ถ้าจะพูดถึงเสน่ห์ที่ผู้ชายอย่างเราเสกขึ้นมาได้โดยไม่ต้องพยายามมากนักคงหนีไม่พ้นเรื่อง “กลิ่น” เพราะกลิ่นหอมยวนใจคือส่วนผสมสำคัญที่สุดของการสร้างเสน่ห์ดึงดูดโดยเฉพาะกับผู้หญิง แต่มันไม่ใช่แค่นั้นกลิ่นหอม ๆ ยังสร้างบุคลิกภาพและภาพลักษณ์ดี ๆ ให้ติดตัวเราได้แบบชิล ๆ ก็แน่ล่ะถ้าเทียบกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ เจือกลิ่นเหงื่อบาง ๆ กับกลิ่นเหงื่อแรง ๆ ผสมกับกลิ่นใต้วงแขน กลิ่นแบบไหนที่คนจะอยากเข้าใกล้มากกว่ากัน ? แต่ UNLOCKMEN ก็โคตรเข้าใจว่าในสายตาผู้ชายแมน ๆ การต้องมาเดินเลือกซื้อน้ำหอมด้วยตัวเองมันก็ดูเป็นรายละเอียดจุกจิกแบบสุดแสนน่าเบื่อ ดังนั้นเพื่อให้ง่ายต่อการเลือกน้ำหอม วันนี้ UNLOCKMEN ขอเสนอน้ำหอมในดวงใจที่เราชาว UNLOCKMEN ลงความเห็นว่า เฮ้ย หอมว่ะเพื่อน ใช้เถอะ! เพื่อที่จะไม่ต้องไปนั่งดมเองให้เสียเวลา แต่ไปคว้ามาใช้ตามกันแบบชิล ๆ ได้เลย Dolce & Gabbana Light Blue “ชอบกลิ่นนี้ เพราะสดชื่น บาง ๆ มีความ unisex” – แก้วใจ Content Creator Dolce & Gabbana Light Blue
เราเชื่อว่าผู้ชาย UNLOCKMEN เกือบทุกคนต้องเติบโตมากับ Shonen Jump หัวนิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์ที่ขายดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เพราะพวกเขาจะเลือกตีพิมพ์การ์ตูนดัง ๆ ที่ส่วนใหญ่เน้นไปที่กลุ่มผู้ชาย เนื้อหาตัวละครหลักจะมีพลังพิเศษต่าง ๆ เล่าเรื่องลักษณะการต่อสู้และการผจญภัย ตัวอย่างเช่น Dragon Ball, One Piece, Naruto, Rokudenashi Blues (จอมเกบลูส์) และอีกเพียบ จึงทำให้ Shonen Jump โด่งดังสุดขีดตลอดมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค ’90s ซึ่งในปีนี้ถือเป็นวาระครบรอบ 50 ปีการก่อตั้ง Shonen Jump จึงได้เกิดทั้งอีเว้นท์ใหญ่ “Weekly Shonen Jump Exhibition VOL.2” ที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และเพราะเหตุนี้ล่าสุดทาง Shonen Jump ได้จับมือร่วมกับแบรนด์เสื้อผ้าชาติเดียวกันอย่าง UNIQLO ปล่อย collection พิเศษ “Weekly Shonen Jump” โดยเริ่มวางจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา สำหรับสินค้าในคอลเลคชั่นนี้จะเป็นเสื้อยืดกราฟิก UT ที่จะนำลวดลายจากฉากการ์ตูนดังที่เราคุ้นเคยอย่างเช่น Dragon Ball, Naruto, One
ต้องยอมให้กับเขาจริง ๆ สำหรับ SUPREME ที่ไม่ว่าจะออกแบบเสื้อผ้า กระเป๋า หรือแม้กระทั่งส่งปืนฉีดน้ำเด็กเล่นมา ก็ล้วนแล้วแต่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าชนิดต้องมีเงินเท่านั้นถึงจะสามารถซื้อได้ จนล่าสุด SEMrush เว็บไซต์เก็บข้อมูลสถิติต่าง ๆ ได้เผยข้อมูลที่น่าแปลกใจในรอบสองปีที่ผ่านมาว่า “สินค้าปลอมหรือที่ต่างประเทศเรียกกันว่า replica และ bootleg ถูกสืบค้นมากขึ้นกว่า 500% บนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะ SUPREME “ ข้อมูลจาก SEMrush แสดงให้เห็นถึงอัตราการเติบโตของสินค้าปลอมที่ระบาดหนักจนได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งประเทศที่นำโด่งมาเป็นอันดับแรกคือ สหรัฐอเมริกา ตามมาด้วยเครือสหราชอาณาจักรและเยอรมนีที่ผลการค้นหาในหมวดแฟชั่นพุ่งสูงมากที่สุดคือแบรนด์ SUPREME เหตุผลน่าจะมาจากความนิยมของสตรีทแฟชั่นในยุคปัจจุบันที่แพร่หลายเป็นอย่างมาก ยิ่งสินค้าหายากมาก ๆ อย่าง SUPREME ที่ผลิตออกมาไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ซึ่งไม่น่าแปลกใจหากคนที่อยากจะตามเทรนด์ จำเป็นจะต้องพยายามหาสินค้าปลอมมาสวมใส่ เพื่อให้ความรู้สึกเป็นคนเท่ ๆ นำสมัย บวกกับกระแส SUPREME โดดข้ามไปร่วมงาน High-End อย่าง Louis Vuitton ทำให้ความต้องการยิ่งเพิ่มทวีคูณขึ้นไปอีก จนใคร ๆ ต่างอยากเป็นเจ้าของ ความจริงประเด็นนี้ค่อนข้างน่าสนใจและควรจะหยิบยกมาพูดถึง แม้ว่าหลาย ๆ คนอาจจะรู้สึกขำขันกับข่าวดังกล่าว
สำหรับผู้ชาย หนึ่งในไลฟ์สไตล์ที่เราทำอยู่เป็นประจำไม่ว่าจะมีเทศกาลหรือไม่คือเรื่องการ “ดื่ม” วัตถุฟูลแอลฯ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเบียร์ ไวน์ สาเก เหล้า ฯลฯ ถ้าวันที่โลกไร้เครื่องดื่มชูแรงใจเหล่านี้แล้วเข่าผู้ชายอย่างเราคงแทบทรุดลงไปกองกับพื้น ขณะที่เราทำเป็นลืม ๆ ไป และคิดว่าวันที่โลกไร้เหล้ามันคงไม่มีวันเกิดขึ้น คนบางกลุ่มเขาก็ดั้นด้นไปหาวัตถุดิบใหม่เพื่อต่อเวลาการดื่มให้เรา แถมยังได้รสชาติใหม่ดี ๆ ที่ชวนให้ยกแก้วเพิ่ม เกิดเป็นมิติเมาขั้นเทพ เมื่อไรอยากเมาแค่เก็บกระเป๋าเข้าป่าไปล่าเปลือกไม้มาสกัดให้ชุ่มคอ ดมกลิ่นไม้หอม ๆ ไปพลาง ๆ สวรรค์ชัด ๆ! ทีมนักวิจัยจากสถาบันวิจัยป่าไม้ และผลิตภัณฑ์จากป่า (Forestry and Forest Products Research Institute – FFPRI) ประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้วิจัยตำรับการดื่มจากเปลือกไม้โดยใช้เวลาถึง 9 ปีในการศึกษา ลองผิดลองถูกแล้วออกมาการันตีว่าพวกเขาค้นพบวิธีทำให้มันดื่มได้จริงไม่ต่างจากเหล้าหมักในถังทั้งหลาย แต่พิเศษกว่าตรงที่มีกลิ่นเฉพาะที่สร้างความรื่นรมย์แบบล้ำลึกชนิดที่เราไม่เคยสัมผัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพื้นที่บ้านเขาที่เรียกได้ว่าแต่ละท้องถิ่นมีต้นไม้อุดมสมบูรณ์ ยิ่งเป็นจุดขายให้คอทองแดงต้องพิสูจน์ เห็นเหมือนง่าย ก็แค่เอา “เปลือกไม้” มาสกัดแอลกอฮอล์มันจะอะไรนักหนา บ้านเรายังมียาดองหลายขนานจับไม้มาดองได้ตั้งนานแล้ว บอกตรงนี้เลยว่าผิดกันหลายขุม เนื่องจากปกติแอลกอฮอล์ที่เราเอามาใช้ผลิตเป็นเครื่องดื่มชนฉลองทั้งหลายมันใช้ “เอทิลแอลกอฮอล์” เป็นพื้นฐาน ซึ่งผลิตจากวัตถุดิบประเภทแป้ง น้ำตาล
เป็นภาพชินตามาก ๆ ที่ชาวหัวร้อนมักจะแสดงออกด้วยท่าทีก้าวร้าวอย่างการตะโกน ตะคอก ทำลายข้าวของ แม้อยากจะเข้าใจพวกเขาแค่ไหน แต่เหตุผลหลัก ๆ ของพฤติกรรมก้าวร้าวพวกนี้ก็ไม่ได้เป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นนักหรอก นั่นเพราะเมื่อเผชิญกับปัญหาพวกเขาไม่ได้มีทางออกอื่นให้ทำนอกจากความก้าวร้าว ซึ่งมันไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นเลย UNLOCKMEN จะพาไปทำความเข้าใจกับการรับมือคนพวกนี้แบบมือโปรดีกว่าไปขุดคุ้ยหาเหตุผล ซึ่งน่าจะไม่เป็นประโยชน์มากนัก 1. รุ่นใหญ่ใจนิ่งและไม่หัวร้อนไปกับเขาด้วย จำไว้ว่าเมื่อต้องเผชิญกับพฤติกรรมก้าวร้าว นั่นไม่ใช่ปัญหาของคุณเลย ความเดือดแม่งเป็นปัญหาของเขาเองที่จัดการอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ไม่รู้จะแสดงออกยังไงจนต้องออกมาเป็นพฤติกรรมชวนยี้แบบนี้แหละ ถ้าเราไม่นิ่งพอหัวร้อนไปตามเขา เหมือนสาดน้ำมันลงกองไฟ ดีไม่ดีไม่ทันจะโดนไฟจากอีกคนหรอก เราเนี่ยจะโดนไฟบนหัวตัวเองคลอกเอาได้ ปล่อยให้เขาแหกปากไป เชื่อเหอะว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างแรกต้องมีสติก่อน หากใจนิ่งมากพอลองคุยกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ ไม่แซะกระแนะกระแหน ให้ใจเย็นทั้งคู่ก่อนแล้วค่อยเคลียร์ก็ยังทัน 2. อ่านสถานการณ์ให้ขาด ก่อนตัดสินใจทำอะไรลงไป ลองพิจารณาถึงปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เช่น สถานที่ บุคคลที่เราทะเลาะด้วย ถ้าเราโดนตะคอกจากคนแปลกหน้าที่เรา Don’t Give A F*ck เราก็แค่เดินหนีไม่ต้องไปสนใจอะไรกับคนที่ไม่มีผลต่อชีวิตของเรา แต่ถ้าโดนหัวหน้าตะคอก การเดินหนีคงไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก มันยิ่งทำให้หัวหน้าหัวเสียและอาจจะส่งผลถึงหน้าที่การงานของคุณได้ ต้องมองให้ออกว่าคนแบบไหนควรรับมือยังไง เราไม่สามารถเอาไม้บรรทัดเดียวมาตัดสินทุกสถานการณ์ได้ 3. อย่าไปเข้าข้างให้เขาได้ใจ ถ้าเราใช้วิธีเข้าข้างอีกฝ่ายเมื่อเขาโมโหเพื่อให้เขาใจเย็นลง
ทุกวันนี้สมาร์ทโฟนมีบทบาทกับทุกคนและผู้ชายอย่างเรา ๆ มากมายราวกับเป็นอวัยวะที่ 33 ของร่างกายหรือปัจจัยที่ 5 ของการดำรงค์ชีวิต ทั้งใช้เพื่อเลื่อนดู feed บนโซเชียลเน็ตเวิร์ก แชทติดต่อทั้งเรื่องการและหยอดคำหวานให้สาว ๆ รวมถึงใช้แอปฯ หลากหลายทั้งที่มีประโยชน์และเพื่อความบันเทิง โดยหลายอย่างที่เราทำในยุคดิจิทัลนี้แทบจะจบครบทั้งหมดบนหน้าจอสี่เหลี่ยมผืนผ้าในมือเรา และมันทำให้ทุกคนติดหนึบจนแทบไม่อยากวาง แต่ก็อย่างว่า ทุกอย่างในโลกนี้ถ้ามันไม่พอดีก็อาจเกิดโทษมากกว่าประโยชน์ การใช้โทรศัพท์มือถือก็เช่นกัน ถ้าเราหลงใหลมันจนถึงขั้นเสพติดก็จะส่งผลกระทบมากมาย ทั้งเรื่องสุขภาพ เรื่องพฤติกรรม และความสัมพันธ์กับคนรอบข้างโดยเฉพาะสาวที่อยู่เคียงข้างคุณ โดยจากการสำรวจดูความเห็นตามกระทู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดมือถือของผู้ชายพบว่า ร้อยทั้งร้อยรู้สึกเซ็งถึงเซ็งสุด ๆ เวลาที่เธอเห็นผู้ชายของเธอสนใจไอ้มือถือถือในมือมากกว่าคนที่เดินจูงมือด้วย เช่นเดียวกับสาว ๆ ทีมงาน UNLOCKMEN ที่ให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมา “เวลาที่ออกไปเดทกันจะเช็กเฟซบุ๊ก ไอจีบ้างก็ไม่ว่ากัน แต่ช่วงเวลาที่คุยกันก็ควรจะโฟกัสกับเรา แต่ถ้าไม่สนใจเราเลย มัวแต่ติดมือถือก็จะรำคาญ เรามีคนที่พร้อมจะสนใจเราอีกเยอะ ทำไมต้องรอ” – PSYCAT “ไม่ค่อยชอบ ถ้าอยู่ด้วยกันควรจะใช้เวลาด้วยกันเต็มที่ ถ้าเขามัวแต่ติดมือถือเวลาอยู่กับเรา เราก็คงจะไม่สนใจเขาบ้าง” – APRIL “ถ้าเกิดคนที่เราเดทด้วยทำตัวติดมือถือมาก ๆ ก็คงไม่ต้องมาเจอกันดีกว่ามั้ง กลับบ้านไปเลยดีกว่า” – ANONYMK
ในโลกที่ทุกอย่างมันผ่านไปเร็ว หากมองย้อนกลับไปผู้ชายอย่างเราจะรู้ทันทีว่าความมั่นคงของอาชีพในแต่ละ พ.ศ. มันไม่ได้ยั่งยืนไปตลอด ปีก่อนอาชีพวิศวะอาจจะยั่งยืน ปีถัดมาอาจจะเงียบเหงา วิธีแก้ที่จะทำให้ผู้ชายอย่างเราหางานได้แม้ไม่ตรงสายงาน หรือสมัครตรงสายงานแต่อยากจะโดดเด่นกว่าคนอื่น ก็ต้องเติมสกิลที่เป็นที่ต้องการ ใน พ.ศ. นั้นลงใน Portfolio สำหรับปี 2018 นี้เราก็สรุปทั้ง 8 สกิลโดดเด่นที่บอสในอนาคตอยากให้คุณมีมาให้เรียบร้อยแล้ว พร้อมคอร์สฟรีที่ช่วยเสริมสกิลนั้นมาฝากกัน Coding เขียนโค้ดดิ ! สังคมยุคนี้มัน 4.0 อะไรก็ต้องออนไลน์ไปหมด เรื่อง Tech จึงเป็นสิ่งที่ทุกบริษัทต้องการ แต่ทุกวันนี้คนที่มีสกิลนี้ก็ยังน้อยกว่าความต้องการในตลาดมาก คนที่มีสกิลเรื่องการเขียนโค้ดเลยตอบโจทย์ แม้หลายคนจะเห็นว่าตัวเลขหรืออักษรสำหรับเขียนโค้ดมันเข้าใจยาก น่าจะต้องใช้เวลาเรียนนาน แต่อย่าเพิ่งกลัว ทุกวันนี้มันมีช่องทางฟรีให้เรียนเพิ่มสกิล เอาเป็นว่าถึงเราจะไม่เซียนถึงขนาดเป็นโปรที่เขียนโปรแกรมได้เอง แต่การรู้เรื่องพื้นฐานบ้านมันก็เป็น shortcut ให้เราใช้ในการแก้ปัญหาได้ดี อย่างเราที่เป็น content creator เองก็ต้องรู้โค้ดไว้ใช้กับเว็บไซต์หรือแก้ป้ญหา ดังนั้นไม่ว่าคุณจะทำงานด้วยอาชีพไหนก็อาจจะต้องมีอันไปเกี่ยวพันกับเรื่องโค้ด ดังนั้นดูไว้ก็ไม่เสียหาย ดีไม่ดีจะเป็นช่องทางรับจ็อบเพิ่มอีกทางให้เงินตุงกระเป๋าได้อีกด้วย FREE COURSE Excel ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ หนึ่งในสกิลที่หลายคนมองข้ามแต่บอสในอนาคตของเราต้องการ แถมเป็นสกิลที่แสดงความโปรดักทีฟได้ดีคือโปรแกรมสีเขียวที่มีติด Microsoft Office
การมีลูกน่ะมันโคตรง่าย แต่การจะรับผิดชอบชีวิตลูกทั้งคนนี่แม่งไม่ง่ายเลยสำหรับผู้ชายอย่างเรา ดังนั้นหนทางที่ดีที่สุดที่จะไม่ให้เราต้องมีลูก (เมื่อไม่พร้อม) คือการมีเซ็กซ์แบบป้องกันซึ่งถ้าไม่นับการใส่ถุงยาง (ที่ผู้ชายอย่างเราก็ไม่ค่อยจะชอบใส่กัน ด้วยมายาคติว่ามันไม่ถึงใจ) ดูเหมือนภาระการป้องกันการตั้งครรภ์จะตกไปอยู่ที่ผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ ทั้งยาคุมแบบฉีด แบบฝัง หรือแบบกิน แต่จากนี้ภาระจะไม่ตกอยู่ที่ผู้หญิงฝ่ายเดียวอีกต่อไป เมื่อโลกใบนี้ได้รังสรรค์ “ยาคุมกำเนิด” สำหรับผู้ชายขึ้นมา! เป็นเวลาหลายสิบปีที่ตลาดยาคุมกำเนิดสำหรับผู้หญิงเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ตอนนี้จึงเป็นเวลาที่ยาคุมกำเนิดสำหรับผู้ชายจะโผล่หน้าขึ้นมาทักทายตลาดบ้างแล้ว โดยยาคุมกำเนิดผู้ชายที่ผ่านการวิจัยจากสมาคมต่อมไร้ท่อ ได้นำเสนอผลการวิจัยที่ชิคาโก สหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่าความฝันเรื่องยาคุมกำเนิดผู้ชายใกล้เป็นจริงเต็มที่เพราะผลการวิจัยออกมาว่ายาคุมกำเนิดสำหรับผู้ชายมันทั้งได้ผลและปลอดภัย ยาคุมสำหรับผู้ชายนี้มีชื่อว่า dimethandrolone undecanoate หรือ DMAU โดยยาตัวนี้มีวิธีทำงานเหมือนกับยาคุมสำหรับผู้หญิงและผ่านการพัฒนาจาก National Institutes of Health (NIH) ซึ่งนักวิจัยทำการทดลองกับผู้ชาย 83 คนอายุตั้งแต่ 18-53 ปีโดยใช้ยาคุมกำเนิดชนิดที่กินวันละเม็ด (เหมือนที่ผู้หญิงเขากินกันนั่นแหละ) โดยเจ้ายาคุมที่กินเข้าไปนี้ก็จะเข้าไปทำหน้าที่ลดระดับฮอร์โมน (เหมือนที่ยาคุมผู้หญิงทำเช่นกัน) อย่างไรก็ตามหลังการทดลองก็พบว่ายาคุมที่กินเข้าไปตลอดหนึ่งเดือนไม่ได้ส่งผลกระทบต่อระดับฮอร์โมน testosterone ว่ามันลดหรือเพิ่มจนผิดปกติ ดร. Stephanie Page ศาสตราจารย์ด้านเภสัชศาสตร์จาก University of Washington และหนึ่งในนักวิจัยเปิดเผยว่า DMAU คือก้าวสำคัญของการพัฒนายาคุมกำเนิดสำหรับผู้ชายชนิดที่กินหนึ่งเม็ดต่อวัน เนื่องจากจากการสำรวจพบว่าผู้ชายเลือกที่จะกินยาคุมวันละเม็ด มากกว่าที่จะเลือกการฉีดยาคุมที่ให้ผลการคุมกำเนิดในระยะยาว
เฟซบุ๊กแทบจะเป็นทุกอย่างให้ชีวิตเราแล้ว แต่เหมือนเฮียมาร์คแกจะยังไม่พอใจ อยากเป็นอะไรต่อมิอะไรให้ชีวิตผู้คนเพิ่มไปอีก โดยฟังก์ชั่นล่าสุดที่เฟซบุ๊กจัดให้คือ dating features หรือฟีเจอร์ที่จะมาช่วยให้ผู้ชายสายนก สายอดอยากปากแห้ง ปัดทินเดอร์มา 3 ปีก็ไม่มีใครแมทช์ หรือแมทช์แล้วแต่ไม่ได้อย่างใจ ได้เปิดตลาด เอ้ย เปิดประสบการณ์ใหม่ด้วยการลองหาสาว ๆ จากในเฟซบุ๊กดูบ้าง แล้วมันจะเวิร์คไหมวะ ? มีอะไรแตกต่างจากแอปพลิเคชันหาคู่อื่น ๆ บ้าง ? มาสำรวจไปพร้อม ๆ UNLOCKMEN เลย ขั้นตอนการใช้งานก็ดูไม่ยุ่งยากอะไร โดยเฉพาะผู้ชายที่ใช้เฟซบุ๊กจีบสาวเป็นประจำอยู่แล้ว หรือไม่เคยใช้จีบสาวแต่ใช้งานเป็นประจำก็ไหวอยู่ โดยเฟซบุ๊กจะให้เราสร้าง dating profile ขึ้นมา และไม่ต้องห่วงว่า dating profile นี้จะโผล่ไปทั่วประเทศจนเพื่อนแอบเอามาแซวว่า เฮ้ย มึงจะหาแฟนในเฟซบุ๊กหรอวะ? เพราะ dating profile นี้จะไม่ได้เห็นกันทั่วไปเหมือนโปรไฟล์เฟซบุ๊กปกติ แต่จะเห็นเฉพาะคนที่มี dating profile เหมือนกันเท่านั้น! ดังนั้นใครที่มันเห็นเราก็แปลว่ามันกำลังหาเหยื่อ เอ้ย หาคู่เดตอยู่เหมือนกันกับเรานี่แหละ ความดีงามที่เฟซบุ๊กเคลมว่าดี และ UNLOCKMEN ก็แอบรู้สึกว่ามันน่าจะดีกว่าทินเดอร์หลายระดับก็คือข้อมูลเกี่ยวกับตัวเราที่เฟซบุ๊กเก็บเล็กผสมน้อยไว้เป็นจำนวนมากนี่แหละ
ลองนึกถึงครั้งสุดท้ายที่คุณซื้อของที่อยากได้มาก ๆ สักชิ้นดูสิ แล้วหลังจากซื้อมาได้นั้นรู้สึกยังไง ? แน่ล่ะ มันก็ต้องรู้สึกดีใช่มั้ยล่ะ แล้วถ้าตอนนี้มีของที่อยากได้อีกล่ะ ? ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ เสื้อผ้า หรือ PS4 เอาไว้ผ่อนคลายในวันหยุด เอาสิ อยากได้อะไรก็ซื้อเลย จะอะไรก็ช่าง ถ้ามันนำความสุขมาให้คุณและคุณก็มีเงินเหลือมากพอสำหรับมันด้วย แม้ผู้ชายอย่างเราจะได้ยินมาจนหูแทบชาว่า “เงินซื้อความสุขไม่ได้” แต่เราดันรู้สึกมีความสุขเมื่อได้ซื้อของที่อยากได้น่ะสิ ตกลงความสุขนี่มันซื้อได้มั้ยวะ ? UNLOCKMEN จะพาทุกคนมาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน ล้วงลึกเหตุผลที่ทำให้เรามีความสุขแม้แต่ตอนเสียเงิน มนุษย์เรามักจะไขว่คว้าหาความพึงพอใจแบบสำเร็จรูปที่ได้มาง่ายและเร็วกันอยู่แล้ว คุณอาจจะเคยได้ยินพวกคำคมเกี่ยวกับความสุข เงิน สิ่งของ นู่นนี่สลับกันไปมาเยอะแล้ว การที่เราจะได้อะไรมา เราจะจดจำความรู้สึกของวินาทีนั้นไว้ ในวันที่ความสุขแบบสำเร็จรูปกลายเป็นความต้องการส่วนหนึ่งตามธรรมชาติของมนุษย์ เรากลับอาศัยอยู่ในสังคมที่ไม่ได้หาความสุขจากการจับจ่ายซื้อของมาได้ง่ายนัก เราต้องรอวันเงินเดือนออก เพื่ออาหารจานโปรด เพื่อกาแฟไฮเอนด์สักแก้ว หรือพรีออเดอร์ของเล่นสักชิ้น พอเราได้มันมา จึงเหมือนเราได้เติมความพึงพอใจให้ตัวเอง ความตื่นเต้นเมื่อเราได้สิ่งของที่อยากได้มา ยิ่งสร้างความพึงพอใจให้เราและมันทำให้ร่างกายของเราหลั่ง Dopamine ออกมามาก เราเลยรู้สึกวูบวาบ ใจเต้นแรง จริง ๆ แล้วนั่นหมายความว่าเรารู้สึกตื่นเต้นไปกับ Dopamine ก่อนที่จะตอบสนองกับสิ่งกระตุ้นอย่าง Fancy Things