แทบทุกคนคงรู้ดีว่า นาฬิกา Swiss Made หรือนาฬิกาที่ผลิตจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นั้นมีชื่อเสียงเรื่องคุณภาพมากมายขนาดไหน แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าธุรกิจนาฬิกาในสวิตเซอร์แลนด์นั้นเคยประสบกับฝันร้าย ที่เรียกว่าวิกฤตการณ์ Quartz crisis ที่มีจุดเริ่มต้นจากเทคโนโลยี Quartz ที่ชาวสวิสคิดค้นเอาไว้แต่ไม่ได้ใส่ใจพัฒนาต่อ เพราะยังต้องการสืบสานความคลาสสิกของเครื่องไขลานแบบดั้งเดิมเอาไว้ แต่แล้วเรื่องมันก็เกิด เมื่อทางฝั่งญี่ปุ่นได้นำเครื่อง Quartz มาสานต่อผลิตนาฬิกาข้อมือที่บางที่สุดในโลก ณ เวลานั้นออกมาเป็นผลสำเร็จ ด้วยมาตรฐานการบอกเวลาแม่นยำ บวกกับความบาง และ ราคาเบา ๆ นาฬิกาข้อมือจากญี่ปุ่นจึงได้รับความนิยมถล่มทลาย สวนทางกับยอดขายนาฬิกาสวิสที่ลดฮวบอย่างน่าตกใจ และปวดใจ จนสุดท้ายผู้ประกอบการธุรกิจนาฬิกาสวิสจึงต้องร่วมมือกันกอบกู้สถานการณ์ มีการควบรวมบริษัทปรับโครงสร้างกิจการขนานใหญ่ และได้ปล่อยท่าไม้ตายออกมาในปี 1983 ด้วยนาฬิกาพลาสติกระบบ Quartz ตัวเรือนบางเฉียบ ดีไซน์เรียบง่ายทันสมัย ราคาไม่แพง ซึ่งช่วยพลิกฟื้นให้ธุรกิจนาฬิกาของประเทศสวิตเซอร์แลนด์กลับมาผงาดอีกครั้ง และ เจ้านาฬิกาพลาสติกเรือนที่ว่าก็ยังคงยืนหยัดประจำการณ์อยู่บนข้อมือผู้คนทุกเพศทุกวัยและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในนามว่า Swatch(สวอท์ช) มาจนถึงตอนนี้ต้องยอมรับว่าแบรนด์ Swatch นั้นผ่านหน้าประวัติศาสตร์ และผสมผสานเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการแต่งกายมาอย่างยาวนานโดยไม่มีทีท่าว่าจะตกยุค ซึ่งต้องยกประโยชน์ให้กับ DNA ในการพัฒนาเอาตัวรอด การปรับตัวให้เท่าทันยุคสมัย และเทรนด์ที่เปลี่ยนไปของแบรนด์ Swatch ที่ถูกปลูกฝังเอาไว้อย่างเข้มข้น นับตั้งแต่การถือกำเนิดของตำนานที่ยังมีลมหายใจอย่าง Swatch รุ่น
คงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด กับการที่ใครสักคนอยากมีภาพลักษณ์ที่ดูดี แม้กระทั่งหนุ่ม ๆ ทั้งหลาย ก็ไม่วายที่จะอยากดูหล่อดูเท่ แม้หลายคนจะปฏิเสธว่า “ฉันมันหนุ่มเซอร์ ฉันไม่สนใจอะไรหรอก” แต่เอาเข้าจริงแล้วพวกเราก็ไม่อาจละทิ้งสัญชาตญาณสิ่งมีชีวิตเพศชาย ที่อาศัยภาพลักษณ์ที่ดูดีโดดเด่น ในการดึงดูดเพศตรงข้าม และแสดงถึงอำนาจ รวมถึงความมั่นใจในการรวมกลุ่ม สังเกตง่าย ๆ ได้จากแพนหางสุดดึงดูดของนกยูงตัวผู้ หรือแผงคอของสิงโตจ้าวป่า ที่ยิ่งมีความแตกต่าง โดดเด่นจากตัวอื่นในฝูงมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นเท่านั้น ย้อนกลับมาดูที่มนุษย์เรา แม้จะไม่ได้มีแพนหางสีสันสดใส หรือแผงคออันน่าเกรงขาม แต่การสร้างภาพลักษณ์ที่ดูดีนั้น ได้ถูกถ่ายทอดออกมายังเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ซึ่งต้องบอกว่าการแต่งตัวนั้นคือ “ศาสตร์” ที่สร้างให้เราแตกต่างจากคนอื่น โดยไม่จำเป็นต้องแคร์ลักษณะทางกายภาพ เรื่องรูปร่างหน้าตา แต่การแต่งตัวที่มีเอกลักษณ์นั้นสามารถสร้างสไตล์ที่โดดเด่นให้ผู้ชายอย่างเรา ๆ ดูดีได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะไปเที่ยว ไปเดท หรือประชุมคุยงานกับลูกค้า ลุคเท่ ๆ ที่เรามั่นใจนั้นเป็นอะไรที่สร้างแต้มต่อให้พบกับโอกาสดี ๆ ได้มากมายกว่าที่คิด และอย่างที่บอกไปแล้วว่า ลุคเท่ ๆ ดูดี โดดเด่นนั้น ใจความสำคัญคือความต่าง ถ้าเลือกแต่งตัวเหมือนกันหมด คงเป็นไปได้ยากที่จะสร้างสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร แต่ถ้าจะให้แนะนำเคล็ดลับว่าต้องแต่งตัวอย่างไรถึงจะเท่ ดูดี มีสไตล์ เราคงบอกได้แค่ว่า “เคล็ดลับ
แม้อายุอานามจะล่วงเลยมาจนใกล้จะย่างเข้าเลขสี่ แต่เรื่องความฟิตปั๋งเต็มเปี่ยมด้วยพลังช้างสารเหมือนหนุ่มเอ๊าะกลัดมันเราต้องขอยกให้กับชายที่ชื่อว่า ‘Ken Shimizu’ หรือหลายคนอาจรู้จักเขาในนาม ‘Shimiken’ แต่เราเชื่อว่าผู้ชายทั้งหลายคงไม่คุ้นทั้งชื่อจริง และชื่อในวงการของพี่คนนี้สักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่คงคลับคล้ายคลับคลา คุ้นหน้าคุ้นตารวมถึงท่วงท่าลีลาของพี่เขาจากหนัง AV เรื่องโปรดที่ถูกเก็บอยู่ใน HDD กันเสียมากกว่า ซึ่งเหตุผลที่ต้องยอมยกนิ้วให้ในเรื่องความฟิตของพี่แกก็เพราะว่า ตลอดระยะเวลา 20 ปีของอาชีพพระเอก AV ยอดชายนาย Shimiken คนนี้ รับเล่นหนังมาแล้วกว่า 7,000 เรื่อง ผ่านการโจ๊ะพรึมพรึมกับหญิงมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7,500 นาง จัดได้หมดทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นสาวน้อยหน้าใสอดีตไอดอล, สาวต่างชาติพลังสูง หรือแม้กระทั่งคุณยายแฝดวัย 72 ปี ก็ยังผ่านมาได้อย่างสง่างาม ท่ามกลางสายตาของตากล้อง ช่างไฟ เด็กถือไมค์บูม และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่เจ้า Shimiken น้อยก็ไม่เคยงอแง ยังคงแข็งขันพร้อมรบอยู่เสมอ จนได้รับการขนานนามว่า ‘King of Porn’ จวบจนกระทั่งปัจจุบัน ในวัย 38 ปี คุณพี่ Shimiken ก็ยังไม่มีทีท่าจะแขวนพวง(สวรรค์)
ในปัจจุบัน เราต่างใช้ชีวิตอยู่กับความเร่งรีบ ต้องพบเจอเรื่องราวมากมายที่พาพวกเราไหลผ่านกระแสเวลาไปข้างหน้าแทบไม่ได้หยุดพัก ทำให้บ่อยครั้งที่ผู้คนส่วนใหญ่ต่างโหยหาช่วงเวลาที่เรียบง่าย ช่วงเวลาที่ได้อยู่นิ่ง ๆ กับตัวเอง เพื่อเสพความงดงามของคืนวันที่ผันผ่าน ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือคำอธิบายที่ว่าทำไม แม้พวกเราจะดำรงอยู่ท่ามกลางความสะดวกสบายของเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมาย แต่ก็ไม่วายที่จะโหยหาบรรยากาศเก่า ๆ ข้าวของเครื่องใช้วินเทจ ที่ยังคงความคลาสสิกจากอดีตอยู่เสมอ และ RADO Captain Cook Automatic Limited Edition คืออีกหนึ่งความทรงจำอันหอมหวานจากอดีต ในรูปแบบของเรือนเวลาสุดคลาสสิก ที่หวนกลับมาสร้างความประทับใจให้เหล่านักสะสมนาฬิกา และผู้ที่หลงใหลในความวินเทจแบบเต็มเปี่ยม กับรุ่นพิเศษใหม่ล่าสุดในปี 2019 ซึ่งเก็บทุกรายละเอียดทางด้านรูปลักษณ์ของ Captain Cook รุ่นแรก ที่ผลิตขึ้นระหว่างปี 1962 และ 1968 เอาไว้อย่างครบถ้วน ทั้งขนาดที่เป็นเอกลักษณ์และคุณสมบัติที่โดดเด่นจากยุคเก่าผสานเข้ากับความโมเดิร์นด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ซึ่งต้องบอกว่านี่เป็นงานถนัดของ RADO ผู้ผลิตนาฬิกาชั้นนำจากสวิส ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำหน้า ควบคู่ไปกับความสวยงามของดีไซน์ โดย RADO นั้นได้รับการขนานนามว่าเป็น “ผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุ” ที่มีแนวทางการปฏิวัติการผลิตนาฬิกาแบบดั้งเดิม ด้วยการนำเอาไฮเทคเซรามิกที่มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ และมีสีสันสดใส รวมถึง Ceramos™ มาใช้ก่อนใครในวงการนาฬิกา ถือเป็นการผสมผสานประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ เข้ากับความโมเดิร์นสมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้เรือนเวลารุ่นเก๋าอย่าง
นอกเหนือจากรถสปอร์ต, ซุปเปอร์คาร์ หรือมอเตอร์ไซค์สองล้อคันงาม คงปฏิเสธไม่ได้ว่ารถกระบะสายแกร่ง และดุดัน คือยานพาหนะอีกประเภทที่ยืนหนึ่งจับจองพื้นที่ความคลั่งไคล้ในหัวจิตหัวใจของชายผู้หลงใหลในเครื่องยนต์อย่างพวกเรา และในช่วงเวลาที่งานแสดงนวัตกรรมยานยนต์สุดยิ่งใหญ่อย่าง Bangkok International Motor Show 2019 วนเวียนมาบรรจบแบบนี้ เราก็ไม่พลาดที่จะไปเก็บภาพบรรยากาศมาฝาก กับทีเด็ดที่เชื่อว่าชาว UNLOCKMEN ได้เห็นเป็นต้องตาลุกวาว กับบูธของ Mitsubishi Motors ที่ขนเอายนตกรรมต้นแบบความโหดดิบ ตามคำจำกัดความ ‘ABSOLUTELY Beyond Tough’ อย่าง Mitsubishi Triton Absolute มาให้สาวกกระบะแต่งเต็มสายดุ ได้ยลโฉมกันชัด ๆ ในงาน Motor Show 2019 เป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดย Mitsubishi Triton Absolute คันนี้ได้ถือกำเนิดขึ้นมาจากการออกแบบภายใต้แนวคิด Build-up Robustness ตีบวกเพิ่มความแกร่งดุดันกันแบบเต็มเหนี่ยว ที่มีความโดดเด่นกับมาดคมเข้มสะกดทุกสายตาด้วยตัวถังสีดำสนิท ชูจุดเด่นของงาน Metallic Design ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความแข็งแกร่งของโลหะด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่สีเทา-ดำ ตัดกับขอบโครเมียมสีเงินแวววาวที่ล้อมรอบกรอบป้องกันชุดไฟตัดหมอกเอาไว้ พร้อมแผงกันชนคาร์บอนที่ให้อารมณ์ความโหดและความสปอร์ตแบบเต็ม ๆ เสริมด้วยแผ่นกันกระแทกใต้ห้องเครื่องสีเงินตกแต่งด้วยชิ้นส่วนสีดำ-แดง ที่เรียกได้ว่าเป็นอีกจุดเด่นดึงดูดสายตา
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการกลับมาของ Monkey และ Super Cub ตำนานมอเตอร์ไซค์รุ่นเล็กสุดเก๋าจากค่าย Honda นั้นทำให้วงการสองล้อสายคลาสสิกมีความคึกคักไม่ใช่เล่น ซึ่งสาเหตุที่ Monkey และ Super Cub นั้นครองใจเหล่าสาวกมาอย่างยาวนานเป็นเวลากว่า 50 – 60 ปี แน่นอนว่าจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากรูปทรงที่มีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ของทั้ง 2 รุ่น แม้ว่าจะมีบางช่วงที่สายการผลิตถูกหยุดไป แต่ด้วยความนิยมและกระแสเรียกร้องทำให้ตำนานทั้งสอง หวนกลับคืนมาสร้างสีสันในยุคปัจจุบันอีกครั้งด้วยแรงตอบรับที่ดีทั้งจากสาวกหน้าเก่า และกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่หลงใหลในความเท่คลาสสิกแบบไม่ง้อกาลเวลา นอกจากรูปลักษณ์ที่โดดเด่นสะดุดตา อีกสิ่งหนึ่งที่แฟน ๆ ของ Monkey และ Super Cub ต่างเห็นพ้องต้องกันนั่นก็คือ ทั้ง 2 รุ่นนี้จัดได้ว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่แต่งสนุกเหลือเกิน ด้วยหน้าตารูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ภายใต้ไซส์กะทัดรัดดูน่ารักทะมัดทะแมง คือศูนย์รวมของความเรียบเท่ หล่อเหลา คลาสสิก สามารถเอาไปใส่พาร์ทตกแต่งเพิ่มเติมได้โคตรหลากหลาย จะแต่งสายดุก็ดูโหดกำลังดี หรือจะแต่งสายหวานเอาไว้ดูดหญิงก็จัดให้ดูมุ้งมิ้งแบบไม่เกรงใจหน้าเจ้าของได้เหมือนกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หากใครได้ลองก้าวเข้าสู่วงการแล้วมันยากเหลือเกินที่จะจบ แม้จะบอกตัวเองให้พอไม่รู้กี่รอบ แต่ถึงยังไงก็ไม่วายที่จะงอกของแต่งมาเสริมหล่อให้ลูกรักโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดได้เสียที และไม่รู้จะเรียกว่าเป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายที่อาจส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพทางการเงินของเหล่าสาวก เพราะเราได้ยินมาว่าทาง A.P. Honda เขาเล่นใหญ่ ไปชักชวนพันธมิตรสำนักแต่งชั้นเซียนจากญี่ปุ่นอย่าง KITACO,
นอกเหนือจากการฟาดฟันพละกำลัง ประชันความเร็ว รวมถึงการประลองชั้นเชิงชิงไหวชิงพริบในสนาม อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกมกีฬานั้นมีความเร้าใจจนสะกดสายตาผู้ชมได้นับล้านทั่วโลก คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากช่วงเวลาบีบหัวใจก่อนจบการแข่งขัน ที่เวลาเพียงแค่เสี้ยววินาทีก็สามารถชี้เป็นชี้ตายว่าใครคือผู้ชนะ หรือแม้กระทั่งใครคือผู้ที่ได้ตำแหน่งเจ้าของสถิติโลกหน้าใหม่ไปครอง จากความสำคัญของเวลาที่สามารถชี้ชะตาแชมป์ได้เพียงแค่ส่วนต่างเสี้ยววินาที ทำให้การแข่งขันกีฬาระดับโลกทั้งหลายจำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีการจับเวลาและการให้คะแนนที่แม่นยำ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเลขของเวลาที่กำลังนับถอยหลังสู่จุดไคลแม็กซ์ และ ผลคะแนนบนสกอร์บอร์ด ที่ถูกถ่ายทอดไปทั่วโลก คือสิ่งกระตุ้นความรู้สึก เค้นอารมณ์ร่วมของคนดู ซึ่งสร้างความเข้มข้นให้กับการแข่งขันได้ดีไม่แพ้การขับเคี่ยวที่ดุเดือดในสนาม และหากมองในแง่ของผู้แข่งขัน คงไม่มีนักกีฬาคนไหนอยากถูกปล้นชัยชนะ พลาดการสร้างสถิติในช่วงเวลาประวัติศาสตร์เพียงเพราะความผิดพลาดของระบบจับเวลา ด้วยเหตุนี้ทุกทัวร์นาเม้นต์ ทุกการแข่งขัน จึงแทบไม่เหลือพื้นที่ให้กับความผิดพลาด หน้าที่ในการเป็น Official Timekeeper หรือผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการสำหรับการแข่งขันกีฬาระดับโลก จึงเปรียบเสมือนภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่น่าภาคภูมิใจ และสามารถการันตีความเที่ยงตรงแม่นยำของนวัตกรรมแห่งเวลาให้กับผู้รับหน้าที่นี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่ง TISSOT คือแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ Official Timekeeper ในการแข่งขันกีฬารายการใหญ่ระดับโลกหลายรายการมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ปี 1938 จากจุดเริ่มต้นของเรือนเวลาคุณภาพสูงมาตรฐาน Swiss Made อย่าง TISSOT ที่มีความมุ่งมั่นและความหลงใหลในการพัฒนาตัวเองไปพร้อมกับวิวัฒนาการของกีฬาประเภทต่าง ๆ ซึ่งเต็มไปด้วยความซับซ้อน หลากหลายของข้อมูล และ กติกา เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดของเทคโลยีการจับเวลา ทั้งทางด้านอุปกรณ์จับเวลา และทีมงานมืออาชีพหลายร้อยชีวิต ที่พร้อมประการอยู่ในทุกทัวร์นาเม้นต์สำคัญ เพื่อให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ของสถิติ คะแนน และเวลาที่ถูกต้องแม่นยำที่สุด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเราจะได้เห็นชื่อของ TISSOT
เชื่อว่าผู้ชายทุกคนเติบโตขึ้นพร้อมกับการมีฮีโร่ในดวงใจที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นฮีโร่ที่ถูกสร้างขึ้นจากจินตนาการผู้มาพร้อมพลังพิเศษเพื่อช่วยเหลือโลกมนุษย์ หรือจะเป็นฮีโร่ที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ แม้จะไม่ได้มีพลังพิเศษอะไร แต่ก็สามารถใช้สองมือ สมอง และหัวใจ ในการสร้างสรรค์เปลี่ยนแปลงโลกให้เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งสำหรับเราจะชื่นชอบฮีโร่อย่างหลังมากเป็นพิเศษ เพราะนอกจากพวกเค้าเหล่านั้นจะฝากสิ่งที่ยิ่งใหญ่เอาไว้ในโลก ยังเป็นการเตือนตัวเองว่าศักยภาพของมนุษย์นั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน และสร้างกำลังใจให้เราว่า วันนึงเราก็อาจจะเป็นฮีโร่ที่สร้างประโยชน์ให้กับคนรุ่นหลังได้เช่นกัน คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา เป็นบุคคลที่เหมาะสมกับคำว่าฮีโร่คนไทย ซึ่งนอกจากบทบาทของการเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเจ้าของ King Power ภาพชาวต่างชาติหลายพันคนที่ออกแสดงความเสียใจหลังการจากไปของท่านยังทำให้เรารู้ว่าไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่คนไทยคนนี้ยังเป็นที่รักของทุกคนเมือง Leicester มากแค่ไหน แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะนั่งในเก้าอี้ตำแหน่งประธานสโมสรแล้วจะเป็นที่รักของทุกคนได้ แต่มันคือสิ่งที่ทุกคนในเมืองได้เห็นด้วยสายตาตัวเองถึงความทุ่มเทที่คุณวิชัยมีให้ชาวเมือง Leicester และสโมสร Leicester City พูดถึงคำว่าประธานสโมสรฟุตบอล คุณนึกถึงอะไร? มหาเศรษฐีที่ซื้อสโมสรฟุตบอลเพื่อความเท่? นักธุรกิจที่ต้องการซื้อมาขายไปเพื่อทำกำไรเข้ากระเป๋าตัวเอง? อาจจะถือเป็นโชคดีของ Leicester City ที่มีประธานสโมสรชาวไทยผู้ตั้งเป้าหมายอย่างแน่วแน่ว่าอยากจะเข้ามาเพื่อพาทีมไปให้ไกลถึงความฝัน แฟนคลับมักจะเป็นภาพของประธานสโมสรชาวไทยในวัย 60 ปี คอยยิ้มแย้มเชียร์ฟุตบอลอยู่เคียงข้างทุกคนอย่างอบอุ่นข้างสนาม ชายผู้ทุ่มเทเวลา ทรัพย์สิน และแรงกายแรงใจ เพื่อสร้างโอกาสแห่งความสำเร็จที่แม้แต่นักเตะหรือกองเชียร์เองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นไปได้ให้กับสโมสร โดยไม่สนการสร้างภาพข่าว ไม่แม้แต่จะให้สัมภาษณ์ออกสื่อ แต่ท่านเลือกใช้เวลาไปกับการทำงานที่ตัวเองถนัดจนสามารถเปลี่ยนความฝันที่ไม่มีชาว Leicester คนไหนคาดคิดว่าจะเป็นจริงได้ ขึ้นเป็นแชมป์ English Premier League ในปี 2016
ผู้ชายอย่างเรามักจะใช้ชีวิตเหมือนเดินบนเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบกับเส้นทางสายแฟชั่น เรามักเลือกแต่งตัวแบบ Play Safe เน้นคุมโทนสีเข้ม + กางเกงขายาวเอาไว้ก่อน เพราะแค่นี้ก็พร้อมลุยทุกที่ได้อย่างไม่เคอะเขิน การแต่งตัวแบบนี้จึงกลายเป็นภาพจำประจำตัวของใครหลายคน แต่ไม่ว่าจะยืนหยัดในสไตล์ส่วนตัวแบบไม่แคร์กระแสแฟชั่นแค่ไหน แต่สภาพภูมิอากาศในสยามเมืองยิ้มแห่งนี้ มันช่างร้อนหนักหน่วงจนเรายิ้มแทบไม่ออก ชุดเก่งสีเข้มขายาวของเราที่เคยใส่แล้วไปได้ทุกที่จึงกลายเป็นสไตล์เจ้าปัญหาที่มาพร้อมฤดูร้อน เพราะดูดความร้อนจนเหงื่อชุ่มร่าง พาลให้ผู้ชายอย่างเราเสียบุคลิก สูญสิ้นความมั่นใจ ด้วยปัญหาเรื่องอากาศในหน้าร้อนที่ไม่เอิ้ออำนวยให้แต่งตัวได้ดั่งใจ UNLOCKMEN จึงขออาสาปลดล็อคข้อสงสัยที่ว่าจะแต่งตัวแบบไหนให้รอดในร้อนนี้ โดยที่ยังคงดูดีแบบเรียบง่ายมั่นใจได้ว่าไม่มีหลุดธีม ซึ่ง Style Guide ในวันนี้เราไม่ได้มาแนะนำการ Mix & Match ไอเทมเครื่องแต่งกายในลุคต่าง ๆ แต่เราจะมานำเสนอทางเลือกของการแต่งหล่อ ให้สามารถรับมือลมร้อนได้อย่างเย็นใจ ด้วยเสื้อผ้าจาก UNIQLO ที่หลายคนน่าจะรู้กันดี ว่าแบรนด์นี้การันตีเรื่องความเรียบง่ายในสไตล์มินิมอล กับ UNIQLO Linen Collection คอลเลคชันเครื่องแต่งกายซึ่งใช้ผ้าลินินที่เหมาะกับหน้าร้อนเป็นอย่างยิ่ง ชนิดที่ว่าใส่แล้วรับรองได้เรื่องความเย็นกายสบายใจ เพราะทีเด็ดของผ้าลินินนั้น คือคุณสมบัติในการดูดซับความชื้น และระบายความร้อนได้ดี (Breathable) มีเนื้อผ้าบางเบาไม่ลีบติดตัว อากาศสามารถพัดผ่านถ่ายเทได้สะดวก ทำให้เวลาที่สวมใส่เครื่องแต่งกายจากผ้าลินินนั้นจะรู้สึกเย็นสบายไม่อึดอัด แม้จะเป็นหนุ่มที่ชอบใส่เสื้อผ้าคุมโทนสีเข้มที่ดูดความร้อนเก่งเหลือเกิน แต่ความโปร่ง โล่ง สบายของผ้าลินินก็ช่วยให้เรา ๆ ทั้งหลาย ใส่เสื้อผ้าสีเข้มได้โดยไม่ร้อนตับแตกจนเป็นลมเป็นแล้งไปเสียก่อน นอกจากนี้ผ้าลินินยังช่วยเสริมลุคให้ดูพิเศษยิ่งขึ้นจากรอยยับเฉพาะตัวของเนื้อผ้า
แม้ว่าความหมายแบบตรงตัวของ Streetwear นั้นดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรซับซ้อนมากเกินไปกว่าการแต่งกายที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปบนท้องถนน แต่จริง ๆ แล้วด้วยต้นกำเนิดที่เกิดขึ้นจาก Sub-Cultures อย่าง Surf Culture และ Skate Culture ซึ่งผสมผสานองค์ประกอบอันหลากหลายของ Sportswear, Hip Hop และ Punk เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้นิยามของคำว่า Streetwear นั้นมีเอกลักษณ์ที่เฉพาะเจาะจงมากกว่าแฟชั่นการแต่งตัวของผู้คนตามท้องถนนอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่ถ้าหากต้องการตีกรอบความหมายของ Streetwear ที่ยากจะหาคำนิยามให้แคบลง เราคงต้องจำกัดความจากเอกลักษณ์ที่ถูกสะท้อนออกมาผ่านเครื่องแต่งกาย ภายใต้พื้นฐานที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อให้สวมใส่สบาย แบบ Casual Style สำหรับการใช้ชีวิตดำเนินกิจกรรมแบบ Active คงไว้ซึ่งความโดดเด่นของวัฒนธรรม Surf, Skate และ Hip Hop จุดเริ่มต้นของแฟชั่น Streetwear ด้วยเสื้อผ้าแบบ Oversized สกรีนโลโก้แบรนด์ หรือโควทถ้อยคำต่าง ๆ ที่บ่งบอกตัวตนของผู้สวมใส่ และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าความเรียบ เท่ สวมใส่สบาย สามารถสวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน ทำให้ความนิยมของ Streetwear นั้นพุ่งทะยาน จาก