Spoil Alert สำหรับคนที่ยังไม่ได้ดู Avengers: Infinity War หลายคนที่ไม่ได้เป็นแฟนบอย Marvel อาจจะเกิดความสงสัยว่าในฉาก End Credit ของ Avengers: Infinity War ก่อนที่ Nick Fury จะสลายไปเขาส่งข้อความหาใคร สัญลักษณ์ในเครื่องส่งข้อความนั้นหมายถึงอะไร วันนี้เราจะมา ไขข้อข้องใจกัน ไม่ต้องเกริ่นนำให้ยืดยาว เฉลยเลยละกันว่าสัญลักษณ์ในเครื่องส่งข้อความของ Nick Fury คือสัญลักษณ์ของ Captain Marvel ว่าแต่ Captain Marvel คือใครกันล่ะ? Who is Captain Marvel? ยอมรับว่าตัวละคร Captain Marvel เป็นตัวละครที่ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังมากมายนัก ดังนั้นหลายๆคนถ้าไม่ได้เป็นแฟนคอมมิค Marvel จริงๆอาจจะงงและสงสัยว่าตัวละครนี้คือใคร โดดเด่น สำคัญยังไง ทาง Marvel Studio ถึงได้เลือกมาทำภาพยนตร์ เกี่ยวอะไรกับ Captain America หรือเปล่า วันนี้
ผู้ชายมันส์ ๆ อย่างเรามันต้องมีวันที่รู้สึกเปื่อยบ้างเป็นธรรมดา จากที่คึก ๆ ตลอดเวลาจู่ ๆ ก็รู้สึกชินชาไร้ชีวิตชีวาขึ้นมาทันที อาการแบบนี้มักจะเกิดขึ้นในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ตื่นมาแล้วรู้สึกว่าว่างมากเหลือเกิน แต่จะปล่อยให้ตัวเองหายใจทิ้งดำดิ่งไปกับความเซื่องก็คงจะไม่ใช่วิถีของผู้ชายอย่างเรา แบบนี้ต้องสร้างความบันเทิงภายในบ้านกันหน่อยด้วยการดูหนังบู๊เท่ ๆ มันส์ ๆ เพื่อปลดล็อกความ fun ให้ออกมาพังความซึม ให้อารมณ์ครึ้ม ๆ ได้กลับมาครึกครื่นอีกครั้ง และภาพยนต์ที่เราจะแนะนำให้ผู้ชายทุกคนได้เสพก็คือผลงานการกำกับของ John Woo (จอห์น วู) หรือ อู๋ อี่ว์เซิน ผู้กำกับระดับโลกชาวฮ่องกง ที่มีชื่อเสียงเรื่องคิวบู๊ที่โคตรมันส์ บทที่เท่และจัดจ้าน สาดกระสุนกระจาย พร้อมกับช็อตติดตาที่จะหาใครมาเลียนแบบได้ โดยหนังของ จอห์น วู ที่ทีมงาน UNLOCKMEN แนะนำให้ดูนั้น นอกจากจะมันส์เข้าขั้นแล้ว ยังเป็นผลงานที่ได้รับคำชมมากที่สุดอีกด้วย Bullet in The Head (1990) หนังเรื่องนี้ วูเป็นทั้งผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้าง และผู้เขียนบท เขาทุ่มเทเป็นอย่างมากกับโปรเจ็คต์นี้ ฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทั้งการหาทุนสร้างด้วยตัวเอง การออกไปถ่ายทำที่ต่างประเทศ โดยไม่มีบริษัทใหญ่สนับสนุน ว่ากันว่าเรื่องนี้แสดงความเป็นตัวตนของเขามากที่สุด จุดเริ่มต้นของเรื่องเกิดขึ้นในปี
หลายคนที่เป็นคอเพลงและคอหนังควบคู่กันอาจจะคุ้นเคยกับชื่อของ HANS ZIMMER นักดนตรีสาย SOUNDTRACK ที่มีผลงานเจ๋ง ๆ เป็น Official Sondtrack จากภาพยนตร์ดัง ๆ จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น The Lion King, Gladiator, Sherlock Holmes, Inception, Batman v Superman: Dawn of Justice, Pirates of the Caribbean: Dead Men Tell No Tales และอีกสารพัดเรื่องที่ไล่รายชื่อได้ยาวเป็นหางว่าว ไม่ว่าจะเป็นการประพันธ์เพลง โปรดิวเซอร์ คอมโพสเซอร์ หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเพลงประกอบภาพยนตร์ พี่แกทำมาแล้วทั้งนั้น เรียกได้ว่าเป็นตัวพ่อของการทำเพลง SOUNDTRACK ก็คงไม่เกินไปนัก วันนี้เราขอยก 10 เพลงเจ๋ง ๆ ฝีมือ HANS ZIMMER มาจัดเป็น Playlist ให้หนุ่ม ๆ ได้ฟังกันเพลิน ๆ ในวันที่อยากฟังอะไรแบบไม่มีเนื้อเพลงแบบเบาสมองแต่เน้นฟีลลิ่ง ใครสะดวกฟังใน Spotify เราจัด Playlist ไว้ให้แล้ว ที่นี่
คำว่า “มารยาท” ก็ดูจะสะกดไม่ยาก แต่ดูเหมือนว่าเวลามีหนังฟอร์มยักษ์ฟอร์มใหญ่หรือหนังที่คนทั้งโลกรอคอย เข้าโรงทีไร จะมีคนบางกลุ่มสะกดคำว่ามารยาทไม่ค่อยจะเป็นกันขึ้นมา รู้ครับว่าเฮียดูหนังรอบสื่อบ้าง รอบดึกก่อนวันฉายจริงบ้าง ดูเร็วกว่าชาวบ้านเขา แต่สงสัยเฮียกลัวคนไม่เชื่อว่าเฮียดูก่อนคนอื่นจริง เฮียเลยเล่นมาสปอยล์ให้ชาวบ้านรู้ เล่าในวงเพื่อนก็ว่าเลวร้ายแล้ว แต่ในยุคที่โซเชียลมีเดียคือเลือดเนื้อและชีวิต เฮียเล่นตั้งสเตตัสเปิดพับลิคสปอยล์ซะอย่างนั้น! พอกันที เราจะไม่ทนแล้ว และนี่คือสารพัดวิธีเลี่ยงสปอยล์ ไม่ให้ต้องนอยด์อีกต่อไป ตั้งสเตตัสเตือนไว้ก่อนว่า “กูไม่อยากรู้โว้ย” บางทีคนสปอยล์ก็มาในรูปแบบผู้หวังดี เพราะเห็นว่าเราเป็นแฟนตัวยงของหนังเรื่องนี้ อาจจะเห็นเราแชร์ข่าวบ่อย ๆ หรือตั้งสเตตัสว่าอยากดูหนังเรื่องนี้แบบเต็มสูบ พอเฮียแกไปดูมาแล้วเลยหวังดีมาเล่าให้ฟังแม่งเลย! ดังนั้นเพื่อให้เคลียร์ชัดจัดเต็มว่า โอเค เราเป็นแฟนหนังเรื่องนี้นะ ติดตามข่าวคราวทุกสิ่งอย่าง แต่ไม่ได้อยากฟังใครมาเล่าให้ฟัง อยากไปเสพด้วยตัวเองโว้ย! ก็ควรตั้งสเตตัสประกาศบนโลกออนไลน์ให้ชัดเจนไปเลยว่าอย่าสปอยล์เด็ดขาด เพราะมันเป็นมารยาททั่วไป และผมก็ไม่ได้อยากรู้เรื่องราวจากคุณด้วย ไม่ต้องหวังดีครับ อาจมีขู่เพิ่มเติมว่าถ้าใครละเมิดข้อตกลงจะบล็อกให้หายจากจักรวาลของกันและกันไปเลย เพื่อแสดงความจริงจัง ขาสปอยล์หน้าเก่าหน้าเดิม ไฮด์ไว้ก่อนเลยพี่ นอกจากขาสปอยล์ที่มาในรูปแบบผู้หวังดีแล้ว ก็ยังมีขาสปอยล์ที่มาในรูปแบบกวนส้นตีน คือรู้นะว่าทำแบบนี้แล้วคนไม่ชอบ ทำแบบนี้แล้วคนด่า แต่อยากทำ เพื่อความสุข (แบบประหลาด ๆ ) ส่วนตัว หรือเพราะปกติไม่ค่อยมีคนให้ความสนใจและนี่คือช่วงเดียวที่คนจะให้ความสนใจ มนุษย์จำพวกนี้มักจะเป็นหน้าเดิม ๆ ซ้ำ ๆ
ด้วยอายุและจุดอิ่มตัวในวงการการแสดง ทำให้นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์อย่าง Nicolas Cage ที่ฝากผลงานไว้มากมายเลือกที่จะยุติบทบาทการเป็นนักแสดงและหันหน้าเข้าสู่วงการเบื้องหลังแทน วันนี้ UNLOCKMEN จะพามาหาคำตอบเบื้องลึกเบื้องหลังถึงการตัดสินใจของเขาครั้งนี้ พร้อมกับแนะนำ 5 หนังที่เขานำแสดง ให้เอาไปดูกันให้หายคิดถึงก่อนที่เขาจะพักงานแสดงไปยาว ๆ Nicolas Cage คือใคร ? เขาคือนักแสดงวัย 54 ปีที่มีผลงานการแสดงภาพยนตร์เยอะมากพอที่จะทำให้เราคุ้นหน้าเขาได้บ้างในภาพยนตร์อย่าง Leaving Las Vegas, Gone In 60 Seconds และ Face Off ชื่อในวงการ Nicolas Cage นั้นใช้แทนชื่อจริง ๆ ของเขาคือ Nicolas Coppola เห็นนามสกุลนี้มันคุ้นตาซะเหลือเกิน ใช่แล้ว เขาเป็นญาติของผู้กำกับมือฉมังอย่าง Francis Ford Coppola ซึ่งมีผลงานที่สร้างชื่ออย่าง The Godfather และ Apocalypse Now เขาเรียนจบจากคณะภาพยนตร์และการแสดงในระดับมหาวิทยาลัย ทำให้นอกจากการแสดง เขาสามารถทำงานเบื้องหลังได้อีกด้วย พักหลังนี้เราอาจคุ้นหน้าคุ้นตาเขาในฐานะ Meme บนโลกอินเตอร์เน็ตเสียมากกว่า
บุกตะลุยสู้กับงานอย่างดุเดือดกันมาทั้งสัปดาห์ คงเหนื่อยเป็นธรรมดา อยากจะหาอะไรรีแลกซ์ทำกับเขาบ้าง ช่วงนี้ใคร ๆ ก็ฮิตดูซีรีส์ Streaming ใน Netflix กันแทบทุกคน แต่ดูแนวสืบสวน แนว Gangster เท่ ๆ มันก็ไม่รีแลกซ์ตามจุดประสงค์ของผู้ชายที่ลุยงานมาอย่างหนักแล้วอยากพักผ่อนสักเท่าไหร่ งั้นลองนี่หน่อยไหม ? UNLOCKMEN ขอแนะนำ 7 ซีรีส์สุดฮา ที่จะช่วยให้หนุ่ม ๆ คลายเครียดและขำจนกรามค้างไปพร้อมกัน ขอเสริมหน่อยว่า นี่ไม่ใช่การจัดอันดับหนังดี ซีรีส์ในดวงใจ ไม่ต้องน้อยใจไปถ้าซีรีส์หรือหนังในใจของคุณไม่อยู่ในลิสต์นี้ เพราะทั้งหมดนี้คือการแนะนำเหมือนเพื่อนชวนกันดูแค่นั้นเอง Brooklyn Nine-Nine ซิตคอมฮา ๆ จากช่อง FOX เรื่องราวของสถานีตำรวจ NYPD สุดวายป่วง ที่รวมเอานักสืบที่แต่ละคนต่างก็ขาด ๆ เกิน ๆ มารวมกัน กว่าจะสืบได้แต่ละคดีนั้นทั้งลำบาก ทั้งฮา ออกมารวม ๆ แล้วทั้งหมด 5 ซีซั่น ให้เราได้ขำกันแบบจุใจ ความสนุกมันอยู่ตรงที่ตัวละครแต่ละตัวจะมีเอกลักษณ์ของตัวเองแบบสุดทาง อย่างพระเอกของเรื่อง Jake Peralta
คุณคิดว่าคนเราขาดเสียงเพลงได้ไหม ไม่ต้องรีบร้อนตอบ แต่อยากให้คุณนึกดีว่าวันๆ หนึ่งที่คุณใช้ชีวิต มีไหมที่คุณไม่ได้ฟังเพลง
เมื่อมาถึงวันหยุดยาว ไม่มีอะไรจะเพลินไปกว่าการนั่งจิบเบียร์พร้อมกับแกล้ม นั่งดูหนัง Sci-Fi เพลิน ๆ แบบได้ทั้งความมันส์และความรู้จาก Netflix ชนิดฝังร่างกายใหจมโซฟาบ้าน เสน่ห์ของหนัง Sci-Fi คือการได้ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้โลกของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย ทั้งจำนวนประชากรที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่อยู่อาศัย อาหารการกินและชีวิตความเป็นอยู่ เคยสงสัยไหมว่าโลกในอนาคต มนุษย์จะมีความเป็นอยู่อย่างไร วันนี้เราจะพาไปสำรวจโลกอนาคตในจินตนาการ จากบรรดาซีรีส์ยอดฮิตทาง Netflix ที่คู่ควรแก่การนอนดูอยู่บ้านช่วงวันหยุดยาวกัน 1. รูปลักษณ์ของคุณเปลี่ยนได้ราวกับเสื้อผ้าในอัลเทอร์ด คาร์บอน (Altered Carbon) คุณอาจจะเคยผ่านตาซีรีส์เกี่ยวกับโลกอนาคตมาหลายเรื่อง แต่ซีรีย์ที่สร้างจากนวนิยายนัวร์ไซเบอร์พังก์คลาสสิกของ ริชาร์ด เค. มอร์แกน เรื่องนี้ จะทำให้คุณขบคิดกับมันมากกว่าที่เคย อัลเทอร์ด คาร์บอน (Altered Carbon) พาเราไปสำรวจโลกในปี ค.ศ. 2384 ที่เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด และเข้ามามีบทบาทหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับชีวิตมนุษย์มากขึ้น เราจะเห็นโลกอนาคตที่ทุกคนสามารถเปลี่ยนร่างกายของตัวเองได้เหมือนกับเปลี่ยนรองเท้า! และยังเต็มไปด้วยจักรกลที่มีศักยภาพเทียบเท่ามนุษย์ รถลอยในอากาศ ด้วยเหตุนี้มันจึงนำไปสู่การตั้งคำถามเกี่ยวกับคุณค่าพื้นฐาน อิทธิพลของอำนาจเงิน และความสัมพันธ์ในแบบที่ไม่ได้ยึดอยู่กับรูปลักษณ์ของเราอีกต่อไป 2. ชีวิตคือการต่อสู้ใน 3% ถ้าคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ของหนังที่ตัวเอกต่างต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อชีวิต คุณอาจเคยผ่านตาซีรีส์เรื่องนี้ในรายการแนะนำของคุณมาบ้าง เพราะใน
The Purge เป็นภาพยนตร์ที่ตีความได้หลากหลาย ถ้าคนดูแบบไม่คิดอะไร มันคือภาพยนตร์ Action โหดเลือดสาดที่ดูมันส์ ดูเพลิน แต่ถ้าคนดู The Purge เป็นคนสนใจเรื่องการเมือง ก็สามารถตีความการเสียดสีเรื่องสังคมการเมืองในอเมริกาได้เจ็บแสบเช่นกัน โดยเฉพาะ The Purge ภาคล่าสุด ‘The First Purge’ ที่ผู้กำกับจะพาย้อนไปไขความลับ จุดเริ่มต้นของการเริ่ม Purge เป็นครั้งแรก เวลา 12 ชั่วโมงในค่ำคืนไร้กฎหมาย การปลดปล่อยความอำมหิตในใจมนุษย์ที่สามารถฆ่าคนได้อย่างอิสระ เพื่อการสร้างชาติที่สงบปลอดภัยตลอดปี มี Crime Rate ต่ำกว่า 1% แต่การจะได้มา ย่อมต้องมีคนเสียสละกันบ้าง The First Purge ภาคนี้อาจจะมีกลิ่นอายที่เปลี่ยนไปจาก 3 ภาคแรก เพราะเป็นครั้งแรกที่เปลี่ยนตัวผู้กำกับเป็น Gerard McMurray ผู้เคยฝากผลงานไว้กับภาพยนตร์สุดเข้มข้น Burning Sands ได้รับความไว้วางใจให้นั่งตำแหน่งสำคัญ ไม่ต้องห่วงว่าเนื้อเรื่องจะเพี้ยนไป เพราะยังคงได้ James DeMonaco ผู้เขียนบทและกำกับ The Purge, The Purge:
ดูหนังธรรมดา ๆ มันก็น่าเบื่อเกินไป วันว่าง ๆ แบบนี้ต้องหาเวลามาดูหนังพล็อตแปลกไปจากที่เคยดูกันบ้าง UNLOCKMEN ขอแนะนำ 10 เรื่องพล็อตล้ำ ๆ หลากหลายแนว ไม่ว่าจะทริลเลอร์ โรแมนติก หรือแม้แต่อะนิเมะ อย่ามัวแต่คิดว่ามีแค่หนังสืบสวนเท่านั้นที่จะมีพล็อตล้ำ ๆ ได้ พล็อตล้ำ ๆ มันสามารถมีได้ในหนังทุกแนวเลยต่างหาก มาดูกันให้ครบ รับรองว่าได้หนังใจดวงใจเพิ่มขึ้นอีกแน่นอน Predestination (2014) Director : Michael Spierig, Peter Spierig เรื่องย่อ : The Barkeep เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลที่มีหน้าที่หยุดยั้งอาชญากรไม่ให้ก่อเหตุร้ายแรง ด้วยการเดินทางข้ามเวลาไม่ว่าจะเป็นอดีตหรืออนาคต และงานสุดท้ายก่อนลาวงการของเขาคือหยุดยั้ง Fizzle bomber นักวางระเบิดตัวฉกาจ แต่ทุกอย่างมันไม่ง่ายอย่างนั้น ยิ่งเขาถลำลึกลงไป เขายิ่งค้นพบปริศนาที่เป็นปมต่อกันยาวเหยียดไปเรื่อย ๆ และเป็นเขานี่แหละที่ต้องคลายปมนั้นด้วยตัวเอง มันเจ๋งตรงนี้! : ทำความเข้าใจก่อนว่ามันไม่ใช่แค่หนัง Sci-Fi ล้ำ ๆ ยิงกันมัน ๆ แล้วจบกันไป แต่ต้องเตรียมสมองคุณให้พร้อม กับหนังพล็อตล้ำเรื่องนี้
ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่สร้างความฮือฮาได้มากทีเดียวสำหรับ ‘Ready Player One’ ภาพยนตร์แนว Action/Adventure/Sci-Fi ผลงานล่าสุดของผู้กำกับล้ำจินตนาการ เจ้าของฉายาพ่อมดแห่งฮอลลีวูดอย่าง Steven Spielberg ที่สร้างจากนวนิยายชื่อดังของ Ernest Cline ซึ่งฮิตมาตั้งแต่ปี 2011 โดยเหตุการณ์ในเรื่องเกิดขึ้นเมื่อปี 2045 ช่วงที่โลกเต็มไปด้วยความวุ่นวายและการล่มสลาย แต่ผู้คนพบทางรอดชีวิตที่ THE OASIS จักรวาลเสมือนจริงที่เราสามารถไปที่ไหนก็ได้ ทำอะไรก็ได้ เป็นใครก็ได้ สร้างขึ้นโดย James Halliday (Mark Rylance) ซึ่งเมื่อเขาเสียชีวิตลง ก็ได้ทิ้งทรัพย์สมบัติมหาศาลและอำนาจในการควบคุม THE OASIS ทั้งหมดให้กับคนแรกที่ได้กุญแจทั้ง 3 ดอก เพื่อเปิดประตูสู่ไข่อีสเตอร์ดิจิทัลที่เขาซ่อนไว้ในสถานที่หนึ่ง ทำให้เกิดเกมการแข่งขันทั่วโลก แต่เวลาผ่านไป 5 ปี สกอร์บอร์ดกลับยังว่างเปล่า จนกระทั่งฮีโร่หนุ่มม้ามืดอย่าง Wade Watts (Tye Sheridan) ในร่างอวตารที่ใช้ชื่อว่า Parzival เอาชนะการแข่งขันได้เป็นคนแรก จากนั้นเรื่องราวก็ดำเนินไปแบบโคตรสนุกถูกใจใครหลายคน นอกจากตัวหนังแล้ว สิ่งที่สังเกตได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ เพลงในหนังที่ยอดเยี่ยม ทั้งธีมประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ประพันธ์โดย Alan Silvestri รวมถึงเพลงประกอบภาพยนตร์อีกหลายเพลงในเรื่องนี้ก็เท่มาก ๆ โดยแต่ละเพลงได้รับการคัดเลือกโดย Spielberg เอง ร่วมกับ Zak Penn ผู้ร่วมเขียนบท ซึ่งแม้ว่าฉากในหนังจะเป็นปี
หนัง Hollywood ในปัจจุบันนั้นไม่ใช่หนังเดี่ยวทำออกมาภาคเดียวจบอีกต่อไป เพราะเทรนด์การทำหนังสมัยนี้มักสร้างแบบปลายเปิดที่สามารถขยายเรื่องราวภาคต่อไปได้อีกเป็นไตรภาคหรือมากกว่านั้น ซึ่งมีบ้างที่ประสบความสำเร็จเทียบเท่ากับต้นฉบับและแป๊กอย่างไม่มีชิ้นดี แต่บางค่ายกลับจะเลือกทางที่ฉลาดกว่าด้วยการสร้างภาคต่อในรูปแบบทีวีซีรีส์ ที่นอกจากจะขยายเรื่องราวได้ยาว ๆ แล้วยังสามารถวัดความเสี่ยงจากยอดผู้ชมทางบ้านได้อีกด้วย วันนี้ UNLOCKMEN จะมาแนะนำทีวีซีรีส์จากหนังชื่อดังที่ประสบความสำเร็จมาแล้วและกลับมามอบความสนุกในรูปแบบทีวีซีรีส์ผ่านทางจอแก้วอีกครั้ง LIMITLESS จากหนังชื่อดังเมื่อปี 2011 แสดงนำโดย Bradley Cooper สู่ซีรีส์ทางจอทีวีในปี 2015 เวอร์ชั่นนี้เป็นเรื่องราวของ Brian Finch หนุ่มธรรมดา ๆ ได้ค้นพบยาวิเศษชื่อ NZT ที่ช่วยปลดล็อคสมองให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ 100% ทำให้เขามีความสามารถเหนือกว่าคนทั่วไปในทุก ๆ ด้าน ด้วยความพิเศษนี้ทำให้เจ้าหน้าที่สาว FBI อย่าง Rebecca Harris สนใจในตัว Finch และดึงตัวเขามาร่วมมือช่วยกันไขคดีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองนิวยอร์ก ซึ่งตัวซีรีส์มีความเกี่ยวข้องกับเวอร์ชั่นหนังโรงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะตัวละครจากเวอร์ชั่นหนังโรงอย่าง Eddie Morra ได้มาปรากฏตัวมีบทบาทในเวอร์ชั่นซีรีส์เหมือนกัน แถมตัวคนรับบทอย่าง Bradley Cooper นั้นเป็นคนอำนวยการสร้างเองอีกด้วย SHOOTER หนังแอ็คชั่นขึ้นชื่ออีกเรื่องหนึ่งของ Mark Wahlberg