เมื่อพูดถึงสาเหตุที่คร่าชีวิตคนไทยไปเป็นจำนวนมากในแต่ละปี หลายคนคงนึกถึงการเสียชีวิตที่เกิดจากอุบัติเหตุ รวมถึงโรคมะเร็ง ซึ่งก็ไม่ผิดคาด เพราะโรคมะเร็งคือสาเหตุหลักอันดับหนึ่งในการเสียชีวิตของประชาชนคนไทย ตามมาด้วยอันดับสองคือการเสียชีวิตเนื่องด้วยอุบัติเหตุ แต่ใครจะรู้บ้างว่าสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทยที่สูงเป็นอันดับสาม ซึ่งอันตรายไม่แพ้กัน นั่นก็คือการเสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน โดยสิ่งที่น่ากังวลคือ ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า เมื่อหัวใจหยุดเต้น จะไม่มีเลือดเดินทางไปเลี้ยงอวัยวะใด ๆ ในร่างกาย ทำให้สมองหยุดทำงานทันที และจะหมดสติภายในเวลา 10 วินาที โดยไม่ทันได้รู้ตัว ไม่ทันได้ขอความเชื่อเหลือใคร ๆ อย่างที่เคยได้เห็นในคลิปภาพข่าว ที่แม้แต่ผู้ซึ่งออกกำลังกายดูแลสุขภาพอยู่สม่ำเสมอ วิ่งลู่ในฟิตเนสอยู่ดี ๆ ก็ยังเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ล้มตึงหมดสติจนเสียชีวิตไปต่อหน้าต่อตา สรุปออกมาเป็นสถิติที่น่าตกใจว่า แต่ละปีมียอดผู้เสียชีวิตสูงถึง 54,000 คน เฉลี่ยแล้วมีผู้เสียชีวิตมากถึงชั่วโมงละ 6 คน ซึ่งจริง ๆ แล้ว เมื่อผู้ประสบภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันเกิดอาการหมดสติ หากได้รับการทำ CPR (การช่วยฟื้นคืนชีพ หรือการปั๊มหัวใจด้วยมือ) ภายใน 4 นาที จะมีโอกาสรอดชีวิตอยู่ที่ 27% และถ้าบริเวณนั้นมีเครื่อง AED (เครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ) สำหรับใช้ในการทำ CPR สลับกับการใช้เครื่อง
วัฒนธรรมการกิน คือสิ่งที่เราเรียนรู้ได้ผ่านภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือการท่องเที่ยวไปในหลายประเทศ วัฒนธรรมการกินไก่ทอดคู่เครื่องดื่มเย็น ๆ เพื่อ Refreshment ที่ทั้งอร่อยและผ่อนคลายของคนหลังเลิกงาน หรือของกลุ่มเพื่อนซี้ที่รวมตัวกันพูดคุยอย่างออกรส น่าจะเป็นบรรยากาศที่หลายคนคงคุ้นหูคุ้นตาความสุนทรีแบบนี้กันมาบ้าง โดยเฉพาะในอเมริกาและในเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นการจับคู่อาหารเพื่อดื่มด่ำความสุขอย่างลึกซึ้งมากกว่าแค่การกินเพื่ออิ่มท้อง ที่ชวนให้น้ำลายสอทุกทีที่ได้เห็นผ่านจอ เช่นเดียวกับในประเทศไทย คนไทยกับไก่ทอดและเครื่องดื่ม เป็นสาม Combination ที่ได้รับความนิยมมาโดยตลอด และตอนนี้ภาพบรรยากาศความสนุกกับเพื่อนซี้ พร้อมเครื่องดื่มเย็นฉ่ำแกล้มไก่ทอดกรอบ ๆ ได้ถูกพัฒนาไปอีกขั้น กับการรวมเอาทั้ง 3 Perfect combination เข้าไว้ด้วยกันให้ใกล้กว่าเดิม เพราะล่าสุดเมนูเครื่องดื่มเย็น ๆ ที่มาพร้อมไก่ทอดรสอร่อยได้เดินทางมาให้พวกเราชาวไทยลิ้มรสประสบการณ์ Chang @The PARQ กันถึงถิ่น เรียกได้ว่าเป็นการ Collabs ครั้งใหญ่ของวงการอาหาร และยังถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยกับเมนูเครื่องดื่มเย็น ๆ จาก Chang ที่ควงคู่มากับความกรอบฉ่ำละมุนรสเครื่องเทศของไก่ทอดสูตรผู้พันซึ่งพร้อมเสิร์ฟแล้ววันนี้ ที่ KFC Lifestyle Store สาขาพิเศษใหม่ล่าสุดที่ The PARQ ถนนพระราม 4 ขึ้นชื่อว่าเป็น KFC สาขาพิเศษทั้งที เราจึงไม่พลาดที่จะรีบมารีวิวให้รู้ว่าแตกต่างกับสาขาปกติยังไง
เชื่อว่า วลี “บอลนอกแค่สะใจ แต่บอลไทยอยู่ในสายเลือด” นั้นเป็นถ้อยคำที่ฝังลึกอยู่ในใจของแฟนบอลชาวไทยแทบทุกคน แม้ว่าส่วนใหญ่แต่ละคนจะมีทีมรักอยู่ในลีกต่างประเทศ มีทีมชาติทีมโปรดที่เต็มไปด้วยนักเตะไอดอลในดวงใจ ซึ่งวาดลวดลาย โชว์ฝีแข้งระดับโลกให้ได้ลุ้นกันในทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ ๆ แต่เมื่อถึงแมทช์สำคัญที่มีเหล่าช้างศึกนักเตะทีมชาติไทยลงสนาม แฟนบอลชาวไทยทั้งหลายไม่ว่าปกติจะเชียร์ทีมอะไรอยู่ ต่างเป็นต้องพร้อมใจรวมตัวกันแบบเฉพาะกิจ ลืมทีมลีกต่างประเทศ ทีมชาติของเหล่านักเตะซูเปอร์สตาร์ทั้งหลายเอาไว้ชั่วคราว เพื่อส่งแรงใจเชียร์นักฟุตบอลทีมชาติไทยอย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แม้บางช่วงที่ผลงานทีมไทยอาจดูไม่ค่อยเข้าตา จนกระแสความนิยมลดลง พื้นที่บนอัฒจันทร์ในสนามโล่งจนน่าใจหาย แต่ก็ยังต้องนับถือสปิริตของกองเชียร์เดนตาย แฟนพันธุ์แท้ทีมชาติไทยที่ยังคงยืนหยัดเคียงบ่าเคียงไหล่ ตามให้กำลังใจเหล่าช้างศึกอย่างไม่ลดละ เพราะไม่ว่าผลงานจะเป็นอย่างไร แต่ทุกครั้งที่เหล่านักเตะสวมเสื้อทีมชาติเพื่อสู้ศึกดวลแข้งในฐานะตัวแทนประเทศไทย นั่นคือความตั้งใจที่จะทำเพื่อชาติ เพื่อความสุขของพวกเราชาวไทยทุกคน และสิ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการฝึกซ้อม กลยุทธ์ ความมุ่งมั่น และพรสวรรค์ส่วนตัวของนักเตะ ก็คือกำลังใจจากเสียงเชียร์ ซึ่งหลายต่อหลายครั้งในช่วงเวลาที่กดดัน แต่เสียงเชียร์ที่ดังกระหึ่มในสนามกลับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญซึ่งสร้างแรงฮึดจนสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้ หลังจากผ่านช่วงเวลาอันมืดมน ที่เรียกได้ว่าเกิดวิกฤตศรัทธาต่อฟุตบอลทีมชาติไทยอย่างหนัก จนมาถึงตอนนี้ถือเป็นเรื่องน่าดีใจ ที่ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา กระแสบอลไทยกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ด้วยมาตรฐานของลีกฟุตบอลอาชีพในไทยที่สูงขึ้น ส่งต่อการพัฒนาฝีเท้าของนักเตะ การพัฒนาของแบบแผนการเล่น รวมถึงสปิริตการเล่นแบบมืออาชีพที่ส่งผลให้รูปเกมดีขึ้น ซึ่งเปรียบเสมือนของขวัญให้เหล่าแฟน ๆ ที่ตามเชียร์มาโดยตลอดได้ชื่นอก ชื่นใจ เชียร์ได้สะใจกว่าที่เคย อีกทั้งยังสร้างฐานแฟนบอลทีมชาติไทยกลุ่มใหม่ให้เพิ่มมากขึ้น โดยมิติของการสร้างระบบ สร้างทีมที่แข็งแกร่ง แฟนบอลอย่างเราคงไม่มีหน้าที่โดยตรงที่จะเข้าไปก้าวก่าย
เดินทางผ่านประวัติศาสตร์มายาวนานร่วม 60 ปี กับ Speedmaster หนึ่งในคอลเลคชั่นนาฬิกายอดนิยมจาก OMEGA แบรนด์นาฬิกาสุดหรูสัญชาติสวิส ที่นอกจากจะได้ความนิยมในระดับโลก ในประเทศไทยเองก็มีเหล่า Speedmaster Lover อยู่ไม่น้อยเช่นกัน เนื่องในโอกาสพิเศษแบบนี้ ทาง OMEGA จึงเลือกประเทศไทยให้เป็นอีกหนึ่งจุดหมายสำคัญในการจัดงาน “SPEEDMASTER 60th ANNIVERSARY” เฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีแห่งการเดินทางให้กับเรือนเวลาโครโนกราฟเลื่องชื่อของโลกอย่าง Speedmaster แน่นอนว่า UNLOCKMEN ไม่พลาดที่จะไปเก็บบรรยากาศภายในงาน ซึ่งจัดขึ้นมาในรูปแบบเอ็กซิบิชั่นสุดพิเศษ พาผู้ร่วมงานอย่างเราย้อนเวลาสู่ความท้าทายแห่งห้วงอวกาศ เนรมิตพื้นที่ชั้น G ศูนย์การค้า Central Embassy ให้กลายเป็นพื้นผิวดวงจันทร์ที่ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษ พร้อมแบ่งโซนจัดแสดงนิทรรศการเป็น 7 โซน ให้เราได้ซึมซับหลากเรื่องราวของ Speedmaster ที่ขึ้นหิ้งเป็นตำนานบนหน้าประวัติศาสตร์โลก ตั้งแต่จุดเริ่มต้นในสนามแข่งรถประลองความเร็ว ไปจนถึงความเกี่ยวพันกับห้วงอวกาศ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ชายแทบทุกคนมาตั้งแต่ยังเด็ก สำหรับสุดยอดไฮไลต์ ที่เรามั่นใจว่าผู้หลงใหลมนตร์เสน่ห์แห่งเรือนเวลา รวมถึงเหล่า Speedmaster Lover ทั้งหลายเป็นต้องมุ่งตรงเข้าหา คือโซนที่ 7 โซนสุดท้ายที่เปิดโอกาสให้ได้ชื่นชมความล้ำค่าระดับมาสเตอร์พีซของ 12 เรือนเวลาแห่งประวัติศาสตร์
ยุทธวิธีทางการตลาดในปัจจุบัน การสื่อสารตัวตนของแบรนด์ออกไปให้กับผู้บริโภคได้รับรู้ ถือเป็นอีกแนวทางสำคัญ เพราะคาแรคเตอร์ของแบรนด์ที่ชัดเจนนั้น สามารถส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค ที่แม้ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกัน แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่มักจะเลือกผลิตภัณฑ์ซึ่งมีคาแรคเตอร์ที่คล้ายคลึง และเข้ากันได้กับไลฟ์สไตล์ของตัวเองเป็นหลัก ด้วยเหตุผลง่าย ๆ จากความรู้สึกพื้นฐานของมนุษย์ ที่เชื่อมั่นว่าสิ่งที่มีความใกล้เคียงกับตัวเอง คือสิ่งที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งแบรนด์คอนโดมิเนียม The Reserve จากค่ายพฤกษา เป็นแบรนด์อสังหาฯ ที่เรามองว่า สามารถหยิบยกเอาแนวทางสื่อสารการตลาด ซึ่งเน้นการถ่ายทอดตัวตนของแบรนด์มาปรับใช้ได้อย่างน่าสนใจ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ทางการตลาด ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างคาแรคเตอร์แบรนด์ที่ชัดเจน ควบคู่ไปกับความต้องการที่จะเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคอย่างตรงจุด จนกลายมาเป็นแนวคิดใหม่ในการสื่อสารแบรนด์โดยใช้สัตว์เป็นสัญลักษณ์ เป็นตัวแทนของไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างตามจุดเด่นของแต่ละโครงการ เพื่อสร้างภาพจำ และความคุ้นเคย รวมถึงเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมกับรูปแบบการใช้ชีวิตให้กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี แนวคิดการเลือกใช้สัตว์เพื่อสื่อสารคาแรคเตอร์ของโครงการที่ชัดเจนนั้นเริ่มมาตั้งแต่ The Reserve Thonglor 2 ที่เลือกใช้หมาป่าเป็นสัญลักษณ์ พร้อม Tagline “Reserve Your Nature” สื่อถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ชีวิตในย่านทองหล่อ ที่มักรวมกลุ่มแบบ Wolfpack เพื่อ Hangout ท่ามกลางแสงสี และความมีชีวิตชีวายามค่ำคืนในย่านนี้ ต่อเนื่องมาจนถึงโครงการล่าสุดอย่าง The Reserve Phahol-Pradipat ซึ่งใช้ “เสือหิมะ” เป็นตัวแทนของนักล่าที่มีความทะเยอทะยานมุ่งมั่น และชื่นชอบการอาศัยอยู่บนที่สูง
เมื่อพูดถึงนาฬิกาดี ๆ สักเรือน เราเชื่อว่าสิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงคือนาฬิกาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยความเนี้ยบ ความประณีตพิถีพิถันของช่างฝีมือ รวมถึงการไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาเทคโนโลยีกลไกบอกเวลาอันแม่นยำเที่ยงตรงของชาวสวิส ทำให้ชื่อเสียงของนาฬิกาสัญชาติสวิสเป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลก แบรนด์ Tissot ถือเป็นเรือนเวลา Swiss Made หรือนาฬิกาสัญชาติสวิสแท้ ผลิตในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีชื่อเสียงได้รับการยอมรับมายาวนาน และกำลังจะมีอายุครบ 165 ปี ในปีหน้า นับย้อนไปตั้งแต่จุดเริ่มต้นในปี 1853 จากการร่วมมือของ 2 พ่อลูก Charles-Félicien Tissot และ Charles-Émile Tissot ที่ริเริ่มผลิตและเปิดกิจการร้านขายนาฬิกาพกพาขึ้นที่เมือง Le Locle ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และดำเนินกิจการนาฬิกาภายใต้ชื่อแบรนด์ Tissot สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงปัจจุบัน จุดเด่นของเรือนเวลาจาก Tissot แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องของคุณภาพมาตรฐานสวิส ในราคาที่คุ้มค่าจับต้องได้ รวมถึงการนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาปรับใช้ อีกทั้งยังโดดเด่นในเรื่องการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ กล้าที่จะลองใช้วัสดุแปลกใหม่ในการทำนาฬิกา หากอ่านแล้วยังจินตนาการความแปลกไม่ออก เราขอบอกว่าเคยมีนาฬิกาข้อมือที่ผลิตจากหิน และไม้ ภายใต้ชื่อแบรนด์ Tissot ออกมาวางจำหน่ายโชว์ความล้ำกันตั้งแต่ยุค 80s สำหรับผู้ชายอย่างเรา ๆ
เมื่อพูดถึงความเจ็บปวด มนุษย์ผู้ชายอย่างเรา ๆ ต่างก็มีกิจวัตรประจำวันอันหลีกหนีไม่พ้นที่จะก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บแก่ร่างกาย แม้ไม่ใช่นักสู้ นักรบ ที่ต้องใช้ร่างกายปะทะฟาดฟันกันแบบตรง ๆ แต่ก็ยังต้องพบเจอสาเหตุของความเจ็บปวดได้จากกิจกรรมเล็กน้อยทั่วไปในชีวิตที่ดูเหมือนไม่น่าจะมีอะไร ไม่ว่าจะนั่งขับรถฝ่ารถติดอย่างยาวนาน นั่งทำงานผิดท่า หรือในวันหยุดอยากฟิตเฟิร์มออกไปเล่นกีฬา เข้ายิม จ็อกกิ้ง เตะบอล หากออกแรงผิด บิดไม่ถูกองศา อาการปวดกล้ามเนื้อก็ถามหาได้ง่าย ๆ หรือแม้กระทั่งในโมเม้นต์หล่อ ๆ ช่วยถือของให้สาวขณะช้อบปิ้ง เข้าร้านนั้น ออกร้านนี้ ก็พาลจะทำให้ปวดแขน ปวดไหล่ ปวดหลังได้ไม่ใช่น้อย แม้ว่าร่างกายจะส่งสัญญาณความเจ็บปวดออกมาเตือน แต่ผู้คนส่วนใหญ่มักมองข้ามอาการปวดเหล่านั้นไป เพราะคิดว่าแค่ปวดเมื่อยเล็กน้อยปล่อยไว้เดี๋ยวก็หายเอง อย่างดีก็หยิบยาหม่อง ยานวดใกล้ตัว มาทาๆ ถูๆ แล้วก็ปล่อยผ่าน ซึ่งจริง ๆ แล้ว อาการปวดกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้น หากปล่อยทิ้งไว้ หรือเลือกรักษาบรรเทาอาการอย่างผิดวิธี นอกจากจะต้องทนรำคาญกับอาการปวดเรื้อรัง แล้วยังมีแนวโน้มที่จะลุกลามบานปลายถึงขั้นต้องผ่าตัดรักษา หรือที่เลวร้ายยิ่งกว่า คือกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ เสียหายรุนแรงจนไม่สามารถทำกิจกรรมทั้งหลายที่เคยทำในชีวิตประจำวันได้อย่างปกติอีกต่อไป และในวันนี้ UNLOCKMEN จะมาให้ข้อมูลสาเหตุ รวมถึงอาการปวดหลัก ๆ ที่มักพบเจอในผู้คนวัยทำงาน รวมถึงวิธีที่ใช้บรรเทาอาการเบื้องต้นได้อย่างเหมาะสม
ไม่ว่าจะเป็นผู้คลั่งไคล้ หลงใหล ในเรือนเวลาแบบเข้าเส้น หรือแม้แต่คนธรรมดาทั่วไปที่บังเอิญอยากจะหานาฬิกาคุณภาพดีเอาไว้ประดับข้อมือกันสักเรือน ต่างก็ต้องยอมรับถึงชื่อเสียง คุณภาพของเรือนเวลา Swiss Made หรือ แบรนด์นาฬิกาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่ง Mido ถือเป็นอีกแบรนด์นาฬิกาจากสวิส ที่พวกเราชาวไทยให้การตอบรับอย่างดีมาทุกยุคทุกสมัย ด้วยจุดเด่นในเรื่องของการออกแบบที่โดดเด่น วัสดุตัวเรือนชั้นดี งานประกอบที่พิถีพิถัน รวมถึงกลไกบอกเวลาคุณภาพสูงมาตรฐานสวิส ในราคาที่สมเหตุสมผล เมื่อพูดถึงความนิยมของแบรนด์ MIDO ทั้งในไทย และในระดับโลก ต้องย้อนกลับไปประมาณ 99 ปีก่อน ที่ได้มีการเริ่มต้นก่อตั้งโรงงานผลิตนาฬิกา MIDO G. Schaeren & Co. AG ขึ้นที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันท่ี 11 พฤศจิกายน 1918 โดย Georges Schaeren จวบจนถึงทุกวันนี้นับเป็นเวลาเกือบหนึ่งศตวรรษ ที่ MIDO ยังคงยึดปรัชญาหลักในการสร้างสรรค์เรือนเวลาที่ผสมผสานระหว่างความงามความเป็นต้นตํารับและความมีอรรถประโยชน์ซึ่งสามารถใช้งานได้จริง โดยจุดเปลี่ยนสําคัญของนวัตกรรมเรือนเวลาจาก MIDO สําหรับเราต้องยกให้ในปี 1930 ที่ MIDO ได้คิดค้นระบบการปิดซีลเม็ดมะยมแบบจุกคอร์กสําเร็จ (ภายหลังเรารู้จักกันในชื่อ Aquadura) และเป็นผู้นําในด้านการทําตัวเรือนนาฬิกาให้กันนํ้าได้อย่างแท้จริง
เมื่อพูดถึงตลาดนัด หนุ่ม ๆ หลายคนมักจะนึกถึงแหล่งช้อปปิ้งเสื้อผ้า หาของอร่อย ที่สาว ๆ มักจะรบเร้าให้พาไปเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศจากการเดินห้างหรูกันอยู่บ่อย ๆ ทั้งที่บางทีอารมณ์แมน ๆ แสนขี้เกียจอย่างพวกเรา มักไม่ค่อยอยากไปเดินเรื่อยเปื่อยหากไม่มีจุดหมาย ไม่มีสิ่งที่อยากได้จนต้องดั้นด้นไปหาซื้อ ให้เมื่อยขาเสียเวลา แต่หลายครั้งถึงจะขี้เกียจยังไงก็คงจะปฏิเสธคำวิงวอน อ้อน แกมขู่ ของพวกเธอไม่ได้ เพื่อให้การไปเดินตลาดนัดครั้งต่อไปวิน ๆ ทั้ง 2 ฝ่าย ในวันนี้ UNLOCKMEN จึงอาสามาแนะนำโลเคชั่น ที่สามารถพาหญิงไปเดินเล่นให้สมใจเธอ ส่วนคุณผู้ชายทั้งหลายยังได้เพลิดเพลินกับจุดหมายในร้านค้าสุดเก๋า ตอบโจทย์ความชื่นชอบของชายหนุ่ม ครบทั้งกิน ดื่ม ช้อป หล่อ ด้วยพิกัดที่เดินทางง่าย ใจกลางเมือง และเชื่อว่าหลายคนคุ้นเคยกันดี อย่างตลาดนัดรถไฟรัชดา ตลาดนัดชื่อดัง ซึ่งมีชื่อเสียงด้านความขลังสไตล์ Retro ที่มีร้านเจ๋ง ๆ รอให้ทุกคนได้ไปสัมผัส งานนี้ขอบอกว่าไม่จำเป็นที่จะต้องพาสาวไปเดินเท่านั้น หากหนุ่มคนไหนไม่มีคู่ ก็สามารถชวนก๊วนเพื่อนไปเยือนร้านตามลายแทง หรือแม้กระทั่งลุยเดี่ยวไปเดินเล่นคนเดียวแก้เบื่อก็ได้เช่นกัน เพราะเรารับรองว่า 4 ร้านที่คัดมานั้นจะทำให้ภาพการไปเดินตลาดนัดของคุณเปลี่ยนไป ไม่ใช่เพียงแค่การเดินเรื่อยเปื่อยไร้จุดหมาย เพราะคราวนี้ได้ทั้งเสริมหล่อ ช้อปปิ้งหาของวินเทจโดนใจ พร้อมกินดื่ม
เมื่อพูดถึงย่านทองหล่อ สิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงคงหนีไม่พ้นพื้นที่ทำเลทองใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งรายล้อมไปด้วย ร้านค้า สถานที่ต่าง ๆ ที่ตอบสนองต่อ Premium Lifestyle อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารดี ๆ แหล่ง Hangout โดน ๆ ที่ดึงดูดให้กลุ่ม Urban Men อย่างชาว UNLOCKMEN มีเหตุให้ต้องไปเยือนทองหล่ออยู่เสมอ แต่ท่ามกลางความคึกคักของแสงสี และ Lifestyle ที่ไม่หยุดนิ่งในย่านทองหล่อ ยังมีอีกหนึ่งพิกัด ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นแหล่งพักผ่อนระดับไฮคลาสที่เข้ามาเติมเต็มการใช้ชีวิตในทองหล่อให้ครบทุกด้านมากยิ่งขึ้น ถือเป็นสถานที่สำหรับเปลี่ยนบรรยากาศ หลีกหนีจากวันวุ่น ๆ ชีวิตอันเร่งรีบในกรุงเทพฯ หลบไปนอนชาร์จพลังได้ทันใจ สามารถเก็บกระเป๋ามุ่งหน้าไปได้ทันที โดยไม่ต้องเปลืองวันลาหรือเสียเวลาเดินทางเหนื่อยขับรถข้ามจังหวัด ข้ามอำเภอ เพียงเพื่อแลกกับการได้นอนพักนิ่ง ๆ ในบรรยากาศหรูหรา สไตล์ยุโรปคลาสสิค ซึ่งสถานที่ ที่เราพูดถึง และกำลังจะพาทุกท่านไปสัมผัสบรรยากาศนั่นก็คือ Metropole The Crest Collection by The Ascott Limited หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Metropole