แม้ปีใหม่จะวนมาทุก ๆ 365 วัน แต่เมื่อวันที่ 1 มกราคมใกล้มาถึงทีไร ผู้ชายอย่างเราก็ยังตื้นเต้นและรอคอยสิ่งใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาทักทายอยู่เสมอ เพราะปีใหม่คล้ายเป็นหมุดหมายว่า “ได้เวลาเปลี่ยนแปลง” อีกครั้งหนึ่ง อะไรจะดีไปกว่าการได้ “ปลุกความคิด” ตัวเองให้ตื่น พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่กำลังหมุนเร็วขึ้นทุกวัน และเพื่อเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รับมือทุกอุปสรรคได้แกร่งกว่าเดิม รวมถึงเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่มีความสุขกว่าเดิมด้วย Principles: Life and Work แม้แต่มหาเศรษฐีที่เก่งระดับโลกอย่าง Bill Gate ยังยกย่องว่าหนังสือเล่มนี้ “เปลี่ยนชีวิต” เขา เพราะ Principles: Life and Work ได้ให้คำแนะนำและแนวทางสุดล้ำค่าที่เขานำไปใช้ในชีวิตได้จริง Principles: Life and Work ว่าด้วยหลักคิดสุดแข็งแกร่งที่ผู้ชายทุกคนสามารถนำไปปรับใช้กับการทำงานและชีวิต โดยยอดขายจากผู้อ่านทั่วโลกก็การันตีได้เป็นอย่างดีว่าหนังสือเล่มนี้เปลี่ยนชีวิตผู้คนมาแล้วจำนวนมาก นอกจากนั้นผู้เขียน Ray Dalio ยังถูกขนานนามว่าเป็น Steve Jobs แห่งโลกการลงทุนอีกด้วย ใครที่รู้สึกว่าชีวิตตัวเองปีนี้ช่างยุ่งเหยิงจัดการไม่ได้ และอยากเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ในปีหน้าอย่างมีหลักให้ยึดและพิสูจน์แล้วว่าทำได้จริง Principles: Life and Work
เป็นธรรมเนียมของทุกปีที่นิตยสารระดับโลกอย่าง TIME จะต้องประกาศ “10 อันดับ” ในหัวข้อต่าง ๆ รวมทั้งหัวข้อเกี่ยวกับเพลงและศิลปิน แต่สำหรับการจัดอันดับในครั้งนี้คงจะมาแบบธรรมดาไม่ได้ เพราะโลกของเรากำลังก้าวเข้าสู่ทศวรรษใหม่อย่างเป็นทางการ ทำให้การจัดอันดับ “ที่สุดในทศวรรษ” งอกขึ้นมาเป็นดอกเห็ด หัวข้อ 10 เพลงที่ดีที่สุดในทศวรรษ (The 10 Best Songs of the 2010s) ก็เช่นกัน สำหรับหัวข้อนี้พวกเขาไม่ได้วัดจากยอดสตรีมมิงหรือยอดขายเพียงเท่านั้น แต่ TIME ระบุว่าเพลงเหล่านี้ล้วนมีอิทธิพลในการกำหนดทิศทางของวงการเพลงอเมริกันในทศวรรษนี้ ไม่ทางใดทางหนึ่งก็ทางหนึ่ง โดยเราจะเรียงตามช่วงเวลาจาก 2010 ไปจนถึง 2019 และขอแยกออกเป็น 2 ตอน สำหรับวันนี้เราจะขออนุญาตพูดถึง 5 เพลงแรกก่อนครับ Rolling in the Deep – Adele (2010) เขาว่ากันว่า เพลง(ไม่)รัก หรือเพลงรักที่อับปาง คือหัวใจหลักของเพลงป๊อปในปี 2010 ก็ว่าได้ อัลบั้ม 21 ของ
เดือนเมษายนปี 2018 หนุ่ม ๆ ที่หลงใหลสุดยอดรถยนต์อย่าง Nissan GT-R มีโอกาสได้เห็นรถในฝันของพวกเขาถูกจับมาแปลงโฉมงานดีไซน์เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปีการถือกำเนิด โดยตั้งชื่อให้ว่า Nissan GT-R50 แต่น่าเสียดายที่เวลานั้นค่ายรถจากญี่ปุ่นไม่ได้คิดจะต่อยอดสู่การผลิตจริง แต่วันนี้นิสสันเตรียมนำรถรุ่นพิเศษคันนี้เข้าสู่โปรแกรมการผลิตที่คาดว่าจะทำออกมาเพียง 50 คันเท่านั้น ปีที่ผ่านมา Nissan GT-R เจ้าของฉายาก็อดซิลล่าเดินทางเข้าสู่ปีที่ 50 หลังจากประสบความสำเร็จ นับตั้งแต่รถยนต์คันแรกในสายการผลิตที่ชื่อ “Skyline GT-R” วางจำหน่ายเมื่อปี 1969 โดยค่ายผู้ผลิตอย่าง Nissan ก็เฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่ให้ด้วย GT-R คันพิเศษที่ดีไซน์ร่วมกับ Italdesign จนออกมาเป็น Nissan GT-R50 การเปิดตัวครั้งนั้นเรียกเสียงฮือฮาจากแฟน ๆ ของ GT-R ทั่วโลก แต่เพราะโปรเจกต์ดังกล่าวเป็นความตั้งใจที่จะสร้างรถคอนเซ็ปต์ขึ้นมาเพื่อฉลองวาระพิเศษเท่านั้น หลายคนจึงต้องผิดหวังกันไป เพราะผู้ผลิตอย่างนิสสันประกาศออกมาชัดเจนว่า “ไม่มีขาย” มาวันนี้เรามีข่าวดีสำหรับหนุ่ม ๆ ที่กำลังลุ้นให้ Nissan GT-R50 ออกมาโชว์ความแรงบนถนนจริง เพราะล่าสุดนิสสันประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า พวกเขากำลังผลักดัน Nissan
การมีบ้านพักตากอากาศสักหลังคงเป็นอีกหนึ่งความฝันของผู้ชายหลายคน เพราะคอนโดกลางใจเมืองอาจไม่ได้ตอบโจทย์ความสงบและเป็นส่วนตัวมากเท่าไรนัก บวกกับวิถีชีวิตรีบเร่งและความวุ่นวายที่หนุ่มคนเมืองต้องเจอ ทำให้บางครั้งก็อดโหยหาความสงบและส่วนตัวจากบ้านพักตากอากาศไม่ได้ UNLOCKMEN เลยอยากชวนหนุ่ม ๆ ทิ้งห่างจากป่าคอนกรีตที่ว้าวุ่นชั่วขณะ มาชมบ้านพักตากอากาศแสนสงบริมชายหาดเม็กซิกัน ที่เราเชื่อว่าคงเป็นบ้านในฝันอีกหลังของผู้ชายอย่างคุณ บ้านโทนสีอบอุ่นหลังนี้ออกแบบโดย Colectivo Lateral de Arquitectura สตูดิโอสถาปัตยกรรมสัญชาติเม็กซิกัน ที่ใช้ทำเลริมชายหาดปลายาบลองกา (Playa Blanca) ในเมืองซิฮัวตันเนโจ (Zihuatanejo) ของเม็กซิโก สร้างสถาปัตยกรรมโครงสร้างเรขาคณิตที่ดูกลมกลืนกับธรรมชาติโดยรอบ เนื่องจากชายหาดปลายาบลองกาตั้งอยู่เหนือมหาสมุทรแปซิฟิกเล็กน้อย จึงมีสภาพอากาศอบอุ่นกำลังดีบวกกับทัศนียภาพของชายหาดที่ไกลสุดลูกหูลูกตา ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่พักผ่อนยอดนิยมของคนเม็กซิกัน บ้านพักตากอากาศหลังนี้ออกแบบผนังและหลังคาด้วยคอนกรีตผสมกับ Tepetate หรือดินเหนียวสีแดง อันเป็นวัสดุท้องถิ่นของเม็กซิโกที่ช่วยให้บ้านมีโทนสีน้ำตาลอ่อนดูอบอุ่น แม้โครงสร้างคอนกรีตจะดูทึบตัน แต่ก็เพิ่มสเปซโปร่งโล่งให้บ้านด้วยประตูกระจกบานเลื่อน และหน้าต่างกระจกทรงสูงหุ้มกรอบไม้ แถมลานรอบบ้านยังสอดแทรกพื้นที่สีเขียวเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้พักอาศัยกับธรรมชาติ บริเวณกึ่งกลางของบ้านขนาด 750 ตารางเมตร ถูกจัดสรรให้เป็นสองห้องนอนขนาดใหญ่ ทั้งยังมีห้องนั่งเล่นและห้องรับประทานอาหารแบบเปิดโล่งที่เชื่อมต่อกับห้องครัวได้ แม้บ้านหลังนี้จะเป็นบ้านชั้นเดียว แต่ก็มีบันไดมุ่งหน้าไปยังลานดาดฟ้าเพื่อให้ผู้อาศัยได้กินลมชมวิวและผ่อนคลายกับธรรมชาติ บางส่วนของบ้านดีไซน์ให้เป็นห้องทำสมาธิที่ตัดเพดานเป็นช่องวงกลม เพื่อให้องค์ประกอบทางธรรมชาติลอดผ่านเข้ามาในบ้านได้ ทั้งเม็ดฝน สายลม หรือแสงแดด แต่ก็มีช่องพื้นดินที่อุดด้วยก้อนหินช่วยระบายน้ำฝนอีกแรง บริเวณนอกบ้านสร้างบ่อน้ำขนาดเล็กช่วยเปลี่ยนลมร้อนที่พัดเข้าบ้านให้เย็นสบายยิ่งขึ้น มีพื้นที่สระว่ายน้ำรูปตัวแอล (L) ที่สร้างจากใต้ชายคายืดออกไปยังชายหาด ครอบคลุมทั้งการว่ายน้ำในร่มและกลางแจ้ง แถมยังมองเห็นทิวทัศน์ของทะเลได้เป็นอย่างดีอีกด้วย นี่เป็นบ้านอีกหลังที่ถ่ายทอดกลิ่นอายของธรรมชาติและสะท้อนอิทธิพลของสไตล์โมเดิร์นทรอปิคัล ที่เน้นใช้วัสดุท้องถิ่น
ความเครียดและความกดดันเป็นเรื่องปกติของชีวิต และเป็นสองสิ่งที่เราเลี่ยงไม่ได้ในชีวิตการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานภายในระยะเวลาที่จำกัด การทำงานที่ยากเกินความสามารถ หรือได้รับโปรเจกต์ยักษ์ที่เป็นตัวตัดสินรายได้ของบริษัท ทั้งหมดนี้อาจทำให้หนุ่มมนุษย์เงินเดือนหลายคนต้องกุมขมับ รู้สึกเครียด และกดดันจนทำอะไรไม่ถูก วันนี้ UNLOCKMEN เลยอยากแนะนำเคล็ดลับการฝึกสมองเพื่อรับมือต่อความกดดันจากการทำงาน รับรองว่าถ้าทำได้ จะความเครียดหรือความกดดันหน้าไหนก็ไม่สามารถทำอะไรพวกคุณได้อย่างแน่นอน! ใช้สติควบคุมอารมณ์ตัวเอง ในสถานการณ์คับขับที่คุณต้องรีบตัดสินใจบางเรื่องโดยไม่ได้ไตร่ตรองให้รอบคอบ อาจทำให้หนุ่ม ๆ รู้สึกกดดันเพราะกลัวผิดพลาด หรือทำให้สติของหนุ่มบางคนกระเจิดกระเจิงไปเลยด้วยซ้ำ เมื่อใดที่คุณรู้สึกว่าเหงื่อเริ่มแตกพล่านเต็มฝ่ามือและทำอะไรไม่ถูก เราแนะนำให้ลองถอยห่างจากความกดดันออกมาสักก้าวหนึ่ง แล้วค่อย ๆ คิดหาวิธีแก้ไขมันด้วยสติ ลองสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และผ่อนออกอย่างช้า ๆ วิธีนี้จะทำให้อัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตลดลง หรือพูดง่าย ๆ คือทำให้คุณมีสติและสงบยิ่งขึ้น แถมยังช่วยให้ความตื่นตระหนกของคุณชะลอตัวลงอีกด้วย มองความกดดันให้เป็นเรื่องบวก แทนที่จะวิตกกังวลหรือเคร่งเครียดกับความกดดันตรงหน้า ลองปรับมุมมองและคิดเสียใหม่ว่าความกดดันเป็นเรื่องปกติที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอ แต่จะต่างกันตรงที่ใครสามารถรับมือต่อแรงกดดันได้ดีกว่ากัน หากความกดดันทำให้คุณรู้สึกประหม่า ลองเปลี่ยนมันให้เป็นเรื่องสนุกหรือบททดสอบสุดท้าทายที่จะทำให้คุณทำงานเก่งขึ้น ถ้าทัศนคติที่มีต่อความกดดันของคุณเปลี่ยนไป คุณจะไม่รู้สึกเครียดกับความกดดันเลย แต่จะรู้สึกว่าเป็นเรื่องสนุกที่คุณต้องข้ามผ่านมันไปให้ได้ หมั่นฝึกฝนเพื่อรับมือความกดดัน ว่ากันว่าสมองของคนเรามีความสามารถในการกักเก็บความทรงจำ สิ่งที่เราทำครั้งแรกอาจไม่ได้ผลดีเสมอไป แต่เมื่อใดที่เราหมั่นฝึกฝนจนสมองเรียนรู้ จดจำ เราจะสามารถรับมือกับความกดดันได้ดีกว่าเดิม ถ้าคุณเป็นคนที่รู้สึกตื่นเต้นและมือสั่นทุกครั้ง เมื่อต้องจับไมค์ขึ้นพูดต่อหน้าคนเยอะ ๆ ให้ลองฝึกซ้อมพูดหน้ากระจกหรือพูดต่อหน้ากลุ่มเพื่อนบ่อย ๆ การฝึกฝนที่มากพอจะทำให้สมองคุ้นชินและส่งผลให้การพูดต่อหน้าสาธารณชนของคุณดูลื่นไหลและเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น เราไม่สามารถหลบหลีกความกดดันได้เสมอไป
ขณะที่เราใช้เวลาเดินทางมาถึงกระดาษแผ่นสุดท้ายของปฏิทิน อีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้าก็ถึงเวลาเตรียมเข้าสู่ศักราชใหม่ เชื่อว่าหลายคนคงเริ่มจินตนาการว่าปีหน้าจะเป็นอย่างไร มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แล้วจะดีกว่าปีนี้หรือเปล่า ? เพื่อคลายความสงสัย และตั้งหลักได้ก่อนใคร UNLOCKMEN ขอนำเทรนด์ในปี 2020 ที่ TrendWatching รวบรวมไว้ทั้ง 5 ข้อมาแบ่งปันให้เกาะกระแสดังนี้ GREEN PRESSURE ปรากฏการณ์กดดันให้ใช้สีเขียว อย่างที่รู้ ๆ กันแล้วว่าปี 2019 ที่คือปีแห่งการรณรงค์เพื่อความยั่งยืน ช่วยโลก อุดหนุนเครื่องอุปโภคบริโภคที่ตามกระแสรักษ์สิ่งแวดล้อม จนทำให้ใครก็ตามที่ใช้สิ่งของจากแบรนด์เหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าอีโคทำจากขยะพลาสติก นันยางทำจากขยะรองเท้าแตะในทะเล ขวดสไปร์ทใส หรือการลดใช้ทุกสรรพสิ่งที่ก่อมลพิษ เป็นคนเท่ เป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม แต่ปี 2020 จากความเท่จะกลายเป็นความธรรมดา เพราะผลิตภัณฑ์แนว Eco ต่าง ๆ เริ่มมีราคาถูกลง คนสามารถเอื้อมถึงได้ไม่ต่างจากการใช้สินค้าปกติ เรื่องปฏิเสธการใช้งานจึงไม่ใช่ข้ออ้างอีกต่อไป! ดังนั้น ปีหน้าถ้าคุณไม่ทำ คุณจะถูกทำให้ต้องจำยอมด้วยกระแสสังคมที่เริ่มหันมาประณามคุณ และแบรนด์ที่ออกมาต่อต้านกลาย ๆ เพื่อบังคับให้ทำตามด้วย ตัวอย่างของแคมเปญและแบรนด์สินค้าที่จะมาบีบให้รักษ์โลก ‘Doconomy’ พาร์ตเนอร์บัตรเครดิต Mastercard ที่สร้างระบบเครดิตสกอร์จากพฤติกรรมการลดคาร์บอนของผู้ใช้ ถ้าผู้ใช้ไม่ช่วยโลกลดคาร์บอนระบบจะบล็อกการใช้งานของบัญชีจนไม่สามารถทำธุรกรรมได้
หลังจากที่เราทำเพลย์ลิสต์รวม 10 เพลงฮิตที่หนุ่ม ๆ คัฟเวอร์ศิลปินหญิงกันไปแล้ว (คลิก) ครั้งนี้เราจึงกลับมาทำตามสัญญาใจ จัดเพลย์ลิสต์คู่ตรงข้ามกันขึ้น ถึงเวลาที่จะมาฟัง 10 เพลงเพราะ ๆ ของศิลปินชายที่ถูกสาว ๆ เขานำมาคัฟเวอร์กันบ้างแล้ว จริงอยู่ว่าไม่มีอะไรจะคลาสสิกไปกว่าเวอร์ชันออริจินัล แต่บางครั้งการฟังเพลงเดิม ๆ ในเวอร์ชันที่ต่างออกไปก็ช่วยเติมเต็มหัวใจ สร้างบรรยากาศแห่งความรื่นรมย์ใหม่ ๆ เพื่อหนีความจำเจได้ไม่เลว Smells Like Teen Spirit – Tori Amos Original: Nirvana Tori Amos จัดว่าเป็นศิลปินหญิงที่เฟื่องฟูมาก ๆ ในยุค 90 ช่วงเวลาไล่เลี่ยกับวง Nirvana และ Kurt Cobain เวลาเปิด Smells Like Teen Spirit ฟัง แล้วโดนพ่อแม่พี่น้องหรือป้าข้างบ้านบ่นว่ารำคาญ ลองเปิดเป็นเวอร์ชันเปียโนนุ่ม ๆ ของสาวคนนี้แก้ขัดไปก่อน คุณเธอนำเพลงมาเรียบเรียงใหม่ชนิดที่ว่าไม่เหลือคราบความเกรี้ยวกราด แต่ฟังแล้วจิตใจอ่อนไหวจนน้ำตาจะไหลแทนได้ ลองเปิดใจแล้วฟังกันดู Half
ปีนี้ Sneakersnstuff เปิดตัวคอลเลกชันเสื้อผ้าและรองเท้าออกมาฉลองครบรอบ 20 ปี นับตั้งแต่การเปิดร้านครั้งแรกของตัวเอง ล่าสุดร่วมงานกับค่าย Air Jordan ปล่อยคอลเลกชันรองเท้าแห่งกาลเวลาออกมาทั้งหมด 3 คู่ด้วยกัน Sneakersnstuff (SNS) เดินทางมาถึงวันครบรอบ 20 ปีนับตั้งแต่ Erik Fagerlind หัวเรือใหญ่ตัดสินใจเปิดร้านสุดไฮป์ขี้นมาเมื่อปี 1999 โดยปีนี้พวกเขาเปิดตัวหลายคอลเลกชันออกมาฉลองความสำเร็จ หนึ่งในนั้นคือคอลเลกชันรองเท้าที่ชื่อว่า Past Present Future ที่ร่วมงานกับค่าย Jumpman Air Jordan ‘Past Present Future’ มาพร้อมโมเดลรองเท้า 3 คู่ซึ่งเป็นตัวแทนของยุคสมัยต่าง ๆ ในสายตา SNS ประกอบไปด้วยโมเดล Air Jordan 1 Mid เป็นตัวแทนความคลาสสิกของอดีต ต่อด้วยโมเดล Jordan mars 270 ที่สื่อความเป็นปัจจุบัน ปิดท้ายด้วย Jordan Proto-Max 720 ที่เป็นตัวแทนโมเดลจากอนาคต มาชมกันว่าแต่ละคู่จะมาพร้อมงานดีไซน์สวยงามแค่ไหน
‘ออฟฟิศ’ เป็นสถานที่ที่สัมพันธ์กับชีวิตมนุษย์เงินเดือนอย่างเราเป็นที่สุด เพราะเราใช้เวลาอยู่ที่นี่ร่วม 8 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งถ้านับดูดี ๆ ก็มากถึง 1 ใน 3 ของวัน แต่น่าแปลกที่หนุ่มออฟฟิศบางคนกลับใช้เวลาทำงานมากกว่า 8 ชั่วโมงเสียอีก และยิ่งแปลกไปกว่านั้นเมื่อพวกเขาดันคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ ผู้ชายบางคนทำงานในองค์กรที่มีเวลางานยืดหยุ่น และคุ้นชินกับการมาทำงานสายจนทำให้งานไม่เสร็จ แต่ใจก็ไม่อยากหอบงานกลับไปทำต่อที่บ้าน เลยต้องนั่งทำงานต่อจนกินเวลาเกินกว่า 8 ชั่วโมง นอกจากพฤติกรรมนี้จะสะท้อนว่าคุณไม่สามารถจัดสรรเวลาทำงานได้อย่างเหมาะสมแล้ว มันอาจบ่อนทำลายชีวิตแบบ productive และทำลายความสุขในการทำงานของคุณจนไม่เหลือชิ้นดีอีกด้วย วันนี้ UNLOCKMEN เลยจะมาชี้เป้า 5 อุปสรรคในออฟฟิศที่คุณควรกำจัดมันให้สิ้นซาก เพื่อให้คุณได้ใช้ชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวอย่างมีประสิทธิภาพ! อุปสรรคที่ 1: สภาพแวดล้อมในการทำงาน แม้ออฟฟิศแบบเปิดโล่งจะได้รับความนิยมในสมัยนี้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบออฟฟิศสไตล์นี้ เพราะหายนะของออฟฟิศแบบเปิดโล่งคือการที่คุณต้องทนฟังเสียงคนอื่นคุยกันไปมาข้ามหัวคุณตลอดทั้งวัน ไม่เพียงบั่นทอนสมาธิในการทำงาน แต่อาจทำให้คุณทนไม่ไหวและเผลอไปร่วมวงสนทนากับพวกเขาต่ออีกด้วย วิธีแก้ง่าย ๆ คือหาหูฟังเปิดเพลงดัง ๆ อุดหู หรือปลีกตัวออกไปทำงานในมุมสงบ ๆ จะช่วยให้คุณสามารถทำงานต่อได้อย่างลื่นไหล แม้ต้องอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อประโยชน์ต่อการทำงาน (ที่ต้องใช้สมาธิ) ก็ตาม อุปสรรคที่ 2: โซเชียลเน็ตเวิร์ก ถ้างานของคุณไม่จำเป็นต้องติดต่อสื่อสารหรือตอบอีเมลตลอดเวลาก็คงจะดีไป
กิจกรรมตั้งวงสังสรรค์พร้อมกับน้ำเมาของสุภาพบุรุษถือว่าทำต่อเนื่องกันมาเป็นพัน ๆ ปีแล้ว และเราก็เห็นกิจกรรมเหล่านี้กระจายตัวอยู่ทั่วทุกมุมโลก บางคนอาจเห็นผู้ใหญ่ใกล้ตัวอย่างพ่อออกไปดื่มกับกลุ่มเพื่อน พอโตขึ้นเราก็มีกลุ่มแก๊งและสังคมที่จะเมาไปพร้อมกับเรา เราปาร์ตี้ เราสุดเหวี่ยง แต่เราไม่เคยตั้งคำถามกับตัวเองจริงจังสักทีว่าเพราะอะไรถึงเลือกที่จะดื่ม แรงจูงใจอะไรบ้างที่ทำให้เราเมาจนหัวทิ่ม บางคนชอบดื่มเบียร์เพราะเสพติดอาการมึนเมา หลายคนชื่นชอบการดื่มวิสกี้เพราะอยากสัมผัสรสชาติแสนเฉพาะตัว และก็มีผู้คนจำนวนมากในโลกใบนี้ที่ชอบดื่มเพราะสภาพแวดล้อม รวมถึงเหตุผลส่วนตัวที่ซ่อนลึกอยู่ในจิตใจ เพราะความเมามีเรื่องราวมากกว่าที่คิด UNLOCKMEN จะพาดำดิ่งไปในศาสตร์แห่งความมึนเมา เพื่อตามหาเหตุสำคัญทำให้ผู้ชายอย่างเราเลือกการดื่มกินสังสรรค์ เราจะได้รู้เท่าทันความเมา เมาอย่างมีสติ เมาอย่างมืออาชีพ ไม่แพ้ที่ผู้ชายอย่างเราเชี่ยวชาญด้านอื่น ๆ และนี่คือ รูปแบบการเมา 4 ประเภท ที่ทำให้ผู้ชายทั้งหลายต้องถามตัวเองว่าเราเป็นสายเมาแบบไหนกันแน่ ? เมาเพราะฉลองโอกาสพิเศษ ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนจะชอบดื่มแอลกอฮอล์เพราะความมึนเมา หนุ่ม ๆ บางคนก็ไม่ได้โปรดปรานการดื่มเบียร์หรือจิบวิสกี้สักเท่าไหร่นัก แต่เมื่อมีโอกาสพิเศษที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยในชีวิตอย่างการเลื่อนตำแหน่ง คืนก่อนสละโสด วันครบรอบแต่งงาน ไปจนถึงเหตุผลขำ ๆ อย่างการถูกหวย ความพิเศษที่ว่านี้ก็สามารถทำให้ผู้ชายที่ไม่ชอบดื่ม ยอมตกลงปลงใจลิ้มรสแอลกอฮอล์ได้เหมือนกัน เมื่อมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นในชีวิตทั้งที หนุ่มบางคนก็อยากปลดปล่อยตัวเองไปกับความสุขสมหวังตรงหน้ากันบ้าง ศาสตร์การเมาประเภทแรกจึงว่าด้วยกลุ่มคนที่เมาเมื่อมีอีเวนต์หรือเรื่องพิเศษเกิดขึ้นในชีวิต พวกเขารู้สึกโอเคที่จะไปร้านอาหารบรรยากาศดี ๆ พร้อมสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สักแก้ว หรือเปิดไวน์สักขวดเพื่อดื่มดำกับความรู้สึกสุดพิเศษ นักดื่มกลุ่มนี้นอกจากจะยอมดื่มเพื่อฉลองโอกาสพิเศษของตัวเองแล้ว พวกเขาก็เต็มใจอย่างยิ่งที่จะไปร่วมงานสังสรรค์ที่น่ายินดีของคนสนิทรอบตัวด้วยเช่นกัน เพราะถ้าเพื่อนถูกหวยหรือญาติแต่งงาน