หนุ่ม ๆ ที่ชื่นชอบรถยนต์ของโฟล์คสวาเกนโดยเฉพาะสาวกของ Type 2 คงกำลังรอคอยรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่าง I.D Buzz ที่กว่าจะวางขายก็ต้องรอถึงปี 2022 แต่ระหว่างนี้เชื่อว่าหลายคนจะต้องถูกใจกับรถยนต์คอนเซ็ปต์คันล่าสุดที่ชื่อ E-BULLI อย่างแน่นอน e-BULLI คือรถยนต์คอนเซ็ปต์คันล่าสุดจาก eClassics แผนกผลิตและพัฒนารถยนต์รุ่นคลาสสิกให้กลายเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สามารถทำได้ทั้งในรุ่น Type I Type II และ Type III โดยรถคันล่าสุดที่ถูกเลือกคือ Micro Bus ที่มาพร้อม 21 หน้าต่างอย่าง T1 ‘Samba Bus’ รุ่นปี 1966 ซึ่งถูกเปลี่ยนขุมพลังขับเคลื่อนรวมถึงปรับงานดีไซน์ใหม่ให้กลายเป็นส่วนผสมที่ตัวระหว่างเทคโนโลยีล้ำสมัยกับดีไซน์ไอคอนนิก eClassics ต้องการแน่ใจว่าพวกเขาจะไม่สูญเสียความคลาสสิกของดีไซน์ดั้งเดิมของ Samba Bus ไป e-BULLI จึงมาในสีดั้งเดิมคือสีส้ม ทองและสีครีม ส่วนที่เพิ่มเข้ามาใหม่คือชุดไฟหน้า LED ทรงกลมและไฟ Day Light LED ในส่วนตัวถังถูก Re-Design ใหม่ทั้งหมดโดยเพลาหน้าและเพลาหลังเป็นแบบมัลติลิงค์ซึ่งจะส่งพลังขับเคลื่อนไปที่ล้อหลัง ด้านขุมพลัง e-BULLI
สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อผู้คนทั่วโลกรวมถึงลดทอนความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจทำให้มีอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคืออุตสาหกรรมผู้ผลิตรถยนต์ซึ่งได้รับผลกระทบไปเต็ม ๆ จากยอดขายที่ลดลงและการสั่งหยุดการผลิตของโรงงานกลุ่มประเทศเสี่ยง อย่างไรก็ตามภายใต้สถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนัก ยังมีค่ายผู้ผลิตรถยนต์จำนวนมากที่แสดงความต้องการชัดเจนว่าพร้อมเปลี่ยนโรงงานของตัวเองให้กลายเป็นโรงงานผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อใช้สนับสนุนและช่วยเหลือทีมแพทย์ในการต่อสู้กับโรคร้ายหากสถานการณ์ต่าง ๆ เลวร้ายขึ้น มาดูกันว่ามีค่ายรถไหนบ้างที่พร้อมสนับสนุนความช่วยเหลือในครั้งนี้ เริ่มกันที่อิตาลีหนึ่งในประเทศที่มีสถานการณ์น่าเป็นห่วงที่สุด การแพร่ระบาดในอิตาลีเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะพวกเขาไม่สามารถกักตัวผู้คนก่อนจะเกิดการอพยพได้รวมถึงการดำเนินงานที่ล่าช้าของภาครัฐ รู้ตัวอีกทีการระบาดก็กระจายไปทั่วประเทศ รัฐทำได้เพียงควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เลวร้ายแต่ประชาชนยังคงติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น นั่นทำให้โรงพยาบาลส่วนใหญ่ซึ่งไม่ได้มีการเตรียมพร้อมรับมือ ขาดแคลนอุปกรณ์ทั้งเตียงและเครื่องช่วยหายใจ จนทำให้ Siare Engineering บริษัทผลิตเครื่องช่วยหายใจเบอร์หนึ่งของอิตาลีให้รับการขอร้องจากรัฐบาลให้เพิ่มกำลังการผลิตจากเดือนละ 160 ตัวเป็น 500 ตัวซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายหากจะผลิตด้วยโรงงานเดิม Siare Engineering ได้ติดต่อพูดคุยกับกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศอิตาลีไม่ว่าจะเป็น Ferrari Fiat และ Chrysler และพูดคุยกันจนได้ข้อสรุปว่า การช่วยเหลือในครั้งนี้จะแบ่งเป็น 2 วิธีด้วยกัน วิธีแรกคือให้ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ทั้งหมดช่วยเหลือในการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของเครื่องช่วยหายใจเพราะส่วนใหญ่มีความเชี่ยวชาญการผลิตอุปกรณ์เหล่านี้อยู่แล้ว อีกทางหนึ่งคือให้ Ferrari หรือ Fiat ส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตไปดูงานที่โรงงานผลิตเครื่องช่วยหายใจของ Siare Engineering เพื่อสนับสนุนการผลิตรวมถึงศึกษาแบบเครื่องช่วยหายใจและนำกลับไปผลิตที่โรงงานของตัวเอง โดยเหตุผลที่รัฐบาลอิตาลีข้อความร่วมมือการองค์กรเหล่านี้เพราะรู้ดีว่าค่ายผู้ผลิตรถยนต์มีความเชี่ยวชาญในการผลิตอุปกรณ์ครั้งละมาก ๆ รวมถึงสามารถขอซื้อวัสดุหลายประเภทได้ในราคาถูกกว่าภาครัฐ ซึ่งต้องรอข่าวยืนยันการเริ่มผลิตอีกครั้ง ข้ามมาดูสถานการณ์ในฝั่งสหรัฐอเมริกาแม้จะประกาศปิดประเทศแล้วแต่ยอดผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ประมาณ 26,000 คนและเสียชีวิตแล้ว 178 คน จนทำให้หลายฝ่ายเริ่มตื่นตัวไม่เว้นแม้แต่
การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของแต่ละคนมากน้อยแตกต่างกันไป หลายคนไลฟ์สไตล์ชีวิตต้องเปลี่ยนไปชั่วคราว อาจต้องเริ่มการทำงานที่บ้าน หยุดงาน รวมถึงสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงหลายแห่งต้องหยุดให้บริการ หนึ่งในนั้นคือฟิตเนส สถานที่ออกกำลังประจำของหนุ่ม ๆ หลายคน พร้อมกันนั้น คนที่ไม่ได้เลือกออกกำลังที่ฟิตเนส แต่เลือกที่จะออกกำลังด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ตามสวนสาธารณะก็อาจต้องลดความถี่ลงหากต้องการเลี่ยงการเดินทางร่วมกับคนอื่น เพราะการสร้าง Social Distancing ในช่วงเวลานี้ถือเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากสำหรับคนหวังดีกับตัวเองและคนรอบตัว เพราะเราไม่รู้เลยว่าการแพร่เชื้อจะเกิดขึ้นได้ที่ไหนบ้าง ดังนั้นการออกกำลังกายที่บ้านจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้เราสามารถรักษาร่างกายให้ยังคงแข็งแรงเพื่อต่อสู้กับโรคภัยต่าง ๆ ได้แถมยังมีประโยชน์เป็นมวลกล้ามเนื้อที่แกร่งเพิ่มมากขึ้น วันนี้เลยอยากชวนทุกคนมา WORKOUT FORM HOME กับ 10 ท่าบอดี้เวทสำหรับคน (จำเป็นต้อง) อยู่บ้านในช่วงนี้ Push Up เริ่มด้วยวิดพื้น ท่าออกกำลังที่ทุกคนรู้จักดีแถมยังพัฒนากล้ามเนื้อได้หลายส่วนทั้ง แขน อก ไหล่ ถือเป็นท่าที่ขาดไม่ได้สำหรับออกกำลังง่าย ๆ ที่บ้าน สำหรับคนที่เริ่มอาจฝึกด้วย Bent Knee Push Up เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของแขนไปก่อน แต่สำหรับคนที่ชินกับการวิดพื้นอยู่แล้วแนะนำให้เปลี่ยนอารมณ์ให้ด้วย Diamond Push up หรือ Spider
สำหรับหนุ่ม ๆ ที่กำลังเสาะหานาฬิกาเรือนใหม่ให้กับตัวเอง ถ้าคุณเป็นแฟนเดนตายของแบรนด์รถยนต์อย่าง Porsche โดยเฉพาะโมเดล 911 เราโคตรจะมั่นใจว่าเรือนเวลารุ่นล่าสุดจาก Porsche Design อย่าง 1919 Chronotimer Flyback ที่มาในโทนสีน้ำเงินเข้มรุ่นนี้คือคำตอบที่ตรงความต้องการอย่างแน่นอน ปี 2018 Porsche Design เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ในชื่อ 1919 Chronotimer Flyback เป็นครั้งแรกซึ่งเปิดตัวพร้อมหน้าปัดและสายหนังสีน้ำตาล มาถึงปี 2020 พวกเขาจับนาฬิการุ่นดังกล่าวมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้ง คราวนี้มาพร้อมกับวัสดุและสีพิเศษที่ใช้ในรถรุ่นเรือธงของค่ายอย่าง 911 1919 Chronotimer Flyback ‘Blue&Leather’ มาพร้อมหน้าปัดขนาด 42 mm ที่มีพื้นหลังเป็นสีน้ำเงิน ได้รับแรงบันดาลใจออกแบบมาจาก Dashboard ของ 911 ตัวเรือนผลิตจากวัสดุไทเทเนียม 100 เปอร์เซ็นต์ที่แข็งแกร่งแต่มีน้ำหนักเบากว่าตัวเรือนจากแสตนเลส สตีลถึง 46 เปอร์เซ็นต์ หน้าปัดทำจากวัสดุกระจกแซฟไฟร์คริสตัลสามารถป้องกันรอยขีดข่วนและอ่านเวลาได้ชัดเจนในที่มีแสงจ้า อีกความพิเศษของนาฬิกาเรือนนี้คือ สายรัดข้อมือที่ทำมาจากหนังลูกวัวชั้นดีพื้นผิวนุ่มสีกรมท่า เก็บรายละเอียดด้วยเส้นด้ายสีเทาซึ่งเป็นหนังแท้ที่ใช้งานเฉพาะในห้องโดยสารของ Porsche 911 เท่านั้น ถือเป็นโอกาสดีสำหรับคนที่อยากครอบครองเพราะจะได้สัมผัสความพิเศษนี้ทุกวันผ่านการใช้งานนาฬิกาข้อมือ
หนุ่มที่ติดตามวงการไฮเปอร์คาร์หลายคนคงทราบข่าวการเปิดตัวรถยนต์คันใหม่ของ Koenigsegg (คอนิกเส็กก์) เป็นรุ่นพัฒนาต่อจาก Jesko โดยใช้ชื่อว่า Jesko Absolut (เจสโก แอปซอรูท) ที่มากับข่าวลือว่าสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 500 กิโลเมตร/ชั่วโมง Koenigsegg เปิดตัว Jesko Absolut แบบออนไลน์เพื่อเลี่ยงไวรัสหลังงาน Geneva Motor Show ถูกยกเลิกไป โดยยนตรกรรมคันใหม่ของพวกเขาถูกพัฒนาให้สมบูรณ์แบบทั้งเรื่องอากาศพลศาสตร์และขุมพลังซึ่งจะทำให้มันกลายเป็นไฮเปอร์คาร์ที่พุ่งทะยานบนท้องถนนได้เร็วสุดเท่าที่เคยผลิตมาของค่าย Jesko Absolut มากับงานดีไซน์ด้านหน้าเป็นช่องลมขนาดใหญ่ รวมถึงช่องอากาศ 2 ช่องด้านข้างตัวรถเหมือนกับใน Jesko รุ่นปกติ อย่างไรก็ตามดีไซน์ด้านหลังถูกเปลี่ยนใหม่โดยเลือกถอดปีกขนาดใหญ่ออกไป และแทนที่ด้วยครีบแนวตั้ง 2 ตัวที่ช่วยในการควบคุมรถได้ดีขึ้นในขณะที่โลดแล่นบนท้องถนนด้วยความเร็วสูง โครงสร้างตัวถังของ Jesko Absolut คันนี้ เป็นแบบ Monocoque ซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างคาร์บอนไฟเบอร์และเคฟลาร์ ขณะที่ระบบ Aerodynamics ก็ได้รับการพัฒนาใหม่ก็ทำให้ Jesko Absolut มีค่าแรงต้านอากาศที่ 0.278 Cd เท่านั้น รวมถึงมีค่า Downforce ในความเร็ว 250
สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่หรือ COVID-19 ดูเหมือนจะยังคงขยายวงอย่างต่อเนื่อง เราทุกคนจึงต้องใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีสติ และการรู้จักดูแลรักษาความสะอาดให้กับตัวเองรวมถึงสิ่งแวดล้อมรอบตัวให้ปลอดภัยจากไวรัสอยู่เสมอ “รถยนต์” คือหนึ่งในสิ่งที่ผู้ชายอย่างเราควรให้ความสำคัญในการดูแลความสะอาดมากที่สุดในสถานการณ์แบบนี้ เพราะหลายคนใช้งานรถยนต์ส่วนตัวเกือบจะเป็นเรื่องประจำวัน และหลายครั้งมีเพื่อนในออฟฟิศรวมถึงคนในครอบครัวที่ใช้งานไปพร้อมกัน การรักษาความสะอาดทั้งภายในและภายนอกตัวรถเป็นเรื่องจึงเป็นเรื่องที่รอช้าไม่ได้ และต้องทำทุก ๆ วัน แต่เบื้องต้นวิธีไหนจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดมาเรียนรู้ไปพร้อมกัน ปกติแล้วรถยนต์ของเราจะไม่มีความเสี่ยงจากไวรัสโคโรน่า หากไม่เคยมีบุคคลที่ป่วยหรือสัมผัสเชื้อมาร่วมใช้งานด้วย อย่างไรก็ตามการความสะอาดส่วนต่าง ๆ ภายในห้องโดยสารจะช่วยให้เรามีความมั่นใจมากขึ้นทุกครั้งที่ขับขี่ เพราะเราไม่รู้เลยว่าจะวันหนึ่งจะมีใครที่นำไวรัสเข้ามาปนเปื้อนภายในห้องโดยสารที่ใช้งานทุกวัน กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค เผยแพร่ข้อมูลที่ว่าไวรัสโควิด-19 สามารถมีชีวิตอยู่บนวัสดุ เช่น พื้น โต๊ะ ลูกบิดประตูนาน 7-8 ชั่วโมง สามารถติดอยู่บนผ้านาน 8-12 ชั่วโมงและวัสดุผิวเรียบนาน 24-48 ชั่วโมง ซึ่งวัสดุและพื้นผิวหลายชนิดเหมือนกับวัสดุที่ใช้ภายในรถยนต์ การทำความสะอาดแต่ละส่วนจึงแตกต่างกันออกไป ควรใช้อะไรทำความสะอาดรถยนต์ ? ห้องโดยสารรถยนต์ประกอบไปด้วยวัสดุและพื้นผิวที่แตกต่างกัน ทั้งพลาสติก หนัง ยางและผ้า ซึ่งผู้เชี่ยวชาญพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโรคที่มีแอลกอฮอล์มากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ขึ้นที่สิ่งที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดไวรัสได้ ขณะเดียวกันในพื้นผิวที่บอบบางต่อแอลกอฮอล์ทุกคนสามารถใช้น้ำสบู่ในการเช็ดทำความสะอาดเบื้องต้นได้เช่นกัน ขณะเดียวกันแนะนำว่าไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของสารฟอกขาว หรือส่วนประกอบของ Hydrogen peroxide ซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้กับเบาะหนังและพลาสติกภายในห้องโดยสาร รวมถึงไม่ควรน้ำยาเช็ดกระจกสีฟ้าที่มีส่วนผสมของแอมโมเนียมาใช้ทำความสะอาด Dashboard
เชื่อว่ามีหนุ่ม ๆ จำนวนไม่น้อยที่ชื่นชมผลงานซูเปอร์คาร์และไฮเปอร์คาร์ที่ผลิตโดย Bugatti ค่ายรถยนต์สมรรถนะสูงจากประเทศฝรั่งเศส โดยเฉพาะรถตระกูล Chiron ที่เคยครองสถิติความเร็วระดับโลกหลายต่อรุ่น ล่าสุดกับรุ่นพัฒนาใหม่ที่แม้ไม่เป็นที่สุดในโลกในเรื่องความเร็ว แต่เชื่อเถอะว่าจากจำนวนแรงม้าที่มี Bugatti คันนี้ก็ไม่มีใครเร่งให้ทันได้ง่าย ๆ แน่นอน เรียกได้ว่าเป็นข่าวดีของเหล่าสาวก เพราะปลายปี 2020 นี้ Bugatti เตรียมปล่อยไฮเปอร์คาร์รุ่นใหม่ของค่ายที่ถูกพัฒนาให้มีศักยภาพมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นขุมพลัง ชุดเกียร์ รวมไปงานดีไซน์ซึ่งช่วยให้ระบบอากาศพลวัตทำงานได้ที่ดีขึ้น แต่รายละเอียดเฉพาะในแต่ละจุดจะเป็นยังไง มาชมไปพร้อมกัน Chiron Pur Sport คือรถยนต์รุ่นพัฒนาล่าสุดจาก Bugatti โดดเด่นด้วยงานดีไซน์ที่ขึ้นงานตัวอย่างด้วย VR Technology แทนการใช้ดินเหนียวทั้งคัน ไม่ว่าจะเป็นช่องอากาศด้านหน้ารถรูปเกือกม้าขนาดใหญ่ที่มีกราฟิกเลข 16 ตกแต่งไว้ข้างใน ฝากระโปรงทรง 3 เหลี่ยมที่มาบรรจบกันด้านหน้า พร้อมกับกราฟิกสีดำที่ลากตัดด้านยาวตัวรถ หากมองด้านข้าง Chiron Pur Sport เป็นส่วนผสมระหว่างสีน้ำเงินและสีดำ ไล่ตั้งแต่สเกิร์ตหน้าพาดยาวผ่านช่องลมด้านข้างตัวรถไปบรรจบกันที่ส่วนท้ายของตัวรถ ซึ่งเข้ากับล้อแม็กดีไซน์ดุดันสีดำและยาง Michelin Sport Cup 2R อย่างลงตัว ดีไซน์ด้านหลังของ Pur
สำหรับหนุ่มที่หลงใหลในรถยนต์ ปีนี้คงเป็นช่วงที่ทุกคนเพลิดเพลินเป็นพิเศษเพราะมีรถดีไซน์ล้ำ สายพันธุ์แรงจากหลายแบรนด์ถูกปล่อยออกมาให้ชื่นชมความสวยงามกัน และหนึ่งในรถยนต์สุดว้าวที่เราเชื่อว่าหล่อเท่เตะตาใครหลายต่อหลายคน ต้องขอยกให้ยนตรกรรมไร้หลังคาคันใหม่จาก Aston Martin ที่มีชื่อว่า V12 Speedster ไม่รู้ว่ารถยนต์ไม่มีหลังคาเป็นเทรนแห่งอนาคตหรือเป็นรถอีกรูปแบบหนึ่งที่ค่ายต่าง ๆ นัดทำรุ่นพิเศษออกมาประชันกันโดย เพราะก่อนหน้านี้มีรถสไตล์คล้ายกันจากค่ายรถอื่น ๆ เปิดตัวออกมาไม่ว่าจะเป็น Ferrari Monza SP1-SP2, Bentley Mulliner Bacalar และ McLaren Elva ซึ่งทาง Aston Martin เองก็ไม่รอช้าให้ตัวเองเป็นแบรนด์ตกยุคด้วยการปล่อยโมเดล V12 Speedster ตามออกมาติด ๆ V12 Speedster สร้างและพัฒนาโดย Q แผนกสร้างสรรค์รถ Bespoke ของ Aston Martin ใช้แรงบันดาลใจจากโมเดล DBR1 ผู้ชนะการแข่งขัน 24 Hours Le mans ในปี 1959 และ Aston Martin CC100
เดินทางเดือนเข้าสู่เดือนที่ 3 ของปีนี้หนุ่ม ๆ ผู้รักรองเท้าหลายคนคงเพลิดเพลินกันตั้งแต่ต้นปีกับโมเดลรองเท้าจำนวนมากที่ถูกปล่อยออกมา ทั้งรุ่นใหม่ล่าสุดและรุ่นเก๋าที่หยิบเอามาทำใหม่ปะปนกันไป และคงเห็นกันว่ารองเท้าหลายคู่มาพร้อมสีสันสดใสประจำเทศกาลที่โดดเด่นเตะตา แต่เราเชื่อว่ายังมีผู้ชายหลายคนที่ชอบในการสวมใส่รองเท้าโทนสีดำหรือขาว ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นความเข้ากันกับสไตล์การแต่งตัว วิธีการดูแลรักษาหรืออาจเป็นรสนิยมส่วนตัว แต่ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้จะมีรองเท้าโทนขาว-ดำจากแบรนด์ไหน รุ่นอะไรกำลังจะถูกปล่อยออกสู่ตลาดบ้าง วันนี้ SNEAKER OF THE MONTH มี 8 คู่ที่อยากแบ่งปันให้กับผู้อ่านทุกคนได้รู้จัก มาชมกันเลยว่าแต่ละคู่จะมีทีเด็ดงานยังไงบ้าง Nike Air Max 2090 “Black/White” เริ่มกันที่สมาชิกล่าสุดของรองเท้าตระกูล Air Max กับ Air Max 2090 โมเดลนี้ทำขึ้นมาเพื่อฉลองครบรอบ 30 ปีของ Air Max 90 และใช้แรงบันดาลใจงานดีไซน์ของโมเดลเก๋ามาถ่ายทอดลงในรูปแบบรองเท้าที่เรียกว่า FlyEase ซึ่งสวมใส่ง่ายและเหมาะกับรูปทรงและขนาดเท้าที่มีความแตกต่างกัน Nike Air Max 2090 “Black/White” มาในสีหลักมีทั้งขาวและดำ โดยขึ้นรูปอัปเปอร์ด้วยวัสดุสังเคราะห์ ก่อนจะปกป้องด้วยชั้น Mudguards
การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ดูเหมือนจะขยายวงกว้างและรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุดมีจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกสูงถึง 114,000 คนและเสียชีวิตแล้วกว่า 4,000 คน ส่วนในประเทศไทยก็มียอดสะสม 70 คนและเสียชีวิตอีก 1 คน ทั้งหมดส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนทั้งระยะสั้นและระยะยาว (ข้อมูล ณ วันที่ 12 มีนาคม 2563) อีกผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการระบาดครั้งนี้คือ การเลื่อนหรือยกเลิกอีเวนต์ ซึ่งรวมคนจำนวนมากไว้ด้วยกัน ทั้งงานคอนเสิร์ตและการแข่งขันกีฬา ทำให้เกิดคำถามว่าแล้วการ”ออกกำลังในโรงยิมร่วมกับผู้อื่น”จะมีความเสี่ยงในการติดไวรัสมากน้อยแค่ไหนและจะต้องมีวิธีการจัดการตัวเองยังไง วันนี้มาทำความเข้าใจและเรียนรู้ไปพร้อมกัน ออกกำลังกายในโรงยิมเสี่ยงติดไวรัสหรือไม่ ? โรงยิมหรือฟิตเนสเป็นสถานที่เสี่ยงในการติดเชื้อ COVID-19 หรือไม่ ? คำตอบที่ได้จาก Aruna Subramanian ผู้เชี่ยวชาญโรคติดต่อและศาสตราจารย์ด้านการแพทย์จากมหาลัยแสตนฟอร์ด และ John Whyte หัวหน้าทีมแพทย์จาก WebMD แสดงความคิดในเรื่องนี้ว่า โรงยิมเป็นสถานที่ที่มีความเสี่ยงในระดับเดียวกันสถานที่สาธารณะอื่น ๆ ซึ่งทุกคนสามารถป้องกันตัวจากไวรัสได้หากทำได้อย่างถูกวิธี ขณะเดียวกันโรงยิมส่วนใหญ่มักเป็นสถานที่ปิดซึ่งเสี่ยงต่อการกักตุนของเชื้อโรคในอากาศ รวมถึงอุปกรณ์ออกกำลังต่าง ๆ ที่มีการใช้งานร่วมกัน ก่อนหน้านี้มีข้อมูลที่น่าสนใจว่าลู่วิ่งไฟฟ้ามีการสะสมของเชื้อแบคทีเรียมากกว่าก๊อกน้ำถึง 74 เท่าและอุปกรณ์ยกน้ำหนักมีแบคทีเรียมากกว่าโถส้วมถึง 362