สงกรานต์จัดเป็นเทศกาลประจำชาติที่รวมเอาความสนุกสุดเหวี่ยงรอให้เราไปปลดปล่อยความมันส์สุดเปียกอย่างเต็มที่ในช่วงวันหยุดของปีใหม่ไทย และปีนี้สำหรับคนที่ต้องการความเร้าใจมากกว่าเดิม แต่ยังลังเลอยู่ว่างานสงกรานต์ที่ไหนจะตอบโจทย์ความสนุกอย่างแท้จริง ต้องบอกว่า หลายครั้งปัจจัยในการออกไปเล่นสงกรานต์มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราเพียงคนเดียว ถ้าเกิดโป๊ะเชะกลุ่มเพื่อนดันอยากนัดรวมตัว หรือสาวที่กำลังดูใจเดทกันอยู่อยากออกไปเล่นน้ำสงกรานต์ คราวนี้ก็ต้องมานั่งวางแผนจัดสรรตารางเสียใหม่ เพราะจะปล่อยให้เธอออกไปเล่นสงกรานต์คนเดียวในสถานที่เปิดสาธารณะ อาจจะเป็นเรื่องเสี่ยงอันตรายเกินไป ด้วยการควบคุมดูแลฝูงชนไม่ทั่วถึง ดังนั้นหากต้องไปเที่ยวในวันสงกรานต์ทั้งที ก็ควรจะเลือกสถานที่ให้เจ๋งและดีที่สุด โดยแลนมาร์คที่เราอยากจะเชิญชวนให้ชาว UNLOCKMEN จดไว้เป็นตัวเลือกสำหรับการพาคนรู้ใจไปเที่ยวให้สนุกสุดเหวี่ยงในช่วงสงกรานต์คือ “S2O Songkran Music Festival” ยิ่งพิเศษสุด ๆ เนื่องจาก BLEND 285 ได้เป็นสปอนเซอร์หลักของงานในปีนี้ ด้วยคอนเซ็ปต์ #ชีวิตดีเรามีได้ ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าความสนุกจะถูกจัดเตรียมไว้อย่างเต็มเหนี่ยว มาลองดูกันว่าคุณได้จะพบประสบการณ์ดี ๆ อะไรจากงาน S2O Songkran Music Festival ในครั้งนี้กัน บูธกิจกรรมดี ๆ ที่พร้อมอำนวยความสะดวกแบบจัดเต็ม ภายในงาน BLEND 285 ได้เนรมิตความสนุกพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน เพื่อเอาใจทุกคนให้ได้ปลดปล่อยตัวเองไปกับเทศกาลวันหยุด ไม่ว่าจะเป็นบูธกิจกรรมหลักที่เรียกว่า BLEND 285 Underwater Bar โดยบูธนี้เป็นการจำลองเหมือนทุกคนกำลังสนุกอยู่บาร์ใต้น้ำ ไว้เพลิดเพลินระหว่างรอศิลปินดังขึ้นเวที หรือแม้ว่าคุณจะบอกว่าไม่ชอบเต้นก็ตาม ทางงานก็ได้จัดโซนนั่งพักผ่อนให้หายเหนื่อยอีกทั้งสามารถนั่งรอเพื่อนชิล ๆ
เคยตันบ้างมั้ย ? แม้ว่าผู้ชายอย่างเราจะรู้สึกมั่นใจในการใช้ชีวิตและการทำงานมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามชั่วโมงบินบนโลกใบนี้ แต่เชื่อสิมันต้องมีวันที่เจอ ‘ทางตัน’ กันบ้าง ทางตันในที่นี้ไม่ใช่การขับรถไปเจอกำแพงสุดซอย หรือไปเจอกับใครที่สร้างอุปสรรคให้เรา แหม่ ไอ้สองอย่างแรกคงหาทางออกได้ไม่ยาก แต่ไอ้ที่ยากที่สุดคือทางตันที่เกิดจากตัวเอง ที่มักทำให้เราสบถออกมาว่า “คิดไม่ออกโว้ย!” ไม่ว่าจะเป็นการคิดงานไม่ออก ในหัวมีแต่อะไรซ้ำซาก สมองล้าขึ้นทุกที หรือไม่ก็ไม่กล้าเสนอไอเดียใหม่ ๆ ที่แตกต่าง ถ้ารู้สึกว่าตัวเองเป็นแบบนี้ ถึงเวลาที่ต้องหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ มาช่วยปลดล็อกความคิดแล้วหละครับ ที่จริงวิธีการสร้างแรงบันดาลใจและหามุมมองใหม่ ๆ นั้นทำได้ไม่ยาก โดยจากที่เราลองหาวิธีเอง และจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ก็พอจะสรุปได้ว่า เราควรจะอยู่ห่างจากเทคโนโลยีบ้าง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนที่ชอบอะไรเหมือนกัน ไม่ก็แหกกฎอะไรเดิม ๆ ออกไปอยู่ในสเปซที่เราไม่เคยไป หรือไปเยือนสถานที่ที่จะช่วยปลดล็อกความคิดและความกล้าที่จะแตกต่างของเราออกมา จริง ๆ แล้วก็ไม่ต้องไปไหนไกลก็ได้ครับ เพราะในกรุงเทพฯ ก็มีที่เจ๋ง ๆ แบบนี้อยู่ ทีมงาน UNLOCKMEN จะพาไปเยือนสถานที่สุด unique เหล่านี้ด้วยกัน ด้วยการขับรถอเนกประสงค์ขนาด 7 ที่นั่งระดับพรีเมียมอย่าง CHEVROLET TRAILBLAZER Z71 ออกไปหาไอเดียใหม่ ๆ ด้วยการไปเยือน Lifestyle Destination
โหนกระแสมันสนุก ใครเกาะทันข้ามวันข้ามคืนก็กลายเป็นคนดัง เราทุกคนรู้ดีว่าในยุคนี้ดาวใหม่สายไอดอลเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ เมื่อได้รับความสนใจไม่ว่าจะจากเรื่องดีหรือไม่ดี ขอเพียงการกดคลิกไลค์เล็กน้อย กับยอดวิวตัวเลขใต้แชนแนล Youtube คนส่วนใหญ่ก็พร้อมจะพลีชีพเพื่อเรื่องเหล่านั้น แต่หนนี้เราเห็นปุ๊บถึงกับต้องสบถเลยว่า “What the f*ck!” ใจมันจะสู้เกินไปไหมเพราะวัยรุ่นหนุ่มสาวชาวอเมริกันออกมานำเทรนด์ฉีกถุงยางขึ้น สูด สูด สูด และสูดปรื้ดทะลุจากรูจมูกจากนั้นดึงออกมาทางปาก แล้วส่งคำท้าใส่กันใต้ชื่อ “Condom Snorting Challenge” “Condom Snorting Challenge” มันไม่ใหม่เรียกได้ว่า 5-6 ปีจะโผล่มาสักครั้ง โดยวีรกรรมสุดแผลงนี้อยู่ ๆ ก็เกิดขึ้นมาในปี 2550 ก่อนจะซาไปโผล่มาใหม่ในปี 2556 อีกหน จนมาถึงปีนี้ที่มีความพยายามจะเอาเรื่องนี้กลับมาแลกยอดไลค์อีกครั้ง งานนี้คงไม่ต้องมีใครบอกว่าผลที่ออกมามันจะแย่แค่ไหน เพราะหมอเขาออกมาการันตีว่าไม่ว่าเราจะคิดยังไง มันยังแย่ได้กว่าที่เห็น หากริอ่านจะเปลี่ยนจากสวมมาเป็นสูด Dr. Jennifer Villwock ตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์วิชาโสต ศอ นาสิกวิทยาจาก University of Kansas ออกมาบอกว่าสูดไปมันอันตราย อย่าริไปลองเด็ดขาดเพราะอาจจะมีอาการเหล่านี้ ! Level 1
หากพูดถึงวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ของโลกในปัจจุบันอย่าง Skate Culture ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจากกีฬาเอ็กซ์ตรีมธรรมดา เพราะแต่เดิมมันเป็นเพียงการเล่นผาดโผนที่แม้แต่ผู้ปdครองเองยังไม่ค่อยจะอนุญาต ก่อนที่จะค่อย ๆ ขยายตัวฝังลึกเข้าไปถึงแก่นสารของวัฒนธรรม ซึ่งแสดงออกผ่านทางการแต่งกาย รสนิยมการฟังเพลง รวมไปถึงสถานที่เที่ยว และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมาก ยิ่งในตอนนี้มันได้หลอมรวมกลายเป็น mainstream culture ชนิดที่เราเองยังแทบจะไม่รู้ตัว โดยหากต้องแตกประเด็นของเรื่องสเก็ตบอร์ดออกมาให้พูดเป็นวันก็คงจะไม่จบ แต่เพื่อให้ชาว UNLOCKMEN ได้เข้าใจที่มาวัฒนธรรมกระดานสี่ล้อเพื่อเป็นการวอร์มอัพก่อนสกู๊ปใหญ่ประจำเดือน เราจึงสรุปเรื่องราวความเป็นมาแบบคร่าว ๆ ของวัฒนธรรมสเก็ตบอร์ดมาเล่าให้ฟังในวันนี้ ย้อนกลับไปในปี 1950 กีฬา surfing ถือว่าได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับวัยรุ่นชาว California แต่นั้นไม่เพียงพอต่ออะดรีนาลีนที่พุ่งพล่านพยายามหาอะไรที่สนุกสุดเหวี่ยงและต้องการความมันส์บ้าบิ่นในชีวิตประจำวัน ดังนั้นจึงเกิดไอเดียนำเอากล่องไม้มาดัดแปลงมาติดล้อโรลเลอร์สเก็ตลงไปและใช้ไถไปมาตามถนน ซึ่งในเวลานั้นยังคงไม่มีคำว่า skateboard ทว่าคนทั่วไปจะเรียกกลุ่มเด็กเหล่านี้ว่า sidewalk surfing ความนิยมของเจ้ากระดานล้อลื่นมีมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งบริษัททำกระดาน surf ใน California ได้ติดต่อกับ Bill Richard เจ้าของธุรกิจ Chicago Roller Skate เพื่อประกอบกระดาษสเก็ตบอร์ดสำเร็จรูปขึ้น มาเป็นครั้งแรก โดยผู้เล่นต้องถอดรองเท้า แต่ในเวลาต่อมาได้เกิดโรงงานผลิตอีกนับไม่ถ้วน อาทิ
เราอาจชื่นชอบการฟังเพลงจากวงโปรดจนฟังครบทั้งอัลบั้มวนแล้ววนอีก นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่ พอลองฟังวงใหม่ ๆ มันก็ช่างไม่ถูกใจเอาซะเลย อย่างที่เราเคยแนะนำไว้ใน B SIDE SONG 101 : งัดวิชาค้นหาเพลงในหลืบหน้า B ที่ไม่ดัง แต่ฟังแล้วโคตรโดน ดังนั้นจึงต้องพึ่งวิธีที่จะช่วยให้เราได้เพลงใหม่ในกลิ่นอายเก่า ๆ ด้วยการหาวง SIDE PROJECT มาฟังดูบ้าง วันนี้ UNLOCKMEN ขอแนะนำ 5 วง SIDE PROJECT จากวงดังที่คุ้นเคยให้ได้ฟังกันแบบยาว ๆ Stone Sour Corey Taylor จาก Slipknot จริง ๆ Corey เนี่ย อยู่กับ Stone Sour มาก่อน ตั้งแต่ปี 1992 แล้วเพิ่งมาจอยกับ Slipknot ในอีกไม่กี่ปีต่อมา ซึ่งแนวเพลงไม่ได้หนีจากกันมากนัก แต่สิ่งที่เหมือนกันคือเสียงของ Corey ที่หลายคนช่ืนชอบในความแข็งแรงของพลังเสียง ซึ่งทั้งสองวงยังคงมีผลงานออกมาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน แม้ว่า Slipknot จะได้รับความนิยมมากกว่า ชนิดที่ว่าแม้จะไม่ได้ฟังเพลงหนัก ๆ
คงแว่วเข้าหูกันบ้างแล้วเรื่องเฟซบุ๊กโดนเอาใจออกห่างแล้วเมื่อมีข่าวคราวข้อมูลหลุดให้ว่อน ความ privacy เหลือศูนย์ ทำให้คนดังหลายกลุ่มและเหล่าแบรนด์ออกมาแสดงเจตจำนงว่า “ลากันที” ซึ่งล่าสุดคือพี่ชายหูกระต่ายอย่าง playboy ด้วยการลบ account ของเฟซบุ๊กของตัวเองที่มีคนติดตามมหาศาลถึง 25 ล้านคน พร้อมติดแฮชแท็กประกาศรัว ๆ ว่า #deletefacebook แต่อันที่จริงแล้วลบไปข้อมูลในอากาศของเราก็ใช่ว่าจะหายไปจากโลกออนไลน์เสียเมื่อไร Kevin Matthew หนึ่งในนักพัฒนาระบบเลยออกมาพูดในมุมของตัวเองในฐานะผู้ดูแลระบบว่า ความจริงไม่ว่าเราจะลบ account ไปยังไงมันก็ไม่ช่วยให้ข้อมูลเหล่านั้นของเราหายไปอย่างถาวร สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการป้ายยาข้อมูลที่เคยโพสต์เหล่านั้นไม่ให้มันอ่านออกหรือเอากลับมาใช้งานได้ง่าย ๆ เขาเลยลงทุนแจกสคริปต์และวิธีการใช้มาเผยแพร่ในโลกสาธารณะ เอาไว้ให้ตอบโจทย์ใครที่อยากจะเข้าแคมเปญนี้ หรือคนที่คิดว่าอยากจะลบบ้างไม่อยากใช้แล้วจะได้ลองเอาไปใช้กัน ตัวสคริปต์ที่ Matthew เขียนนั้นเขียนขึ้นจาก CasperJS การประมวลผลของมันแม้จะป่วนข้อมูลในระบบได้ แต่ตัว Matthew ก็ยังกำชับซ้ำว่า หนเดียวมันง่ายไป ขอสัก 5 หนก็น่าจะดีกว่า ปลอดภัยสูง โดยทำอย่างนี้สักประมาณ 3 เดือนข้อมูลเดิมที่เคยมีก็โดนขัดออกเสียเอี่ยมอ่อง ไม่ว่าใครก็อ่านไม่ออก และเอาชนะระบบ back up ของเฟซบุ๊กได้อย่างอยู่หมัดด้วย ดังนั้นถ้าคุณไม่ใจแข็งจริง อย่าไปลองทำเด็ดขาด เพราะทำไปแล้วมันจะเอากลับคืนมาไม่ได้นะเออ! ส่วนที่สำคัญที่สุดคือเป้าหมายที่แท้จริงของ Mathew ในครั้งนี้ที่ไม่ได้มีเป้าหมายอยากสร้างสคริปต์ไว้ป่วนหรือคาดหวังผลกระทบวงกว้างในหมู่ผู้ใช้เฟซบุ๊กแต่อย่างใด
สำหรับมนุษย์ทำงานอย่างเรา ๆ คงมีบ่อยครั้งที่ต้องเผชิญปัญหามีอาการง่วงนอนระหว่างวัน ไม่ว่าจะเป็นเวลาเช้า สาย บ่าย ก็ตาม ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจากการพักผ่อนน้อย เวลานอนไม่เพียงพอตามร่างกายต้องการ ซึ่งจากการนอนไม่หลับ อาการนอนไม่หลับ มีต้นต่อมาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นความเครียด การกินอาหาร และพฤติกรรมการใช้ชีวิตต่าง ๆ ซึ่งอาจมีผลกระทบในด้านลบให้กับสภาพร่างกายและจิตใจได้ในระยะยาวได้ สำหรับใครที่กำลังเผชิญกับอาการนอนหลับยากเช่นนี้อยู่ละก็ มีวิธีหลับได้ภายใน 2 นาที โดยถูกคิดค้นจากทหารอากาศในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ลองไปดูเคล็ดลับนี้กัน ทำยังไงถึงจะหลับได้ภายใน 2 นาที ปี 1937 สองปีก่อนสหรัฐอเมริกาจะตัดสินใจเข้าร่วมสงครามโลกครั้ง 2 กองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาทราบดีว่าพวกเขายังมีอีกหนึ่งปัญหาที่ยังแก้ไม่ตกคือ การนอนและพักผ่อนคลายไม่เพียงพอของนักบิน จากการสะสมความกดดันและความเครียดมหาศาลที่พวกเขาต้องพบเจอในเวลาขึ้นบิน ทำให้เกิดการหย่อนสมรรถภาพซึ่งอาจทำให้เกิดความผิดพลาดในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ได้ มีความพยายามในการระงับความเสี่ยงดังกล่าว โดยทางกองทัพจึงได้ทำการวิจัยและทดสอบทางวิทยาศาสตร์ สำหรับหลักสูตรการผ่อนคลายของทหารในช่วงสงครามขึ้น โดยมีทีมงานเกี่ยวกับการโค้ชอเมริกันฟุตบอล ผู้เคยทำโครงการร่วมกับศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา ที่เคยคิดค้นเทคนิคเพื่อช่วยให้นักกีฬาพักผ่อนและทำงานได้ดีขึ้นภายใต้ความเครียดจากการแข่งขันมาร่วมด้วย สถานที่คือ โรงเรียนเตรียมทหาร Del Monte ใน California เป้าหมายของโครงการคือ ฝึกให้นักบินต่อสู้ สามารถผ่อนคลายตัวเองและหลับได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ไม่ว่าจะตอนกลางวันหรือกลางคืนภายใต้เหตุการณ์สมมติต่าง ๆ โดยมีสองปัจจัยหลักที่ช่วยให้สำเร็จได้คือ คอร์สผ่อนคลายตามร่างกาย และคอร์สผ่อนคลายทางจิตใจ
ไม่ว่าเราจะเป็นผู้ชายที่เหงา หว่อง โดดเดี่ยวมาจากขั้วหัวใจอย่างแท้จริง หรือเป็นผู้ชายสายเฮฮาปาร์ตี้แต่อยากอินกับอารมณ์เหงา หรือจะเป็นสายแซะที่ชอบแซะคนเหงาวอนนาบีเป็นชีวิตจิตใจ UNLOCKMEN ก็อยากแนะนำว่าหนังสือของ Haruki Murakami นักเขียนญี่ปุ่นขวัญใจชาวเหงาชาวหว่องเหมาะกับคุณเป็นอย่างยิ่ง! คุณจะได้เข้าถึงความเหงาแบบที่คุณชอบ หรือคุณจะได้เข้าใจคนเหงา (ในกรณีที่คุณเป็นคนไม่เหงา) หรือยิ่งเป็นสายแซะการเข้าใจคนที่คุณจะแซะให้ถ่องแท้ก็เป็นคุณสมบติของนักแซะที่ดีที่คุณพึงมี (จะได้แซะให้ถึงแก่นยิ่งขึ้น) มา เราอาสาแนะนำ 5 เล่มของ Haruki Murakami หรือเฮียมู ให้ผู้ชายอย่างคุณได้เลือกอ่านกัน Norwegian Wood : ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย เล่มนี้เป็นเล่มที่ได้ชื่อว่าแมสสุดในบรรดาหนังสือของเฮียมู อ่านไม่ยาก เข้าถึงไม่ยาก แต่ดีกรีความเหงาความหว่องมาเต็มล้นทะลัก ใครที่เป็นคนเหงาจะได้เข้าถึงความเคว้งคว้างสุดฤทธิ์ชนิดที่ว่าร้องไห้ยังร้องไม่ออก ส่วนใครไม่ชินกับความเหงาอาจจะร้องโห! คนอะไรชีวิตมันจะหว่องได้ขนาดนี้วะ? ส่วนสายแซะก็คงแซะกันมัน เรื่องนี้ว่าด้วยความรัก ความตาย (ตามชื่อเรื่องที่แท้จริง) แต่เราบอกเลยว่าเป็นอีกเรื่องที่งดงามตรึงใจ อ่านจบแล้วก็ยังลืมไม่ลงได้ง่าย ๆ จริง ๆ South of the Border, West of the Sun : การปรากฏตัวของหญิงสาวในคืนฝนตก
ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่สร้างความฮือฮาได้มากทีเดียวสำหรับ ‘Ready Player One’ ภาพยนตร์แนว Action/Adventure/Sci-Fi ผลงานล่าสุดของผู้กำกับล้ำจินตนาการ เจ้าของฉายาพ่อมดแห่งฮอลลีวูดอย่าง Steven Spielberg ที่สร้างจากนวนิยายชื่อดังของ Ernest Cline ซึ่งฮิตมาตั้งแต่ปี 2011 โดยเหตุการณ์ในเรื่องเกิดขึ้นเมื่อปี 2045 ช่วงที่โลกเต็มไปด้วยความวุ่นวายและการล่มสลาย แต่ผู้คนพบทางรอดชีวิตที่ THE OASIS จักรวาลเสมือนจริงที่เราสามารถไปที่ไหนก็ได้ ทำอะไรก็ได้ เป็นใครก็ได้ สร้างขึ้นโดย James Halliday (Mark Rylance) ซึ่งเมื่อเขาเสียชีวิตลง ก็ได้ทิ้งทรัพย์สมบัติมหาศาลและอำนาจในการควบคุม THE OASIS ทั้งหมดให้กับคนแรกที่ได้กุญแจทั้ง 3 ดอก เพื่อเปิดประตูสู่ไข่อีสเตอร์ดิจิทัลที่เขาซ่อนไว้ในสถานที่หนึ่ง ทำให้เกิดเกมการแข่งขันทั่วโลก แต่เวลาผ่านไป 5 ปี สกอร์บอร์ดกลับยังว่างเปล่า จนกระทั่งฮีโร่หนุ่มม้ามืดอย่าง Wade Watts (Tye Sheridan) ในร่างอวตารที่ใช้ชื่อว่า Parzival เอาชนะการแข่งขันได้เป็นคนแรก จากนั้นเรื่องราวก็ดำเนินไปแบบโคตรสนุกถูกใจใครหลายคน นอกจากตัวหนังแล้ว สิ่งที่สังเกตได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ เพลงในหนังที่ยอดเยี่ยม ทั้งธีมประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ประพันธ์โดย Alan Silvestri รวมถึงเพลงประกอบภาพยนตร์อีกหลายเพลงในเรื่องนี้ก็เท่มาก ๆ โดยแต่ละเพลงได้รับการคัดเลือกโดย Spielberg เอง ร่วมกับ Zak Penn ผู้ร่วมเขียนบท ซึ่งแม้ว่าฉากในหนังจะเป็นปี
การเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่ต้องตื่นมาส่องกระจกแล้วพบว่าผมของตัวเองในปัจจุบันไม่ใช่ทรงในอุดมคติอีกต่อไป ทั้งยาวกระเซิง แทงหูทิ่มตา จนเกิดความคิดว่าคงถึงเวลาต้องหั่นออกให้เรียบร้อยเสียหน่อย แต่ความน่ากลัวที่ผู้ชายมักจะต้องเจออยู่เป็นประจำก็คือ การเสี่ยงดวงในร้านตัดผม เพราะเราเองยังจดจำครั้งล่าสุดที่เข้าร้านตัดผมได้ว่า เมื่อบอกให้ช่างตัดทรง Undercut แบบพี่หมื่นเรืองไป แต่เมื่อเสร็จกลับพบว่าทรงที่ได้มาเหมือนกับทหารพึ่งปลดประจำการมาไม่มีผิดเพี้ยน แล้วจะโทษใครได้ล่ะทีนี้ ตัวเราเองหรือช่างตัดผม ? ถ้าไม่อยากให้ความผิดพลาดแบบนี้เกิดขึ้นอีกล่ะก็วันนี้ UNLOCKMEN มี 5 ศิลปะการเข้าร้านตัดผมมาฝาก ให้คุณไม่ต้องพลาดได้ผมผิดทรงกลับบ้านอีกต่อไป 1. หารูปตัวอย่างให้เหมาะสม การนำรูปทรงผมไปให้ช่าง จะช่วยคุณได้มากทีเดียว ควรเก็บข้อมูลก่อนจะออกไปร้าน เพราะเราจะมีเวลาเลือกอย่างไม่ต้องเร่งรีบ ค้นหาภาพจากโทรศัพท์หรือนิตยสาร โดยเลือกจากแบบที่มีรูปหน้าและชนิดของผมคล้ายกับเรามากที่สุด อย่าทึกทักไปเองว่านี้แหละใช่ และเมื่อขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้เพื่อเตรียมตัดก็ใช้ภาพชี้จุดให้ช่างดูอย่างชัดเจนว่าคุณต้องการตัดแต่ละส่วนออกแค่ไหน บอกช้า ๆ ไม่ต้องกลัวช่างจะอารมณ์เสียกับความเรื่องมาก เพราะทุกวันนี้การใส่ใจในเรื่องที่ทำให้ตัวเองดูดีเป็นสิ่งที่ทุกคนทำกัน 2. เน้นย้ำกับสิ่งที่คุณต้องการเป็นพิเศษ ถ้าคุณต้องมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างตัดผม ให้เน้นจุดบอกไปเลย เพราะบางทีช่างก็อ่านใจเราไม่ออก ตัวอย่างเช่น ผมข้างบนเอาออกนิดเดียว ส่วนนี้ก็ต้องขยายความคำว่านิดเดียว ว่าจะให้ตัดออกตรง ซอยให้บางลง หรือแค่เก็บส่วนชี้ฟู ถ้าคิดว่าร้านที่เข้าช่างรู้จักศัพท์เฉพาะ เช่น Fade ( ไถ่ไล่ระดับผมจากบางไปหนา )