Entertainment

WEEKLY PLAYLIST: รวมเพลงสากลของคนไม่สมหวัง เจ็บหัวใจ จงปล่อยมันไปกับเสียงเพลง

By: Synthkid July 14, 2019

หากใครใช้ Spotify เป็นประจำ จะพบว่าช่วงนี้มี User หลายท่าน เข้าไปสร้างเพลย์ลิสต์รองรับสถานการณ์ชีวิตออกมาแบ่งปันกันเอาไว้มากมายในนั้น แถมขยันสร้างหัวข้อกันได้ไม่จำกัด ตั้งแต่หมวดทั่ว ๆ ไปอย่าง เพลย์ลิสต์แอบรัก, เพลย์ลิสต์อกหัก, เพลย์ลิสต์ร้านเหล้า จนไปถึงหัวข้อล้ำ ๆ แบบ เพื่อนกันไม่ทำแบบนี้, เจ็บให้สุดแล้วหยุดที่ไม่เป็นไร, เพื่อนกูรักมึงว่ะ, เพื่อนพ่อเธอสิ อะไรประมาณนี้ บอกเลยว่าต้องขอชื่นชมเพราะสุดจะสรรหากันมาจริง ๆ

วันนี้ถึงคิวของ Unlockmen ที่จะมาแนะนำเพลย์ลิสต์เพลงสากลในแบบฉบับของเรากันบ้าง โดยเราจะมาว่ากันด้วยเรื่องของ ‘ความไม่สมหวัง’ ซึ่งสิ่งนี้ก็อาจเกิดขึ้นได้หลายกรณี มากกว่าคำจำกัดความสั้น ๆ แค่ ‘อกหัก’ จะมีเพลงเพราะ ๆ เพลงไหนที่เราเลือกมาแล้วตรงกับความรู้สึกของคุณในช่วงนี้บ้าง มาดูกันเลยดีกว่า

 

Test Drive – Joji 

เพลงนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับความผิดหวังจากการไปตกหลุมรักคนที่ไม่คิดจะจริงจังกับเรา โดยอีกฝ่ายต้องการแค่สนุกหรือหาที่พักพิงชั่วครั้งคราวเท่านั้น ท่อน ‘I’m looking for a long ride She just want a test drive’ เป็นท่อนที่ฉลาดและคมคายมาก เพราะเปรียบเปรยความสัมพันธ์นี้ว่า อีกฝ่ายต้องการเพียงทดลองขับ แต่เราเป็นฝ่ายตั้งใจออกทริปไปยาว ๆ แค่พูดก็เจ็บแล้วเนี่ย! นอกจากนั้น Joji ยังมีเพลงเศร้าอีกมากมาย ทั้ง Slow Dancing In The Dark, Yeah Right หรือ Will He ลองไปฟังเพิ่มเติมได้ เผื่อจะได้อะไรมาขยี้ใจเล่น ๆ

credit: https://www.facebook.com/jojikansai/

Fact: นอกจากงานเพลงเดี่ยวและผลงานกับ 88Rising แล้ว รู้หรือไม่ว่า Joji ยังเป็น Youtuber สายตลกชื่อดัง หรือ Mr. Pink Guy แห่งช่อง TVFilthyFrank ผู้สร้างไวรัล DO THE HARLEM SHAKE ที่เคยฮิตกันบนโลกออนไลน์อยู่ช่วงหนึ่งกับเขาด้วย!

 

Open – RHYE

เพลงนี้คือนิยามของคำว่า “ไม่สมหวังแต่ผมจะไม่ไปไหน” เนื้อเพลงเกี่ยวกับการร้องขออีกฝ่ายให้เราได้อยู่ข้างเขาเสมอ แม้เขาจะไม่รักเราตอบก็ไม่เป็นไร ‘I wanna make this play Oh, I know your faded but stay, don’t close your hands’ ผมขอกุมมือคุณเอาไว้ แม้คุณจะไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของผมเลย ซึมลึกได้ใจมาก ๆ นอกจากนั้น RHYE ก็ยังมีเพลงชวนปวดหัวใจอื่น ๆ เช่น The Fall, Please และ Waste ให้เราฟังไปน้ำตาไหลไปเล่น ๆ

credit: www.facebook.com/RhyeMusic

Fact: เสียงร้องของ RHYE เหมือนผู้หญิงมาก แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นศิลปินหนุ่มชื่อ Mike Milosh จากแคนาดา เพลงของเขาเรียกว่าแนว Sophisti-Pop และอัลบั้มที่สองอย่าง Blood ก็เกิดขึ้นจากความเศร้าที่เขาต้องเลิกกับภรรยาตัวเอง

 

Ready To Let Go – Cage The Elephant

มาถึงเพลงเศร้าแต่ยังร็อกอยู่กันบ้าง Ready To Let Go จาก Cage The Elephant วงอัลเทอร์เนทีฟร็อกจากอเมริกา เกี่ยวกับความพร้อมที่จะปล่อยให้ความสัมพันธ์นั้นจบลง เพราะไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็คงต่อกันไม่ติดอีกต่อไป ‘Don’t you worry, baby no sense trying to change it I’ma strike these matches, never had control I’m ready to let go’ เรียกว่าก้มหน้ารับชะตากรรมแบบแมน ๆ กันไป

นอกจากนั้นยังมีเพลงอื่น ๆ ที่น่าสนใจอย่าง The War Is Over และ Goodbye ที่มาจากอัลบั้มเดียวกัน (Social Cues) ที่ฟังแล้วแสบร้อนที่อกข้างซ้ายไม่แพ้กัน

credit: https://www.facebook.com/cagetheelephant

Fact: หลายเพลงในอัลบั้ม Social Cues ที่มีเพลง Ready To Let Go นี้ ได้แรงบันดาลใจมาจากการหย่าร้างของ Matt Shultz ฟรอนต์แมนและภรรยาของเขา โดยเจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ว่ามีหลายครั้งทีเดียวระหว่างที่อัดอัลบั้มนี้อยู่แล้วรู้สึกเศร้ามากจนต้องลงไปนอนร้องไห้บนพื้นสตูดิโอ

 

Taste In Men – Placebo

แก่นของเพลงนี้ฟังดูเผิน ๆ เหมือนเป็นความไม่สมหวังทั่ว ๆ ไป ไม่ได้พิเศษอะไร เพราะเป็นการร้องขอให้คนรักกลับมา หรือจะตีความเป็นการร้องขอให้เธอรักเราตอบก็ได้ เพียงแต่ใช้วิธีเล่าเรื่องที่แปลกกว่าเพลงอื่นจนเราต้องหยิบยกมาพูดถึง ‘Come back to me awhile Change your style again Change your taste in men’ ท่อนนี้คือการขอให้ผู้หญิงคนหนึ่งเปลี่ยนรสนิยมผู้ชายแบบที่เธอชอบ แล้วหันกลับมารักเราเหมือนเดิมแบบดื้อ ๆ

เนื้อเพลงก็ไม่เยอะ แต่ด้วยดนตรี และเสียงร้องได้อารมณ์ของฟรอนต์แมนอย่าง Brain Molko สร้างอารมณ์ร่วมได้ทั้งความอึดอัด เกรี้ยวกราด ประชดประชัน สำหรับคนที่สนใจเพลงเศร้าอื่น ๆ ของ Placebo ก็ลองไปฟัง Without You I’m Nothing หรือ Song to Say Goodbye ดูได้

credit: https://www.facebook.com/officialplacebo

Fact: Placebo เป็นวง Alternative Rock ที่เคยเฟื่องฟูในยุค 2000 เป็นหนึ่งในวงที่ถูก David Bowie รับหน้าที่เป็นป๋าดันให้จนมีชื่อเสียง แถมยังเคยมาแสดงคอนเสิร์ตที่ไทยในปี 2006 และปี 2010 ด้วย

 

Concrete – Tom Odell

มาถึงคิวของคนที่ชีวิตคู่ไม่สมหวัง (แต่ยังไม่เลิกกัน) บ้าง ‘Cause I’d sleep on a bed that’s made of concrete Just the two of us and no sheet’ สื่อถึงการที่คู่รักสองคน นอนอยู่บนเตียงเดียวกัน แต่กลับอึดอัดราวกับนอนอยู่บนพื้นถนนอย่างใดอย่างนั้น แม้กระทั่งเตียงหรูหรา หรือฟูกนุ่ม ๆ ก็ไม่สามารถบรรเทาความรู้สึกที่คุกรุ่นในใจได้ เฉียบสุด! ใครชอบเพลงเศร้าไว้ใจ Tom Odell เลย ไม่เชื่อลองไปฟัง Magnetised, You’re Gonna Break My Heart Tonight หรือ Another Love กันก่อนได้ สารพัดความผิดหวังกองรวมอยู่ตรงนี้แล้ว

credit: www.facebook.com/TomOdellmusic/

Fact: Tom Odell เป็นศิลปินจากอังกฤษ อายุ 28 ปี เพิ่งมาแสดงคอนเสิร์ตที่ไทยไปเมื่อเดือนมีนาคม 2019 ที่ผ่านมานี้เอง! ทุกเพลงของเขาจะใช้เปียโนเป็นหลัก ใครรักเสียงเปียโนก็น่าจะรักเพลงของเขาได้ไม่ยาก

 

Numb Without You – The Maine

หากแปลเพลงนี้เป็นไทยตรงก็คือ “ผมมึนงงเมื่อขาดคุณ” เรื่องธรรมดาของหนุ่ม ๆ ถูกทิ้งทีก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน จริงไหม? Numb Without You เหมาะสำหรับคนที่ชอบฟังเพลงเนื้อหาปวดหัวใจ แต่ทำนองไม่ปวดตับตาม เมโลดี้เร้าใจ คอรัสติดหู ที่สำคัญเนื้อเพลงใช้คำสวยและคล้องจองมาก ‘You are the violence in my veins You are the war inside my brain You are my glitter and my gloom I am so numb without you’ 

ใครเป็นสาย Pop Punk ก็น่าจะถูกใจ เพราะ The Maine เขาเริ่มต้นจากการเป็นวงอีโม ก่อนจะขยับขยายนำดนตรีแนวอื่น ๆ มาผสมมากขึ้นอย่างที่เราได้ฟัง หากใครถูกใจก็ลองฟังอัลบั้ม You Are OK ให้ครบทุกเพลงดู จะให้อารมณ์คล้าย ๆ เพลงนี้ อุดมไปด้วยเนื้อหาหม่น ๆ แต่ทำนองดันฟังสนุกซะงั้น

credit: dontboreus.thebrag.com

Fact: The Maine เป็นวงจาก Arizona ประเทศอเมริกา ฟอร์มวงมาตั้งแต่ปี 2007 เท่ากับปีนี้วงก็อยู่ในวงการมาอย่างยาวนานถึง 12 ปี (ไม่ใช่รุ่นเล็กในวงการแล้วนะ) มีสตูดิโออัลบั้มทั้งหมด 7 อัลบั้ม

 

Try – The Drums

‘I have changed my whole life for you And what do you do And I can’t make you love me’ เนื้อเพลงพูดน้อยต่อยหนักที่พูดถึงการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ตายอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่รักเรา ไม่แม้แต่จะ ‘พยายาม’ ด้วยซ้ำ (ทุบกลางใจมาก) ถึงเนื้อเพลงจะสั้น แต่ด้วยเสียงร้องเหงา ๆ ของ Jonny Pierce และเมโลดี้สุดว้าเหว่นี้ ก็อาจทำให้คนฟังซึมเป็นผักได้ไม่ยาก ส่วนเพลงเศร้าอื่น ๆ ของ The Drums ส่วนมากจะเหมือนมีดอาบน้ำผึ้ง เพราะทำนองสนุกกว่านี้ ขอแนะนำ Brutalism, Blood Under My Belt, Hard To Love แต่ถ้าอารมณ์ดิ่ง ๆ หน่อยก็ต้อง Down By The Water

credit: https://www.facebook.com/wearethedrums/

Fact: ถึงแม้อัลบั้มล่าสุด The Drums จะเปลี่ยนแนวมาทำอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น แต่ก็ยังยืนพื้นที่ Surf Pop ทำให้เพลงวงนี้ไม่เสียเอกลักษณ์เดิมไป เดิมวงเคยมีสมาชิกถึง 4 คน ต่อมาเหลือ 2 ปัจจุบันเหลือแค่ Jonny Pierce คนเดียว แต่เขายังคงทำงานเพลงในชื่อ The Drums ต่อไป

 

Love, Hope and Misery – Jake Bugg

เพลงประจำตัวสายพระรองเวอร์ชันสากล เนื้อหาเกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่ต้องปลอบใจหญิงสาวอกหัก แต่ด้วยความเป็นคนพูดตรง ก็กลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะเกลียดเขาไปเลยจากสิ่งที่พูด “They say it comes in threes; love, hope and misery And the first two have gone and tell me if I’m wrong I hope that I am and you don’t hate me” พ่อหนุ่มคนนี้จึงบอกหญิงสาวไปว่า ความรัก ความหวัง และความไม่เข้าใจจะมาในพร้อม ๆ กัน แต่เมื่อสองสิ่งแรกจากไป ก็จะคงไว้แต่อย่างสุดท้าย หวังว่าเธอจะไม่โกรธที่อีกฝ่ายพูดแบบนี้

ทั้งเสียงร้อง ทำนอง ทุกสิ่งในเพลงนี้มันส่งอารมณ์ได้อย่างบาดลึก ต่อให้เราไม่ได้เป็นฝ่ายต้องไปให้คำปรึกษาใคร ก็ยังรู้สึกเจ็บกับเนื้อหาที่ Jake Bugg ร้องออกมาอยู่ดี เพราะเหมือนเขาปลอบเราไปด้วยในตัว นับว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เป็นอีกหนึ่งศิลปินที่เพลงเศร้าเต็มคลัง ขอแนะนำ Broken, Note to Self, Swept Away และ The Love We’re Hoping For ให้ไปลองฟังชิมลางก่อนได้

credit: https://www.facebook.com/jakebugguk/

Fact: Jake Bugg เคยทัวร์อเมริการ่วมกับ Noel Gallagher แถม Johnny Marr อดีตมือกีตาร์ The Smiths ยังเคยมาช่วยเขาทำเพลง และขึ้นโชว์ที่ Royal Albert Hall ร่วมกันอีกด้วย

วันนี้คงต้องพักอะไรเจ็บ ๆ ไว้เพียงเท่านี้ก่อน หวังว่าหนุ่ม ๆ ที่อยู่ในช่วงอารมณ์หม่นจะได้เพลงถูกใจกลับไปฟังกันบ้าง ย้ำให้ช้ำกันไปข้าง! เอาไว้ครั้งหน้าเราจะกลับมาพร้อมเพลย์ลิสต์ใหม่ ที่สดใสกว่าเดิม เศร้าได้ แต่อย่าเศร้านาน UNLOCKMEN เป็นกำลังใจให้เสมอ

Source

Synthkid
WRITER: Synthkid
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line