มาย – กัญญฉัตร สาวมีสไตล์จาก Strawberry Cheesecake ที่อาจทำให้คุณหลงรัก

ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ช่วยทำให้โลกใบนี้ขับเคลื่อนไปข้างหน้า รวมถึงทำให้จิตใจของผู้ชายรู้สึกกระชุ่มกระชวยมีเรี่ยวแรงในการทำสิ่งต่างๆ จะด้วยความสวยงาม สดใส ความแข็งแกร่ง หรือความน่ารักที่พวกเธอมีก็ตาม ล้วนเป็นสิ่งดีที่ทำให้โลกนี้ดูมีสีสัน คอลัมน์ A Girl We love ก็ถูกเขียนขึ้นมาด้วยสิ่งนี้เอง และวันนี้สาวสวยที่เราจะนำมาแนะนำให้ชาว UNLOCKMEN ได้รู้จัก ก็น่ารักมีสไตล์ไม่แพ้ใคร จนอาจทำให้คุณหลงรักในความสดใสของเธอ

“มาย – กัญญฉัตร ฝนมณี” สาวน้อยวัย 24 ปีคนนี้ จบจากคณะนิเทศศาสตร์ สาขาโฆษณาเชิงสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เธอเคยเป็นหนึ่งในพิธีกรของรายการสตรอเบอร์รี่ ชีสเค้ก รุ่นที่ 5 เป็นรายการที่หนุ่มๆ น่าจะคุ้นเคยกันดี เพราะมีสาวสวยแจ้งเกิดจากรายการนี้หลายคนทีเดียว ถือเป็นอีกก้าวที่ทำให้สาวคนนี้ได้เข้าสู่แวดวงบันเทิง การเป็นบุคคลสาธารณะอาจทำให้ชีวิตยากขึ้น “ถามว่ายากขึ้นไหม ก็ยากนะ แต่ว่าไม่ได้ยากมากขนาดนั้น คือต้องระวังตัวมากขึ้น หนึ่งคือมีคนติดตามเราเยอะ สองคือเราไม่ใช่คนธรรมดาแล้วอะ บางคนก็มองเราเป็น role model ของเขา เราก็จะทำตัวแย่ให้เขาเห็นไม่ได้ แต่เราก็ยังมีความเป็นตัวเองอยู่ค่ะ”

มายเป็นหนึ่งคนที่เราตาม Follow เธอทาง Instagram แล้วสังเกตเห็นว่าเธอแต่งตัวเก่ง และเป็นคนที่มีสไตล์โดดเด่นมากทีเดียว “ส่วนใหญ่มายจะแต่งตัวแล้วแต่อารมณ์ ซึ่งเดี๋ยวนี้มายก็จะแต่งง่ายๆ แล้วค่ะ เสื้อยืด กางเกงขาสั้น และรองเท้าผ้าใบ ถ้าจะต้องออกงานก็จะแต่งตัวไปอีกแบบไปเลย แล้วมายก็ไม่ใช่สาวหวานด้วยนะ ออกแนวห้าวๆ ด้วยซ้ำ”

เสื้อยืด กางเกงขาสั้น และรองเท้าผ้าใบ ฟังดูเป็นสไตล์ที่เรียบง่ายๆ มากๆ แต่คอมพลีทลุคของเธอก็ยังไม่ได้จบแค่นั้น “ ต้องมีแหวนอะ เป็นคนชอบใส่แหวนมาก แล้วก็ต้องใส่รองเท้าผ้าใบตลอด ไม่ได้ชอบใส่ accessories นะ คือชอบใส่เฉพาะแหวนเลย” มายพูดจบพร้อมกับโชว์แหวนที่ใส่มาวันนี้ให้เราดู

นอกจากเรืองการแต่งตัวที่น่าสนใจแล้ว มายยังเป็นคนที่รักการฟังเพลงแบบชนิดที่ว่าไม่มีวันไหนที่ไม่ได้ฟังเพลงเลย “คือมายเป็นคนชอบฟังเพลงมาก แล้วก็ชอบฟังมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว สำหรับคนที่ชอบฟังเพลงเนี่ยก็จะรู้ว่าการที่จะได้ดูเล่นสด หรือ live มันสามารถวัดได้เลยว่าวงไหนที่สามารถเล่นได้เจ๋งจริงๆ อย่างบางวงเราฟังอยู่ที่บ้านผ่านยูทูปหรืออะไรก็ตาม ฟังดูเพราะมากเลยนะ แต่พอไปดูพวกเขาเล่นสดกันจริงๆ แล้วแบบ เอ่อ มันไม่ใช่เลย มันก็มีความรู้สึกเฟลบ้างนิดหน่อย แต่ส่วนใหญ่ก็คือดีค่ะ นอกจากนี้มายก็ไปดูพวกแบบโปรดักชั่นการจัดแสงสีเสียงอะไรแบบนี้ในคอนเสิร์ตด้วย ชอบบรรยากาศในนั้นด้วย ชอบเพื่อนๆ ที่ไปดูด้วยกันค่ะ”

ความชอบในการฟังเพลงนั้นไม่เคยแบ่งแยกประเภท หรือแนวเพลง “ฟังได้หมดเลย แล้วแต่อารมณ์ บางอารมณ์ก็ฟังร็อค ฮิปฮอป บางเพลงก็ฟังแล้วรู้สึก High (หัวเราะ) อะไรแบบนี้อะ ถ้าให้ตอบว่าชอบแนวไหน มายว่ามายตอบไม่ได้จริงๆ ค่ะ”

“จริงๆ มีศิลปินคนหนึ่งที่มายชอบมากเลย ก็คือ Damien Rice ชอบมากจริงๆ คนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเพลง บรรยากาศของเพลง และก่อนที่จะเกิดเพลงเหล่านั้นขึ้นมา มันมี story มีเรื่องราวหลายๆ อย่างก่อนที่จะเกิดเพลงแต่ละเพลง แล้วก็เป็นผู้ชายที่ร้องเพลงแล้วมีเสียงที่บาดลึกมาก ถ้าใครดาร์กๆ อยู่ มายเชื่อว่าฟังแล้วร้องไห้ชัวร์” เชื่อว่าเธอชอบ Damien Rice จริงๆ เพราะกระเป๋าผ้าที่เธอสะพายมาวันนี้ก็เป็นกระเป๋าผ้า Damien Rice

เราให้มายแนะนำเพลงของ Damien Rice ให้ชาว UNLOCKMEN ฟัง ซึ่งเพลงที่เธอแนะนำนั้นเป็นเพลงที่เธอบอกว่าเข้ากับชีวิตช่วงนี้ของเธอมากๆ “I Don’t Want To Change You เลยค่ะ แบบว่าใช่เลย เนื้อเพลงทุกอย่างเข้ากับชีวิตมายมากจริงๆ ฟังเพลง อ่านเนื้อเพลงจบ อาจจะรู้เลยว่ามายคิดอะไรอยู่ ณ ตอนนี้”

จากเรื่องไลฟ์สไตล์เราชวนมายคุยต่อเรื่องการเป็นเน็ตไอดอลว่ามันส่งผลต่อชีวิตมากน้อยเพียงใด ยังคงเหลือความเป็นตัวเองอยู่บ้างไหม “ประมาณ 80% ค่ะ คือก็เป็นตัวเองอยู่นะ แต่ไม่ถึงที่สุดก็ยังรู้ว่ามีคนติดตามเราอยู่ เราก็ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีบ้าง ซึ่งเวลาคนเห็นมายตอนแรกเขาก็จะคิดว่ามายเป็นลูกคุณหนู หยิ่งๆ ไม่ค่อยพูด ความจริงหรือไม่ใช่เลย เป็นคนรั่วมาก แล้วก็บ้าบอสุดๆ ใครที่สนิทก็จะรู้เลยว่าจริงๆ แล้วมายเป็นแบบนั้น บ้าบอคือคำจำกัดความค่ะ (หัวเราะ)”

พักเรื่องเครียดมาที่เรื่องไลฟ์สไตล์ประจำวันของมาย ที่เธอเกริ่นกับเราไว้ทีแรกว่าชีวิตนี้คงขาดเสียงเพลงไม่ได้จริง “ตื่นเช้ามาก็ต้องฟังเพลงอย่างแรก ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องเปิดเพลงตลอด ถ้าอยู่บ้านมายก็จะชอบอ่านบล็อก อัพเดทข่าวสารเรื่องของเพลง แฟชั่น ถ้าออกไปข้างนอกมายก็จะไปแบบชิวๆ หาเพื่อน เรื่องช้อปปิ้งก็จะไม่ค่อยเป็น มายเป็นคนที่ไลฟ์สไตล์ไม่ใช่ผู้หญิงจ๋า จะชอบทำอะไรแบบที่ผู้ชายเขาทำกันด้วยซ้ำ มายก็จะเป็นคนที่มีเพื่อนผู้ชายมากกว่าเพื่อนผู้หญิงอีก”

มีเพื่อนผู้ชายเยอะ การรับมือกับผู้ชายที่เข้ามาพูดคุยด้วยก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาพิสูจน์พอสมควร “มายชอบผู้ชายที่เขาดูมีอะไรนะ มายจะชอบคนที่รู้จักกันมาก่อน ไม่ใช่แบบเข้ามาขอเบอร์หน่อย ไม่เคยให้เลยนะ กลัว ส่วนใหญ่จะเป็นแบบรู้จักกันมาก่อน แล้วรู้ว่าเออเขามีอะไรให้ค้นหานะ มีอะไรให้เรารู้สึกว่าอยากคุยด้วยต่อ เขาเป็นคนแบบไหน ชอบอะไร ง่ายๆ ก็คือชอบคนที่คุยภาษาเดียวกัน ชอบอะไรคล้ายๆ กัน ไม่ได้มองคนที่ฐานะ หรือหน้าตา แต่ชอบคนที่เข้าใจความรู้สึกของเรา แล้วก็ยอมรับการเป็นตัวตนเราได้ดี”

“ส่วนผู้ชายที่ไม่ชอบเลยก็คงเป็นแบบ ตี๋ปกตั้ง (หัวเราะ) นึกออกใช่ปะ มาแบบดึงปกคอเสื้อตั้งๆ แบบนี้มายก็บายเลยนะ ถึงเขาจะเป็นคนดีเราก็คงบอกเขาว่าเราคงเข้ากันไม่ได้จริงๆ นะ รู้สึกแย่เลยเนี่ย ขอโทษนะ แต่มายก็ไม่ชอบจริงๆ”

ชีวิตในช่วงนี้ และอนาคตที่มายกำลังมองไว้ โฟกัสไปที่เรื่องของการเรียนเป็นส่วนใหญ่ “มายเรียนจบนิเทศ โฆษณามา แล้วอยากไปเรียนต่อด้านอาร์ตที่ต่างประเทศ แต่ที่บ้านเขาก็ไม่ค่อยโอเคว่าแบบจบมาแล้วจะทำอะไร เขาก็สนับสนุนให้ไปทางมาร์เกตติ้ง ซึ่งมันสามารถนำมาปรับใช้กับนิเทศที่มายจบมาได้ ตอนนี้ก็ดูๆ อยู่ค่ะว่าจะไปต่อที่ไหนดี”

ข้อคิดในการใช้ชีวิตของมายที่เชื่อว่าทุกคนสามารถนำมาปรับใช้ได้กับชีวิตของตัวเอง “ทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้วดีเสมอ คือมีคนเคยบอกมายไว้แล้วมันก็เป็นประโยคที่ดีเลย เวลาที่เรารู้สึกว่าชีวิตเราแย่ เราก็จะไปต่อไม่ได้เลย ถ้าเราคิดซะว่าอะไรที่มันเกิดไปแล้วมันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดก็คงไม่มีเรื่องแย่เสมอไปหรอก ก็ต้องคิดแบบนั้นนะถึงแม้ว่ามันจะยากเราก็ต้องปลอบใจตัวเอง แล้วเราก็ต้องเชื่อว่าเราจะสามารถผ่านพ้นมันไปได้ค่ะ”