ช่วงไม่กี่ปีมานี้ หูฟังเป็นที่นิยมมากขึ้นกว่ายุคก่อนอย่างเห็นได้ชัด อาจจะเป็นเพราะคนเราใส่ใจในรายละเอียดด้านเสียงมากขึ้น แถมยังมีหูฟังยังมีฟังก์ชันตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ต่างกันออกไป บางคนมีหูฟังสำหรับแต่ละไลฟ์สไตล์ หูฟังเล่นเกม หูฟังสำหรับฟังเพลง ซึ่งอาจจะจริงจัง มีขนาดใหญ่โต ไม่ง่ายเลยที่จะพกมันไปได้ทุกที่ เราจึงต้องมีหูฟังสำรอง เป็นหูฟังสารพัดประโยชน์ ที่เน้นพกพาง่าย แต่พลังเสียงก็ต้องดีใช้ได้ทุกสถานการณ์ เพราะต่อให้พกง่ายแค่ไหน หรือไฟล์เพลงจะดีแค่ไหน แต่ถ้าหูฟังห่วยก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้เราจะมาแนะนำหูฟังรุ่นล่าสุดจาก MARSHALL ที่เราสอยมาใช้ล่าสุด และมันกลายเป็นหูฟังสารพัดประโยชน์ ที่เรทพกติดตัวประจำในทันที เพิ่มความคล่องตัวสำหรับคนมองหาหูฟังพกง่าย น่าจะมีประโยชน์ในการเดินทางท่องเที่ยวช่วงปลายปีแบบนี้แน่นอน MARSHALL MODE EQ เป็น HEADPHONES แบบ IN-EAR รุ่นล่าสุด มีจุดเด่นในการนำเสนอเสียงที่ค่อนข้างใส เคลียร์ ครบถ้วน ในรูปลักษณ์ที่เล็กจิ๋ว แต่มีรายละเอียดที่น่าสนใจหลายจุด โดยเฉพาะไดรฟ์เวอร์ปรับแต่งพิเศษให้เสียง Output ระดับสูง มีค่าความเพี้ยนน้อย ต้องยกเครดิตให้การเลือกใช้วัสดุที่ดูดีในโทนสีดำตัดทองเหลือง รวมไปถึงวัสดุผลิตสาย ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ พร้อมหัวปลั๊กแบบตัวแอล ช่วยให้ความเพี้ยนของเสียงลดลง และยังได้ความทนทานที่มากขึ้น ไม่ต้องกลัวหัวหักหัวขาด การออกแบบไมโครโฟนถูกทำให้เล็กลง และแยกไปอยู่จุดอื่นเพื่อช่วยลดเสียงแตกขณะใช้งานจริง บางคนอาจจะไม่ชอบหูฟังแบบ In-Ear แต่เราว่าข้อดีของมันคือการฝังแน่นอยู่ในหู เคลื่อนไหวตัวได้สะดวกไม่ต้องกลัวหลุด ขณะที่ยังรู้สึกพอดีและสบาย
ถ้าบอกว่าการ Collab แห่งปีระหว่าง LOUIS x SUPREME ทำให้เส้นแบ่งระหว่าง High-brand กับ Streetwear หายไปอย่างสิ้นเชิงก็ไม่ผิด เพราะดูเหมือนระยะหลัง เราจะเห็นการจับมือกันสร้างสรรค์ผลงานระหว่างสองโลกนี้เกิดขึ้นบ่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนการบรรจบกันอย่างสวยงามของสองสไตล์แฟชั่น และล่าสุดมีข่าวลือเกี่ยวกับการ Collab ของสองขั้วเขย่าโลกสะพัดออกมาอีกครั้ง ระหว่างเจ้าเก่ารันวงการอย่าง SUPREME กับแบรนด์นาฬิกาสุดหรู สัญลักษณ์ของคนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานอย่าง ROLEX ซึ่งจะเป็นผลงานประเดิมปี 2018 ที่สุดหล่อเลยทีเดียว Supreme/Rolex – Coming In 2018 Rumored Watches & Apparel. Will Update With More Info When It Becomes Available. Excited For This Release As Last Time It Wasn’t For The
‘YOU ARE WHAT YOU EAT’ มนุษย์เรากินอะไรเข้าไป ก็ได้ระดับสุขภาพออกมาอย่างนั้น ถ้ากินดี เราก็ได้ประโยชน์จากสารอาหาร ร่างกายก็จะแข็งแรง ผิวพรรณดูสดใสร่าเริงเหมือนฝูงนกน้อยในสวนดอกไม้ ใครมองมาก็ชื่นใจอยากเข้าใกล้ ส่วนใครที่กินอาหารไม่ครบหมู่ กินอาหารเก่า กินอาหารไม่สะอาด กินอาหารที่ผ่านกระบวนการปรุงไม่ดี ร่างกายก็จะอ่อนแอ ย่อยยาก มีซากตกค้างในร่างกาย สุขภาพทรุดโทรม เพราะขาดสาดอาหารที่สำคัญ เมื่อถึงเวลาต้องใช้แรงแข่งกัน คนที่กินอาหารที่ดีกว่าย่อมได้เปรียบจากความแข็งแรงและพลังที่มากกว่า ถ้าให้วิ่งแข่งกัน ก็คงทิ้งกันห่างเป็นทุ่งไม่เห็นฝุ่น เรียกว่าทั้งอึดกว่า วิ่งเร็วกว่า และวิ่งได้ไกลกว่า ในจุดนี้ มนุษย์ก็เหมือนกับรถยนต์ การเติมน้ำมันให้รถยนต์ก็เหมือนการเลือกกินอาหาร รถยนต์ที่เติมน้ำมันคุณภาพดี มีส่วนผสมที่มีประโยชน์ ย่อมช่วยให้รถยนต์คันนั้นมีสมรรถนะ และอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่ารถยนต์ที่เติมน้ำมันคุณภาพต่ำ สำหรับคนใช้รถทั่วไปบางคนอาจจะไม่ค่อยให้ความสำคัญในจุดนี้มากนัก เพราะมันเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น เป็นข้อดีที่สัมผัสไม่ได้ด้วยตา และอาจจะคิดว่าการเติมน้ำมันมีจุดประสงค์เพียงการทำให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้ก็พอ แต่สำหรับคนที่รักรถยนต์ประหนึ่งอวัยวะที่ 33 คนที่ขับรถประสิทธิภาพสูง หรือเป็นคนที่มีความรู้เรื่องรถยนต์พอสมควร จะระมัดระวังในการเลือกคุณภาพของน้ำมันที่เติมให้รถยนต์เสมอ เพราะมันเปรียบเสมือนเลือดที่ไหลเวียนในร่างกายมนุษย์ น้ำมันจะถูกดูดไปใช้ตั้งแต่ขั้นตอนการจุดระเบิด และการเผาไหม้ภายในเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้รถยนต์มีพลังไปหมุนเพลาขับ ทำให้รถยนต์เคลื่อนที่ได้ น้ำมันเชื้อเพลิงที่ดี หรือที่เรียกว่าน้ำมันเกรดพรีเมียม นอกจากการเผาไหม้ที่ดีแล้ว ยังมีการเติมสารปกป้องที่มีประโยชน์อื่น ๆ เพื่อให้การทำงานของรถยนต์เป็นไปอย่างราบรื่นอีกด้วย
ถ้ายังจำกันได้ เมื่อไม่นานมานี้ เราได้แนะนำรถ SUV โคตรดุตัวล่าสุด LAMBORGHINI URUS ไปแล้ว และเราก็มีพูดถึง SUV ตัวแรกสุดของค่ายกระทิงดุ ในชื่อรหัส LM002 หรือชื่อที่คนเรียกขานกันว่า RAMBO LAMBO เพราะถูกสร้างมาใช้ลุยสำหรับทางการทหารมากกว่าใช้ขับเล่นกินลม ด้วยความหายาก และเรื่องราวที่สมบูรณ์แบบของมัน ทำให้มูลค่าล่าสุดของ LAMBORGHINI LM002 ‘RAMBO LAMBO’ พุ่งไปอยู่สูงยิ่งกว่ารถใหม่อย่าง URUS ซะอีก เหตุผลที่เราต้องใส่ LAMBORGHINI LM002 เข้ามาในทำเนียบ ‘COLLECTOR’ ของเรา เพราะจากงานประมูลล่าสุด ณ RM Sotheby ได้เซ็ทมูลค่าของ THE RAMBO คันนี้ใหม่ ด้วยข้อเสมอจากผู้ชนะการประมูล เคาะค้อนไปที่ราคา $467,000 หรือราว 15,000,000 บาท!! แน่นอน มันแพงกว่า LAMBORGHINI URUS ถึงสองเท่า ทั้งที่ไม่มีเทคโนโลยีหรูหราอะไรมากมาย สิ่งที่ LAMBORGHINI
เมื่อร่างกายเราถูกใจอะไรเข้า มันจะเรียกร้องหาสิ่งนั้นมากขึ้น นั่นคือเหตุผลที่หลายคนกินอาหารเมนูโปรดแล้วอิ่ม แต่ก็ยังไม่อยากหยุด เช่นเดียวกับการดื่มเบียร์ เรายอมรับเลยว่าชอบดื่มเบียร์ ดื่มเพื่อสร้างบรรยากาศให้สนุกสนานขึ้น ดื่มเบียร์ให้วันที่ดี ดื่มเบียร์ในวันที่แย่ บางคนอาจจะคิดว่าเป็นข้ออ้างในการหาเรื่องดื่มของคนขี้เมา แต่งานวิจัยชิ้นล่าสุดออกมาสนับสนุนว่า ส่วนประกอบในเบียร์ สามารถกระตุ้น DOPAMINE D2 RECEPTOR (D2R) ในสมองส่วน REWARD CENTER ทำให้เรารู้สึกดี มีความสุข ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมในงานเบียร์ ถึงมีแต่คนอารมณ์ดีทั้งงาน ทีมนักวิจัยจาก FRIEDRICH ALEXANDER UNIVERSITAT ERLANGEN-NURNBERG (FAU) ได้ทำการทดลองเพื่อหาองค์ประกอบในอาหารว่าอะไรจะสามารถกระตุ้น DOPAMINE RECEPTOR ได้เหมือนสาร DOPAMINE อีกหรือไม่ โดยแยกเก็บตัวอย่างโมเลกุลที่มักจะมีอยู่ในอาหารมากถึง 13,000 โมเลกุล ทดสอบด้วยการใช้ VIRTUAL SCREENING PROGRAM วิเคราะห์ไปทีละอย่าง เพื่อหาว่าเรากินอะไรช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้นได้ ก่อนจะพบโมเลกุลที่เข้ารอบ 17 ตัว และหนึ่งในนั้นก็คือเบียร์ครับพี่น้อง DR. MONIKA PISCHETSRIEDER ทีมวิจัยพบว่า หนึ่งในโมเลกุลที่ทำหน้าที่กระตุ้น DOPAMINE RECEPTOR ได้ดีไม่แพ้
AYRTON SENNA ยอดนักขับรถความเร็วสูง เจ้าของตำแหน่ง Formula One world championships ในรถ McLaren 3 สมัย 1988, 1990 และ 1991 ตำนานที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักขับรถที่ดีที่สุดในโลก ก่อนจะประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตอย่างน่าเศร้าในปี 1994 เขาเคยพูดไว้ว่า “You commit yourself to such a level where there is no compromise. You give everything you have; everything, absolutely everything.” ในวันนั้น ชื่อ SENNA เปรียบเสมือน ICON ของวงการนักแข่ง วันนี้ McLaren ได้สานต่อตำนานชื่อเสียง และความเชื่อของ AYRTON SENNA อีกครั้ง ด้วยการปลดล็อคทุกขีดจำกัดของรถ STREET-LEGAL
เรารู้จักคำว่า GLOBAL WARMING มานานแล้ว เรารู้จักผลของมัน เรารู้ว่ามันทำให้เกิดอะไรขึ้นได้บ้าง พวกเรารู้ว่าแผ่นน้ำแข็งแถว GREENLAND ละลายเร็วขึ้นทุกปีแบบก้าวกระโดด ทั้งหมดนี้อาจจะยังไม่สามารถทำให้พวกเราเห็นความน่ากลัวเป็นรูปธรรมของมันออก ทำให้คนส่วนใหญ่ยังคงรู้สึกห่างไกลจากมัน แต่ภาพของหมีขั้วโลกที่กำลังจะหิวตายเพราะไม่มีอะไรกิน ไม่มีน้ำแข็งซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของมันให้หาอาหาร อาจจะเป็นภาพที่ถ่ายทอดอันตรายของ CLIMATE CHANGE ได้รุนแรงและชัดเจนที่สุด PAUL NICKLEN นักชีววิทยา และช่างภาพประจำของ NATIONAL GEOGRAPHIC เป็นผู้บันทึกภาพวีดีโอของหมีขั้วโลกที่คาดว่ากำลังจะตายในอีกไม่กี่ชั่วโมง สภาพร่างกายผอมโซ กล้ามเนื้อลีบ ไม่มีแม้แต่แรงจะยืน ต้องขุดหาเศษอาหารจากพื้น แต่ทำได้ไม่นานก็หมดแรงอีก เป็นภาพที่ทีมงานของ NICKLEN บอกว่า เห็นแล้วน้ำตามไหลด้วยความสงสาร แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เพราะการให้อาหารเพียงนิดหน่อย ก็เหมือนยืดต่อความทรมานของมันออกไปอีก เพราะโดยปกติหมีขั้วโลกต้องกินสิงโตทะเลหนักราว 4.4 กิโลกรัมต่อมื้อ แต่ยิ่งแผ่นน้ำแข็งที่เป็นเหมือน ECOSYSTEM รวมถึงสิงโตทะเลหายไปแบบนี้ ยิ่งทำให้หมีขั้วโลกต่างประสบปัญหาอดตายกันมากขึ้นเรื่อย ๆ NICKLEN ต้องการให้ FOOTAGE ชิ้นนี้ เป็นสัญลักษณ์อันเป็นรูปธรรมของ GLOBAL WARMING โดยในบทสัมภาษณ์ของเค้านั้น ยิ่งถ่ายทอดเรื่องราวให้วีดีโอนี้มีความน่ากลัวครบถ้วนถึงยิ่งขึ้น “It’s a
หลังจากหายไปนาน THE REAL SLIM SHADY ก็กลับมาฝากผลงานชิ้นใหม่อีกครั้ง ในยุคที่ RAPPER 2017 ต่างเปลี่ยนคำจำกัดความของการ RAP ไปอย่างสิ้นเชิง จากการพูดถึงสภาพสังคมแบบที่ OLD SCHOOL RAPPER ทำกันตั้งแต่สมัย 60s ปัจจุบันกลายเป็นเพลงอวดรวยของ CELEBRITY วัยรุ่น ที่แม้แต่ฝรั่งยังฟังไม่รู้เรื่อง การกลับมาครั้งนี้ของ EMINEM จึงเป็นสิ่งที่หลายคนเฝ้ารอ และ ‘UNTOUCHABLE’ single ใหม่ ที่จะอยู่ในอัลบั้ม Revival เตรียมปล่อยออกมาในอีกไม่นาน ก็ได้ระบายสภาพสังคมในปัจจุบันได้อย่างสะใจ ‘UNTOUCHABLE’ พูดถึงเรื่องความไม่เท่าเทียมกันของสัมคมอเมริกัน มีการพูดถึงเรื่อง White Privilege ที่แม้แต่ในยุค 2017 คำว่า RACISM ก็ยังคงอยู่ในกลุ่มคนผิวสี แม้สื่อหรือปากนักการเมืองจะพ่นแต่เรื่องความเสมอภาค แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงกระทำรุนแรง ใช้อาวุธ ยิงกันถึงขั้นเสียชีวิตทั้งเด็ก ผู้หญิง คนแก่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ EM มองว่าเกินกว่าเหตุ และคนผิวขาว ก็ดูจะมีสิทธิพิเศษมากมาย เป็นที่มาของชื่อเพลง UNTOUCHABLE
เพิ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 AUDI TT COUPE GENERATION ที่ 3 รถ 2 ประตูในช่วงกลางอายุขัย ก็มีภาพระหว่างทดลองขับบนถนนเผยออกมาให้เห็น เหมือนเป็นสัญญาณว่าอีกไม่นานน่าจะปล่อยรุ่น FACELIFT ออกมา แต่ถ้าใครกำลังอยากได้ AUDI TT อยู่แล้ว บอกเลยว่าไม่ต้องรอก็ได้ เพราะโดยรวมดูแล้วไม่แตกต่างกันมากนัก AUDI TT COUPE FACELIFT ที่ถูกจับภาพระหว่างวิ่งทดสอบได้นั้น มีจุดสังเกตที่เห็นได้ชัดคือ กันชนหน้า – หลัง ดีไซน์ใหม่ ที่เพิ่มความเป็นสปอร์ตมากขึ้น เข้ากับกระจังหน้าที่เปลี่ยนจากแนวขวางของเดิม ให้เป็นแบบรังผึ้ง (honeycomb mesh grille design) เหมือนเอาชุดแต่งของ AUDI TT RS มาติดตั้งเป็นมาตรฐานให้รุ่นธรรมดา เพราะสังเกตได้จากปลายท่อคู่ที่เป็นทรงเดิม อีกจุดที่หลายคนคาดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ก็คือรายละเอียดในโคมไฟหน้า โคมไฟท้าย ลวดลายล้อรุ่นใหม่ และการตกแต่งภายในที่อาจจะเพิ่มลูกเล่นนิดหน่อย โดยเฉพาะระบบ INFOTAINMENT และวัสดุตกแต่งให้ดูสปอร์ตขึ้นรับกับภายนอก แต่ไม่รู้ว่าเมื่อ AUDI THAILAND
อยู่ในปาร์ตี้ เพลงดีกำลังเพลิน สาวมองกำลังดี มีโอกาสทักทายกำลังจะได้จับมือกัน แต่ติดปัญหาแค่นิดเดียว คือมือที่ถือเบียร์เปียกจนสาวร้องยี้ น้ำหยดแหมะเสื้อกางเกงเป็นดวง ทุกอย่างกำลังดี แต่ติดปัญหาแค่นี้ ทำให้พลาดโอกาสดี ๆ ไปเฉยเลย หรืออยู่ในปาร์ตี้ที่คนเยอะมากจนไม่มีที่วางเบียร์ ต้องถือตลอดคืนจนมือเปื่อย เมื่อยไปทั้งคืน จะให้วางพื้นก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นคนไม่รักษาความสะอาด จะเต้นกังนัมสไตล์ต้องใช้สองมือ ก็ทำไม่ได้ เพราะเบียร์จะหกเอา ด้วย INSIGHT ที่เข้าใจผู้ชายเป็นอย่างมาก เราอยากขอแนะนำ ITEM สุดคูล ‘THE BEVBUCKLE BELT” เข็มขัดที่ไม่ถึงกับอัจฉริยะมากเท่าไหร่ แต่ก็ใช้วางเบียร์ได้ สบายมือไปทั้งคืน “LIFE’S TOO SHORT TO HOLD YOUR OWN DRINK” สโลแกนเด่นชัด เข้าใจง่าย ของ BEVBUCKLE BELT เข็มขัดหัวใหญ่สไตล์คลาสสิค เหมาะสมกับลูกผู้ชายแบบ เต๋า สมชาย เข็มกลัด สามารถกางห่วงสำหรับวางและประคองเบียร์ได้สบาย ๆ นิ่งอยู่ตัวทุกการเคลื่อนไหว จะเต้นโยกบน ส่ายล่าง