Spoil Alert! เนื้อหาในบทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาในภาพยนตร์บางส่วน หลังจากที่มีทั้ง Trailer และบทสัมภาษณ์มากมายออกมายั่วความอยากตลอดทั้งเดือนที่ผ่านมา ในที่สุดเราก็ได้ดู Girls Don’t Cry ภาพยนตร์สารคดีเรื่องแรกของวง BNK48 เสียที และเมื่อดูจบเราอยากเขียนถึงมันทันทีเพราะไม่อยากให้อารมณ์ที่ยังตกค้างอยู่ในใจหายไปเสียก่อน Coming of Age อย่างที่เต๋อ นวพล ผู้กำกับบอกไว้ Girls Don’t Cry เป็นสารคดีที่ไม่ว่าคุณจะเป็นโอตะหรือรู้จักเด็กกลุ่มนี้เพียงผิวเผินก็สามารถเข้าถึงสารคดีเรื่องนี้ได้ เพราะนี่ไม่ใช่สารคดีตามติดชีวิตไอดอลแต่คือสารคดี Coming of Age ของวัยรุ่น 26 คนโดยมีคำว่า BNK48 เป็นเพียงฉากหลังเท่านั้น เพียงแต่ Coming of Age ของทั้ง 26 คนนั้นออกจะแตกต่างจากวัยรุ่นทั่ว ๆ ไปสักหน่อย เพราะการก้าวผ่านวัยครั้งนี้ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้งราวคลื่นลูกใหญ่ ทุกคนเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดในเวลาแค่ปีกว่า ๆ ต้องเผชิญกับทุกมิติอารมณ์ที่วัยรุ่นคนหนึ่งจะรับไหว นวพลยังคงร้ายกาจเสมอในการเลือกวิธีการนำเสนอเรื่องราว เขาเล่าเรื่องผ่านมุมมองของทั้ง 26 คนต่อเหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ที่พวกเธอเผชิญทำให้คนดูอย่างเราได้รับรู้ว่าแต่ละคนมีความคิดและทัศคติอย่างไร เป็นการสำรวจตัวตนที่ทำให้คนดูตระหนักว่าพวกเธอแต่ละคนคือ ‘มนุษย์’ คนหนึ่ง ไม่ใช่แค่กลุ่มก้อนที่เรียกว่า ‘ไอดอล’ โรงเรียนแห่งความฝันเลขที่
นั่งทำงานไปนาน ๆ ก็ออกจะเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว ลุกขึ้นไปยืดเส้นยืดสาย บุหรี่ยามบ่ายสักตัว และถ้าได้ฟังเพลงปลุกพลังสักหน่อยคงจะช่วยให้สดชื่นขึ้นไม่น้อย สำหรับใครที่เป็นสายปลุกพลัง เพลงมันส์ ๆ เร้าใจ เราขอแนะนำ WAKE UP YOUR PASSION PLAYLIST : 10 เพลงปลุกไฟให้ลุกพรึบสำหรับปั่นงานให้หมดโต๊ะ แต่สำหรับใครที่สายชิล อยากจะได้เพลงชวน Keep Calm ยามบ่าย ปลุกไฟด้วยความชิล ลองกด PLAY กับเพลย์ลิสต์นี้กันสักหน่อย แล้วปล่อยสมองให้โลดแล่นไปกับเสียงเพลง สำหรับใครที่สะดวกฟังบน Spotify เราจัด Playlist ไว้ให้ฟังกันง่าย ๆ เหมือนเดิม Elliott Smith – Say Yes Iron and Wine – Time after Time Bon Iver – Holocene Fleet Foxes – If You
หากให้แนะนำหนังดีที่ควรดูสักเรื่องหลายคนและหลาย Page Facebook กูรูคอหนังต่าง ๆ “INCEPTION” ของผู้กำกับสติเฟื่องอย่าง Christopher Nolan ต้องติดอยู่ในลิสต์เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แน่ล่ะ เพราะหนังมันช่างล้ำเกินกว่าจะดูรอบเดียวจบได้ ต้องมีซ้ำเก็บรายละเอียด บวกกับพล็อตเรื่องชวนพิศวงตามสไตล์ของโนแลน ยิ่งทำให้เรื่องนี้ถูกพูดถึงอยู่เรื่อย ๆ และหนึ่งในนั้นคือตอนจบของเรื่อง ที่ยังคงถกเถียงกันตลอดมาว่ามันจบอย่างไรกันแน่ ฟังความเห็นจากกูรูหนังกันมาเยอะแล้ว วันนี้ UNLOCKMEN จะบอกว่าจริง ๆ แล้วนักแสดงในเรื่องอย่าง Michael Caine ที่รับบทเป็นพ่อของ Dom Cobb ตัวเอกในเรื่องที่รับบทโดย Leonardo DiCaprio แอบเฉลยให้เรารู้ไว้ตั้งนานแล้ว! Spoil Alert !! เนื้อหาในบทความนี้ มีการเปิดเผยเนื้อหาภาพยนตร์บางส่วน ใครที่ยังไม่ได้ดู กลัวเสียอรรถรส แนะนำให้ดูก่อนแล้วค่อยมาอ่านทีหลังก็ยังไม่สาย ตอนจบของภาพยนตร์ดังอย่าง Inception ก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงตั้งแต่เข้าโรงจนถึงทุกวันนี้ก็เกือบสิบปีแล้ว ว่าสุดท้ายแล้วตัวเอกของเรื่องของ Dom Cobb (Leonardo DiCaprio) กำลังติดอยู่ในความฝันหรือว่าภาพที่เห็นนั้นคือเรื่องจริงของเขา ซึ่งคือภาพของเขาอยู่กับลูก ๆ อย่างมีความสุข และตัดมาที่ Totem
ย้อนกลับไปในยุคที่คำว่า indie หรือ indy เป็นคำที่โคตรเท่เเละศักดิ์สิทธิ์สุดขีดสำหรับใครหลาย ๆ คน ในยุคนั้นความอินดี้แทบจะเป็น Culture หลัก ๆ ของคนกลุ่มใหญ่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ไม่ว่าจะเป็นสภาพเเวดล้อมไปจนถึงวัฒนธรรมที่เคยฮิตก็เลือนหล่นจางหายไปตามกาลเวลา ปัจจุบันคำว่า “อินดี้” ดูจะเป็นคำเอาไว้เเซะคนอื่นมากกว่าจะเป็นคำที่เอาไว้พูดในเชิงชื่นชมอย่างเมื่อ 9 – 10 ปีที่เเล้ว ในห้วงเวลาปัจจุบันที่วงดนตรีอินดี้เกิดขึ้นใหม่เยอะมาก วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับวงดนตรีอินดี้สุดฮอตในขณะนี้ temp. วงดนตรีขวัญใจวัยรุ่นที่มาพร้อมแนวดนตรีที่พวกเขานิยามว่ามันคือ “Tropical Pop” กลิ่นดอกไม้สายลมเเละแสงแดด UNLOCKMEN จะพาไปเจาะลึกเรื่องราววงการเพลงยุคอินดี้เฟื่องฟูถึงยุคปัจจุบันจากมุมมองของวงอินดี้อย่างพวกเขา temp. มีสมาชิก 5 คนวันนี้เราขาด อุณ (มือกีต้าร์) เพราะติดธุระ เราเลยได้เจอเเค่ นิค (ร้องนำ, กีต้าร์) แปม (กลอง) น๊อต (เบส) เเละ แดน (ทรัมเปต) วง temp. โด่งดังจาก single “Moonshine” ความละมุน ละไม ของเสียงร้องเเละดนตรีที่เย้ายวน ชวนให้อยากทำอะไรบางอย่าง
กิจกรรมสุดคลาสสิกในวันหยุดยาวของหนุ่มสายชิลล์คงไม่พ้นการนอนดูหนังดี ๆ สักเรื่องอยู่บ้าน และวันหยุดยาวที่ใกล้จะถึงนี้ ลองเพิ่มความพิเศษด้วยการชวนคุณแม่มาดูหนังด้วยกัน กระชับความสัมพันธ์ในครอบครับ กับ 5 หนังเกี่ยวกับแม่ที่ UNLOCKMEN คัดมาให้แล้วว่าครบรส ทั้งความมันส์ และสตอรี่เกี่ยวกับแม่ ที่อาจจะเรียกน้ำตาของผู้ชายแมน ๆ อย่างเราได้เหมือนกัน The Blind Side (2009) Director: John Lee Hancock เค้าโครงจากชีวิตจริงของ Michael Oher นักอเมริกันฟุตบอล ที่มีชีวิตอีกด้านที่ไม่ได้ราบรื่นนัก กว่าเขาจะมาถึงจุดนี้ได้ ต้องผ่านอะไรมามากมาย โดยเฉพาะในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต ในภาพยนตร์จะเป็นเรื่องของเขาในช่วงวัยรุ่น ที่ได้รับการอุปการะจากครอบครัวบุญธรรมของเขา ให้ชีวิตใหม่ ให้การศึกษา และสิ่งที่เขาไม่เคยได้มาก่อนอย่างความเป็นครอบครัว ในเรื่องเราจะได้เห็นความโอบอ้อมอารี อินเนอร์ของความเป็นแม่ ที่หวังจะฟูมฟักให้เขาเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพแบบที่เด็กคนหนึ่งควรจะได้แม้จะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ก็ตาม มาดูกันว่า กว่าเขาจะมาถึงตรงนี้ได้ นอกจากความพยายาม พรสวรรค์ด้านกีฬาของเขาแล้ว อีกแรงผลักดันสำหรับเขาคือ “แม่” ที่เลือกจะอุปการะเขาในวันนั้น คอยซัพพอร์ตในทุกสิ่งที่เขาต้องการ ความเหน็ดเหนื่อยของคนเป็นแม่ แม้จะไม่ใช่แม่แท้ ๆ ก็ตาม มันไม่ง่ายเลยที่จะทำให้เขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวได้
การฟังเพลงในรถเป็นอีกกิจกรรมที่ผู้ชายอย่างเราทำจนเป็นกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว ทุกครั้งที่สตาร์ทรถ เป็นอันต้องเอื้อมมือไปเปิดเพลงทุกครั้งไป ไม่ว่าจะเชื่อมต่อกับ Music Streaming ในสมาร์ทโฟน หรือยังฟังบน Platform อื่น ๆ อยู่ก็ตาม แต่สิ่งที่ทุกคนมีร่วมกันก็คือความรักในเสียงเพลง UNLOCKMEN มี PLAYLIST เพลงจากภาพยนตร์ BABY DRIVER ที่ได้มาสร้างกระแสฮือฮาในบ้านเราอยู่พักหนึ่ง นอกจากความเจ๋งของภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว ยังมีเพลงในเรื่องนี่แหละ ที่เจ๋งไม่แพ้กัน สำหรับใครที่สะดวกฟังใน Spotify เราจัด PLAYLIST ไว้ให้เหมือนเดิมแล้ว สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ หากใครยังไม่ได้ดูเราขอแนะนำแบบติดดาว แม้จะไม่ได้คะแนนเต็มในแง่หนังดี แต่ในแง่หนังบันเทิง เราให้คะแนนแบบทะลุปรอท กับความมันส์ของเนื้อเรื่อง ความเท่ของคอสตูม และเพลงเจ๋ง ๆ ที่โผล่มาให้ฟังในแต่ละซีน เรื่องราวของหนุ่มน้อยติดไอพอดอย่างเบบี้ ที่จับพลัดจับผลูมาเป็นคนพาโจรปล้นธนาคารหลบหนี และเรื่องราวของสาวที่เขาปิ๊ง เข้ามาเพิ่มสีสันให้เรื่องนี้อีกด้วย รับรองเลยว่าดูจบแล้ว เราจะอยาก Go Back To The Past หยิบไอพอด เสียบหูฟัง และขับรถเกียร์กระปุกแบบเบบี้บ้างแน่นอน The Detroit Emeralds – Baby
การที่ซากุระสักต้นจะเจริญเติบโตแผ่กิ่งก้านสาขาได้มากมายนั้นแน่นอนว่าระหว่างทางกลีบของมันต้องมีร่วงโรยลงไปบ้าง เช่นเดียวกับสถานการณ์ของวง BNK48 ตอนนี้ที่ถึงแม้ว่าข่าวใหญ่ล่าสุดจะเป็นข่าวการประกาศจบการศึกษาของ ‘แคน’ นายิกา ศรีเนียน หนึ่งในสมาชิก แต่วงก็ต้องเดินทางต่อไปข้างหน้า ไม่สามารถจะหยุดพักได้ ก้าวต่อไปของ BNK48 คือซิงเกิ้ลที่ 4 ของวงที่ได้ประกาศไปเรียบร้อยแล้วเมื่องานเปิดตัวรุ่น 2 ที่ผ่านมาว่าซิงเกิ้ลที่ 4 คือเพลง ‘Kimi Wa Melody’ หนึ่งในบทเพลงระดับตำนานของ 48 Group ที่มีเรื่องราวมากมายเรียงร้อยอยู่เบื้องหลัง โดยในวันนี้ UNLOCKMEN จะพาไปรู้จักเพลง ๆ นี้กันรวมถึงคาดเดาเซ็มบัตสึและเซ็นเตอร์ของเพลงนี้ด้วย Kimi Wa Melody ‘Kimi Wa Melody’ คือซิงเกิ้ลลำดับที่ 43 ของ AKB48 วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2016 เป็นซิงเกิ้ลที่มาในคอนเซ็ปต์ความเป็นญี่ปุ่นแบบจัดเต็มพร้อมด้วยเนื้อหาเพลงที่เกี่ยวกับการแอบรักของเด็กสาว อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงขมวดคิ้วและตั้งคำถามว่ามันก็ดูเหมือนซิงเกิ้ลอื่น ๆ ตามสไตล์ของเพลงไอดอลทั่วไป มันพิเศษยังไงและอะไรที่ทำให้มันกลายเป็นตำนาน? ความพิเศษของ Kimi Wa Melody คือซิงเกิ้ลฉลองครบ 10
ดนตรีเป็นหนึ่งใน Culture ที่คอยจรรโลงโลกใบนี้มาแสนนาน ตั้งแต่มนุษย์เราเริ่มรู้จักเคาะอะไรสักอย่างให้มันเกิดเสียง และพัฒนามาเรื่อย ๆ จนเป็นการเคาะที่มีจังหวะ พัฒนามาเป็นเครื่องดนตรี ดนตรีที่เป็นมากกว่าสิ่งที่ให้ความบันเทิง ตอนนี้เรามีดนตรีที่แตกแขนงไปหลากหลายแนวนับไม่ถ้วน แต่ถ้าจะให้ยกขึ้นมาสักแนว ที่ Express อารมณ์ของทั้งคนฟังและคนเล่นได้อย่างดุเดือด ที่ดึงเอาสัญชาตญาณดิบของเราออกมาได้แบบหมดเปลือก “Metal” เป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน UNLOCKMEN จะพามาทำความรู้จักกับดนตรีที่ดุเดือดอย่าง “Metal” ในเมืองไทยในมุมมองของคนฟัง เบื้องหลังภาพลักษณ์ดุดัน ก้าวร้าว รุนแรง จากเพลง ปกอัลบั้ม คอนเสิร์ต เสื้อวงสีดำ อะไรที่ทำให้พวกเขาหลงรักเมทัล เป็นเมทัลแล้วจำเป็นต้องดุดันก้าวร้าวอย่างเดียวหรือเปล่า ? ฟังเมทัลแล้วเป็นหนุ่มเนิร์ดได้มั้ย ? สารพัดดราม่าในที่อยู่คู่กับวงการเมทัลไทยมานาน มาดูกันว่ากลุ่ม Metalhead ต้องเจออะไรกันบ้างกับผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ HEADBANGKOK เว็บฯของชาวเมทัลไทยที่ทำขึ้นเพื่อตอบสนองความชอบของตัวเองล้วน ๆ มาพูดคุยกันในฐานะของคนฟังที่เรียกว่า Metalhead ที่ติดตามวงการนี้มานาน จุดเริ่มต้นของความรักใน Metal เว็บไซต์ HEADBANGKOK เกิดจากความชอบในดนตรีเมทัลของ “โจ้” และ “เจต” ที่เริ่มสังเกตแล้วว่าสื่อเกี่ยวกับเมทัลอย่างพวกนิตยสารเริ่มล้มหายตายจากไปทีละหัวอย่าง Music Express, Metal
ถ้าจะให้พูดถึงหนึ่งในแนวเพลงที่คุณผู้อ่าน UNLOCKMEN ต้องเคยโยกกันหัวแทบหลุด เชื่อว่าแนว Nu-metal ก็น่าจะเป็นหนึ่งในนั้น แถมเคยมีอิทธิพลกับวัยรุ่นยุค 90’s ถึง 2000 มาแล้ว ด้วยภาคริธึ่มที่หนักหน่วงไปด้วยโทนต่ำ มืดหม่น ถ่ายทอดอารมณ์ได้โคตรมันส์ เสียงสำรอกสุดสะใจ พร้อมเนื้อหาหาที่โดน insight การเผชิญปัญหาของมนุษย์ มันจึงมีเสน่ห์แบบแมน ๆ และเข้าถึงผู้ชายอย่างเราได้ง่าย ใครได้ฟังก็รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยความอัดอั้นของตัวเองออกมา โดยวงดนตรีที่เปิดศักราช nu-metal ในขณะนั้น และยังอยู่มีงานใหม่อย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ก็มีอย่าง Korn, Slipknot และ Deftones เป็นต้น แม้ว่ากระแสของแนวนี้จะซาลงไปเยอะแล้ว ด้วยกาลเวลา และเทรนด์ที่เปลี่ยนไป แต่ทุกครั้งที่ได้กลับไปย้อนฟังเพลงจากยุคที่ nu-metal เฟื่องฟูนั้น ก็อดโยกหัวและร้องตามไม่ได้ทุกที UNLOCKMEN จึงขอแนะนำอัลบัมเพลงแนว nu-metal ที่เรารู้สึกว่าต้องฟังให้ได้มาฝากกัน (*ขอเน้นย้ำว่าเป็นการแนะนำจากมุมมองทีมงานเท่านั้น อัลบัมใดที่ไม่ได้อยู่ในลิสต์นี้ไม่ได้หมายความว่าไม่ดีแต่อย่างใด) Korn – Korn (Immortal/Epic, 1994) “Are…you…ready !?” นี่คือประโยคแรกที่ Jonathan Davis สำรอกให้เราได้ยินจากเพลง Blind ซิงเกิ้ลแรกของวง
หนังที่ได้ชื่อว่าเป็นหนังเมืองคานส์หลายคนอาจจะร้องยี้เพราะภาพจำของหนังจากเทศกาลหนังเก่าแก่ประเทศฝรั่งเศสนี้มักเป็นหนังที่ดูยาก เข้าใจยาก น่าเบื่อ หรือเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ แต่สำหรับปี 2018 นี้ขอให้ทุกคนลบภาพนั้นออกไปก่อน เพราะภาพยนตร์ที่ได้รางวัล ‘ปาล์มทองคำ’ รางวัลยิ่งใหญ่ที่สุดในเทศกาลหนังเมือคานส์ในปีนี้คือ ‘Shoplifters’ ภาพยนตร์แนวครอบครัว เข้าใจง่าย เข้าถึงได้ทุกคน ผลงานกำกับของ ‘Hirokazu Koreeda’ เจ้าพ่อหนังแนวครอบครัวชาวญี่ปุ่น และแน่นอนว่า Shoplifters ไม่ใช่ผลงานเรื่องแรกของเขา ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อหนังครอบครัวแห่งเอเชียผลงานที่ผ่านมาของเขาย่อมไม่ธรรมดาและน่าจะติดอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน ร่วมสำรวจความอบอุ่นและร้าวรานที่ Hirokazu Koreeda ฝากไว้บนแผ่นฟิล์มไปด้วยกันกับภาพยนตร์ 5 เรื่องนี้ Nobody Knows (2004) ภาพยนตร์ที่ทำให้ชื่อของ Hirokazu Koreeda ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และคงเป็นภาพยนตร์ที่หลายคนน่าจะทั้งรักทั้งเกลียด ส่วนเหตุผลว่าทำไมคำตอบอยู่ในตัวหนังที่ต้องไปหาดูกันเอง Nobody Knows เล่าเรื่องราวของครอบครัวฐานะยากจนครอบครัวหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ประกอบด้วยแม่เลี้ยงเดี่ยว และลูก ๆ อีก 4 คนที่ต้องแอบอาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็ก ๆ เนื่องจากผู้เป็นแม่แจ้งกับเจ้าของห้องเช่าว่าเธอมีลูกแค่คนเดียวเท่านั้น เด็ก ๆ จึงไม่สามารถออกไปไหนมาได้ ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ในห้องพัก และอยู่
หากจะให้จัดอับดับการ์ตูนกีฬาในดวงใจที่ผู้ชายอย่างเราโตมาด้วยกัน การ์ตูนบาสเก็ตบอลอย่าง Slam Dunk นั้นถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เรียกได้ว่าติดโผส่วนตัวของผู้ชายวัยเราทุกคนแบบนอนมาแทบไม่ต้องลุ้น ด้วยคาแรคเตอร์ตัวละครที่ชัดเจนเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็น Sakuragi Hanamichi เจ้าลิงผมแดงพระเอกของเรื่อง รวมถึงตัวละครหลักอื่น ๆ ที่สามารถสร้างภาพจำมีฐานแฟนคลับส่วนตัวไม่ใช่น้อย ผนวกกับเรื่องราวที่ทั้งฮา และสามารถสร้างแรงบันดาลใจปลุกไฟฝันให้กับเหล่าวัยรุ่นยุค 90s และรุ่นต่อ ๆ มา ได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าจะเป็นเรื่องน่าเสียดายที่อาจารย์ Takehiko Inoue เจ้าของผลงานเลือกตัดจบขณะที่เรื่องราวกำลังพีคมันซะดื้อ ๆ ด้วยเหตุผลที่ต่างลือกันไปหลากหลายเสียง แต่ที่ค่อนข้างชัดเจน และดูมีน้ำหนักที่สุดคือเหตุผลที่ว่าอาจารย์ Inoue นั้นไม่พอใจทางกองบ.ก. Shonen Jump ที่เข้ามาจุ้นจ้านบงการทิศทางของเนื้อเรื่องให้เป็นไปตามต้องการ ::: หากบังเอิญใครยังไม่เคยอ่าน Slam Dunk และยังไม่อยากโดนสปอยล์ตอนจบโปรดข้ามย่อหน้านี้ไปได้เลย ::: จากเดิมที่ได้วางโครงเรื่องไว้แล้วว่าจะให้ทีม Shohoku นั้นพ่ายแพ้ทีมเทคโน Sannoh ในการแข่งขันรอบสองของการชิงแชมป์ระดับประเทศ แต่ทางสำนักพิมพ์ได้กดดันอาจารย์ให้เขียนเรื่องให้ทาง Shohoku เป็นฝ่ายชนะ และหลังจากถูกกดดันอย่างหนักหน่วงอาจารย์ Inoue ก็จัดให้ ด้วยการเขียนให้ Shohoku เฉือนเอาชนะยอดทีมอย่างเทคโน Sannoh ไปแบบสุดประทับใจในวินาทีสุดท้าย
งานอดิเรกของหนุ่ม ๆ ในสายตาผู้หญิงค่อนข้างเป็นอะไรที่จำกัด อาจจะมีอยู่ไม่กี่อย่างที่เธอนึกออก ดนตรี กีฬา รถ เกมส์ ตัวเลือกเหล่านี้คงจะผุดขึ้นมาในหัวของสาว ๆ เป็นอันดับต้น ๆ แน่นอน แต่จริง ๆ แล้วหนุ่มอย่างเรามีหลายมิติที่สาว ๆ อาจจะคาดไม่ถึง กิจกรรมหลายอย่างที่เราชื่นชอบจนหยิบเอามาเป็นงานอดิเรกแม้จะขัดกับลุคของเราก็ตาม อย่างการทำอาหารก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่สาว ๆ จะคาดไม่ถึงเท่าไหร่ว่าผู้ชายจะสนใจในเรื่องนี้ (หรือคิดว่าคงมีแค่ส่วนน้อย) แต่เชื่อเถอะว่ายังมีหนุ่มอีกจำนวนมากที่หลงใหลในการปรุงแต่งรสชาติ การเลือกวัตถุดิบชั้นดี สร้างสรรค์เมนูอาหาร UNLOCKMEN อยากจะชวนหนุ่ม ๆ ที่มีใจรักในการทำอาหารมาดูหนัง 5 เรื่องนี้ที่เราคัดมาให้แล้ว รับรองว่าต้องน้ำลายไหล เหมือนได้กลับไปอ่านยอดกุ๊กแดนมังกรในวัยเด็กยังไงอย่างงั้น The Lunchbox (2013) Director : Ritesh Batra ลืมหนังอินเดียยกตลาดมาเต้น ร้องเพลงข้ามภูเขาไปได้เลย เรื่องนี้ถือเป็นอีกเรื่องที่เป็นตัวแทนของหนังอินเดียสมัยใหม่ เรื่องราวจะยึดอยู่กับการส่งข้าวกล่องในอินเดีย ที่เราจะต้องทึ่งกับวัฒนธรรมนี้แน่นอน เรื่องเริ่มจากแม่บ้านคนหนึ่งที่ระหองระแหงกับสามีมาระยะหนึ่ง เธอหวังว่าฝีมือการทำอาหารที่เธอตั้งใจใส่ความรู้สึกลงไปด้วยนี้ จะช่วยดึงสามีเธอให้กลับมาสนใจเธออีกครั้ง แต่ข้าวกลางวันกล่องนั้นกลับส่งไปไม่ถึงสามีของเธอ แต่ดันไปส่งที่ Fernandes หนุ่มออฟฟิศที่ใกล้เกษียณ ใช้เวลาไปกับการนั่งเสียใจเรื่องภรรยาที่จากไปของเขา จนวันหนึ่งที่เขาได้ข้าวกล่องที่ส่งผิด เขาเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง