Music

BEABADOOBEE เรื่องราวความเจ็บปวดของวัยรุ่น กีตาร์มือสอง และกาแฟ

By: GEESUCH July 9, 2022

สิ่งที่น่าสนใจสำหรับวงการดนตรีโลกในช่วง 2-3 ปีมานี้ คือการที่เราได้เห็นซีนของศิลปินเอเชียหรือ Asia Sound ผงาดและฉายแสงในวงการดนตรีโลกมากกว่าที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด ทั้งพลังวัยรุ่นของกลุ่มศิลปินจาก 88 Rising ที่ถล่มเทศกาลดนตรี Cocealla อย่างราบคาบ หรือฝั่ง K-POP วงเกิร์ลกรุ๊ปและบอยแบนด์อย่าง BTS, AESPA, BLACK PINK และวงเกาหลีอีกหลาย ๆ วงก็ได้ทำลายกรอบของเพลง Main Stream โลกไปแล้ว

UNLOCKMEN ขอพาทุกคนย้อนกลับไปในปี 2017 ณ ช่วงเวลาที่ Asia Sound ยังไม่บูมขนาดวันนี้ มีเด็กหญิงที่ใช้ชื่อในวงการว่า beabadoobee กำลังจะเปลี่ยนภาพจำที่ว่า ‘เราหาต้นแบบศิลปินเอเชียบนเวทีโลกไม่ค่อยได้เลย’ ไปย้อนดูเรื่องราวในก้าวแรกของเธอกัน


กลุ่มเพื่อนเรียกเธอว่า Bea แต่ชื่อจริงของเธอคือ Beatrice Laus ส่วนเบื้องหลังชื่อที่ทั่วโลกเรียกเธอว่า beabadoobee นั้น เกิดขึ้นปี 2017 ในวันที่เธอกับเพื่อนจะอัพเพลงแรกขึ้นสตรีมมิ่งแล้วยังไม่มีชื่อ Artist เลย แน่นอนว่ามันก็อัพเพลงไม่ได้ ก็ลองตั้งชื่อกันไปมา แต่ไม่ผ่านสักที จนเซ็ง ๆ เลยเอาชื่อแอคหลุมใน Instagram ของบีใช้ไปเลย ที่บียอมให้ชื่ออันดูไม่ซีเรียสนี้เป็นชื่อศิลปินของตัวเอง เป็นเพราะเธอคิดว่าตอนนั้นคงไม่มีใครฟังเพลงเธอหรอก แต่ทว่า เพลงนั้นชื่อ Coffee และก่อนที่ Powfu จะเอาไปทำ Mixtape เป็นเวอร์ชัน Death Bed ตอนปี 2020 มันก็เป็นไวรัลมาก่อนแล้ว

“ฉันไม่ใช่ศิลปิน และตั้งใจจะเป็นครูสอนเด็กเตรียมอนุบาล มีแค่แฟนของฉันกับเพื่อนที่จะฟังเพลงนี้ แต่พอ Coffee ดัง แล้วเวลาค่อย ๆ ผ่านไป ก็เหมือนว่าจะสายเกินไปแล้วที่จะเปลี่ยนชื่อ ส่วนที่ตลกคือฉันถึงกับเคยลิสต์ชื่อวงเท่ ๆ เอาไว้เพียบเลยนะ ฉันล่ะอิจฉาวงอย่าง Dinosaur Jr หรือ Sonic Youth เหลือเกิน แต่ถึงอย่างไร ฉันก็คือ beabadoobee”


บีเกิดในเมืองอิโลอิโล ประเทศฟิลิบปินส์ แต่ครอบครัวของเธอย้ายมาอยู่ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ตอนบีอายุได้ 3 ขวบ เพราะอยากให้บีได้รับการศึกษาที่ดี และเหตุการณ์ที่เป็นจุดเริ่มต้นให้บีเริ่มเล่นดนตรีเกิดขึ้นที่นี่ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ดีนักในโรงเรียนหญิงล้วนชื่อ Hammersmith Secondary School บีมีประสบการณ์ที่เธอเรียกว่า ‘เข้มข้น’ กับการเป็นเด็กฟิลิบปินส์ไม่กี่คนในโรงเรียน ซึ่งชีวิตค่อนข้างยากลำบาก แถมยังมีเรื่องของการถูกบูลลี่เกิดขึ้นอีก เรื่องยิ่งแย่ลง ๆ ไปเรื่อย ๆ กระทั่งมีเรื่องยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และที่แย่ที่สุดคือเธอถูกไล่ออกจากโรงเรียนก่อนที่จะเรียนจบในอีกเพียงปีเดียว

บีให้สัมภาษณ์กับ The Newyork Times ว่าก่อนจะเข้าสู่ช่วงมัธยม ตัวเองเคยเป็นเด็กที่กระตือรือร้น เป็นนักทำกิจกรรมตัวยง ทั้งแข่งว่ายน้ำ เรียนไวโอลิน เต้นบัลเล่ต์ แต่พออายุได้ 11 ขวบ เธอกลับต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทางสภาพจิตใจ จู่ ๆ เธอก็อยากจะเลิกทุกอย่าง ไม่มีความฝันอีกแล้ว และรู้สึกแปลกแยกอย่างแรงกับการเป็นคนเอเชียในลอนดอน ซึ่งดูเหมือนว่าอาการของเธอจะเข้าข่ายของการเป็น ‘ซึมเศร้า’ (depression)

“มีฤดูร้อนหนึ่งที่ฉันเลิกยาได้แล้ว ตอนนั้นเพิ่งจะ 15-16 พอมองย้อนกลับไปมันบ้ามาก ฉันว่าที่พวกเราทำแบบนั้นเพื่อแค่จะหนีอะไรบางอย่าง ต้องการจะถมพื้นที่ว่างเปล่าในจิตใจให้กัน ต้องการที่จะรู้สึกอะไรบางอย่างก็เท่านั้น”

ในวันหนึ่ง หลังจากกลับมาที่บ้าน พ่อของบีสังเกตุเห็นว่าลูกสาวของตัวเองรู้สึกหดหู่ และเบื่อ ๆ จึงซื้อกีตาร์มือ 2 มาให้ หวังว่าจะแก้ปัญหาได้ (ซึ่งก็ได้จริง) บีชอบฟังเพลงตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว แต่สิ่งที่ช่วยเธอได้จริง ๆ คือการเล่นดนตรีและแต่งเพลง มันบำบัดจิตที่เศร้าหมองของเธอ ซึ่งตอนนั้นอายุ 17 ปี และกำลังหลงทาง


ความสำเร็จของของ Cofee ในปี 2017 ทำให้ในปีถัดมา 2018 บีได้ปล่อย E.P. ชื่อ Patched Up อัลบั้มเพลงที่ตอนนั้นถูกเรียกว่า Bedroom Pop แต่ถ้าใครเคยฟังจะรู้ว่าคุณภาพไปไกลกว่าอัดแค่ห้องนอนมาก ทั้งการเรียบเรียงด้วยเสียงประสานออเครสตาอันลงตัวกับกีตาร์โปร่งอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งบีลุยงานนี้อย่างจริงจัง และการที่เธอได้เข้ามาอยู่ในค่ายเพลงใหญ่อย่าง Dirty Hit ค่ายซึ่งให้เธอได้เป็นตัวของตัวเองแบบ 100% ก็มีส่วนช่วยให้งานออกมาดีเช่นกัน

จากวันที่ Coffee ถูกปล่อยครั้งแรกนั่นก็ผ่านมา 5 ปีแล้ว ปัจจุบัน (2022) บีในวัย 22 กลายเป็นศิลปินที่ทำให้ genre ของ Punk Rock, Grune, Alternative ยุค 90s ที่หลาย ๆ คนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘ของจริง’ กลับขึ้นมาอีกครั้ง และเป็นภาพของศิลปิรเอเชียที่ดังระดับโลก เธอปล่อยอัลบั้มเต็มมา 1 ชุดในปี 2020 ชื่อ Fake It Flower อัลบั้มที่เขียนในห้องนอนที่บ้าน อันเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง และเป็นอัลบั้มที่บันทึกราวทั้งชีวิตของเธอเอาไว้ ในปี 2022 บีกำลังจะมีอัลบั้มเต็มใหม่ใช้ชื่อว่า Beatopia และผู้ฟังจากทั่วโลกตื่นเต้นที่จะได้ฟังมัน

ก่อนจะจบเรื่องเล่าของบีเอาไว้เท่านี้ และรอติดตามอัลบั้มใหม่ที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 15 กรกฎาคม 2022 เราขอปิดท้ายไปด้วยจุดเริ่มต้นของเธอ ของเพลง Coffee ที่เบื้องหลังจริง ๆ แล้วเป็นเพลงที่เธอเขียนให้กับ Soren Harrison แฟนหนุ่มที่เจอกันครั้งแรกตอนอายุ 15 ซึ่งยังคบถึงปัจจุบัน และตัวซอเรนเคยพูดถึงเพลงนี้เอาไว้ว่า

“ครั้งแรกที่ผมได้ฟังเพลงนี้ คือตอนที่บีอัดเดโม่บันทึกใส่เทปส่งมาให้เป็นของขวัญวันครบรอบของเราสองคน ผมรู้มาเสมอว่าเธอเป็นนักเล่าเรื่องที่ดี แต่ไม่คิดว่าเธอจะเขียนเพลงได้ และการได้ฟัง Coffee จากเทปในตอนนั้น เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตผมเลย”

GEESUCH
WRITER: GEESUCH
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line