Entertainment

30 ปี อัลบั้ม Nevermind ความคิดเห็นของศิลปินรุ่นใหม่กับอัลบั้มแห่งตำนาน

By: Chaipohn October 11, 2021

แม้การเฉลิมฉลองอัลบั้มที่พลิกหน้าวงการดนตรีอย่าง Nevermind ของกลุ่มราชากรันจ์ร็อค Nirvana ที่เข็มนาฬืกาหมุนมาที่อายุครบ 30 ปีนี้ จะมีเหตุตะกุกตะกักไปบ้าง จากการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายของ Spencer Elden เจ้าหนูบนหน้าปกประวัติศาสตร์ ฐานถูกทำให้อับอายมาตลอด 30 ปี

แต่อย่างไรก็ดี คดีความไม่อาจจะทำลายความยอดเยี่ยมของบทเพลงในอัลบั้มลงได้เลย และ NME สื่อทรงอิทธิพลแห่งเกาะอังกฤษ ก็ร่วมวาระแห่งการเฉลิมฉลองนี้ ด้วยการสอบถามศิลปินรุ่นใหม่และรุ่นใหญ่ ถึงบทเพลงทั้ง 13 เพลง ในอัลบั้มนี้ เพลงไหนที่สร้างอิทธิพลให้กับพวกเขาอย่างไรกันบ้าง

‘Smells Like Teen Spirit’ by Dave Grohl

เริ่มต้นด้วยบทเพลงแห่งตำนาน จากปากคำของผู้ร่วมสร้างตำนาน Dave Grohl แห่ง Foo Fighters ที่เมื่อ 30 ปีที่แล้ว เขาคือมือกลองของคณะ Nirvana ที่มาเล่าเบื้องหลังของบทเพลงเปลี่ยนประวัติศาสตร์นี้ให้ฟัง

“เฮียจำได้ว่าตอน Kurt เขียน ‘Teen Spirit’ ในห้องซ้อม เฮียขนลุกกับท่อนริฟฟ์อันหนักหน่วงที่ Kurt คิดขึ้นมาเพราะมันเป็นริธึ่มที่โคตรเทพ มันเป็นเสียงกีตาร์ที่เข้ากันกับเสียงกลองของเฮียจริงๆ [ พูดเสร็จ Dave Grohl ก็เริ่มฮัมเสียงกีตาร์ของเพลงๆนี้ทางโทรศัพท์] พูดตรงๆ เลย ตอนนั้นเรากำลังคลั่งวง Pixies อย่างมาก มันคือ อัลบั้ม’Bossanova’ [อัลบั้มสุดเจ๋งของวง Pixies] ในแบบของเรา และเราก็สนุกกับมันมากๆ จน Krist Novoselic (มือเบสของวง) ต้องหยิบเครื่องเล่นเทป Boombox อัดมัน มันเป็นจุดเริ่มต้นที่หล่อหลอมจนกลายเป็นเพลงอื่นๆในอัลบั้ม ‘Nevermind’

“แน่นอนว่า ในตอนนั้นไม่มีใครรู้หรอกว่าเพลงมันจะฮิตเปรี้ยงปร้างขนาดนี้ เราก็แค่เล่นมัน คือตอนนั้นเฮียไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเนื้อเพลงมันสื่อความหมายว่าอะไร เพราะ Kurt แม่งเปลี่ยนทุกครั้งที่เล่น จนกระทั่งเราเข้าสตูดิโอเพื่อบันทึกเสียงจริงจัง เฮียก็สัมผัสได้ถึงพลังของเพลง และไม่เพียงแต่เนื้อร้องหรือทำนองเท่านั้น แต่เพลงแม่งโคตรเพราะ โคตรทรงพลังจริงๆ ในตอนนั้นเฮียคิดว่าในวงให้ความสำคัญกับเพลงอื่นๆอย่าง ‘In Bloom’ หรือ ‘Lithium’ หรือ ‘Breed’ มากกว่า ไม่มีใครให้ความสนใจกับเพลง ๆ นี้หรอก แต่ในขณะที่เราบันทึกมัน เราถึงรู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่เจ๋งโคตรๆสำหรับอัลบั้มนี้”

 

‘In Bloom’ by St. Vincent

ส่วนศิลปินสาวที่กำลังจะมีอัลบั้มใหม่ที่เป็นเพลงซาวด์แทรคประกอบหนังสารคดีอย่าง The Nowhere Inn ก็พบว่าอัลบั้มชุดนี้ได้เปลี่ยนชีวิตในวัยเด็กของเธอเช่นกัน

“ฉันได้ยินเพลงนี้ครั้งแรกตอนอายุ 9-10 ขวบ ตอนนั้นฉันกำลังเล่นซนอยู่กับเพื่อนซี้ของฉัน แล้วพี่ชายของเขาก็หยิบเทปอัลบั้มชุดนี้มาเปิดฟังตอนซ่อมท่อน้ำที่สนามหน้าบ้าน ฉันถึงกับอุทานว่า “แม่เจ้าโว้ยยยย เพลงแม่งโคตรดีดในแบบที่ฉันไม่เคยฟังมาก่อน…

เมื่อปีที่แล้ว ฉันได้ร่วมงานการกุศลกับสมาชิก Nirvana ที่เหลือ ทั้ง Dave, Krist และ Pat Smear (สมาชิกวง Foo Fighters) งานวันนั้นฉันได้เล่นเพลง In Bloom ร่วมกันกับ Beck มันเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมเลือนเลย

แม้ว่าช่วงนี้ฉันจะไม่มีโอกาสได้ฟัง ‘Nevermind’ ทั้งอัลบั้มมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ฉันเชื่อว่าอัลบั้มที่ดีมันจะยืนหยัดผ่านการทดสอบของกาลเวลาได้ ซึ่งอัลบั้มนี้มันยอดเยี่ยมที่บอกเล่าบางสิ่งที่ไม่อาจจะอธิบายได้แต่คนทั้งโลกกลับรับฟังได้อย่างเข้าใจ ฉันพยายามนึกถึงวงอื่น ๆ ในอายุรุ่นราวคราวเดียวกันในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาว่าวงไหนบ้างที่เปลี่ยนโลกทั้งใบ…ซึ่งมันหายากมากจะยิ่งใหญ่เท่าพวกเขา”

 

‘Come as You Are’ by Nova Twins

คู่ดูโอ้ Alternative Punk เลือดใหม่แห่งลอนดอน คัดเลือกบทเพลงที่เป็นเสมือนไบเบิ้ลของวัยรุ่นที่ยึดถือเป็นสรณะ แม้ผ่านไป 30 ปี คำ ๆ นี้ก็ยังคงไม่มีวันเชย

Georgia South: “ฉันชอบเสียงร้องของ Kurt ในเพลง ‘Come As You Are’ มาก ๆ แมสเซจของเพลงนี้มันก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน “แค่เป็นตัวของตัวเอง” มันเป็นวิถีที่ที่สวยงามและไม่มีวันเชย”

Amy Love: “ใช่เลย บางครั้งก็ไม่เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการสื่อสาร แต่เมื่อคุณดำดิ่งลงไปในเนื้อเพลง มันกลับน่าสนใจมาก “Come doused in mud, soaked in bleach” “จะเลือกขลุกอยู่ในโคลนตม หรือจะแช่น้ำยาฟอกให้ขาวสะอาด” ท่อนนี้มันทรงพลัง และเป็นบทกวีมาก ๆ และเมื่อฉันหวนกลับมาฟังอัลบั้มนี้อีกครั้ง พบว่าพลังและความดิบของมันช่างไร้กาลเวลา ฉันเชื่อมั่นว่ามีวงดนตรีมากมายที่อยากคงสภาพของบทเพลงเอาไว้ แต่ความสดใหม่และพลังความดิบ อัลบั้ม Nevermind ยังคงสภาพมันไว้ไม่เปลี่ยนแปลง ฉันเพิ่งหยิบอัลบั้มนี้ฟังในรถ มันยังคงไว้ซึ่งความห้าวจริงๆ”

 

‘Breed’ by Jehnny Beth

สำหรับ Jehnny Beth ศิลปิน Post-Punk ยุคใหม่ ที่เพิ่งมีโปรเจกต์ร่วมกันกับ Bobby Gillespie แห่งวง Primal Scream ก็เลือกบทเพลงที่เนื้อร้องน้อย แต่ติดหูมหาศาลอย่าง Breed มาพูดถึง

‘We don’t have to breed” คือประโยคเด็ดที่ติดหูฉันมาก ๆ บางทีฉันอาจจะตีความมากเกินไป แต่สำหรับฉันแล้ว เพลงนี้มันคือเพลงสำหรับผู้หญิงในยุคปัจจุบันเลย “ฉันไม่แคร์ เราไม่ต้องมีอะไรกันก็ได้ เราไม่จำเป็นต้องมีลูก เราจะทำอะไรก็ได้ ขอแค่มีความสุขกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็พอ” ฉันว่ามันเป็นทัศนคติที่เจ๋งมาก ฉันไม่รู้ว่าเพลงต้องการจะสื่ออะไร แต่ฉันชอบประโยคนี้

ตอนแรกฉันรู้จัก Nirvana ผ่านอัลบั้ม MTV Unplugged In New York ซึ่งตอนนั้นฉันรักมันมาก จนฉันได้ฟังเวอร์ชั่นอัลบั้มที่หนักหน่วงกว่า และฉันได้ดูบันทึกการแสดงสดอันสุดระห่ำของพวกเขา มันเปลี่ยนโลกของฉันไปตลอดกาลเลย

 

‘Lithium’ by James Dean Bradfield of Manic Street Preachers

ศิลปินรุ่นราวคราวเดียวกันที่อยู่อีกฟากฝั่งของทวีปอย่าง Manic Street Preachers ก็ไม่อายที่จะบอกว่า อัลบั้ม Nevermind คืออัลบั้มที่เขาอิจฉาจวบจนทุกวันนี้

“ครั้งแรกที่ผมฟัง ‘Nevermind’ ฉันแค่คิดว่า: ‘โอ้วพระเจ้า – มันช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ’ ‘Lithium’ คือเพลงที่ผมรักตลอดกาล เมื่อคุณได้ยินเพลงนี้แล้วคุณก็รู้ว่า วงดนตรีทั้งหลายต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แล้วก็พูดว่า “รู้แล้วว่าเราจะทำอะไรกันต่อไป” มันเป็นช่วงเวลาที่เจ๋งมากนะในยุคนั้น ช่วงเวลาใกล้ๆกันพวกเรา Manics ก็กำลังทำอัลบั้ม The Holy Bible’ กันพอดี เพลงๆนี้ก็เหมือนเปิดกะโหลกให้เรารู้วิธีจัดการกับวงตัวเองอย่างไร

“ผมอาจจะเคยพูดเรื่องโง่ ๆ เกี่ยวกับ Nirvana มาบ้างแล้ว แต่ผมมักจะโกรธที่มีคนชอบพูดว่า ‘Nevermind’ คือ Year Zero ของดนตรี Punk ทั้งที่จริง ๆ แล้ว ผมคิดมันเป็นเสียงสะท้อนของ Sex Pistols’ ‘Never Mind The Bollocks…’ มากกว่า คุณรู้ไหม อัลบั้มทั้ง 2 ชุดนี้มันสั้น กระชับ แต่โดยรวมแล้วมันสวยงาม มันคือลาวาอันร้อนระอุที่พุ่งตรงเข้าหาคุณอย่างมีระเบียบ ผมไม่อายเลยที่จะบอกว่า ผมโคตรอิจฉาอัลบั้ม Nevermind ผมรู้สึกอย่างนี้ตั้งแต่ผมฟังครั้งแรก และจะเป็นแบบนั้นตลอดไป มันคืออัลบั้มร็อคที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง และไม่มีใครสามารถโค่นล้มมันได้

 

‘Polly’ by Izzy ‘B’ Phillips of Black Honey

เพลงที่เนื้อหาชวนหู่อย่างการพูดถึงการข่มขืน กลับถูกใจวงอินดี้ร็อคพลังหญิงอย่างไม่น่าเชื่อ

“ฉันชอบความกล้าหาญของเพลงนี้มากๆ มันเป็นเรื่องของการข่มขืน ที่เล่าจากปากคำของผู้ข่มขืน โดยผู้ที่ข่มขืนคือเพื่อนสนิทของหญิงสาวนั่นเอง ซึ่งมันโคตรสร้างสรรค์และแปลกใหม่มาก ซึ่งมุมมองของเพลงนี้มันจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงหากมันเล่าผ่านตัวผู้หญิง

แถมเพลงนี้มันเสนอผ่านรูปแบบของดนตรีอะคูสติก แต่เป็นอะคูสติกในแบบกรันจ์ แสดงให้เห็นว่ากรันจ์สามารถอยู่ได้ในทุกรูปแบบและทุกสไตล์ ซึ่งเพลงนี้คงจะหมดความหมายถ้า Kurt เลือกเล่นในแบบเดิมๆ พอเพลงนี้มันเสนอในรูปแบบอะคูสติก มันก็กลายเป็นเสียงกระซิบอันชวนน่าเกรงขามในทันที”

 

‘Territorial Pissings’ by Sam Fender

หนุ่มร็อคสุดหล่อ Sam Fender เผยความหลังกับพี่ชายในช่วงวัยเด็กที่ Nirvana คือศาสดาของพวกเขา

“ผมติดอยู่ระหว่าง ‘Breed’ กับ ‘Territorial Pissings’ จะเลือกอะไรดี แต่สุดท้ายก็เลือก ‘Territorial Pissings’ เพราะในทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ ตอนผม 11 ขวบ เพลงนี้จะเป็นเพลงที่ปลุกความเกรี้ยวกราดจากโรงเรียนแล้วระบายมันออกมา ผมได้อิทธิพลของอัลบั้มนี้จากพี่ชายที่อายุมากกว่าผม 10 ปี เพราะผมเกิดไม่ทันอัลบั้มชุดนี้ แต่จำได้ว่าเห็น MV ‘Smells Like Teen Spirit’ ตั้งแต่เด็กๆ และพี่ชายผมก็ให้อัลบั้มนี้เป็นของขวัญวันเกิดครบรอบ 7 ขวบ ผมจำได้ว่าผมยังมีเสื้อ Nirvana อันที่เป็นรูปยิ้มสีเหลืองอยู่เลย

พี่ชายผมมันเคยทำผมทรงเดียวกับ Kurt Cobain ตอนเป็นเด็กผมเลยยกย่องพี่ชายประดุจฮีโร่ เพราะเขาทำทุกอย่างเหมือน Kurt รวมไปถึงเสื้อผ้าทรงเดียวกัน จนผมเคยแฮ๊บเสื้อพี่ชายมาใส่และพังข้าวของในห้องตอนผมโกรธเช่นกัน

 

‘Drain You’ by James Smith of Yard Act

Yard Act วง Minimal Rock ที่มาแรงในอังกฤษ เลือกเพลงที่อยู่กึ่งกลางของอัลบั้ม ที่ยังแรงดีไม่มีแผ่ว มาเสนอ

“ผมเคยเป็นครูสอนดนตรีมาก่อน และเคยสอนเพลง ‘Smells Like Teen Spirit’ ประมาณ 800 ครั้ง ดังนั้นผมจึงไม่สามารถจะฟังเพลงนั้นได้อีก แต่หน้าบีของอัลบั้ม Nevermind มันเริ่มต้นด้วย ‘Drain You’ ซึ่งผมว่ามันเจ๋งมาก เพราะผมได้ยินมันน้อยกว่าเพลงฮิตเพลงนั้น แต่เพลงที่ 8 ในอัลบั้มแบบนี้ กลับไม่มีแผ่ว แถมเริ่มต้นด้วยท่อนฮุคที่เจ๋ง สิ่งที่ยิ่งใหญ่ของ Yard Act ก็ได้แรงบันดาลใจจาก Nirvana ไม่ใช่น้อย มันให้ความรู้สึกเหมือนเพลงของ The Beatles ในยุค 60s ที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง และสดใหม่มากๆ

ผมรู้ข้อมูลว่า ตอนที่พวกเขาอัดอัลบั้มนั้น พวกเขาไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นอัลบั้มตำนานจนถึงทุกวันนี้ พวกเขารู้แต่ว่าลงมือทำมันให้เจ๋งให้ดี และการที่เพลงอยู่ตรงกลางอัลบั้มอย่าง ‘Drain You’ นั้นไม่แผ่ว ก็เป็นเครื่องที่พิสูจน์ความตั้งใจของ Kurt ที่มุ่งมั่นในการทำอัลบั้มได้อย่างชัดเจน

 

‘Lounge Act’ by Jazmin Bean

Jazmin Bean สาวพ็อพสุดแนวที่โดดเด่นในฐานศิลปินที่จัดจ้านทางด้านการเมคอัพที่หลุดโลก พูดถึงบทเพลงที่เปิดกว้างทางการตีความสุดเจ๋งเพลงนี้

เพลงนี้เกี่ยวกับความหึงหวงและความหวาดระแวงของคนที่คุณรัก มันเป็นเพลงที่ฉันฟังบ่อยในตอนนี้ เพราะเพลงนี้มันคลิกกับฉันในตอนนี้ที่สุด แม้มันจะค่อนข้างคลุมเครือในทางเนื้อเพลง แต่ฉันชอบความคลุมเครือของเพลงแบบนี้ เพราะมันเปิดกว้างให้ฉันได้ตีความอยู่เสมอ ฉันชอบที่พวกเขาเรียกมันว่า ‘Lounge Act’ เพราะพวกเขาคิดว่ามันฟังเหมือนเลานจ์ของโรงแรม มันดูตลกดีนะหาก Nirvana เล่นเพลงตรงล็อบบี้โรงแรม โดยมีคนเดินผ่านไปผ่านมา และมีพนักงานต้อนรับกำลังทำงานอยู่

 

‘Stay Away’ by Bobby Vylan of Bob Vylan

หนึ่งในสมาชิกวง Grime Punk อย่าง Bob Vylan ก็ยกย่องในความพังค์ของ Nirvana เช่นกัน

“หลังจากเพลง ‘Territorial Pissings’ จนถึง เพลง ‘Stay Away’ ล้วนเป็นเพลงโปรดของผม ตั้งแต่เสียงสแนร์แรกจนถึงท่อนสุดท้ายที่ร้องว่า Stay away, God is Gay มันคือห่าพายุที่สมบูรณ์แบบ ผมชอบ Nirvana ในพาร์ทของพังค์ร็อคอย่างมาก ซึ่งเพลงนี้เกือบจะพูดพึมพำที่พูดถึงความเกียจคร้านและความดื้อรั้น ซึ่งมันเป็นอะไรที่พังค์มากสำหรับผม

 

‘On A Plain’ by Ronnie Vannucci Jr. of The Killers

มือกลองสุดระห่ำของวง The Killers เล่าความหลังฝังใจของเพลงนี้และช่วงเวลาตอนเป็นวัยรุ่นให้ฟัง

“มันเป็นช่วงเย็น ตอนผมอยู่เกรด 10 และกำลังทำการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ มีสามสิ่งที่แตกต่างกันมากเกิดขึ้นในพร้อมๆกัน คือตอนนั้นลาสเวกัสกำลังเกิดพายุ ฝนตกฟ้าคะนองอย่างหนักหนัก ผมกำลังคุยโทรศัพท์กับเด็กหญิงที่สวยที่สุดในโรงเรียนและเหมือนโดนฟ้าผ่าเปรี้ยง โทรศัพท์ดับสนิทไปพร้อมกับกับความสัมพันธ์ระหว่างผมกับหญิงสาวคนนั้น อย่างไรก็ตาม รายวิทยุท้องถิ่นยังคงดำเนินต่อไป พร้อมกับเปิดเพลงของ Nevermind ทั้งอัลบั้ม นั่นคือตอนที่ผมได้ยิน ‘Nevermind’ แบบเต็มๆ ถ้าไม่ใช่เพราะ ‘Nevermind’ ผมอาจจะยังเฮิร์ตที่โดนหญิงทิ้งอยู่เป็นได้

“’On A Plain’ โดดเด่นในท่วงทำนองและเสียงร้องที่ทำให้ผมได้ฟังและชอบมันโดยไม่รู้ตัว ฉันยังคงร้องเพลงนั้นให้ตัวเองฟังโดยไม่รู้ตัว อัลบั้มนั้นเปลี่ยนชีวิตของผมไปตลอดกาล อาจจะเป็นลิขิตจากฟ้าที่เข้าใจผ่าตอนที่เพลงนี้กำลังเล่นอยู่ก็เป็นได้”

 

‘Something in the Way’ by Yannis Philippakis of Foals

Yannis แห่งวง Foals เลือกเพลงที่แสนหม่นในอัลบั้ม ที่ขยายขอบเขตทางดนตรีของเขาไปตลอดกาล

“ช่วงนั้น ผมน่าจะอายุ 12 หรือ 13 ปี ตอนที่ได้ยินคำว่า ‘Nevermind’ ครั้งแรก ผมก็จะนึกถึงช่วงเวลาที่เพลงมีแต่ความไพเราะ ความเดือดดาล และการก้าวย่างสู่ช่วงวัยรุ่นของผม แต่สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ‘Something In The Way’ คือการแสดงความสามารถของ Kurt ในการเขียนเพลงที่ต้องตีความ แต่ทรงพลัง แม้จะเป็นเพลงที่เย็นชา แต่เนื้อหาของมันแสนเกรี้ยวกราด มันทำให้ผมเปลี่ยนแนวคิดในการฟังเพลงไปเลย เพราะมันขยายขอบเขตในทางดนตรีที่เล่าเรื่องของชายคนหนึ่งที่ถูกลืมเลือน คุณเข้ามาในห้องที่คิดว่าว่างเปล่า ทั้งๆที่มีใครสักคนนั่งอยู่ในนั้นแต่คุณไม่ได้สังเกตเขา ผมว่ามันคือการบรรยายช่วงเวลาอันแสนเศร้าของ Kurt ที่มืดหม่นที่สุด”

 

‘Endless, Nameless’ by Simon Neil of Biffy Clyro

เพลง Hidden Track อันแสนหนักหน่วง คือเพลงของวง Biffy Clyro ที่ได้ Nirvana เป็นแรงบัลดาลใจ ที่ชอบมากที่สุด

“‘Endless Nameless’ เป็นเพลง Hidden Track ที่ซ่อนไว้ในอัลบั้ม มันเป็นเพลงเดือดดาลที่โผล่มาท่ามกลางความเงียบของอัลบั้ม พวกเรา Biffy Clyro ได้แรงบันดาลใจในการใส่ Hidden Track ในอัลบั้มชุดที่ 2 และ 3 เพราะคิดว่าสิ่งที่ Nirvana ทำนั้นมันโคตรคูลจริงๆ

“พวกเรารัก Nirvana มาก จนเราเคยเล่นเพลงของพวกเขาแบบเต็มๆ ขณะฝึกซ้อม และเมื่อพูดถึงเพลง ‘Endless Nameless’ คุณจะรู้ว่ามันเป็นเพลงที่ดีที่สุดเพลงหนึ่งที่เคยเขียนมา ผมเดาว่าพวกเขาไม่รู้หรอกว่าอัลบั้มของพวกเขาจะได้รับความนิยมอย่างล้นหลามแจนเบียดอัลบั้มของ Michael Jackson หลุดอันดับ 1 ไป แต่การที่อัลบั้มที่ทำเพลงได้หนักหน่วงเจ็ดนาทีนั้นช่างยอดเยี่ยมจริงๆ.

“มันเป็นหนึ่งในเพลงเอ็กซ์ตรีมชิ้นแรกๆ ที่ปลุกใจผมอย่างมากจริงๆ ฉันไม่ชอบการโชว์ออฟทางดนตรี ผมแค่ต้องการความเข้มข้น นั่นคือสิ่งที่ ‘Endless Nameless’ สอนผมในช่วงเวลานั้น ดนตรีไม่มีอะไรที่เป็นจริง โดยเฉพาะเพลงร็อค Nirvana เป็นเพียงผู้ชายธรรมดาสามคนจากโลกน่าสังเวช ผู้ใช้ดนตรีเปลี่ยนโลกไปตลอดกาล ไม่มี ‘Nevermind’ ก็ไม่มีวงอย่าง Biffy Clyro”

 

13 เพลงของอัลบั้ม Nevermind คือสิ่งที่ยืนยันได้ว่า กาลเวลาไม่อาจทำลายทำร้ายความเจ๋งของอัลบั้มได้เลย ไม่ว่าศิลปินรุ่นไหนยุคไหน ก็ยกให้อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มขึ้นหิ้งอย่างไม่มีข้อสงสัย

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line