับ Iconic ก็มีอยู่ 2 ตัวเลือกคือ “Don’t Look Back In Anger” และ “Wonderwall” แต่สุดท้ายขออนุญาตเลือกเพลงหลัง เพราะความชื่นชอบเสียงร้องของ Liam Gallagher ในสมัยที่เสียงยังสดเอามาก ๆ

“Wonderwall” เป็นผลงานจาก “(What’s The Story) Morning Glory” สตูดิโออัลบั้มที่ 2 ของ Oasis ซึ่งกลายเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่มาจวบจนทุกวันนี้

ส่วนหนึ่งของความสำเร็จ ก็ต้องยอมรับว่าเพลง “Wonderwall” ก็มีส่วนเป็นอย่างมาก ลำพังแค่ยอดจำหน่ายซิงเกิ้ลเดียวก็ขายได้มากถึง 4 ล้านกว่าก็อปปี้แล้ว ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะตัวดนตรีถูกทำมาให้ฟังง่าย นำด้วยเสียงกีตาร์อะคูสติกที่คลอไปกับเสียงร้องที่ฟังแล้วรู้สึกสบายใจ รวมไปถึงเนื้อหายังนำเสนอด้านบวกให้กับชีวิตของเราด้วย


BLUR

“SONG 2” (1997)

หลาย ๆ คนน่าจะรู้จักเพลง “Song 2” มาจากเกม FIFA 98 ซึ่งแน่นอนผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เป็นเพลงที่ฟังครั้งเดียวก็ติดหูจากท่อนร้อง “วู้วฮู” แถมตัวดนตรียังกระชับสาดกันมันส์ ๆ ตั้งแต่เริ่มต้นและจบลงในเวลาอัดรวดเร็วเพียง 2:02 นาทีเท่านั้น แต่แค่นั้นมันก็ทำให้แฟนเพลงกระโดดกันอย่างบ้าคลั่งทุก ๆ ครั้งที่เพลงถูกนำไปเล่นสดในคอนเสิร์ต

“Song 2” เป็นผลงานในอัลบั้มที่ 5 ที่ใช้ชื่อเดียวกับวง โดยในอัลบั้มนั้นมีเพลงดังอย่าง “Beetlebum” รวมอยู่ด้วย


RADIOHEAD

“CREEP” (1992)

ก่อนจะเพลงติสแตกเหมือนในทุกวันนี้ วง Radiohead ก็สร้างงานดนตรีสไตล์อัลเทอร์เนทีฟร็อกที่ฟังเข้าใจง่ายมาก่อน โดยเฉพาะเพลง “Creep” ที่กลายเป็นผลงานแจ้งเกิดของทางวง ด้วยสไตล์ดนตรีที่เต็มไปด้วยบรรยากาศล่องลอย ก่อนจะถูกโจมตีด้วยส่วนเสียงแตกพร่าของกีตาร์ราวกับเสียงฝ้าผ่าในช่วงก่อนเข้าท่อนฮุค แม้จะมาเพียงสั้น ๆ แต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะสร้างอิมแพคให้กับผู้ฟังได้แล้ว

นอกจากนั้นแล้วเพลง “Creep” ยังเป็นซิงเกิ้ลเดบิวต์ผลงานจากอัลบั้มแรก Pablo Honey และถึงแม้ว่าตัวเพลงจะโด่งดังมากขนาดไหน แต่ Thom Yorke ฟรอนต์แมนของวงกลับเคยบอกว่า “ผมไม่ค่อยแฮปปี้กับเนื้อเพลงซักเท่าไหร่ ผมคิดว่ามันแย่มากเลย”


SUEDE

“BEAUTIFUL ONES” (1996)

วงร็อกจากกรุงลอนดอน ที่นำเสนออิมเมจสไตล์โฮโมเซ็กชวล ดนตรีของ Suede จึงเปี่ยมไปด้วยสีสันที่ดูมีชีวิตชีวาจากการมิกซ์ซาวด์ของแดนซ์มิวสิคลงไป พิสูจน์ได้จากซิงเกิ้ลระดับโคตรฮิตอย่าง “Beautiful Ones” ผลงานจากอัลบั้ม ‘Coming Up” ที่สามารถถ่ายทอดสิ่งที่บรรยายมาได้อย่างชัดเจน

เพลงนี้ทาง Mat Osman มือเบสของวงได้เคยหยอกกับทาง Richard Oakes ว่าจะทำให้ขาเป็นอัมพาตหากเพลงนี้ไม่ดัง สาเหตุมาจาก Oakes เป็นคนขึ้นริฟฟ์กีตาร์แรกให้กับเพลงนี้ นอกจากนั้นก่อนจะมาเป็นชื่อเพลง “Beautiful Ones” ทางวงยังตั้งชื่อว่า “Dead Leg” มาก่อนอีกด้วย


THE VERVE 

“BITTER SWEET  SYMPHONY” (1997)

เป็นชื่อเพลงที่บ่งบอกซาวด์ของดนตรีได้แบบหมดจด เพราะตลอดระยะเวลา 4:35 นาที เราได้ยินซาวด์ของดนตรีร็อกบาง ๆ เป็นแบ็คกราวน์หลบอยู่ภายใต้ซาวด์ของดนตรีซิมโฟนิคสุดอลังการ กลุ่มเครื่องสายบรรเลงไปพร้อม ๆ กับเสียงร้องของ Richard Paul Ashcroft นักร้องนำมาดเท่

นอกจากนั้นสิ่งที่ทุกคนจดจำเพลงนี้ได้เป็นอย่างดีคือตัว MV ที่เราจะได้เห็น Ashcroft เดินไปตามทางที่มีผู้คนมากมาย ซึ่งในบางซีนเราได้เห็นพี่แกเดินชนคนกระเด็น (นักแสดง) แบบไม่สนใจและมุ่งหน้าร้องเพลงของตัวเองต่อไป จนสุดท้ายก็ได้ไปเจอเพื่อน ๆ ร่วมวงในตอนจบ

MV ดังกล่าวถูกถ่ายทำที่ถนนฮอกซ์ตันแอนด์ฟอลเคิร์ก, ถนนเพอร์เซลล์ และถนนครอนดัลล์ เขตฮอกซ์ตัน ในเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ


MANIC STREET PREACHERS –

“MOTORCYCLE EMPTINESS” (1992)

ริฟฟ์กีตาร์เดียวเฟี้ยวได้ทั้งเพลง นี่คือนิยามที่จะทำให้ทุกคนเข้าใจเพลง “Motorcycle Emptiness” ของวง Manic Street Preachers ได้ดีที่สุด ผลงานจาก Generation Terrorists อัลบั้มแรกซึ่งเป็นยุคที่ทางวงยังเล่นดนตรีสไตล์แกลมร็อก/เมทัล กันอยู่

“Motorcycle Emptiness” เป็นเพลงช้าที่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ใครก็ตามที่ได้ฟังจะต้องตกหลุมรักกับเพลงนี้ ซึ่งสุดท้ายมันก็ได้กลายเป็นเพลงสุดคลาสสิคของวงร็อกจากเวลส์ที่แฟนเพลงทั่วโลกต่างยอมรับ


ASH 

“GIRLS FROM MARS” (1995)

วงดนตรีจากประเทศไอร์แลนด์เหนือ ที่นำเสนอดนตรีสไตล์อัลเทอร์เนทีฟร็อก และสามารถสร้างชื่อได้ทันทีตั้งแต่ออกผลงานชุดแรกที่ใช้ชื่อว่า “1977” โดยมีเพลงดังอย่าง “Girls From Mars” เป็นตัวชูโรง

ความสำเร็จส่วนหนึ่งคงต้องยกเครดิตให้กับ Owen Morris โปรดิวซ์เซอร์ผู้ปลุกปั้นให้กับวง Oasis โด่งดังเป็นพลุแตกมาแล้ว นอกจากนั้นความดังของเพลง “Girls From Mars” ยังถูกทำ MV เป็น 2 เวอร์ชั่น ได้แก่แบบ U.K. กำกับโดย Peter  Christopherson ผู้เคยร่วมงานกับวง Rage Against The Machine และ Van Halen มาก่อน ส่วนเวอร์ชั่นอเมริกาได้ Jesse Peretz ผู้ฝากผลงานไว้กับ MV เพลง “Big Me” ของวง Foo Fighters มาเป็นผู้กำกับให้


THE CHARLATANS

“THE ONLY ONE I KNOW” (1990)

The Charlatans ผลผลิตจากมูฟเมนต์ของแมดเชสเตอร์ และเป็นอีกหนึ่งวงที่ยืนหยัดในวงการดนตรีมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ปี 1988 แม้ชื่อเสียงอาจจะเป็นรองวงยักษ์ใหญ่มากมาย แต่ผลงานอัลบั้มแรก “Some Friendly” ก็เป็นสิ่งที่คอเพลงร็อกฝั่งอังกฤษไม่สามารถมองข้ามไปได้

ส่วนเพลงที่ทำให้ใครหลายคนรู้จักชื่อของ The Charlatans คงหนีไม่พ้น “The Only One I Know” ซึ่งทางวงได้รับอิทธิพลการทำเพลงนี้มาจากเพลง “Everybody’s Been Burned” ของวง The Bryds และเพลง “Hush” ของวง Deep Purple 


PULP

“COMMON PEOPLE” (1995)

“Common People” บทเพลงที่ถือได้ว่าเป็นที่รู้จักมากที่สุดของวง Pulp และยังเป็นอีกสิ่งที่สะท้อนความรุ่งเรืองของยุคบริตป๊อปได้ดีมาก ๆ ผลงานจากอัลบั้มที่ 5 ของวงนามว่า “Different Class”

แรงบันดาลใจในการทำเพลงนี้ทาง Jarvis Cocker นักร้องนำของวงเคยเล่าให้ฟังว่าได้แรงบันดาลใจมาจากหญิงสาวชาวกรีซ

“ผมได้เจอเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ ในช่วงที่ผมยังเรียนอยู่ที่โรงเรียน St Martin ผมเจอเธอในห้องเรียนงานประติมากรรม มันมีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า ‘Crossover Fortnight’ (การแลกเปลี่ยนวิชาเรียน) ที่คุณต้องไปปฎิบัติตามระเบียบของโรงเรียนอยู่ 2 สัปดาห์ แล้วที่ผมเรียนอยู่คือสาขาฟิล์ม ส่วนเธอเรียนวาดภาพ แต่เราทั้ง 2 คนได้ลงมาเรียนวิชาประติมากรรมด้วยกัน 2 สัปดาห์ โดยที่ผมก็ไม่รู้จักชื่อเธอนะครับ”


SUPERGRASS

“ALRIGHT” (1995)

แม้เพลง “Alright” ของ Supergrass แทบจะไม่มีความเป็นร็อกเอาซะเลย ถ้าเทียบกับเพลงอย่าง “Richard III” แต่ถ้าเป็นเพลงระดับ Iconics คงต้องยกเลือกเพลงนี้เข้ามาอยู่ในลิสต์แทน

ดนตรีที่เน้นไปด้วยเสียงของเปียโน ซาวด์กีตาร์แบบเรทโทรร็อกคล้ายยุค 60’s บรรยากาศดนตรีโทนสว่างสดใส มองภาพรวม ๆ อาจจะทำให้นึกถึง The Beatles ได้เหมือนกัน

อย่างที่บอกไปว่าเพลงอาจจะไม่ร็อก แต่ถ้ามองอีกมุมเพลง “Alright” มันคือประตูบานแรกที่ทำให้ใครหลายคนได้เข้าไปสัมผัสตัวตนของ Supergrass นั่นเองครับ

 

หวังว่าเพลย์ลิสต์นี้จะทำให้คุณสนุกไปกับการเสพดนตรีจากฝั่งสหราชอาณาจักรกันนะครับ ส่วนใครอยากให้ลองจัดเพลย์ลิสต์อะไรเพิ่มเติม ลองเข้าไปคอมเมนต์บอกกันที่หน้าแฟนเพจกันได้เลยครับ

JEDDY
WRITER: JEDDY
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line