โรงแรม The Standard, London ที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เมื่อเดือนกันยายน กลายเป็นที่พูดถึงอย่างมากในช่วงลอนดอนแฟชั่นวีกที่ผ่านมา ไม่เพียงเพราะเป็นโรงแรม The Standard แห่งแรกที่เปิดตัวนอกสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่โรงแรมแห่งนี้ยังมอบประสบการณ์พิเศษไม่เหมือนใคร ที่มีแต่ผู้ที่เคยมาเยือนเท่านั้นที่จะเข้าใจได้อย่างแท้จริง ซึ่งทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นด้วยแนวคิดของ The Standard ที่มุ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยยกระดับแต่ละย่านที่โรงแรมตั้งอยู่ หนึ่งส่วนสำคัญคือการเน้นย้ำความสำคัญของการทำงานร่วมกับศิลปินและนักสร้างสรรค์ทั่วโลก โดยศิลปินคนล่าสุดที่ได้รับเลือกโดยทีม Brand Creative ของ The Standard ก็คือศิลปินหนุ่มเลือดใหม่ชาวไทย บาล์ม-ธนัช ตั้งสุวรรณ เจ้าของผลงาน Found ที่ได้ประดับอยู่ที่ผนังบาร์ Double Standard ในขณะนี้ หลังจากปาร์ตี้เปิดตัวครั้งใหญ่ที่ได้มาร์ก รอนสัน ดีเจชื่อดังมาช่วยสร้างสีสัน ต่อด้วยปาร์ตี้ของ Love Magazine ร่วมกับทาง Youtube ที่จัดไม่กี่วันหลังจากนั้น ทำให้ The Standard กลายเป็นที่พูดถึงในหมู่คนดังแถวหน้าระดับโลกและดึงดูดให้ศิลปินและคนในวงการสร้างสรรค์เดินเข้ามาที่ The Standard, London กันอย่างไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็น ลิลลี่ อัลเลน พาโลมา เฟธ สลิก
ไม่มีกระแสใดในวันนี้จะมาแรงกว่าจำนวนคนรีวิว Joker บน Social Media พร้อมสารพัดคำชมชนิด 10/10 แบบไม่ขาดสาย จนคนที่ยังไม่ได้ดูต้องเศร้าใจหลีกหนี Spoil กันหัวซุกหัวซุน แน่นอนว่าพวกเรากำลังเล็งหาวันและรอบเหมาะ ๆ ที่จะเสพ Joker ในบทบาทนำแสดงโดย Joaquin Phoenix ชายผู้ส่งเสริมให้ Joker กลายเป็นผู้ร้ายที่ทุกคนต่างหลงรักได้มากขนาดนี้ แต่เสียงหัวเราะที่ดังที่สุดน่าจะมาจากเจ้าของภาพยนตน์อย่าง Warner Bros. ที่สามารถทำรายได้ถล่มทลาย ขึ้นเป็นอันดับ 1 ใน Box Office ประจำเดือนตุลาคม ที่สามารถทำรายได้ Opening Weekend ในตลาด USA และ Canada ได้มากถึง $93.5 ล้านเหรียญ หรือราว 2,800 ล้านบาท (ภาพยนตร์เข้าฉายวันศุกร์ – อาทิตย์ แต่มีรายได้จากวันพฤหัสคืน Preview ไป $13.3 ล้านเหรียญ) ซึ่งเอาชนะแชมป์เก่าที่เข้าฉายในเดือนเดียวกันอย่าง ‘Venom’ ไปได้ชนิดทิ้งไม่เห็นฝุ่น
ย้อนไปวันที่ 11 พฤศจิกายน 1918 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่สงครามโลกครั้งที่ 1 ได้สิ้นสุดลง Georges Schaeren (จอร์จ แชเรน) ก่อตั้งแบรนด์ Mido ขึ้นมาและถือเป็นวันสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ยาวไกลและเปี่ยมด้วยความกล้าแกร่งของผู้นำในการมองไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ จนกระทั่งปี 2018 นับเป็นปีสุดพิเศษที่ Mido มีอายุครบ 100 ปี ที่ยังคงเดินหน้านำเสนอเรือนเวลาที่เป็นคอลเล็กชันใหม่ๆ ออกสู่ตลาด ซึ่งแต่ละรุ่นจะยังคงคุณค่าที่มีอยู่ใน DNA ของแบรนด์ Mido ตลอดช่วง 100 ปีที่ผ่านมา ทั้งในเรื่องของการออกแบบที่อยู่เหนือกาลเวลา การเลือกใช้วัสดุที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ และนวัตกรรมทางด้านเทคนิค ปรัชญาของ Mido ตั้งอยู่บนพื้นฐานความคิดในการผสมผสานระหว่างนวัตกรรม การสร้างสรรค์ และประโยชน์ในการใช้งานที่ถูกหล่อหลอมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว โดย Mido ได้นำเสนอถึงคุณค่าเหล่านี้ผ่านทางงานออกแบบในนาฬิกาแต่ละคอลเล็กชันที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมของโลกแต่ละแห่งซึ่งมีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นบนบกหรือแม้แต่ในโลกใต้น้ำ ซึ่ง Mido Ocean Star กับสัญลักษณ์ปลาดาว ได้พิสูจน์ความสำเร็จของเทคโนโลยีชั้นสูง ในราคาที่สมเหตุผมที่สุดเท่าที่เราจะหาซื้อได้ ซึ่งถึงวันนี้ก็เป็นระยะเวลากว่า 75 ปี และการฉลองครั้งนี้ก็ยิ่งใหญ่สมกับความเป็น Mido เพราะได้ร่วมมือกับ
แม้เราจะดูเป็นผู้ชายห่าม ๆ แต่เมื่อถึงคราวของเรื่องราวไอเดียรักษ์โลก เราก็ชอบที่จะหยิบมานำเสนอเผื่อบริษัทใหญ่ ๆ ในประเทศไทยจะเอาไปใช้บ้าง โดยคราวนี้เป็นไอเดียการ Collaboration ที่หลายคนคาดไม่ถึงว่าบัตรเครดิตใบเล็ก ๆ ในกระเป๋า จะสามารถช่วยลดขยะพลาสติกในทะเลได้มากถึง 1 ล้านปอนด์ สำหรับ Sneakerhead อาจจะคุ้นชื่อ Parley หน่วยงานที่เน้นลดปริมาณขยะพลาสติกในทะเล ซึ่งพยายามเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้คนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการ Collab กับ adidas เปลี่ยนขยะเป็น Ultraboost มาแล้ว ล่าสุดเป็นการร่วมมือกับ Amercian Express (Amex) เพื่อเปลี่ยนขยะตามชายหาด เป็นบัตรเครดิตให้รูดปื๊ดได้อย่างมีสไตล์และช่วยทะเลไปพร้อมกัน American Express จะเริ่มเปิดรับบัตรเครดิตที่หมดอายุ บัตรขัดข้อง บัตรหาย ทั้งของผู้ใช้ทั่วไป องค์กรเล็กและใหญ่ในอเมริกา (Small Business – Corporate Cards) เปลี่ยนเป็นบัตร Amex x Parley ในปี 2020 เป็นต้นไป ถึงแม้ว่าจะดูเป็นปริมาณขยะพลาสติกที่ไม่เยอะมากนักเมื่อเทียบกับจำนวนขยะ 8 ล้านตันที่ถูกทิ้งลงทะเลในแต่ละปี
เปิดตัวไปอย่างสวยงามและทำยอดขายได้ดีต่อเนื่อง สำหรับ BMW 3-Series G30 ที่มีการออกแบบให้แตกต่างเปลี่ยนแปลงไปจาก 3-Series โฉมก่อนหน้าทั้งภายในและภายนอก แน่นอนว่าสิ่งต่อมาที่แฟน BMW เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ ก็คือเวอร์ชัน 2 ประตูใน BMW 4-series ที่หลายสำนักข่าวได้นำเสนอตัว Prototype ในชุด Camo ปกปิดขณะทดสอบขับ แต่อย่างน้อยก็ทำให้พวกเราได้เห็นทรงและเส้นสายของมัน ซึ่งดูเหมือนจะเป็น 8-Series ย่อส่วนลงมา นั่นยิ่งทำให้ 4-Series เป็นที่เฝ้ารอมากขึ้นไปอีก ล่าสุด BMW ได้แง้มให้ทั้งโลกได้เห็น BMW 4-Series แม้มันจะเป็นเพียง Concept ในรหัส BMW Concept 4 ก็ตามที แต่มันก็เป็นสัญญาณที่ดีว่ามันอาจจะถูกนำไปเปิดตัวในงาน 2019 Frankfurt Motor Show ที่จะถึงนี้ และมีจุดที่น่าสนใจหลายอย่าง โดยเฉพาะความแตกต่างจาก 3-Series G30 ดังนั้นมันจึงไม่ใช่แค่รุ่น 2 ประตูของรถซีดานอีกต่อไป แต่ 4-Series
BMW R100R ถือเป็นมอเตอร์ไซค์รุ่นนึงที่มักจะถูกนำไป Custom ตกแต่งให้สวยงามตามรูปแบบที่เจ้าของรถต้องการ ด้วยดีไซน์ที่คลาสสิกและง่ายในการดัดแปลง และผลงานจากสำนัก Custom จาก Austria “Vagabund Moto” ก็ได้นำเอา BMW R-Series ตัวคลาสสิกมาสร้างสรรค์ให้เป็นงานศิลป์ติดสองล้อ ได้ออกมาเป็นที่สุดของความเท่ VAGABUND V10 BMW R100R 1993 MOTORCYCLE ที่ผู้ชายที่ไหนเห็นเป็นต้องน้ำลายหก Vagabund Moto ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ถนัดในการนำเอา BMW Classic หลาย ๆ รุ่นมา Custom ได้อย่างสุดเท่และมีเอกลักษณ์ โดยใช้มุมมองและคำนิยามของตัวเอง โดยบาลานซ์ทั้งงานดีไซน์และการใช้งานจริง “We‘re not reinventing the wheel, but we‘re rethinking it” เช่นเดียวกับ V10 BMW R100R ในสไตล์ Cafe Racer คันนี้เป็นการผสมผสานของรูปลักษณ์กลิ่นอายที่เต็มไปด้วยความ Vintage แต่ใช้เทคโนโลยีและเครื่องยนต์ที่ทันสมัยเพื่อความสะดวกในการใช้งาน
เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจที่เราเห็นข่าวไฟไหม้ป่า Amazon มานานกว่า 2 สัปดาห์เต็ม โดยที่ไม่มีมหาเศรษฐีหรือ Celebrity เข้ามามีส่วนช่วยเหมือนเหตุการณ์ไฟไหม้อื่น ๆ ที่ผ่านมา ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่นเหตุการณ์ Notre Dame Cathedral ในฝรั่งเศสเมื่อช่วยเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีอภิมหาเศรษฐียื่นมือและเงินเข้าช่วยซ่อมแซมเป็นจำนวนกว่า $500 million (แม้หลายสื่อจะบอกว่าเป็น PR Stunt ที่ได้เห็นเงินจริงน้อยกว่านั้นมากก็ตาม) แต่สำหรับกรณีไฟไหม้ป่า Amazon ซึ่งเป็นปอดของโลก มีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากอาศัยอยู่ในนั้น และมันยากหรือเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างขึ้นมาใหม่แม้จะมีเงินมากแค่ไหนก็ตาม แต่เรากลับไม่เห็นใครยื่นมือเข้าช่วยเหลือเหตุการณ์นี้แม้แต่คนเดียว ไม่ต้องพูดถึง Jair Bolsonaro ประธานาธิบดีคนที่ 38 ของบราซิล ที่ดูเหมือนจะไม่ได้ตระหนักถึงความร้ายแรงของไฟป่าครั้งนี้อย่างที่ควรจะเป็น ถึงกับเคยให้สัมภาษณ์ว่า “มันไม่ได้รุนแรงอย่างที่คิด” หรือเหตุผลบ้า ๆ ว่า “เป็นการกระทำเพื่อทำลายรัฐบาล” แม้ประธานาธิบดีจะคิดแบบนั้น แต่พระเอกรูปหล่อขวัญใจชาวโลกอย่าง Leonardo DiCaprio น่าจะเป็นคนแรกที่ทนกับเหตุการณ์นี้ไม่ไหว ล่าสุดได้จัดตั้งกองทุนไม่แสวงหาผลกำไรที่ชื่อ ‘Earth Alliance’ ร่วมกับ Laurene Powell Jobs (ภรรยาม่ายของ Steve Jobs) และ Brian
กว่าที่นักบินอวกาศจะผ่านการฝึกเพื่อเข้ามาประกอบอาชีพนี้ได้นั้น พวกเขาจะต้องเผชิญกับแบบทดสอบที่ท้าทายทั้งศักยภาพด้านร่างกายและจิตใจเป็นอย่างมาก เพื่อให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์หลายรูปแบบที่ไม่อาจคาดเดาได้จากนอกโลก ซึ่งมีผลต่อความเป็นความตายของพวกเขาได้เลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม นักบินอวกาศเหล่านี้ก็ยังเป็นมนุษย์ธรรมดาไม่ต่างไปจากพวกเราทุกคน จินตนาการว่าเราเจอหลุมอากาศหนัก ๆ บนเครื่องบินยังกลัวชนิดลืมหายใจ นับประสาอะไรกับการนั่งยานอวกาศออกไปนอกโลกอันมืดมิด ซึ่งในอดีตก็มีเหตุการณ์ที่สภาพจิตใจของพวกเขาเคยมีปัญหามาแล้วหลายครั้ง เช่นในปี ค.ศ. 1973 ลูกเรือภารกิจ Skylab 4 ตัดสินใจประท้วงหยุดงานกลางอวกาศ โดยการยุติระบบสื่อสารกับภาคพื้น และหยุดการทำงานทุกอย่างลง สาเหตุมาจากการถูก NASA อัดตารางทำงานให้โดยไม่คำนึงถึงการพักผ่อนของนักบินอวกาศ แน่นอนว่าพอหลังเปิดระบบสื่อสารในวันกลับมา พวกเขาก็โดนตำหนิจากการกระทำดังกล่าวอย่างหนัก แต่นั่นก็ทำให้ NASA ปรับปรุงการจัดตารางทำงานให้กับลูกเรือ โดยคำนึงถึงสภาพร่างกายและจิตใจของนักบินอวกาศมากยิ่งขึ้น ลูกเรือ Skylab 4 ทั้งสามคนได้รับเหรียญรางวัลขั้นสูงสุดของ NASA แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้รับโอกาสให้กลับไปสู่อวกาศอีกเลย และเมื่อดูภารกิจในปัจจุบันที่แต่ละประเทศก็ต่างอยากส่งมนุษย์ออกไปสำรวจดาวอังคาร รวมทั้งวัตถุที่อยู่ไกลออกไปจากนั้นอีก นั่นทำให้สภาพจิตใจของนักบินอวกาศจะต้องถูกศึกษาและได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการ Freak Out ขึ้นระหว่างการเดินทางนานแรมปีในแต่ละภารกิจ มาดูเทคนิคที่บรรดาหน่วยงานอวกาศต่าง ๆ กำลังศึกษา เพื่อดูแลสุขภาพจิตของนักบินอวกาศกัน เริ่มแรกให้เราลืมภาพยานอวกาศที่พบเห็นตามหนังไปให้หมด เพราะการส่งยานแต่ละครั้งมีข้อจำกัดที่โหดร้าย และค่าใช้จ่ายมหาศาล ทำให้ทุก ๆ ภารกิจต้องนำไปเพียงแค่ของที่จำเป็นเท่านั้น ยังไม่รวมถึงขนาดของยานที่ค่อนข้างแคบและแออัด ลองนึกภาพการถูกกักบริเวณไว้ในรถยนต์ส่วนตัวที่มีระบบคอมพิวเตอร์มากมาย kไม่รู้จะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเมื่อไหร่เป็นเวลา
ทุกครั้งที่เรานั่งดูรูปทรงผมเท่ ๆ จากดารานายแบบ พร้อมความรู้สึกชื่นชมว่าทรงผมแบบนี้สไตล์นี้ก็น่าจะเหมาะสมกับเราดี ว่าแล้วก็ยกหูโทรไปนัดคิวตัดผมกับร้านทำผมชื่อดังเจ้าประจำ “วันนี้คุณอยากตัดทรงอะไรครับ?” ช่างทำผมสุดเท่ถามพร้อมสีหน้ายิ้มแย้ม เราก็ควักรูป Reference ทรงผมที่เราต้องการเปิดให้ช่างดู “ไม่มีปัญหาครับ” ช่างกล่าวพร้อมลงมือตัดผมจนเสร็จสิ้น จากนั้นก็เริ่ม Set ผมด้วยกรรมวิธีมากมายที่เราพยายามตั้งสติจำพร้อมสอบถามกรรมวิธีการเซ็ทผม ซึ่งช่างก็ค่อย ๆ อธิบายอย่างใจเย็น “เรียบร้อยครับ” ช่างทำผมกล่าวพร้อมกับสีหน้าของเราที่ยิ้มแย้มด้วยความภาคภูมิใจในทรงผมใหม่สุดคูล แต่เวลาแห่งความสุขภายใต้ทรงผมที่เซ็ทอย่างสวยงามมักจะอยู่ได้เพียงชั่วข้ามคืน เมื่อถึงเวลาเช้าวันสำคัญที่เราอยากพกพาผมทรงใหม่ในความทรงจำล่าสุดไปอวดใครต่อใคร กลับต้องประหลาดใจที่เราทำทุกอย่างเหมือนที่ช่างอธิบายเป๊ะ แต่ผลที่ได้กลับต่างกันราวฟ้ากับเหว มันไม่ได้ดั่งใจ มันไม่เนี้ยบเท่าไหร่ มันไม่ใช่ทรงผมเมื่อวาน ไม่ว่าจะเป็นทรง Slick Back หรือ Side Part ที่ดูว่าทำง่าย กลับกลายเป็นทรงอะไรก็ไม่รู้ไปเมื่อเราลงมือทำเอง ที่ผ่านมาหลายคนได้แต่สงสัยแล้วก็ลืมมันไป วนลูปความดีใจปนผิดหวังในข้ามคืนแบบนี้ใหม่อย่างไม่รู้จบและไม่เข้าใจว่า “สาเหตุคืออะไร” เรามาตอบให้เลยครับว่าหัวใจสำคัญอยู่ที่ “วอลลุ่ม” เราอาจจะเคยสงสัยว่าทำผมตัดผมทรงเดียวกับเพื่อนเป๊ะ แต่เพื่อนเรากลับเซ็ทออกมาได้เท่อย่างง่ายดายเพียงเป่า ๆ เสย ๆ ในขณะที่เรานั่งบรรจงม้วนทีละช่อ ใช้อุปกรณ์จัดแต่งทรงผมประโคมจนหนักศีรษะก็ยังเละไม่เป็นทรงอยู่วันยังค่ำ นั่นอาจจะเป็นเพราะลักษณะเส้นผมที่แตกต่างกันไปของผู้ชายไทย ส่วนใหญ่ชายไทยจะมีเส้นผมที่เล็ก ตรง และแบน ไม่มีวอลลุ่ม ทำให้จัดทรงผมให้เปลี่ยนทิศทางหรือยกตัวได้ยากมาก (แต่ก็มีข้อดีเรื่องสุขภาพเส้นผมที่มักจะดี เงางาม)
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019/20 ได้เริ่มขึ้นไปแล้ว 1 นัด โดยหลายคนยังไม่รู้ว่าในฤดูกาลนี้มีการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นกับการแข่งขัน โดยเฉพาะเรื่องของกฏที่ถูกเพิ่มและแก้ไขในฤดูกาลที่จะมาถึงนี้ การเปลี่ยนแปลงกฏในเกมฟุตบอลที่มาจากการอนุมัติของ IFAB (International Football Association Board) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมา ซึ่งนั่นก็ได้ถูกนำมาใช้งานกับหลากกฏเกณฑ์ในพรีเมียร์ลีกและฟุตบอลลีกทั่วโลกเช่นกัน โดยนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการปรับแก้กฏเกิดขึ้น และก็คงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายเช่นกัน มาดูกันว่ามีอะไรใหม่ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่นี้กันบ้าง เพื่ออรรถรสในการรับชมอย่างเข้าใจ VAR มาแล้ว หลังจากที่ถูกใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก ค.ศ. 2018 และนำมาทดสอบใช้เบื้องหลังของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว ในที่สุด VAR ก็ได้ถูกนำมาประเดิมใช้งานจริง แม้จะเป็นลีกสุดท้ายจาก 5 ลีกใหญ่ของยุโรปก็ตาม VAR หรือ Video Assistant Referee เป็นระบบที่ช่วยในการตัดสินของผู้ตัดสินหลักที่อยู่ในสนาม โดยมีผู้ตัดสินที่คอยดู VAR และให้คำแนะนำ รวมทั้งมีภาพช้าให้กับผู้ตัดสินหลักได้ชมที่บริเวณข้างสนาม ซึ่งก็จะมีข้อจำกัดด้านเวลาที่สามารถดูได้ และเหตุการณ์ที่สามารถใช้ VAR เพื่อดูได้ เพื่อไม่ให้เกมถูกหยุดไปนานเกินที่มันควรจะเป็น ทั้งนี้ผู้ตัดสินหลักก็จะยังคงมีอำนาจเด็ดขาดในการตัดสินใจสุดท้ายอยู่เหมือนเดิม ทีนี้นอกจากการเพิ่ม VAR