ผลงานล่าสุดของสำนัก Custom มอเตอร์ไซค์สายเท่ Hookie Co. ที่ได้นำ Triumph Bonneville Bobber รถจักรยานยนต์ Hot Rod ยอดฮิตในดวงใจสาย Custom เพราะมีครบทั้งความเร้าใจในการขับขี่ สมรรถนะ สเปค และสไตล์ มาจัดการออกแบบใหม่อีกครั้งในแบบ minimal เน้นความ รูปทรงที่ดูแตกต่าง แต่ที่จริงแล้ว Hookie Co. ออกแบบ Black Orca คันนี้ด้วยการสร้างชิ้นส่วนขึ้นมาใหม่โดยพยายามปรับเปลี่ยนดีไซน์ของ Triumph Bobber ให้น้อยด้วยการแตะต้องอุปกรณ์ถอดเปลี่ยน ไม่แตะต้องชิ้นส่วนโครงสร้างหลักของตัวรถ แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นดูเท่ขึ้นมาก Hookie Co. ทำการเปลี่ยนพาร์ท DAZZLE cover, BULLET turn signals, FROZEN grips, GUARD radiator และ Alcantara SNUG solo seat ในโทนสีดำ blacked-out ซึ่งเป็นสีถนัดสุดของ Hookie Co.
มนูษย์กำลังแข่งขันกับไวรัส SARS-CoV-2 หรือโควิด-19 ว่าใครจะสามารถพัฒนาตัวเองได้เร็วกว่ากัน แม้ตอนนี้หลายประเทศที่ฉีดวัคซีนให้ประชาชนเป็นวงกว้างจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ในทางที่ดีขึ้น แต่ Pfizer ก็ยังไม่หยุดพัฒนา solution ที่ดีกว่า และสิ่งที่กำลังอยู่ในขั้นตอนทดสอบตอนนี้ก็คือยาแบบรับประทาน ที่จะเปลี่ยนวิธีป้องกันโควิด-19 ให้ง่ายขึ้นได้ที่บ้าน ลดภาระหมอพยาบาล และสามารถผลิตจำนวนมากเพื่อการเข้าถึงที่ง่ายกว่าภายในปีนี้ รายงานจาก Telegraph บอกว่า ณ Pfizer กำลังทดสอบยาต้านไวรัสโควิด-19 อยู่ใน USA และ Belgium โดยมีอาสาสมัครจำนวน 60 คน อายุ 18 – 60 ปี ซึ่งถ้าผลออกมาในทางที่ดี จะสามารถผลิตยาดังกล่าวออกมาได้ภายในปีนี้ ยารับประทานที่ Pfizer กำลังพัฒนาอยู่ตอนนี้มีรหัส codename ว่า “PF-07321332” เป็นยาจำพวก Protease inhibitors (PIs) ทำหน้าที่ยับยั้งการสร้างโปรตีนของไวรัส คล้ายการทำงานของยาต้านไวรัส HIV จำพวก Darunavir (DRV), Indinavir (IDV), Nelfinavir (NFV),
มีงานวิจัยแบบ Real-life Finding เกี่ยวกับประสิทธิภาพวัคซีนโควิด-19 จากประเทศอังกฤษที่น่าจะทำให้พวกเรามีความหวังมากขึ้น เพราะจากการติดตามผลจากผู้ฉีดวัคซีนสองตัวคือ Pfizer-BioNTech และ AstraZeneca พบว่าสามารถป้องกันการติดไวรัสและลดความเสี่ยงจากการป่วยหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ตอนนี้หลายคนจะกำลังสงสัยในประสิทธิภาพของวัคซีน AstraZeneca ที่ไทยเลือกใช้เป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมาล้วนเป็นตัวเลขเคลมที่ยังไม่เคยมีการติดตามผลจริง แต่ University of Oxford, the Office of National Statistics and the Department for Health and Social Care ได้ทำวิจัยผลใช้จริงใน UK ซึ่งเป็นไวรัสสายพันธุ์เดียวกับที่กำลังระบาดในบ้านเราตอนนี้ พบว่าหลังฉีดวัคซีน Pfizer และ AstraZeneca ได้ 1 โดส สามารถลดโอกาสการติดไวรัสได้ไม่น้อยกว่า 65% และหลังจากฉีดครบ 2 โดส พบว่ารายงานการติดไวรัสหรือเจ็บป่วยลดลงถึง 90% ซึ่งวัคซีนมีประสิทธิภาพเท่ากันระหว่างกลุ่มอายุเกิน 75 ปี เทียบกับกลุ่มวัยรุ่น ผลการวิจัยนี้มาจากการติดตามข้อมูล
ถ้า Mercedes-Benz มี AMG ฝั่ง Honda ก็มี Mugen แต่อาจจะไม่เน้นจูนความแรง เพราะมักจะมีแค่ชุดแต่งเสริมอารมณ์สปอร์ตให้รถบ้าน Honda ดูดุดันขึ้น และนี่คือการเปิดตัว Honda HR-V ใหม่ ที่มาพร้อมการใส่ชุดแต่ง Mugen รอบคัน เปลี่ยนฟีลลิ่งรถบ้านให้กลายเป็นรถซิ่ง JDM มันอาจจะไม่หวือหวาอะไรมาก แต่สำหรับคนที่เล็ง HR-V โมเดลใหม่เอาไว้ จะได้เห็นภาพรถคู่ใจคันใหม่ว่าสามารถแต่งอะไรได้บ้างจากโรงงาน ในญี่ปุ่น Honda HR-V Mugen จะมีให้เลือกเฉพาะรุ่น Hybird HR-V (แต่รุ่นอื่นก็สามารถสั่งชุดแต่งเพิ่มภายหลังได้) เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ผสมมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลัง 129 brake horsepower แม้จะไม่มากมายอะไร แต่สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันก็ถือว่าเหลือเฟือ แถมยังได้ความประหยัดพลังงานสูงสุด แน่นอนว่าการแปะป้าย Mugen ไม่มีผลกับแรงม้า แต่สิ่งที่ได้เพิ่มคืออารมณ์ล้วน ๆ ด้วยชุดแต่งรอบคัน ตั้งแต่กระจังหน้าลายขวางที่ดูโหดจัดพร้อมป้าย Mugen และสเกิร์ตหน้าเสริมเพิ่มความเตี้ยจากพื้นดิน รวมถึงสเกิร์ตข้างและหลังรอบคันยันกรอบป้ายทะเบียน
Benedicte Piccolillo สาวอาร์ตมากความสามารถจากฝรั่งเศสเจ้าของ Design Studio ‘Voglio Bene’ ผู้เริ่มต้นจากเส้นทาง Photographer จากนั้นจึงผันตัวสู่การเป็น Digital Graphic จากการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ผลงานที่โดดเด่นของ Piccolillo คืองานอาร์ตที่ผสมผสานความเป็น Renaissance กับ Modernity เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว โดยการใช้แรงบันดาลใจจากผลงานศิลป์เก่าแก่จากยุค Middle Ages จาก Italian และ Spanish ที่มักจะเกี่ยวข้องกับศาสนา นำมาเพิ่ม graphci design เข้าไปในงานต้นแบบจนกลายเป็นชิ้นงานที่ดูร่วมสมัย ทำให้มีวัง คฤหาสน์ หรือแม้แต่ Museums ที่มีผลงานเก่า ๆ มากมายมักจะชักชวน Piccolillo เพื่อร่วมงาน Colloboration โดยใช้ ‘coups de Coeur’ หรือการนำชิ้นงานเก่าแก่มา twist เพื่อจัดแสดงเป็น Exhibition ให้กับคนรุ่นใหม่ได้เข้าถึงงานศิลป์เก่าแก่ที่มีคุณค่า นอกจากงานอาร์ตเพื่อจัดแสดง
ของหาย จะกลายเป็นแค่เรื่องในอดีต ด้วย Apple AirTag เป็นอุปกรณ์เสริม iPhone ที่ช่วยให้คุณมีวิธีที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัวในการระบุตำแหน่งสิ่งของสำคัญได้ง่ายๆ Apple เปิดตัว AirTag ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมชิ้นเล็กที่เรียบหรูดูดีเพื่อช่วยติดตามและค้นหาสิ่งของสำคัญโดยอาศัยแอปค้นหาของฉันจาก Apple ซึ่งไม่ว่าคุณจะติด AirTag ไว้กับกระเป๋าถือ กุญแจ กระเป๋าเป้ หรือสิ่งของอื่นๆ AirTag ก็จะอาศัยเครือข่ายค้นหาของฉันที่กว้างไกลทั่วโลกเพื่อระบุตำแหน่งสิ่งของที่หายไป และขณะเดียวกันยังมีการเข้ารหัสข้อมูลตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งโดยไม่มีการระบุตัวตน AirTag มีจำหน่ายในแบบแพ็ค 1 ชิ้น และ 4 ชิ้นในราคา 990 บาท และ 3,390 บาท ตามลำดับ ดีไซน์น้ำหนักเบาและการตั้งค่าที่มหัศจรรย์ AirTag ทรงกลมแต่ละชิ้นมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา ทำจากสแตนเลสสตีลขัดเงาที่มีการสลักข้อความอย่างแม่นยำ อีกทั้งยังทนน้ำและฝุ่นที่ระดับ IP672 มีลำโพงในตัวที่จะเล่นเสียงเพื่อช่วยระบุตำแหน่งของ AirTag พร้อมด้วยที่ครอบแบบถอดได้ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยตัวเองได้ง่ายๆ นอกจากนี้ AirTag ยังมาพร้อมประสบการณ์การตั้งค่าที่มหัศจรรย์ไม่ต่างจาก AirPods เพียงแค่นำ AirTag มาอยู่ใกล้ๆ iPhone ทั้งคู่ก็จะเชื่อมต่อกันทันที จากนั้นผู้ใช้สามารถตั้งชื่อและเลือกว่าจะใช้
Apple® เปิดตัว iMac® แบบใหม่หมด ที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่บางเหลือเชื่อและกะทัดรัดมากยิ่งขึ้นที่เกิดขึ้นได้ด้วยชิป M1 iMac ใหม่ให้ประสิทธิภาพอันทรงพลังในดีไซน์ที่มีบางเพียง 11.5 มิลลิเมตร ด้วยมุมมองด้านข้างอันบางเฉียบจนเหมือนไม่มีเครื่องอยู่ตรงนั้นเลย iMac มีสีสันอันสวยสดมากมายให้เลือกจับคู่กับสไตล์เฉพาะตัวของผู้ใช้งานและเพิ่มความสว่างสดใสให้กับทุกพื้นที่ โดยมาพร้อมกับจอภาพ Retina® 4.5K ขนาด 24 นิ้ว ความละเอียด 11.3 ล้านพิกเซล ความสว่างถึง 500 นิต และการรองรับสีสันได้มากกว่า 1 พันล้านสี ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์การดูที่สวยสะกดตาและมีชีวิตชีวา iMac ใหม่ยังมาพร้อมกับกล้อง FaceTime® HD ระดับ 1080p, ไมโครโฟนคุณภาพระดับสตูดิโอ และระบบเสียง 6 ลำโพง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นกล้องและระบบเสียงที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน Mac® และนี่คือครั้งแรกที่คุณสามารถใช้ Touch ID® บน iMac ได้อีกด้วย ช่วยให้การเข้าสู่ระบบ การซื้อด้วย Apple Pay® หรือการสลับโปรไฟล์ผู้ใช้อย่างปลอดภัยทำได้ง่ายยิ่งกว่าที่เคย เพียงปลายนิ้วสัมผัส ขุมพลังและประสิทธิภาพของ M1
ผลงานการนำสองช่วงเวลาจากอดีตและอนาคตมาบรรจบกัน ผลงานที่น่าสนใจของ Hyundai กับการปลุกชีพ 1975 Hyundai Pony รุ่นแรกสุด ให้กับมาดูเท่ล้ำยุคด้วยขุมพลังไฟฟ้า และมันก็ดูดีมากเลยทีเดียว 1975 Hyundai Pony Heritage EV รถ two-door hatchback คันนี้ออกแบบโดย hyundai‘s Interior Chief Designer ‘Hak Soo Ha’ เป็นผลงานที่สร้างขึ้นเพื่อฉลองโอกาสเปิด Hyundai Motorstudio Busan แห่งใหม่ใน Busan โดยการนำรถ Pony มาถอดแยกชิ้นส่วนจนหมด ก่อนจะเริ่มติดตั้งระบบไฟฟ้า มอเตอร์ และแบตเตอรี่เข้าไปแทนที่เครื่องยนต์เดิม แต่ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดสเปคของระบบขับเคลื่อนว่าใช้แบตเตอรี่ความจุเท่าไหร่ รายละเอียดของดีไซน์ทั้งภายนอกภายในนั้นสวยงาม สะท้อนศักยภาพของทีมออกแบบใน Hyundai ที่พร้อมสำหรับการขยับเข้าสู่ยุคของ EV ด้วยรูปทรง Retro ของ Pony ที่ถูกเสริมไฟหน้าและไฟท้าย pixelated LED ใหม่ในโคมเดิม สามารถสร้างคาแรคเตอร์ที่น่ารักและทันสมัย กระจกมองข้างบนซุ้มล้อหน้าถูกแทนที่ด้วยกล้องซึ่งเป็นดีไซน์ยอดฮิตของรถยนต์ในยุค 1970s ภายในถูกปรับเปลี่ยนใหม่หมดด้วยอุปกรณ์ทันสมัยในดีไซน์ที่คลาสสิค
ใครเคยเดินเหยียบเศษหมากฝรั่งที่คนถุยทิ้งไว้บ้าง? มันเป็นสิ่งที่กวนใจ สกปรกเลอะเทอะ เอาออกยาก แต่ด้วยความเหนียวหนืดของมัน จึงมีสองนักเรียนดีไซน์เนอร์ Hugo Maupetit และ Vivian Fischer คิดไอเดียการเปลี่ยนซากหมากฝรั่งให้เป็นล้อสเก็ตบอร์ดได้สำเร็จ ไอเดียนี้แจ่มตั้งแต่ขั้นตอนแรกคือการสะสมเศษซากหมากฝรั่งด้วยการออกแบบและติดตั้งบอร์ด “Gum Collection Board” ผลิตจาก polymethyl methacrylate (PMMA) plastic ให้คนแปะหมากฝรั่งเคี้ยวแล้วให้เป็นที่เป็นทาง จากนั้นจะมาเก็บไปทั้งกระดานสัปดาห์ละครั้ง 1 บอร์ดจะได้หมากฝรั่งประมาณ 60 ชิ้น ในขณะที่ล้อแต่ละอันจะใช้เศษหมากฝรั่งประมาณ 10 – 30 ชิ้น แล้วแต่ขนาดและความแข็งแรง ทั้งบอร์ดและหมากฝรั่งจะถูกส่งต่อไปที่โรงงานเผื่อผ่านกระบวนการใช้ความร้อนหลอมรวมกันก่อนจะแปลรูป ทำสี และพิมพ์ออกมาเป็นล้อสเก็ตบอร์ดในที่สุด ข้อดีของโปรเจคนี้คือ เมื่อล้อเหล่านี้พังเสียหาย ก็สามารถนำกลับไปกระบวนการแปรรูปได้อีกครั้ง แม้บอร์ด PMMA ที่เต็มไปด้วยเศษหมากฝรั่งจะดูไม่ค่อยสวยงาม แต่เรื่องการใช้งานถือว่าโอเคมาก เพราะลดการคายถุยทิ้งตามพื้นทางเดินได้ไปในตัว เพราะปัญหาการทิ้งเศษหมากฝรั่งใน UK นั้นค่อนข้างหนัก มีเพียง 10% ที่ทิ้งเป็นที่เป็นทาง อีก 90% ถูกทิ้งอย่างไม่เป็นระเบียบ และทุกปีต้องใช้งบประมาณถึง 2,700
Ferrari เคยบอกไว้นานแล้วว่า ชีวิตนี้คุณจะไม่ได้เห็นรถ SUV ของเราแน่ เพราะเราจะไม่สร้างมัน แต่รถคันที่เรากำลังดูกันอยู่ตอนนี้ Ferrari บอกว่า “นี่คือรถทรง FUV (Ferrari Utility Vehicle) มันไม่ใช่ SUV” ไม่ใช่เรื่องแปลกที่แต่ละค่ายจะนิยามสไตล์หรือรูปทรงรถของตัวเองตามใจชอบ อย่าง BMW ก็เรียกรถ SUV ของตัวเองว่า SAV Sports Activity Vehicle ก็คงต้องแล้วแต่ Ferrari จะยืนยันล่ะครับ แต่รถคันนี้ดูยังไงมันก็คล้าย SUV แม้จะดูสัดส่วนเตี้ยกึ่ง Touring เล็กน้อยในบางมุม โดยเฉพาะความเตี้ยของตัวรถและส่วนโค้งด้านท้ายที่ลาดคล้าย Sportback (แต่ถ้าดูจากฝาท้าย ยังไงก็ SUV) เรื่องนั้นเอาไว้รอ Ferrari เปิดชุดพรางตาออกก็คงได้รู้กัน แต่วันนี้เรามีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับรถ FUV คันแรกของ Ferrari มาอัพเดทกัน เริ่มจากชื่อ Purosangue (PURR – oh – SAAHN –