Entertainment

OLIVIA RODRIGO สาวน้อยมหัศจรรย์ ผู้ครองอันดับ 1 UK / BILLBOARDS ได้ในอัลบั้มแรก

By: unlockmen June 27, 2021

หากช่วงนี้ใครติดตามชาร์ทดนตรีไม่ว่าจะฝั่งอังกฤษหรืออเมริกา ชื่อของ Olivia Rodrigo คงจะเป็นชื่อที่พาให้คุณต้องตะลึง เพราะ Sour อัลบั้มชุดแรกในชีวิตของเธอนั้น สามารถครองแชมป์อันดับ 1 ทั้ง UK Charts และ Billboards อย่างสวยสดงดงาม ไม่ใช่เพียงชาร์ทอัลบั้มเท่านั้น แต่ซิงเกิ้ล Good4U ก็ได้รับอานิสงส์ขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ทเพลงเช่นกัน

เพราะอะไร โลกมหาอำนาจแห่งวงการบันเทิง ถึงยกย่องสาวน้อยคนนี้ว่าเป็นความหวังใหม่ล่าสุดของวงการเพลง UNLOCKMEN ขอเชิญคุณมาทำความรู้จักกับสาวน้อยอายุ 18 ที่ฉายแววประกายความเปรี้ยวซ่าส์ทั้งในฐานะนักแสดงและศิลปินเพลงอนาคตไกล มาดูกันว่า กว่าที่เธอจะมาถึงจุดนี้ ต้องผ่านอะไรมาบ้าง


สำหรับเด็กผู้หญิงทั่วไป การเติบโตท่ามกลางศิลปินเพลงพ็อพไม่ว่าจะเป็นอิทธิพลจาก Britney Spears / Beyonce หรือ Alicia Keys คงเป็นเรื่องที่ปกติและธรรมดา

แต่สำหรับ Olivia Rodrigo สาวน้อยลูกครึ่ง แม่เยอรมัน/ไอริช ส่วนพ่อมีเชื้อสายฟิลิปปินส์ ที่เกิดและเติบโตในเมืองเทเมคูลา รัฐแคลิฟอร์เนียนั้น กลับไม่ธรรมดาและมีความแตกต่างจากครอบครัวอื่น เพราะครอบครัวของเธอนั้นเลือกที่จะขับกล่อมเธอด้วยเพลงอินดี้ร็อคอัลเทอร์เนทีฟอันหนักหน่วง ไม่ว่าจะเป็น No Doubt หรือ The White Stripes ซึ่งผู้ที่เปิดโลกของเธอไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นคือแม่ของเธอนั่นเอง

“มันน่าตลกมากที่แม่เป็นแฟนเพลงร็อคตัวยง ฉันควรจะเติบโตมากับเพลงเจ้าหญิงดิสนีย์ แต่แม่ของฉันเลือกเปิดเพลง Seven Nation Army ให้ฉันฟังแทน”

แววศิลปินของเธอนั้นมีมาตั้งแต่เธอยังเด็ก เมื่อเธอได้ออกไปแสดงหน้าชั้นเรียนในคลาสขับร้อง ความกล้าแสดงออกของเด็กหญิงอายุ 8 ขวบที่ไม่มีอิดออดเขินอายแบบเด็กทั่วไป สร้างความตื่นตะลึงให้กับคุณครูและเพื่อนร่วมชั้นอย่างมาก จนคุณครูประจำชั้นถึงกับคุยกับแม่ว่า “คุณแม่ควรให้น้องเข้าสู่วงการบันเทิง”

หนูน้อย Olivia ได้รับคำชมอย่างนั้นจึงใจฟู พยายามฝึกฝนการร้องและการแสดง หวังว่าสักวันนึงเธอจะได้เฉิดฉายในวงการบันเทิงตามที่หลายคนบอกไว้

สุดท้าย…ครอบครัวก็ทนการรบเร้าของเธอไม่ไหว จึงสานฝันของเธอด้วยการเดินทางไกลกว่า 90 ไมล์ไปออดิชั่นที่แอลเอ. เมืองท่าแห่งความหวังและโอกาสในวงการบันเทิงในอีก 4 ปีต่อมา นั่นคือในช่วงปี 2015


Olivia เริ่มต้นค้นฟ้าคว้าดาวในวงการบันเทิง ด้วยการไปปรากฏตัวในโฆษณาแบรนด์แฟชั่น Old Navy หลังจากนั้นแววการแสดงของเธอก็ข้ามขั้นอย่างก้าวกระโดด เมื่อเธอได้รับโอกาสได้เล่นหนังในบทบาทของ Grace Thomas ในโฮมวีดีโอเรื่อง An American Girl: Grace Stirs up Success

แต่บทบาทที่ได้รับการจดจำ คือบทในซีรีส์ของ Disney Channel เรื่อง Bizaardvark ที่เธอแสดงร่วมกับ Madison Hu ในบทบาทของ 2 วัยรุ่นสุดเนิร์ด ผู้ต้องการแจ้งเกิดในโลกออนไลน์ด้วยการโชว์เพลงและตลก ซึ่งเธอได้โชว์ทั้งฝีมือทางการแสดง และการเล่นดนตรีไปพร้อมกัน เนื่องจากเธอได้ร่ำเรียนกีตาร์มาตั้งแต่เด็ก ๆ


ด้วยความสามารถรอบด้านของเธอ ทำให้ Olivia ได้สานต่อตำนานของหนังแห่งยุคสมัยที่แปรรูปมาเป็นซีรีส์ในช่อง Disney+ นั่นก็คือ High School Musical: The Musical: The Series ซีรีส์วัยรุ่นสไตล์มิวสิคัลรูปแบบสารคดีเก๊หนังซ้อนหนัง ที่นอกจาก Olivia จะได้รับบทนำแล้ว ผู้สร้างยังเห็นว่าเธอมีความสามารถในการแต่งเพลง จึงมอบโอกาสให้กับเธอ นำมาสู่บทเพลงแรกในชีวิตที่เธอแต่งเอง นั่นก็คือ All I Want เพลงบัลลาดที่อาจจะแตกต่างจากบทเพลงปัจจุบันที่เธอแต่ง แต่เพลงนี้ก็แสดงให้เห็นศักยภาพและความสามารถที่ซุกซ่อนในตัวเธอ ซึ่งบทเพลงนี้ก็โด่งดังในโลกออนไลน์ได้ผลตอบรับดีอย่างมหาศาล


ในปี 2020 ช่วงเวลาแห่งการหยุดพักทุกการถ่ายทำ เนื่องจากโลกเข้าสู่วิกฤตโคโรนาไวรัส Olivia ที่กำลังอยู่กับการล็อคดาวน์ ก็ใช้ช่วงเวลานี้พักกายพักใจ หลังจากที่ชีวิตวัยรุ่นของเธอขาดหายไปในช่วงเวลาที่เธออยู่แต่ในกองถ่าย มันทำให้เธอได้ทบทวนอะไรหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นชีวิตท่ามกลางแสงไฟในวงการบันเทิง ไปจนความรักที่ไม่สมหวังของเธอ

Olivia ใช้ช่วงเวลาแห่งการล็อคดาวน์โพสต์คลิปเพลงที่เธอแต่งลงใน Instagram คลิปนั้นได้ไปเตะตา Daniel Nigro นักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ผุ้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Lewis Capaldi และ Carly Rae Jepsen

เขาติดต่อเธอทันทีเพื่อทำงานเพลงร่วมกัน โดยซิงเกิ้ลแรกที่ได้ทำร่วมกันคือเพลง “Drivers License”

“เมื่อเริ่มแต่งเพลง ‘Drivers License’ ความรู้สึกปวดใจ ความรู้สึกสับสนก็ประดังขึ้นมา ฉันได้ใส่ความรู้สึกเหล่านั้นลงในเพลง โดยทำให้ทุกอย่างดูเรียบง่ายและชัดเจนขึ้น และท้ายที่สุด ฉันคิดว่านั่นคือจุดหมายปลายทางทั้งหมดของการแต่งเพลง ที่มากกว่าแค่การนั่งเล่นเปียโนในห้องนอนและเขียนเพลงเศร้า ๆ เท่านั้น”

Olivia เล่าถึงที่มาของบทเพลงแรกที่สร้างสรรค์ขึ้นภายใต้ชื่อของเธออย่างเป็นทางการ มันเป็นเพลงบัลลาดในแบบ Bedroom Pop ที่เล่าความรู้สึกหลังจากที่เธอแยกทางกับอดีตคนรัก เปรียบเปรยความรักที่ไม่ต่างกับการสอบใบขับขี่ กว่าจะสอบผ่าน เบาะด้านข้างคนขับก็ว่างเปล่าไปเสียแล้ว

เพลงช้ำรักสุดฟูมฟาย ที่ใส่คำสบถเพื่อแสดงสภาวะอันแสนบอบช้ำด้วยถ้อยคำที่ว่า “cos I still fuckin’ love you” ทำให้เพลงแรกเพลงนี้ขึ้นชาร์ทอันดับ 1 กว่า 15 ประเทศทั่วโลก และทำให้ทั้ง Olivia และ Daniel เลิกล้มโครงการที่จะทำ EP ทันที เพราะคิดว่าทั้งคู่ควรลงมือทำอัลบั้มเลยจะดีกว่า


“ฉันต้องการให้ Sour เป็นอัลบั้มที่มีแนวทางดนตรีอันหลากหลาย ความฝันของฉันคือการเป็นจุดพาดผ่านระหว่างดนตรี Mainstream Pop, Folk และ Alternative Rock ฉันชอบการแต่งเพลง ที่มีเนื้อเพลงและท่วงทำนองของดนตรีโฟล์ค ขณะเดียวกันฉันชอบสำเนียงและความเกรี้ยวกราดของ Alternative Rock เห็นได้ชัดว่าฉันหมกมุ่นอยู่กับศิลปินพ็อปและดนตรีพ็อป ฉันจะพยายามใช้อิทธิพลทั้งหมดของฉัน … ทำสิ่งที่ฉันชอบ”

อิทธิพลทางดนตรีของเธอก็คือ Taylor Swift, Alanis Morissette และ Lorde รวมไปถึงเพลง Alternative Rock ยุค 90s-00s ที่แม่ของเธอเปิดให้ฟัง มันจึงเป็นอัลบั้มที่รวมทุกความเปราะบาง ความเข้มแข็ง ความสับสนว้าวุ่นใจ และชีวิตอันหลากหลายของเธอเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน กล้าหาญ และงดงาม ผ่านซิงเกิ้ล Deja Vu ที่ต้องการถากถางถึงคนรักเก่า และ Good 4 U ที่เล่าถึงการเผชิญหน้ากับคนรักเก่าเช่นกัน

อัลบั้มนี้จึงเป็นการรวบรวมหลากหลายอารมณ์ตั้งแต่ฟูมฟายเมื่อแยกจาก ไปถึงกล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับอดีตอันเลวร้าย จนทำให้ Olivia Rodrigo เป็นสัญลักษณ์ของหญิงสาวเจนเนอร์เรชั่นนี้ที่มีทั้งความมั่นใจ เป็นตัวของตัวเองอย่างแรงกล้า จึงไม่แปลกเลยที่อัลบั้มนี้จะกลายเป็นจดหมายเหตุแห่งยุคสมัยใหม่ และเป็นคัมภีร์ที่เด็กสาวทั่วโลกพร้อมที่จะอยากเป็นเหมือนอย่างเธอ

“เมื่อฉันเขียนความเศร้าลงในเพลง มันสามารถจัดการกับความรู้สึกนั้นได้ มันเหมือนกับ โอเค ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าฉันสามารถผ่านมันไปได้แล้วล่ะ”

Olivia ทิ้งท้ายว่า เมื่อถึงเวลาหนึ่ง เราทุกคนควรมูฟออนเพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ และความรู้สึกนี้เองที่ทำให้ทุกคนต่างหลงรักในความเป็นเธอ และเราเชื่อว่าเมื่อคุณได้ฟังอัลบั้ม SOUR จนจบ ก็คงรู้สึกทึ่งในความสามารถของเธอไม่ต่างกับเราอย่างแน่นอน

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line