สร้างความประทับใจได้ตลอดเวลาสำหรับแร๊พเปอร์หนุ่ม Kanye West ทั้งเพลงดี ๆ ไปจนถึงแฟชั่นสุดเท่ ที่ในครั้งนี้ก็ออกรองเท้าใหม่ที่มีลูกเล่นพิเศษที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่างเป็นทางการใน YEEZY กับรองเท้าเรืองแสงในที่มืดพร้อมกับชื่อคูล ๆ ว่า Glow-In-The-Dark ก่อนที่จะปล่อยรองเท้าเรืองแสง Kanye West ได้โพสต์ลงในทวิตเตอร์ของเขาว่า Can’t wait these glow in the dark 350s รองเท้าผ้าใบคู่สวยที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของ Kanye และ Adidas จนกลายเป็นสนีกเกอร์ที่มีราคาพุ่งสูงอยู่เกือบทุกรุ่น สำหรับสนีกเกอร์ตระกูล YEEZY ถือว่าเป็นรองเท้ากีฬาที่สร้างชื่อไปทั่วโลก และล่าสุดกับรุ่น Boost 350 V2 ก็ยังมีทีเด็ดด้วยเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครอย่างโค้งด้านหลังของขอบรองเท้า โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีผ้าด้านนอกแบบ Primeknit คุณสมบัติยืดหยุ่นไม่แข็งและไม่สากจนเกินไป ส่วนพื้นรองเท้าจะใช้เป็นแบบ Boost ของ Adidas ที่ให้น้ำหนักเบา Glow-In-The-Dark เป็นสนีกเกอร์สี Fluorescent Green ที่เรารู้จักกันว่าสีเขียวแบบนีออนโปร่งแสง ตัดด้วยสีครีมตรงด้านข้างของรองเท้าที่เป็นตาข่ายทำให้มองเห็นด้านใน ส่วน Counter ตรงด้านหลังจะมีสีเหลืองคล้ายกับผลเลม่อน โดดเด่นทุกย่างก้าวด้วยสีมะนาวทั้งตอนกลางวัน
หนุ่ม ๆ สายสตรีตหลายคนอาจยังค้างคาใจกันอยู่สำหรับรองเท้าคู่ที่ทาง Virgil Abloh เจ้าพ่อแห่งอาณาจักร Off-White™ ใส่ไปร่วมงาน Coachella เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา จนเกิดข่าวลือหน้าหูว่าเขาได้กลับมาร่วมมือกับ Nike อีกครั้ง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แค่ข่าวลืออีกต่อไปเพราะยืนยันด้วยภาพเปิดตัวที่ปล่อยออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว Off-White ™ x Nike Zoom Terra Kiger 5 คือชื่อของโมเดลรองเท้าคู่ล่าสุดที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างมหาอำนาจแบรนด์กีฬา Nike และค่ายสตรีตที่กำลังมาแรงสุด ๆ อย่าง Off-White ™ โดยเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการว่าเป็นส่วนหนึ่งของคอลเลกชัน “Athlete In Progress” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการสร้างความเชื่อมั่นในตนเองของเหล่านักวิ่งตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน โมเดลคอลแลปส์คู่ระหว่างสองค่ายดังเป็นรองเท้าวิ่งที่มาแบบรูปทรงดั้งเดิมของ Zoom Terra Kiger 5 ที่วางโลโก้ขนาดใหญ่ไว้ด้านนอก แต่ถูกดัดแปลงให้ต่างออกไปหลายส่วนไม่ว่าจะเป็นจุดร้อยเชือกรองเท้าแบบเฉพาะที่ไล่ระดับมาตั้งแต่ส่วนหัว ป้ายยี่ห้อที่เย็บติดไว้บนส่วนลิ้นรองเท้าที่เลือกใช้เป็นโลโก้ย้อนยุค รวมถึงสายคล้องที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการคอลแลปส์จาก Off-White™ ที่เปลี่ยนจากสีส้มมาเป็นสีเขียวโทนเข้มทั้งหมด ล่าสุด Off-White ™ x Nike Zoom Terra Kiger 5 ถูกปล่อยออกมาใน 3
ในวงการแฟชั่นที่พวกเรามักจะเห็นเพียงในมุมของความสวยงาม การดีไซน์ที่ต้องเร่งตาม Season ที่ยิ่งวันยิ่งหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปอย่างรวดเร็วตามความต้องการของลูกค้า เราจึงได้เห็นคำว่า “Fast Fashion” ซึ่งเป็นการเปรียบให้เห็นถึงการสับเปลี่ยนที่รวดเร็วขึ้นทุกวันของ collection เสื้อผ้า ในวันที่ธุรกิจแฟชั่นเริ่มให้ความสำคัญกับค่า Cost Per Wear ที่ยิ่งผลิตมาก ต้นทุนยิ่งต่ำ ใช้งานไม่ต้องนาน หรือขายไม่หมดก็ไม่ต้องสน เราขนไปฝังดินกลบทิ้งไปเลยก็จบเรื่อง แต่ในความเป็นจริงมันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ? ซึ่งขั้นตอนการผลิตและขั้นตอนการกำจัดเสื้อผ้าเหลือใช้ คือสิ่งที่ลูกค้าอย่างเรามักจะมองข้าม ยอมรับเลยว่าตัวเราเองก็เช่นกัน จนกระทั่งเราได้พูดคุยกับ “Bryce Alton” CEO, Nudie Jeans Australia, เกี่ยวกับปัญหาที่เป็นอยู่ของธุรกิจแฟชั่นเสื้อผ้า และทิศทางที่ Nudie Jeans ได้พยายามเป็น Solution ที่อาจจะเปลี่ยนทั้งธุรกิจไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ขอเป็นหนึ่งแบรนด์ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยที่ไม่ทำให้เรื่องของการออกแบบและวัสดุได้รับผลกระทบแต่อย่างใด โดยหวังว่าจะเป็นตัวอย่างที่ทำให้อีกหลายแบรนด์หันมานำไอเดียไปปรับใช้ ซึ่งถ้าทุกแบรนด์แข่งขันกันในด้านนี้จริง คนที่ได้ประโยชน์ก็ไม่ใช่ใครนอกจากพวกเราและโลกใบนี้ เชื่อว่าทุกคนต้องมี Nudie Jeans ในครอบครองอย่างน้อย 1 ตัว และเราน่าจะรู้ดีถึงคุณภาพของยีนส์ทั้งด้านการออกแบบ วัสดุ รวมถึงอายุการใช้งานที่ล้มลุกคลุกคลานนานแค่ไหนก็ไม่สะเทือน แต่เรื่องความรักษ์โลกของ Nudie ที่หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเค้าได้ทุ่มเทความพยายามในการผลิตที่ไม่กระทบสิ่งแวดล้อมมานาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัตถุดิบ
สไตล์วินเทจถือว่าเป็นแฟชั่นที่ไม่เคยตกยุค บางคนอาจมองว่าเชย แต่ก็ยังมีคนส่วนใหญ่ที่มองว่ารองเท้าสไตล์วินเทจเป็นสิ่งที่เท่และบ่งบอกความเป็นตัวเองได้อย่างชัดเจน จึงทำให้ Nike ร่วมมือกับ J.Crew ออกรองเท้าสุดเท่ที่เหล่าผู้ชื่นชอบความวินเทจไม่ควรพลาด บางคนอาจจะรู้จัก Nike แต่ยังไม่รู้จัก J.Crew เท่าไหร่นัก J.Crew เป็นแบรนด์เสื้อผ้าสัญชาติอเมริกันก่อตั้งขึ้นในปี 1983 และปัจจุบันมีร้านค้ากระจายอยู่ 300 กว่าแห่งทั่วโลก โดยแบรนด์โดดเด่นเรื่องสไตล์สุดคลาสสิกไม่ตกยุค ผสมผสานวัฒนธรรมให้เข้ากับไลฟ์สไตล์และรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน สนีกเกอร์ Nike Killshot เป็นการร่วมมือกันระหว่าง Nike และ J.Crew ที่ก่อนหน้านี้เคยปล่อยโมเดลมาแล้วและได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยม เพราะ Killshot ถอดดีไซน์มาจากรองเท้ากีฬาของนักเทนนิสเวลาใส่ลงสนาม ด้วยการนำรองเท้าพื้นยางสีเหลืองยอดนิยมจากยุคเก่าก่อนมาเป็นจุดเด่นสำคัญของรองเท้าตระกูลนี้ เดิมรองเท้า Killout ผลิตสีต่าง ๆ ทั้งแดงและน้ำเงิน แต่ครั้งนี้จะยิ่งวินเทจมากกว่าเดิมด้วยการหยิบสีเขียวเรือใบ (Sail Green) มาใช้เพิ่มความโดดเด่นหลายส่วนทั้งตรงบริเวณ Swoosh ภาษาอังกฤษคำว่า Nike ทั้งตรงด้านหลัง ลิ้นรองเท้า และด้านในพื้นรองเท้า พร้อมสร้างเลเยอร์ด้วยหนังกลับตรงฐาน Lace Cage รูสำหรับร้อยเชือกรองเท้า รวมถึงด้านหน้าและด้านข้างของสนีกเกอร์ด้วย สนีกเกอร์ที่มีลุควินเทจกับสไตล์สปอร์ตมารวมกันคู่นี้ แม้จะได้แรงบันดาลใจจากรองเท้าเทนนิสในยุคเก่าแต่
วินาทีนี้ผู้ชายในประเทศไทยทุกคนคงกำลังผจญปัญหาเดียวกันคือการต้องเจอกับอากาศที่ร้อนระอุอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน นอกจะสร้างปัญหาให้กับร่างกายเวลาอยู่ในที่โล่งแจ้งซึ่งเสี่ยงกับการเผชิญภาวะ Heatstroke แล้ว สำหรับหนุ่ม ๆ ที่หลงใหลการแต่งตัวก็ถูกลดกรอบการเลือกเครื่องแต่งกายให้แคบลงเนื่องจากอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสมอีกด้วย อุณหภูมิเฉลี่ยระหว่าง 30 – 38 องศาที่เราต้องเจอในแต่วัน แน่นอนว่าไม่ผิดแปลกที่เราจะเลือกสวมใส่เสื้อผ้าแนวสตรีตที่กำลังมาแรงในทุกมิติ แต่บางที Track Pant หรือ Hoodies ตัวหนาก็ทำให้ต้องมานั่งปาดเหงื่อได้เหมือนกัน ดังนั้นการเลือก Mix & Match เสื้อผ้าในตู้จนสามารถออกจากบ้านในสไตล์ที่พึงพอใจ พร้อมได้ความเบาสบายเป็นของแถมก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราฝันถึง แต่จะมีสไตล์ไหนบ้าง ถ้ายังไม่มั่นใจ UNLOCKMEN อยากพาไปดูสไตล์ต่อไปนี้ไว้เป็นทางเลือกในวันที่ร้อนแสนร้อน Athletics Style เชื่อเหลือเกินว่าหนุ่ม ๆ ทุกคนต้องมีเสื้อกีฬาไม่ว่าจะเป็นเสื้อฟุตบอล บาสเกตบอลหรือเบสบอลอยู่ในตู้แน่นอน เสื้อเหล่านี้ตอบโจทย์กระแส Jersey Fashion ซึ่งเป็นที่นิยมอยู่เสมอได้ ลองเปลี่ยนสไตล์ตัวเองมาเป็นสปอร์ตแมนเพียงหยิบ Jersey ทีมกีฬาโปรดสีสันสดใสของคุณมาจับคู่กางเกงตัวเก่งไม่ว่าจะเป็นยีนส์หรือกางเกงขาสั้น ส่วนหนุ่ม ๆ สาย OG อาจเพิ่มลูกเล่นด้วยเสื้อทีมแบบย้อนยุคก็ทำดูเก๋าขึ้นเป็นเท่าตัว นอกจากจะได้สไตล์ที่ถูกใจแล้วความเบาบางและระบบระบายอากาศอันยอดเยี่ยมจะช่วยทำให้คุณไม่รู้สึกอบอ้าวเหมือนอยู่ในเตาอบอีกต่อไป Linen Oversize อากาศร้อน ๆ แบบนี้คงไม่มีเนื้อผ้าแบบไหนที่จะเหมาะสมไปกว่า
ถือเป็นธรรมเนียมที่จัดกันทุกปีและเหล่าสื่อรวมถึงผู้คนที่ชื่นชอบแฟชั่นทั่วโลกต่างตั้งตารอกันเป็นพิเศษ กับงาน Met Gala 2019 ที่ในปีนี้สร้างเสียงฮือฮามาตั้งแต่หลายเดือนก่อน เพราะคอนเซ็ปต์ของปีนี้มันทั้งแปลก หลุดโลกเหนือจริงไปไกลจนบางคนแทบอดใจรอวันงานกันแทบไม่ไหว ด้วยเหตุนี้ UNLOCKMEN จึงไม่รอช้า ขอพาไปดูแฟชั่นคอนเซ็ปต์ของเหล่าหนุ่ม ๆ ในมุมใหม่ที่ไม่ได้มีแค่ชุดสูทน่าเบื่ออีกต่อไป หลายคนอาจจะรู้จักงาน Met Gala กันมาบ้างแล้ว โดยงานในปีนี้จัดขึ้นที่ The Met (Metropolitan Museum of Art) แต่บางคนอาจยังไม่รู้ว่างานนี้มีจุดประสงค์เพื่ออะไรบ้าง ? Costume Institute Gala หรือ Met Gala งานเลี้ยงการกุศลประจำปีเพื่อหารายได้เข้าสถาบันเครื่องแต่งกายแห่งพิพิธภัณฑ์ศิลปะในมหานครนิวยอร์กที่ก่อตั้งเมื่อปี 1870 ภายในเก็บผลงานของศิลปินทั่วโลกกว่า 2 ล้านชิ้น แบ่งเป็น 19 แผนก บางคนต้องใช้เวลาตามเก็บกว่า 3 วัน ถึงจะเดินครบทุกแผนก แม่งานของ Met Gala ปีนี้ก็ยังคงเป็น Anna Wintour บรรณาธิการบริหารของนิตยสาร Vogue อเมริกา เจ้าเก่าเจ้าเดิม ร่วมกับประธานรับเชิญร่วมอย่าง
สำหรับผู้ชายอย่างเรา การเลือกซื้อรองเท้าสักคู่มาใช้งานย่อมต้องมีเหตุผลมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความชื่นชอบที่มีต่อแบรนด์หรือรูปทรงที่เหมาะสมกับสไตล์การแต่งตัว รวมไปถึงความไฮป์ของตลาดในขณะนั้น แต่สำหรับรองเท้ารุ่นพิเศษหลาย ๆ คู่ นอกจากองค์ประกอบที่พูดถึงแล้ว บรรจุภัณฑ์ก็ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้หลายคนเลือกซื้อมาเก็บสะสม ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะที่หาจากไหนไม่ได้ UNLOCKMEN อาสาพาไปสำรวจว่าที่ผ่านมาจะมีกล่องรองเท้าคู่ไหนที่ถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างน่าสนใจและดึงดูดตาตั้งแต่อยู่บนหิ้งกันบ้าง มาชมไปพร้อมกัน Nike SB Blazer : Fly Milk เริ่มกันที่กล่องสุดแหวกแนวของ Nike SB Blazer Fly Milk ที่ทาง Nike SB ออกแบบให้กับ Jeff Han หนึ่งในผู้คร่ำหวอดในวงการสตรีตจากเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นคนก่อตั้ง FLY Skateshop โดยรูปทรงและลวดลายที่ใครเห็นเป็นครั้งแรกก็ต้องคิดว่ามันคือกล่องนมมากกว่ากล่องรองเท้าแน่นอน โดยการออกแบบได้แรงบันดาลใจมาจากอาชีพเดิมของ Jeff โดยตัวเขาเคยเป็นพนักงานในโรงงานแปรรูปนมสดมาก่อนนั้นเอง Burn Rubber x New Balance 557 : Joe Louis หลายคนอาจสงสัยว่ากล่องรองเท้าของ Burn Rubber x New Balance 557 :
หลังจากปล่อยให้หนุ่ม ๆ สนีกเกอร์เฮดทั่วโลกรอคอยกันอยู่นานสองนาน แถมยังเคยเลื่อนวันวางขายออกไป ในที่สุด Nike ก็ประกาศวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ Air Jordan 1 High OG “Travis Scott” พร้อมกันทั่วโลกออกมาแล้ว Air Jordan 1 High OG “Travis Scott” ถือเป็นสนีกเกอร์ที่หลายคนสนใจกันอย่างล้นหลาม ถือเป็นผลผลิตที่น่าจับตามองอีกคู่จากค่ายจั๊มแมนที่ร่วมกันสร้างสรรค์กับแรปเปอร์อย่าง Travis Scott ซึ่งนักร้องหนุ่มเปิดเผยเองว่านี่คือโมเดลรองเท้าที่ตัวเขาโปรดปรานมากที่สุด สีโทนน้ำตาลเข้มที่เราเห็น เจ้าตัวให้คำจำกัดความว่า “ นี่คือโทนสีที่ตัวผมเห็นตลอดช่วงเวลาที่เติบโตขึ้น ซึ่งสิ่งนั้นชวนให้ผมคิดถึงสวนหลังบ้านของตัวเองและการออกไปเล่นนอกบ้าน” คาดว่า Cactus Jack คู่ที่สองจะกลับมาสร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการสนีกเกอร์ทั่วโลกอย่างแน่นอน เพราะหลังจากปล่อย Surprise Drop และขายหมดไปเพียงเวลาไม่กี่นาที ก็ขยับตัวเองจากราคาป้ายที่ 175 ดอลลาร์สหรัฐ ( 5,600 บาท) ไปมีราคาใน StockX แตะหลัก 1,200 ดอลลาห์สหรัฐหรือประมาณ 38,000 บาทเข้าไปแล้ว นอกจากนี้คาดว่า Nike จะปล่อยแคปซูลเสริมออกมามีทั้ง
สุนัขพันธุ์ชิบะจากเกาะญี่ปุ่นถือเป็นเจ้าหมาหน้าแหลมขวัญใจของใครหลายคน ด้วยความน่ารักของชิบะนี้เองที่ทำให้แบรนด์ดังอย่าง Nike เกิดไอเดียคอลเลกชันพิเศษต้อนรับซัมเมอร์ร่วมกับสุนัขนายแบบ Bodhi ที่ทั้งเท่และน่ารักไปพร้อมกัน Bodhi หรือ The Menswear Dog สุนัขพันธุ์ชิบะที่อาศัยอยู่ในมหานครนิวยอร์กเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อ 2013 เพราะเจ้าของสุนัขเกิดไอเดียสนุก ๆ จับ Bodhi มาแต่งตัวหล่อพร้อมกับสไตล์แฟชั่นสุดเท่และถ่ายรูปลง Instagram จนคนพูดถึงเป็นวงกว้าง หลังจากสร้างชื่อเสียงบนโลกโซเชียล หมาชิบะชื่อดังก็มีงานถ่ายแบบเข้ามาไม่ขาดสาย เป็นนายแบบเสื้อผ้าให้กับหลายแบรนด์ทั้ง Coach, Todd Snyder, Salvatore Ferragamo และแบรนด์อื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากแบรนด์แฟชั่นนั้นนำแล้ว Bodhi ยังรับงานถ่ายรูปให้กับนิตยสารแฟชั่น สามารถสร้างรายได้ให้ตัวเองต่อเดือนกว่า 15,000 เหรียญ หรือประมาณ 506,000 บาทต่อเดือน เรียกได้ว่าค่าตัวแพงกว่านายแบบบางคนเสียอีก แถมยังมีผู้ติดตามใน Instagram มากกว่าสามแสนคนแล้วด้วย คอลเลกชันพิเศษของ Nike และ Bodhi ครั้งนี้จะประกอบไปด้วยเสื้อยืดคอกลมสองตัว ต้อนรับซัมเมอร์ที่สดใสด้วยเนื้อผ้าฝ้าย เสื้อตัวแรกพิมพ์ลายอยู่ตรงกลางมีเจ้าหมาชิบะอยู่บนพื้นหลังภาพสีส้มคล้ายกับพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน โดย Bodhi จะสวมแว่นกันแดดกับเสื้อเชิ้ตคอปกสีดำลายดอกไม้ แสดงให้เห็นถึงแฟชั่นฤดูร้อนริมชายหาด แถมเสื้อยืดด้านในที่ Bodhi ใส่อยู่ก็มีสัญลักษณ์ของ Nike ที่มองเห็นอย่างเด่นชัดอีกด้วย ส่วนเสื้ออีกตัวจะมีหน้าของ
ศิลปะตะวันออกถือเป็นเทคนิคงานศิลป์ที่ทั่วโลกต่างยอมรับ ผลงานของแต่ละพื้นที่ในทวีปเอเชียก็จะมีรายละเอียดแตกต่างกันไป เช่นการวาดภาพสไตล์ญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์และมักถูกหยิบมาปรับให้เข้ากับแฟชั่นปัจจุบันบ่อยครั้งโดยครั้งนี้งานเส้นแบบอูกิโยะจะมาอยู่บนรองเท้าผ้าใบ Flying Hawk Studio ที่ขึ้นชื่อเรื่องงานรองเท้าทำมือร่วมมือกับ Simple Union แบรนด์แฟชั่นที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 และมักจะสร้างสรรค์ผลงานเครื่องหนังและสินค้าทำมือ ทั้งสองได้ดีไซน์ลวดลายของ Air Force 1 ของแบรนด์ดังอย่าง Nike ที่ใส่สไตล์ตะวันออกของเกาะญี่ปุ่นมาเต็มเปี่ยม รองเท้าคู่นี้มีชื่อเท่ ๆ ว่า Nike Air Force 1 “Ukiyo-E” รู้จักกันว่าภาพอูกิโยะ มีความหมายว่าโลกที่มีแต่ความทุกข์ หรือถ้าอ่านตามภาษาจีนจะเป็นโลกนี้ไม่เที่ยง เป็นศิลปะญี่ปุ่นช่วงเอโดะเน้นบอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตของชนชั้นกลางไปจนถึงประวัติศาสตร์ เรื่องราวในราชสำนัก และศาสนา และวางขายในราคาที่ชนชั้นกลางสามารถจับต้องได้ ทั้งสองข้างจะมีจุดเด่นด้วยวงกลมสีแดงขนาดใหญ่แต้มสีทับ Swoosh สัญลักษณ์ของแบรนด์ Nike ตัวแทนของธงชาติญี่ปุ่น โดยรองเท้าข้างซ้ายมีลวดลายของเกลียวคลื่นแบบผลงานภาพพิมพ์แกะไม้คลื่นยักษ์นอกฝั่งคะนะงะวะของ คาสึชิกะ โฮะกุไซ ศิลปะชื่อก้องโลกแห่งศตวรรษที่ 19 แสดงถึงการบรรจบกันของศิลปะญี่ปุ่นและตะวันตกโดยทาง Simple Union และ Flying Hawk ก็ไม่ลืมภูเขาไฟฟูจิที่เป็นฉากหลังของผลงานมาไว้บนรองเท้าด้วยเช่นกัน ส่วนลวดลายทางด้านขวาถูกแต่งแต้มด้วยก้อนเมฆสุดคลาสสิกสีฟ้าสดใส มีทั้งสีน้ำเงินเข้มไปจนถึงสีฟ้าอ่อนที่อยู่บน Swoosh ส่วนด้านหน้าตรงบริเวณเชือกสร้างเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครด้วยศิลปะแบบญี่ปุ่นอันเลื่องชื่อ
คอลเลกชันฉลองครบรอบ 25 ปีของสุดยอดแบรนด์สตรีตอย่าง Supreme ฮอตตามคาดเพราะถูกหิ้วไปเกลี้ยงร้านหลังวางขายเพียงไม่กี่วัน แต่ที่น่าสนใจมากกว่าคือการมีมือดีนำเอาแคปซูลดังกล่าวออกมารีเซลล์ในราคาพุ่งกระฉูดขึ้นจากป้ายราคาไปอีกหลายเท่าตัว หลังจากเปิดกิจการมาตั้งแต่ปี 1994 จนปัจจุบันกลายเป็นแบรนด์สเก็ตบอร์ดที่หนุ่ม ๆ ทั่วโลกต่างอยากหามาไว้ในครอบครอง ก่อนขยายสาขาออกไปมากถึง 11 สาขาทั่วทุกมุมโลก ทั้งสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและในทวีปยุโรป ล่าสุดพวกเขาฉลองครบรอบวัยเบญจเพสของตัวเองด้วยคอลเลกชันพิเศษที่ได้ Swarovski มาร่วมออกแบบและตกแต่ง Logo Box ด้วยคริสตัล ก่อนจะแปะลงบนไอเทมอย่าง T-Shirt Sweatshirt และ Hoodie โดยทั้งหมดขายเกลี้ยงสต็อกภายในเวลาไม่กี่วันเท่านั้น แน่นอนว่า T-Shirt ที่ประดับด้วยคริสตัล 1,161 เม็ดในราคาป้าย 398 ดอลลาร์สหรัฐ (12,700 บาท) และ Hoodie ประดับด้วยคริสตัล 1,201 เม็ดในราคา 598 ดอลลาร์สหรัฐ (19,140 บาท) ก็เป็นราคาที่สูงมากอยู่แล้วสำหรับเสื้อผ้าสักชิ้น แต่เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็น Supreme แถมยังเป็น Logo Box รุ่นพิเศษที่ถูกแต่งอย่างสวยงาม ทำให้ไม่นานก็มีหนุ่มหัวใสนำพวกมันออกมา
ไม่ได้เป็นเพียงเรือนเวลาที่ถูกพัฒนามาจากรุ่นก่อน หรือเป็นโมเดลที่เผยโฉมประจำปีเท่านั้น แต่นี่…คือการพลิกหน้าประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ของ โอเดอมาร์ ปิเกต์ กับการเปิดตัวไลน์อัพใหม่อย่างเป็นทางการ ภายใต้คอลเลคชั่นที่ชื่อว่า “CODE 11.59” โดยคำว่า “CODE” มาจากการนำตัวอักษรย่อของคำว่า Challenge, Own, Dare, Evolve ที่ล้วนแต่เป็นดีเอ็นเอหลักของแบรนด์มาเรียงใหม่จนเกิดเป็นรหัสที่สื่อความหมายได้อย่างลึกซึ้ง ขณะที่ 11.59 คือเลขนาทีสุดท้ายก่อนจะก้าวเข้าสู่วันใหม่ ซึ่งเปรียบได้ดั่งแบรนด์ที่เป็นผู้นำเกมอยู่หนึ่งก้าวเสมอ สิ่งที่คุณจะได้เห็นต่อไปนี้ จะทำให้คุณประหลาดใจ “ที่โอเดอมาร์ ปิเกต์ เราแข่งขันกับตัวเองอยู่ตลอดเวลาเพื่อก้าวผ่านขีดจำกัดทางด้านหัตถศิลป์ โดยหยิบจิตวิญญาณอันเป็นอิสระ ตลอดจนความเคารพอย่างสูงส่งต่อประเพณีดั้งเดิม ความภาคภูมิใจในถิ่นกำเนิด และความมุ่งหวังในการรังสรรค์นวัตกรรมที่เปี่ยมไปด้วยความแม่นยำและความคิดสร้างสรรค์ มาเป็นแรงขับเคลื่อน” จัสมิน โอเดอมาร์ ประธานกรรมการบริษัท Challenge : ท้าทายต่อขีดจำกัดทางด้านหัตถศิลป์ บนเส้นทางประวัติศาสตร์กว่า 144 ปี โอเดอมาร์ ปิเกต์ได้ฝึกฝนช่างฝีมือผู้มากพรสวรรค์เพื่อส่งต่อทักษะงานฝีมือชั้นสูงและเทคนิคในการประดิษฐ์นาฬิกาตามประเพณีที่ตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ในขณะเดียวกันก็ผลักดันนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์เชิงสุนทรียศาสตร์ให้ขยายขอบเขตออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง Own: มรดกตกทอด กล่าวได้ว่าโอเดอมาร์ ปิเกต์เป็นบริษัทประดิษฐ์นาฬิกาชั้นเลิศที่เก่าแก่ที่สุดเพียงแห่งเดียวที่ยังคงอยู่ในความครอบครองของตระกูลผู้ก่อตั้ง นอกจากจะอุทิศตนเพื่อรักษามรดกตกทอดและแรงขับเคลื่อนที่ส่งต่อมาหลายชั่วอายุคน รวมถึงเทคนิคหัตถศิลป์เก่าแก่และนวัตกรรมที่ล้ำยุคไม่เหมือนใครแล้ว แบรนด์ยังเดินหน้าผลิตเรือนเวลาที่ผสานศาสตร์และศิลป์แห่งความเชี่ยวชาญไว้ในทุกรายละเอียด นอกจากนี้ยังคำนึงถึงแนวคิดเชิงสร้างสรรค์ที่ถ่ายทอดนิยามใหม่ๆในรูปแบบงานศิลป์อีกด้วย อาทิ ภาพถ่ายอินฟราเรด ของหุบเขาวัลเลย์