แม้ว่าจะจากไปนานกว่า 37 ปีแล้ว แต่ยังคงเป็นที่จดจำสำหรับแฟน ๆ และทั่วโลกอยู่เสมอกับ Bob Marley นักร้อง Reggae ที่นอกจากจะฝากผลงานไว้ในความทรงจำของทุกคนแล้ว เขายังพยายามสร้างกระแสของความสันติสุขให้กับโลกใบนี้อีกด้วย แม้แต่ไอศกรีมก็สร้างสันติสุขได้เมื่อ Ben and Jerry’s เล็งเห็นถึงอุดมการณ์อันน่ายกย่องของเขา จึงเกิดไอศกรีมรสใหม่เอามา Tribute ให้กับความสันติสุขนี้ UNLOCKMEN จะพามาดูกันว่ามันมีดีเทลยังไง เชิญอ่านไปพร้อม ๆ กัน ไอศกรีมรสที่ว่านั่นคือรส Bob Marley’s One Love โดยเบสของไอศกรีมจะเป็นรสกล้วยและคาราเมล มีแคร็กเกอร์และช็อกโกแลตให้เคี้ยวกันกรุบ ๆ ให้สัมผัสคล้าย ๆ รส Cookie n’ Cream โดยวัตถุดิบที่เลือกมาก็ไม่ได้มามั่ว ๆ แบบเดาสุ่มเลือกเอา แต่มีความหมายอยู่ด้วย Ziggy Marley หนึ่งในสมาชิกครอบครัว Marley ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “ชาวจาไมก้าชอบกินกล้วยเอามาก ๆ แล้วพวกเขาก็กินมันทุกวันด้วย” Jerry Greenfield จาก Ben and Jerry’s ได้พูดต่อจากนั้นว่า “ที่เราเลือกรสกล้วยมาเป็น Base ของไอศกรีมเพื่อเป็นการ Tribute
“เราจะไม่พยายามบอกใครว่ารักผมเถอะครับหรือแบบชอบงานผมหน่อยนะ” คือคำพูดที่ “เต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์” ผู้กำกับหนุ่มบอกกับเรา จึงไม่น่าแปลกใจที่งานกำกับทุกชิ้นของเขาออกมามีอัตลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เรียกร้องให้ใครมารัก แต่ใครหลาย ๆ คนก็ตกหลุมรักกันไปแบบไม่ทันตั้งตัวแล้ว ในโลกของผู้กำกับอย่างนวพลที่ไม่ได้เอาจำนวนผู้ชมมหาศาลเป็นตัวชี้วัดว่าหนังตัวเองประสบความสำเร็จหรือเปล่า แต่กลับใช้ความรักในสิ่งที่ทำ ความเป็นตัวของตัวเองและขอแค่คนจำนวนเพียงไม่มากที่เชื่อมโยงถึงกันได้เป็นตัวบ่งบอก UNLOCKMEN ว่าโคตรน่าสนใจ เราถือโอกาสแห่งความน่าสนใจนี้ชวนเขามาพูดคุยกัน พร้อมโปรเจ็กต์ใหม่ที่ทำร่วมกับเบิร์ด ธงไชย แมคอินไตยที่นวพลถึงกับออกปากว่า “เหมือนได้เจอเทพเจ้า” วินาทีแรกที่อยากเป็นผู้กำกับ? มันมีวินาทีนั้นอยู่จริงไหม หรือไม่ได้คิดอะไรอยู่ ๆ ก็เป็นขึ้นมาเอง มันน่าจะมีวินาทีนั้นที่อยากเป็นผู้กำกับอยู่นะ แต่คิดว่ามันน่าจะค่อย ๆ เกิดมากกว่า เพราะตอนแรกหมายถึงสมัยก่อน เด็ก ๆ เลยอยากวาดการ์ตูน แต่ว่าก็ลองแล้วมันก็ไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ เพราะเราไม่เก่งเท่าเพื่อน แล้วมันก็เริ่มดูหนังมากขึ้น เราก็เลยรู้สึกว่าหนังมันอาจจะตอบสนองสิ่งที่เราอยากเล่าได้มากกว่า แต่ตอนเด็ก ๆ มันก็ไม่ได้รู้ว่ามันเป็นภาพและเสียงอะไรหรอก มันเป็นแค่แบบ รู้สึกว่า หนังมันเหมือนเอาจินตนาการมาทำให้เกิดขึ้นจริงบนจอ แล้วเรารู้สึกว่าเราอยากทำอะไรแบบนั้นมากกว่าวาดการ์ตูน สำหรับเราหนังมันไปได้ตรงความต้องการกว่าการวาดการ์ตูน ไปได้ไกลกว่า ตอบสนองสิ่งที่เราอยากเล่าได้จริง ๆ เราโตมากับยุคพวก CG หนังแบบจูราสิคพาร์คภาคหนึ่งเลยมั้ง มันเลยตื่นตาตื่นใจ ก็เลยรู้สึกว่าค่อย ๆ เริ่มอยาก และก็เริ่มคราวนั้น จากนั้นก็เริ่มดูหนังมาเรื่อย
หากพูดถึงเวทีทอล์กที่เป็นแรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนชีวิตของผู้คนยุคนี้ TED ถือเป็นเวทีเสรีที่เปิดโอกาสให้ speaker หยิบจับประเด็นต่าง ๆ ขึ้นมาสร้างแรงบันดาลใจและขับเคลื่อนสังคมในเวลาไม่เกิน 18 นาที โดยเนื้อหาของ TED จะมีอย่างหลากหลายไม่ว่าจะเป็นสิ่งเล็ก ๆ ใกล้ตัว หรือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ระดับประเทศ ระดับจักรวาล หรืออะไรก็แล้วแต่ ล้วนสามารถถูกนำมาสร้างประเด็นที่มอบความรู้สึกเชิงบวกให้กับผู้ฟังได้หมด ซึ่งในบ้านเราก็ได้มีกลุ่มคนที่นำ TEDx เข้ามาเพื่อขยายเจตนารมณ์ Power Talk ที่เกิดขึ้นในหลากหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น TEDxChiangMai, TEDxBKK, TEDxChulalongkornU, TEDxYouthNIST, TEDxThammasatU และ TEDxBangkok เป็นต้น จากเวทีดังกล่าวทำให้เราได้รู้จักกับคนความคิดบวกที่มาแบ่งปันเรื่องราวของตัวเองพร้อมสร้างแรงบันดาลใจไปพร้อม ๆ กัน เนื่องจากเป็นต้นสัปดาห์แล้วก็กำลังจะเข้าเดือนใหม่ ทีมงาน UNLOCKMEN ได้นำคลิปวิดีโอเจ๋ง ๆ ของ TEDx ที่เราเล็งเห็นว่าดีและมีประโยชน์มาให้ทุกท่านได้สร้างพลังบวกสู้กับชีวิตไปตาม ๆ กัน Jon Jandai – ทำไมพวกเราใช้ชีวิตกันยากจัง โจน จันได คือคนจนผู้ยิ่งใหญ่เขามีแนวคิดแบบ alternative สุดโต่งที่เลือกแสวงหาความสุขมากกว่าเงินทอง โดยในคลิปนี้เขาได้บอกเล่าการว่ามนุษย์เราใช้ชีวิตกันอย่างยากลำบาก เพราะเลือกจะวิ่งหาในสิ่งที่ระบบทุนนิยมและกระแสสังคมที่สร้างขึ้นจนไม่มีความสุขกับมัน ลองปล่อยวางทุกสิ่งดูแล้วคุณจะพบว่าความสุขนั้นอยู่แค่เอื้อม
ประเทศญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องการเป็นเมืองหลวงแห่งวงการรถแต่ง เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหนก็สามารถเห็นรถแต่งขับอยู่บนท้องถนนได้ในชีวิตประจำวัน แถมยังมีอู่สำนักแต่งรถให้ปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมอัพเกรดหน้าตาและสมรรถนะจากรถธรรมดาบ้าน ๆ ให้กลายเป็นรถแข่งสุดเท่ได้ตามใจสั่ง แต่ท่ามกลางผู้คนในวงการแต่งรถของญี่ปุ่นนั้นยังมีชายที่แตกต่างและมีตัวตนที่ชัดเจนกว่าคนอื่น นั่นก็คือ Shinichi Morohoshi ผู้ที่เอา Lamborghini Diablo มาแต่งให้เป็นสีชมพูจี๊ดจ้าดชวนบาดใจ จากความฝันตอนวัยรุ่นที่ได้เห็นรถซุปเปอร์คาร์ยี่ห้อนี้ Shinichi Morohoshi หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม Morohoshi-san นั้นมีจุดเริ่มต้นความฝันที่อยากจะครอบครอง Lamborghini ตั้งแต่ตอนอายุ 17 ปี ซึ่งเขายังอยู่ในกลุ่มเด็กแว๊นของญี่ปุ่นที่เรียกกันว่า Bōsōzoku หรือ Bōsō แปลว่า “ชนเผ่าที่ใช้ความรุนแรง” ในกลุ่มนี้จะใช้มอเตอร์ไซค์ที่ประกอบชิ้นส่วนจากมอเตอร์ไซค์อังกฤษ , อเมริกาและถูกตกแต่งในลักษณะแปลก ๆ เช่นติดหลอดไฟนีออน ท่อไอเสียที่ใหญ่กว่าปกติ ธงสัญลักษณ์ประจำกลุ่มที่ถูกติดไว้ตรงแฟริ่งตัวถัง แน่นอนว่ากลุ่ม Bōsō นั้นขับรถซิ่งอย่างอันตรายบนถนนในโตเกียวไม่ต่างกับกลุ่มเด็กแว๊นในบ้านเราเลย Morohoshi ใช้ชีวิตแบบนี้จนกระทั่งเขาถูกจับในคืนวันก่อนปีใหม่ และนั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นรถในฝันอย่าง Lamborghini “ผมได้ยินเสียงมันก่อนที่ผมจะเห็นมันซะอีก เสียงท่อไอเสียมันหนักแน่น ผมถูกสะกดด้วยรถคันนี้ทันทีและไม่รู้ว่ารถคันนี้ทำเสียงดังขนาดนั้นได้ยังไง เราหมดเงินไปเป็นแสนเยนกับท่อมอเตอร์ไซด์ แต่นี่มันดังกว่าซะอีก หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีผมถึงเห็นมัน รถ Lamborghini Countach สีดำขับลงมาจากถนน Nakasendō ผมบอกตัวเองเลยว่า
นักร้อง นักแสดง นักธุรกิจ คือสิ่งที่ชายคนนี้สามารถทำได้พร้อมกัน และทำมันได้ดีเสียด้วย
หลายคนคงเคยรู้จักนักแสดงหนุ่มผิวสีมากฝีมืออย่าง Michael B. Jordan จากภาพยนตร์ Creed รวมไปถึง Fantastic 4 ( 2015 ) วันนี้เขากลับมาอีกครั้งในหนังยอดมนุษย์เช่นเคย แต่เป็นการกลับด้านย้ายค่ายมาสู่อ้อมอกของ Marvel Studios แทนในบทบาท Erik Killmonger หรือ N’Jadaka ตัวร้ายจากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปีอย่าง Black Panther แต่ความท้าทายเกิดขึ้นกับเขาอีกครั้ง เมื่อผู้กำกับของ Black Panther อย่าง Ryan Coogler ต้องการให้ Michael รับบทบาทของ Erik Killmonger อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด โดยเริ่มจากเรียนรู้ศิลปะป้องกันตัว รวมถึงการใช้อาวุธต่าง ๆ แต่สิ่งที่ดูจะเน้นมากที่สุดคงจะเป็นเรื่องของรูปร่างและกล้ามเนื้อของ Erik Killmonger ถึงขนาดจ้าง Corey Calliret นักกายภาพชื่อดังให้มาเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวและย้ายโรงยิมขนาดย่อม ๆ ไปไว้ที่บ้านของ Michael ใน Los Angeles เลยทีเดียว เดิมที
ยุคนี้ความวินเทจเป็นอะไรที่กลับมาเป็นเทรนด์ล้ำ ๆ ได้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น เกม หรือแม้แต่ Gadgets ที่มักจะมีอะไรยุคเก่า ๆ ที่เราคิดถึงกลับมาให้เราได้รำลึกกันอย่าง Klipsch ยักษ์ใหญ่วงการเครื่องเสียง ก็ไม่พลาดที่จะปล่อยคอลเลคชั่นวินเทจออกมาให้กระเป๋าตังค์เราได้ร้อนผ่าว ๆ กันตั้งแต่เห็นรูปสินค้า แต่ล้ำไปกว่านั้นด้วยการรองรับความไฮเทคจาก Google Assistant ให้เราสั่งงานด้วยเสียงกันแบบล้ำ ๆ UNLOCKMEN จะพาไปดูกันว่า เจ้าตัวนี้มีอะไรเท่ ๆ อีกบ้าง ลำโพงสุดวินเทจนี้จาก Klipsch ยักษ์ใหญ่วงการเครื่องเสียง ที่มี Gadgets วินเทจอีกหลายอย่างให้เราได้เลือกกัน โดยเจ้าตัวนี้เป็นลำโพงในคอลเลคชั่น Heritage Wireless ชื่อ “THE THREE” ดีไซน์วินเทจนี้ได้แรงบันดาลใจจาก Mid-Century Modern แบบสวยเนี้ยบด้วยงานไม้ และส่วนที่เป็นโลหะจะทำมาจากทองแดง ความพิเศษของเสียงจากเจ้าตัวนี้อยู่ที่การเปลี่ยนจาก Subwoofer ไปเป็น Provide Bass นอกจากฟังก์ชั่นพื้นฐานอย่าง Bluetooth®, aptX™ codec แล้ว ยังล้ำด้วยการรองรับฟังก์ชั่น Google Assistant พูดง่าย ๆ คือให้เราสามารถสั่งงานด้วยเสียงได้อีกด้วย เบ็ดเสร็จราคาอยู่ที่ $499
ย้อนกลับไปหาความวินเทจกับเกม Arcade ซึ่งยังเป็นอะไรที่มาแรงอยู่เสมอ อย่างเกมบอยก็ถูกนำมารีรันในรูปแบบพวงกุญแจให้เราได้เล่นกันอีกครั้ง ใครที่พลาดไปติดตามกันได้ที่ BACK TO BASIC: “พวงกุญแจเกมบอย” ของเล่นวัยเด็กที่คิดถึงกลับมาในรูปแบบพกพาง่าย เล่นได้ทุกที่ทุกเวลา คราวนี้เกม Arcade กลับมาในรูปแบบสุดเท่ในกล่องไม้วินเทจ ให้เราเล่นได้แบบเต็มมือกับแป้นคอนโทรล เต็มตาด้วยจอขนาดพอดีโดยไม่ต้องต่อทีวีให้เสียเวลา วันนี้ UNLOCKMEN จะพาไปดูดีเทลของเจ้าตัวนี้กันดีกว่า แค่เห็นภาพก็ตาลุกวาวกันแล้วกับเจ้า “The Cary42” ที่เอาเกม Arcade ในวันวาน ใส่ให้มาแล้วกว่าร้อยเกม ไม่ว่าจะเป็น Metal Slug, Gauntlet และ Contra โดยไม่ต้องนั่งเหงาเล่นคนเดียวอีกต่อไป เพราะมาพร้อมคอนโทรลแบบเล่นด้วยกันได้สองคน หากเบื่อ ๆ สามารถเพิ่มเกมได้ด้วย USB เพราะมีพื้นที่มาให้แบบเหลือ ๆ (สำหรับเกม Arcade) 16GB บนจอ LCD ขนาด 12 นิ้ว ลำโพงในตัว แถมความสะดวกด้วยการสร้าง Personal Game Library ได้ แบบไม่ต้องตีกัน ส่วนงานดีไซน์เนี้ยบ ๆ นี้มาจากไม้ American Walnut แถมยังเป็นงาน Handcrafted อีกต่างหาก ขนาดภายนอกถ้าปิดกล่องลงอยู่ที่
พอถึงสุดสัปดาห์ทีไรก็เป็นเวลาแห่งการรื่นเริงสังสรรค์ต้องมีการนัดก๊วนเพื่อนออกไปนั่งดื่มเพื่อพักผ่อนจากการทำงานที่เหนื่อยล้ามาตลอดทั้งอาทิตย์ โดยส่วนมากมักจะพูดว่า แก้วเดียวเดี๋ยวกลับบ้าน ซึ่งมันไม่เคยมีกฎแก้วเดียวในวงเหล้าอยู่แล้ว หลังจากกระหน่ำซัดเครื่องดื่มมึนเมาไปอย่างเต็มเหนี่ยวปัญหาโลกแตกที่เจอหลังจากดื่มคือ “จะหนีด่านยังไงดีวะ?” โดยเฉพาะช่วงนี้คุณพี่ตำรวจยิ่งเข้มงวดกับนโยบายเมาไม่ขับเสียเหลือเกิน ไหนจะมีด่านตรวจมากมายบริเวณโซนเที่ยวอีกทำให้จากที่จะได้กลับไปนอนพักผ่อนเสาร์ อาทิตย์ กลายเป็นนอนเล่นในซังเต ดังนั้นทีมงาน UNLOCKMEN ขาดริ้งค์ขอรวบรวมวิธีการผ่อนหนักให้เป็นเบาเวลาที่เจอด่านตรวจแล้วต้องเป่าแอลกอฮอล์ หรือทริกสำหรับหลบเลี่ยงกับด่านตรวจ นมเปรี้ยว วิธีคลาสสิคที่พูดกันมานมนานถึงแม้นมเปรี้ยวจะไม่ได้ลดปริมาณแอลกอฮอล์แบบฮวบฮาบ แต่มันก็ช่วยทำให้ปริมาณแอลกอฮอล์ที่ฝังตัวอยู่ในลมหายใจลดลงได้ค่อนข้างเยอะ ดังนั้นถ้าเกิดคุณรู้สึกว่ามีอาการเมาเล็กน้อยและรู้ตัวว่าต้องขับรถให้หลบเข้าเซเว่นหานมเปรี้ยวกินก่อนจะกลับบ้านสัก 20 นาที กินไปเยอะ ๆ ก่อนออกเดินทางน่าจะช่วยฟื้นความสดชื่นและยังลดความเสี่ยงได้ ( ยี่ห้อที่เวิร์คสุดจากประสบการณ์คนรอบข้างคือ ยาคูลท์ )* หมากฝรั่ง โดยหลักการของเครื่องเป่า ส่วนใหญ่ที่มันดักจับคือแอลกอฮอล์ที่ค้างอยู่ในช่องปากตามซอกฟัน กระพุ้งแก้ม ลิ้น ดังนั้นมีวิธีผ่อนหนักเป็นเบาคือทำความสะอาดมันซะ พอจะกลับบ้านก็หยิบมันมาเคี้ยว ๆ นั่งรอเวลา หมากฝรั่งจะไปช่วยดับกลิ่นในปากในระดับก็น่าจะลดจำนวนเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์ในร่างกายได้ไม่มากก็น้อย แปรงฟัน หรือบ้วนปาก อันนี้คือเหตุผลเดียวกับหมากฝรั่ง ถ้าคุณไม่ขี้เกียจหรือเมามายจนขาดสติ และโชคดีดันพกแปรงกับยาสีฟันมาก็บรรเลงมันเลย หรือจะหา Listerine มาบ้วนปากก็ยังได้ พอปากเรากลิ่นลดลงเวลาเป่าก็น่าจะผ่านด่านได้ไม่ยากเช่นกัน แต่วิธีนี้มีความเสี่ยงที่จะโดนสูงพอสมควร กาแฟ แอลกอฮอล์ทำให้เราเมาเพราะเข้าไปกดประสาท ส่วนกลาง ถ้าจะแก้ที่ต้นเหตุก็ต้องใช้สารจำพวกคาเฟอีน ซึ่งเจ้าสารพวกนี้จะช่วยกระตุ้นประสาทส่วนกลาง และกาแฟดำร้อน ๆ คือคำตอบที่ดีที่สุด พอกินเหล้าเสร็จก็หาแวะร้านกาแฟสั่งกาแฟร้อน
คนสักไม่ใช่คนเสพติดความเจ็บปวด ผู้ชายหลายคนชื่นชอบการใช้ผิวหนังต่างผืนผ้าใบในการแสดงผลงานศิลปะผ่านการสะกิดฝีเข็มเพื่อแสดงตัวตนและศรัทธา ซึ่งมีหลายประเภททั้งที่สักไม่ติดอย่างการสักน้ำมัน หรือสักติดด้วยการลงหมึกให้กลายเป็นรูปภาพ คำสำคัญเพื่อเตือนใจทั้งในและนอกร่มผ้า เพื่อเติมเต็มพื้นที่(ผิวหนัง)ให้ชายหัวใจรักการสัก วันนี้ UNLOCKMEN ขอแนะนำอีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าจับตามอง คือการสักสไตล์ OPTICAL ILLUSION TATTOO หรือภาพลวงตา ใช้ลายเปลี่ยนผิวเรียบด้วยมุม แสง มาสร้างมิติทำให้รู้สึกพิศวงที่ได้รับแนวทางมาจาก 3 ศิลปินและงานศิลปะก้องวงการ ท่อนแขนหลุมลึกแห่งไวรัล แรงบันดาลใจจาก “Infinity Mirror Room” ลายสักบนท่อนแขนนี้ขึ้น Top Viral ทันทีที่โพสบน Reddit – Social Network ยอดฮิตต่างแดน เพราะดีไซน์แปลกที่ใช้ภาพสี่เหลี่ยมเรียงต่อกันแบบเว้นสลับให้เกิดมิติไม่รู้จบ แบบเดียวกับงานศิลป์ชิ้นสร้างชื่อ “Infinity Mirror Room” ของศิลปินตัวจี๊ดรุ่นยายจากแดนอาทิตย์อุทัย Yayoi Kusama ที่เป็นห้องกระจกสะท้อนเงาระหว่างกันไปมาไม่รู้จบ งานรูปแบบอื่นของ Yayoi Kusama ที่ใช้รูปแบบภาพลวงตา ด้วยการใช้จุดเป็นเอกลักษณ์ของงานจนใคร ๆ จะรู้จักเธอในฐานะเจ้าแม่จุด! วงเป็นรูพิศวงทะลุถึงกัน by Paul O’Rourke Tattoos