Citroën (ซีตรอง) ค่ายผลิตรถยนต์จากฝรั่งเศสเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ของค่ายที่มาพร้อมขนาดกะทัดรัด โดยตั้งใจสร้างให้เป็น Urban Cars ที่ใช้งานในเขตเมืองพร้อมเปิดให้บริการทั้งแบบซื้อขาดและเช่าขับในราคาถูก โดยตั้งชื่อให้ว่า Ami หรือแปลเป็นชื่อไทยว่า เพื่อน ย้อนกลับไปในปี 2019 ซีตรองเปิดตัวรถยนต์คอนเซ็ปต์ชื่อว่า Ami One เพื่อฉลองครบรอบ 100 ปีของแบรนด์ นั้นคือโมเดลต้นแบบที่ซีตรองนำมาพัฒนาต่อเป็น Ami รุ่นปัจจุบันซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้จะมีฟังก์ชันอะไรน่าสนใจบ้าง มาชมไปพร้อมกัน Ami เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 2 ที่นั่งมีความยาวหัวจรดท้ายที่ 2.41 เมตร สร้างขึ้นภายใต้รูปแบบที่วางไว้ให้ใช้อะไหล่น้อยชิ้นที่สุด ยกตัวอย่างคือบอดี้รถด้านหน้าและด้านหลังจะใช้ร่วมกันได้ ประตูทั้ง 2 ข้างที่เปลี่ยนทดแทนได้ ตัวรถมาพร้อมกระจกขนาดใหญ่ 3 ด้าน รวมถึงหลังคากระจกที่ช่วยให้มีทัศนวิสัยในการขับที่กว้างมากเมื่อเทียบกับขนาดของรถ ด้านขุมพลัง Ami ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 6 กิโลวัตต์ที่ให้พลังเทียบเท่า 8 แรงม้าทำให้รถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 45 กิโลเมตร/ชั่วโมงซึ่งเหมาะต่อการใช้งานในเขตเมือง เช่นไปซื้อของหรือออกกำลัง รถคันนี้มีระยะทางวิ่งอยู่ที่ 70 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ผ่านสายไฟบ้านโดยใช้เวลาชาร์จประมาณ 3 ชั่วโมง
ก่อนวัฒนธรรมต่าง ๆ จะผสมผสานรวมตัวกันได้หลายหลากเหมือนในปัจจุบัน ผู้คนบนโลกต้องลองผิดลองถูกเพื่อจับคู่หลายสิ่งเข้าด้วยกัน รวมไปถึงโลกของสนีกเกอร์ในยุคแรกที่ต่างจากปัจจุบันโดยสิ้นเชิง เพราะสมัยนั้นไม่ได้มีการตลาดควบคู่กับศิลปินหรืออินฟลูเอนเซอร์ประกาศออกมาตั้งแต่ก่อนผลิตเหมือนอย่างทุกวันนี้ อย่างไรก็ตามในอดีตมีโมเดลรองเท้าอยู่ 1 คู่ที่ได้ปฏิวัติวงการให้โลกรู้ว่าความลงตัวระหว่างสนีกเกอร์และวัฒนธรรมฮิปฮอปนั้นแสนลงตัวซึ่งกลายมาเป็นรากฐานสำคัญของตลาดรองเท้าในปัจจุบัน ชื่อของมันคือ Adidas Superstar และเราจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักเส้นทางสู่การเป็นตำนานของรองเท้าคู่นี้ไปพร้อมกัน ยุคแรกเริ่มโลกไม่ได้รู้จักรองเท้าคู่นี้ในชื่อ Superstar แต่เป็น Supergrip ผลิตขึ้นครั้งแรกในปี 1965 ดีไซน์ของทั้ง 2 รุ่นมีความเหมือนในหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นการวางแถบ 3 ขีดด้านข้างตัวรองเท้า พื้นหนา แต่ที่ชัดเจนที่สุดคือส่วน Toe Box ซึ่งจะพัฒนาเป็นเอกลักษณ์สำคัญในเวลาต่อมา Supergrip ถูกออกแบบให้เหมาะสมต่อการเล่นกีฬาอย่างเทนนิส และสามารถตอบโจทย์ได้ดีกับกีฬาที่เปลี่ยนการเคลื่อนไหวร่างกายแบบเฉียบพลัน แต่ในปี 1969 แบรนด์ Converse ครองตลาดรองเท้าบาสเกตบอลด้วยโมเดล All-Star ที่ได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ระดับมัธยม มหาลัยไปจนถึงลีกอาชีพอย่าง ทำให้ที่ปรึกษาของอาดิดาสในเวลานั้นอย่าง Chris Severn เสนอให้บอร์ดสร้างรองเท้าบาสเข้ามาป้อนเข้าแข่งขันในตลาดบ้าง อาดิดาสเริ่มพัฒนาโมเดล Supergrip ให้เป็นรองเท้าบาสเกตบอลที่สมบูรณ์แบบ เพราะพวกเขาไม่ได้ต้องการวางขายรองเท้าธรรมดา ๆ แต่ตั้งใจสร้างรองเท้ากีฬาที่จะช่วยลดการบาดเจ็บของผู้เล่น เพราะมีผลสำรวจว่านักกีฬาบางส่วนที่ใส่รองเท้าผ้าใบแคนวาสมักมีปัญหาบาดเจ็บ สิ่งที่พวกเขาทำคือขึ้นรูปรองจากเท้าด้วยหนังแท้สีขาวซึ่งให้ความกระชับมากกว่าเวลาที่ผู้เล่นขยับข้อเท้าหรือหัวเข่า และเพิ่มขนาดส่วนโซลให้หนามากขึ้นเพื่อลดแรงกระแทก ก่อนตกแต่งด้วยลวดลาย Three-Stripe
ผ่านไปแล้วสำหรับงานรวมตัวประจำปีครั้งใหญ่ของคนรักบีเอ็มดับเบิลยูอย่าง BIMMERMEET ครั้งที่ 4 โดยงานในปีนี้ยังคงจัดอย่างยิ่งใหญ่และมาพร้อมการเปิดตัวโปรเจกต์ “BMW Unbound World of Art Series” เพื่อมอบประสบการณ์งานศิลปะระดับโลกให้คนไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด เนื่องในโอกาสพิเศษฉลองครบรอบ 45 ปี “ BMW Art Cars” โปรเจกต์สุดติสท์ที่มีศิลปินชื่อก้องโลกเคยรังสรรค์ผลงานเอาไว้ถึง 19 คัน งานนี้บีเอ็มดับเบิลยูจับมือกับ 9 ศิลปินชั้นนำจากหลากหลายแขนงทั้งในและต่างประเทศมาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานลงบนรถยนต์ของบีเอ็มดับเบิลยูและเปิดตัวสู่สายตาผู้คนเป็นครั้งแรกภายในงาน รวมถึงความพิเศษอีกมากมายภายในงานที่ UNLOCKMEN เก็บมาฝากทุกคน พร้อมบทสัมภาษณ์พิเศษจากเหล่าศิลปินที่ฝากผลงานไว้ในโปรเจกต์นี้ เมื่อเริ่มเข้าสู่งานซึ่งจัดขึ้นที่อิมแพค สปีด ปาร์คบอกเลยว่าเราสัมผัสได้ถึงความน่าสนใจและความยิ่งใหญ่ที่เพิ่มขึ้นทุกปีสำหรับงานรวมพลคนรักบีเอ็มดับเบิลยู BIMMERMEET#4 ที่ปีนี้มาในคอนเซ็ปต์ “Tribute to BMW Art Cars” ฉลองครบรอบ 45 ปี BMW Art Cars ซึ่งขนเอาโมเดลเจ้าฃองงานศิลปะระดับตำนานของอาร์ตคาร์ทั้ง 19 คันมาให้ชมกันอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนั้นบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทยยังได้จัดโปรเจกต์ “BMW Unbound World of Art Series” ขึ้นเพื่อชวนคนไทยมาสัมผัสประสบการณ์งานศิลป์ของ
ต้องยอมรับว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้ากำลังเข้ามามีบทบาทกับชีวิตผู้ชายเรามากขึ้นทุกวัน ทำให้ในปัจจุบันหนุ่ม ๆ หลายคนต่างมองหายนตรกรรมสายพันธุ์ EV ที่เหมาะสมกับการใช้งานของตัวเอง ซึ่งโจทย์สำคัญสำหรับรถยนต์ที่หลายคนมองหานั่นก็คือ “รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้งานง่ายในชีวิตประจำวัน” รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้งานง่ายสำหรับหลายคนอาจหมายถึง รถยนต์ที่ตอบโจทย์ทั้งการขับขี่ระยะสั้นในเขตเมืองและการเดินทางระยะไกลออกนอกเมือง รวมถึงมีการดูแลรักษาที่ไม่จุกจิก มีราคาค่าซ่อมบำรุงไม่แพงจนเกินไป ซึ่งถ้าจะมีรถยนต์สักคันที่ตรงกับความต้องการทั้งหมดที่พูดมา เราคิดว่า “NEW MG ZS EV” คืออีกหนึ่งยนตรกรรมยุคใหม่ที่มาพร้อมคุณสมบัติซึ่งตอบสนองความต้องการทั้งหมดได้อย่างครบครัน NEW MG ZS EV เป็นรถยนต์ในเซกเมนต์ Sport Utility Vehicle (SUV) คันแรกของเอ็มจีที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ โดดเด่นด้วยงานดีไซน์ภายนอกมาในสีฟ้า “Copenhagen Blue” ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor และแบตเตอรี่ลิเธียม ไอออนความจุ 44.5 kWh ที่ให้อัตราเร่ง 0-50 กิโลเมตรในเวลา 3.1 วินาที ไม่เพียงเท่านั้นรถคันนี้ยังมาพร้อมองค์ประกอบอื่น ๆ ที่จะทำให้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้ใช้งานทุกคน หลายคนเคยเข้าใจว่าขั้นตอนการชาร์จประจุไฟของรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องยุ่งยากและสามารถทำได้ในสถานที่เฉพาะเท่านั้น แต่ NEW MG
ถ้าพูดถึงความหลงใหล เราทุกคนล้วนมีความหลงใหลในชีวิตแตกต่างกันออกไป บางคนคลั่งไคล้จนต้องตอบสนองกิเลสของตัวเองด้วยการสะสมสิ่งของซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ตัวเองหลงใหลและเราเชื่อเหลือเกินว่า “รถโมเดลย่อส่วน” คือของอีกชิ้นที่ผู้ชายอย่างเราต่างชื่นชอบเหมือนกัน แต่สำหรับผู้ชายที่ชื่อ เอก-สัญชัย ธรรมศาสตร์สิทธิ์ หรือ เอก เฟอร์รารี่ “โมเดลรถย่อส่วน” เป็นสิ่งที่มีความหมายต่อชีวิตถึงขนาดที่เขาสร้างพื้นที่เฉพาะขึ้นมาเพื่อเก็บสะสม แต่อะไรคือเหตุผลทำให้ชายคนนี้ใช้เวลาถึง 20 ปีในการตามหา สั่งซื้อและดูแลรักษารถโมเดลย่อส่วนกว่า 10,000 คัน วันนี้หาคำตอบและทำความรู้จักคอลเลกชันความหลงใหลของเขาไปพร้อมกัน แนะนำตัวหน่อยครับ : สวัสดีครับ สัญชัย ธรรมศาสตร์สิทธิ์ ชื่อเล่นชื่อเอก ในวงการเรียกว่าเอก เฟอร์รารี่ครับ เอก เฟอร์รารี่ ชื่อนี้ได้มายังไง? : ย้อนกลับไปประมาณ 20 ก่อนในยุคที่เราเริ่มเล่นโมเดลรถย่อส่วนใหม่ ๆ สมัยนั้นยังไม่มีเฟซบุ๊คจะเป็นเว็บบอร์ดทั่วไป ตอนนั้นเรามีโอกาสได้รู้จักรถสเกล 1 ต่อ 18 ของเฟอร์รารีซึ่งเป็นโมเดลรถที่สวยมาก ซื้อมาใส่แท่งอะคริลิคสีแดง เราได้มาจำนวนหนึ่งและถ่ายรูปลงในเว็บบอร์ดทุกวันเลย เวลาคนคุยกันถามว่าเอกไหน ? คนก็พูดกันว่า เอก เฟอร์รารี่ไง คนที่ชอบโพสต์รถเฟอร์รารี่ลงทุกเว็บทุกวันจนกลายเป็นที่มาของฉายานี้ เริ่มต้นหลงใหลและสะสม “รถโมเดลย่อส่วน” ได้ยังไง ของชิ้นนี้มีเสน่ห์กับเรายังไงบ้าง ? : เราเริ่มสะสมรถโมเดลรถย่อส่วนครั้งแรกเมื่อประมาณ
หนุ่ม ๆ ที่แฟนของรถยนต์ Porsche โดยเฉพาะโมเดล 911 เตรียมพบบริการพิเศษของค่ายซึ่งจะใช้ลายนิ้วมือของผู้ครอบครองมาถ่ายทอดเป็นกราฟิกบนฝากระโปรงด้วย ถือเป็นลวดลายเฉพาะตัวที่มีแค่คันเดียวเท่านั้น ทุกคนรู้จัก Porsche ในฐานะค่ายรถยนต์ที่มีเอกลักษณ์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานดีไซน์ รวมถึงสมรรถนะที่ไม่เป็นสองรองใคร และพวกเขาไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาและคิดค้นบริการซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการต่าง ๆ ของลูกค้าได้และก่อตั้งเป็นแผนกพิเศษที่ชื่อ Porsche Exclusive Manufaktur ขึ้นมา Porsche Exclusive Manufaktur เป็นแผนกปรับแต่งรถยนต์ตามความต้องการของลูกค้า เกิดขึ้นครั้งแรกอย่างไม่เป็นทางการในปี 1950 จากแนวคิดดั้งเดิมของ Ferdinand Porsche ที่เคยพูดเอาไว้ว่า “ในช่วงแรกเริ่ม ตัวผมมองไปรอบ ๆ และไม่เคยเห็นรถในฝันของตัวเองเลย ดังนั้นผมถึงตัดสินใจสร้างมันขึ้นมาเอง” ซึ่งโปรเจ็กต์อย่างไม่เป็นทางการชิ้นนี้ ส่งให้เกิด Porsche 356 ที่ตกแต่งด้วยขนเฟอร์รอบคันโผล่ขึ้นมาในหน้าประวัติศาสตร์ และถือเป็นอีกหนึ่งจุดเริ่มต้นให้ Porsche เดินหน้าสร้างแผนก Exclusive Manufaktur อย่างจริงจังขึ้นมาในปี 1986 ผลงานของแผนกนี้ประกอบไปด้วย Exclusive Cars สวย ๆ หลายคันที่ถูกสั่งทำออกมาพิเศษโดยผู้สั่งซื้อกระเป๋าหนัก จนมาถึงในปี 2020 Porsche Exclusive
สุดยอดการแข่งขันแห่งวงการมอเตอร์สปอร์ตอย่าง Formula 1 กำลังจะเริ่มต้นสนามแรกของปี 2020 ใน Australian Grand Prix วันที่ 15 มีนาคมนี้และค่ายนาฬิกาสาย Racing อย่าง TAG Heuer ซึ่งเป็นพาร์ตเนอร์กับทีม Aston Martin Red bull Racing ก็เตรียมปล่อยนาฬิการุ่น Formula 1 ประจำปีตามออกมาเช่นกัน เข้าสู่การเป็นพันธมิตรปีที่ 4 สำหรับแบรนด์ TAG Heuer กับทีมแข่งรถสูตร 1 Aston Martin Red bull Racing ซึ่งปีนี้มีนักแข่งสัญชาติไทย-อังกฤษอย่างอเล็ก อัลบอน อังศุสิงห์ มาเป็นนักขับตัวหลักของทีมคู่กับแม็กซ์ เวอร์สเต็ปเพ่นไปจนจบฤดูกาลนี้และเพิ่งเปิด RB16 รถแข่งประจำปี 2020 ออกมาสด ๆ ร้อน ๆ แน่นอนว่าพันธมิตรอย่าง TAG Heuer ได้เตรียมนาฬิการุ่นพิเศษสำหรับฤดูกาลใหม่โดยใช้ชื่อว่า TAG
หากตำนานนักแสดงอย่าง Bruce Lee ยังมีชีวิตอยู่ในปีนี้เขาจะมีอายุครบ 80 ปี ซึ่งค่ายนาฬิกาอย่าง Casio ต้องการให้เกียรตินักแสดงผู้ล่วงลับที่มีส่วนสำคัญในการเผยแพร่ศิลปะการต่อสู้และวัฒนธรรมตะวันออกให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกด้วยนาฬิการุ่นพิเศษของค่าย Casio Bruce Lee Edition มีพื้นฐานมาจากนาฬิการุ่น MRG-G2000 เรือนเวลารุ่นไฮเอนด์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องวัสดุและเทคโนโลยีที่ในการผลิตออกมาเป็น Casio MRG-G2000BL-9A โดยตัวอักษร BL ต่อท้ายรหัสย่อมาจาก Bruce Lee MRG-G2000BL-9A “Bruce Lee Edition” เต็มไปด้วยงานดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากยอดนักบู๊ ตั้งแต่สีที่ใช้สายเรซินสีเหลืองและตัวเรือนสีดำตามสีชุดวอร์มในตำนานของ Bruce Lee ตอนที่แสดงในภาพยนตร์เรื่อง Game Of Death ส่วนของหน้าปัดใช้เป็นสีเหลืองและแดง ตัวแทนของ Jeet Kune do ศิลปะการต่อสู้ที่คิดค้นขึ้นโดย Bruce Lee พื้นผิวขอบตัวเรือนเคลือบด้วย Diamond Like Carbon (DLC) รับรองความทนทานต่อการขีดข่วน แกะสลักเป็นตัวอักษรภาษาจีน 12 คำหมายถึงหลักการสำคัญ 12 อย่างของศิลปะการต่อสู้ Jeet
ถ้ามีคำถามว่ารถยนต์จากภาพยนต์เรื่องไหนที่แฟนหนังอยากครอบครองมากที่สุด เชื่อว่าคำตอบจะต้องมี Ford Mustang ปี 1969 รถจากภาพยนตร์ John Wick ภาคแรกรวมอยู่ด้วยแน่นอน และความอยากนั้นจะไม่ใช่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ อีกต่อไป เพราะตอนนี้โอกาสที่คุณจะได้เป็นเจ้าของมาถึงแล้ว Classic Recreation อู่คัสตอมรถฝีมือดีจากเมือง Oklahoma เปิดโอกาสให้คนที่อยากครอบครองรถยนต์ของยอดมือสังหารจอห์น วิค อย่าง Ford Mustang Mach ฉายา Hitman ที่พวกเขาสร้างขึ้น โดยมีรายละเอียดภายนอกทุกอย่างถอดแบบออกมาเหมือนกับรถยนต์ของป๋าวิคที่โลดแล่นอยู่ในหนัง รวมถึงรายละเอียดพิเศษสำหรับแฟนหนังโดยเฉพาะ Hitman ถูกสร้างขึ้นจากตัวถังของ Ford Mustang Mach 1 รุ่นปี 1969-1979 ที่ฟื้นฟูให้กลับมาใหม่เอี่ยมอีกครั้งในสีเทา Wick พร้อมล้อแม็กแบบ American Racing ขนาด 18 นิ้วหุ้มด้วยยาง Michelin Pilot Sport 2 ขุมพลังใต้ฝากระโปรงของ Hitman เป็นเครื่องยนต์ Ford
Czinger ค่ายผลิตซูเปอร์คาร์จากแคลิฟอร์เนียเปิดตัวไฮเปอร์คาร์คันล่าสุดของค่ายในชื่อ 21C โดยผู้ก่อตั้งแบรนด์อย่าง Kevin Czinger ได้นำเทคโนโลยี 3D-Printing มาร่วมใช้งานเพื่อให้ได้โครงสร้างรถที่มีน้ำหนักเบาที่สุด งาน 3D-Printed เข้ามีส่วนช่วยในขั้นตอนการสร้างชิ้นส่วน Czinger 21C เกือบทั้งหมดตั้งแต่โครงยึดช่วงล่าง โครงสร้างกระจกด้านหน้า ไปจนถึงแผงหน้าปัดภายในตัวรถ ทั้งหมดถูกสร้างขึ้นจากคาร์บอนไฟเบอร์และอลูมิเนียมที่แข็งแกร่งทนทานแต่มีน้ำหนักเบา ดีไซน์ของ 21C ถูกออกแบบมาให้มีลักษณะห้องโดยสารที่โค้งมนเป็นวงรี ด้านหน้ามีช่องดูดอากาศที่เชื่อมต่อกับซุ้มล้อขนาดใหญ่ หลังล้อหน้ามีช่องอากาศซึ่งจะปล่อยลมต่อไปยังช่องอากาศขนาดใหญ่ตรงซุ้มล้อหลังต่อไป ด้านหลังเป็นตะแกรงขนาดใหญ่และใช้ท้ายเป็นเล็กที่โฉบเฉี่ยว ห้องโดยสารของ CZinger 21C เป็นที่นั่งแบบ 1+1 คล้ายกับการนั่งซูเปอร์ไบค์ เพราะเน้นให้ประสบการณ์ตรงกับตัวผู้ขับขี่มากที่สุด ด้านขุมพลัง Czinger 21C เป็นไฮบริด ไฮเปอร์คาร์ที่มาพร้อมเครื่องไฮบริดที่มีพลัง 1250 แรงม้าและชุดเกียร์ 7-speed Transaxle เมื่อยกมาวางในรถรุ่นไลต์เวท Czinger เคลมว่าขุมพลังนี้ทำให้ 21C มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรได้ในเวลาเพียง 1.9 วินาที วิ่งควอเตอร์ไมล์ในเวลาเพียง 8.1 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 460 กิโลเมตร/ชั่วโมง