หลังจากที่ Canon และ Nikon ได้ปล่อยกล้อง EOS R และ Z7 ออกมาเมื่อไม่นานนี้ ฝั่ง SONY เองก็ไม่ยอมนิ่งเฉย เตรียมเปิดตัวทายาทรุ่นต่อไปของตระกูล A7R อย่าง ‘SONY A7R IV’ เพื่อเข้าร่วมศึกครั้งนี้ด้วย แม้จะไม่ได้ครองส่วนแบ่งการตลาดของกล้อง mirrorless มากเท่าบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่คงต้องบอกว่าบริษัทแดนปลาดิบรายนี้ก็ไม่เคยย่อท้อเลยสักนิด เร่งขับเคลื่อนและพัฒนานวัตกรรมภาพถ่ายให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ SONY A7R IV ตัวนี้คือบทพิสูจน์ความสำเร็จของกล้อง mirrorless ที่มีศักยภาพสูงสุดแห่งยุค ความละเอียด 42.4 ล้านพิกเซลของรุ่นพี่ A7R III ตัวก่อนถูกอัปเกรดให้ทรงประสิทธิภาพกว่าเดิม ด้วยเซนเซอร์ BSI CMOS ขนาด 35 มิลลิเมตร ที่ความละเอียดมากถึง 61 ล้านพิกเซล ล้ำหน้าไปอีกขั้นด้วย Dynamic Range ที่ 15 Stop ช่วยให้ถ่ายภาพได้อย่างอิสระไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแสงแบบใดก็ตาม เหมาะสำหรับหนุ่ม ๆ ผู้หลงรักภาพถ่ายแบบ landscape
วงการกล้อง mirrorless ต้องผงะอีกครั้ง! เมื่อ Sigma Corporation บริษัทผู้ผลิตเลนส์กล้องและอุปกรณ์ถ่ายภาพชื่อดังแห่งแดนปลาดิบ ประกาศเปิดตัว SIGMA FP (Fortissimo Pianissimo) กล้อง mirrorless full frame ตัวแรกที่เคลมมาว่าขนาดเล็กและน้ำหนักเบาที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ แม้ก่อนหน้านี้ Sigma จะพยายามผลิตกล้องดิจิทัลหลายรุ่นออกมาสู้รบกับหลากแบรนด์ยักษ์ใหญ่ในตลาด แต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับความนิยมมากเท่าการผลิตเลนส์ แต่ครั้งนี้บอกได้เลยว่าไม่เหมือนกับครั้งก่อน ๆ แน่นอน เพราะ SIGMA FP ตัวนี้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้แวดวง mirrorless แบบที่ใครหลายคนคาดไม่ถึง SIGMA FP ได้แรงบันดาลใจมาจากคอนเซ็ปต์ “pocketable full-frame” จึงออกแบบกล้องให้กะทัดรัดและพกพาสะดวก ด้วยขนาด 4.43 x 2.75 x 1.78 นิ้ว และน้ำหนักเพียง 13 ออนซ์ หรือประมาณ 370 กรัมเท่านั้น แม้กล้องจะมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา แต่โครงสร้างก็แข็งแรงทนทานไม่น้อย เพราะได้อลูมิเนียมหล่อผสมอัลลอยมาดีไซน์ตัวบอดี้รอบนอก เสริมให้กล้องมีจุดแข็งมากกว่า
หลังจากปล่อยให้หนุ่ม ๆ ทนรอกล้องรุ่นใหม่จากซีรีส์ POWERSHOT G อยู่นาน CANON ก็ประกาศเปิดตัวกล้องคอมแพกต์รุ่นล่าสุด ‘POWERSHOT G7 X Mark III’ อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้ ตอกย้ำชื่อเสียงผู้ผลิตกล้องคอมแพกต์ชั้นนำของโลกด้วยฟีเจอร์สุดเจ๋ง Live Video Streaming ให้ไลฟ์ลงในแพลตฟอร์มของ Youtube แถมยังมีโหมดถ่ายวิดีโอแนวตั้ง เอื้อประโยชน์ต่อการสร้างคอนเทนต์ในโซเชียลมีเดียโดยตรง เมื่อเทียบกับตัวก่อนคอมแพกต์รุ่นนี้ถือว่ามีขนาดกะทัดรัดกว่า ทั้งยังเพิ่มพอร์ตเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรและไมโครโฟนสเตอริโอในตัวที่รุ่นก่อนไม่มี มาพร้อมหน้าจอ arRear touchscreen 3 นิ้ว หมุนจอภาพได้มากถึง 180 องศา ทำให้หันกล้องมาถ่ายเซลฟีได้สบาย ๆ ยังมีระบบป้องกันการสั่นไหวในตัวและรองรับการบันทึกวิดีโอความคมชัดระดับ 4K Ultra High Definition ที่ 30 เฟรมต่อวินาที โดยไม่มีการตัดขอบรูป แถมยังถ่าย full HD ได้ที่ 120 เฟรมต่อวินาทีอีกด้วย POWERSHOT
พวกเราน่าจะอยู่ในช่วงจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการรถยนต์จากเครื่องยนต์เผาไหม้ไปสู่พลังงานไฟฟ้า เพราะตอนนี้เรียกว่าเกือบทุกค่ายต่างนำเสนอโมเดล Full Electric Vehicle ประเดิมชัยกันใหญ่โต และล่าสุดก็มาถึงคิวของ Mini กันบ้าง หลังจากชักเข้าชักออกอยู่พักใหญ่ ก็ได้ฤกษ์อวยชัยเผยวันเปิดตัว All-Electric Mini คันแรกในเดือนมีนาคม ปี 2020 ที่จะถึงนี้แน่นอน ในขณะที่หลายค่ายนำเสนอรถ EV ในรูปแบบที่แตกต่างออกไป แต่สำหรับ Mini การคงไว้ซึ่งคาแรคเตอร์ของตัวเองเป็นหัวใจสำคัญไม่แพ้พลังงานขับเคลื่อน เราจึงจะไม่ได้เห็นหน้าตาภายนอกที่มีความเปลี่ยนแปลงไปจาก Mini Cooper MY ปัจจุบันแต่อย่างใด นอกจากจะเป็นการเก็บรักษาความ Classic ของรูปโฉมเอาไว้ ต้องยอมรับว่ารูปโฉมของ Mini ก็มีความ Modern ล้ำสมัยมากพอโดยไม่ต้องเปลี่ยนลวดลาย ไฟหน้า หรือล้อขนาดใหญ่กว่าที่เป็นอยู่ จะมีก็เพียงแค่ขุมพลังที่ถูกแทนที่ด้วยแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งไม่ได้เน้นแรงบ้าระห่ำอย่างที่ใครเค้าแข่งขันกัน แต่ออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานในเมืองได้อย่างสะดวกสบายมากกว่า Mini Electric จะมากับแบตเตอรี่ไฟฟ้าและมอเตอร์พลังงาน 135Kw หรือราว 181 แรงม้า ทำความเร็ว 0-100 km/h ได้ใน 7.3 วินาที ความเร็วสูงสุด
ANKER บริษัทผู้ผลิตพาวเวอร์แบงค์ชื่อดังเปิดตัว ‘NEBULA CAPSULE II MINI’ โพรเจกเตอร์ขนาดพกพาที่ฉายภาพความคมชัดระดับ HD ที่ความละเอียด 720 พิกเซล มาพร้อมค่าความสว่างสูงสุด 200 ANSI lumens และระบบเลเซอร์โฟกัสภาพอัตโนมัติ ช่วยให้หนุ่ม ๆ รับชมวิดีโอได้อย่างคมชัดและแม่นยำ แถมหน้าจอยังขยายแนวทแยงมุมได้มากถึง 100 นิ้ว เรียกได้ว่าสเปกเครื่องไม่ธรรมดาและน่าสนใจที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้ ตัวบอดี้ดีไซน์ด้วยสีดำให้ความรู้สึกเรียบง่ายแต่ก็ดูหรูหราทันสมัย แต่ที่แตกต่างกับโพรเจกเตอร์รุ่นก่อน ๆ อย่างชัดเจน ต้องยกให้ขนาดของตัวอุปกรณ์ที่ดีไซน์มาแบบกะทัดรัด แถมมีน้ำหนักเพียงครึ่งปอนด์เท่านั้น ทำให้หนุ่ม ๆ สามารถติดตั้งโพรเจกเตอร์ตัวนี้บนเพดานได้อย่างสะดวกสบาย หรือจะวางที่พื้นแล้วฉายภาพขึ้นผนังก็ไม่ได้เกะกะรกหูรกตาแต่อย่างใด ไม่ต้องยุ่งยากกับการเชื่อมต่อลำโพงผ่านบลูทูธ เพราะเจ้า NEBULA CAPSULE II MINI มีลำโพง 8W speaker built-in ในตัว ช่วยเพิ่มระดับและคุณภาพเสียงแบบดีเยี่ยม ทั้งยังรองรับการควบคุมระยะไกลและการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant ที่ทำให้การใช้งานของหนุ่ม ๆ ราบรื่นและสร้างอรรถรสในการรับชมภาพยนตร์แบบจุใจ แม้อุปกรณ์ตัวนี้จะมีพื้นที่เก็บข้อมูลไม่มาก และไม่ได้ออกแบบมาสำหรับการดาวน์โหลดคอนเทนต์ใส่ตัวเครื่อง แต่หนุ่ม ๆ
เชื่อว่าหลายคนคงพอรู้จัก STRANGER THINGS ซีรีส์ย้อนยุคที่ฉายในเน็ตฟลิกซ์มาแล้วสองภาค ว่าด้วยเรื่องเด็กชายที่หายตัวไปอย่างลึกลับและมีเหตุประหลาดเกิดขึ้นในเมือง ถือเป็นซีรีส์ที่ผนวกความลี้ลับและการทดลองทางวิทยาศาสตร์เข้าด้วยกันอย่างไร้ที่ติ แน่นอนว่าระดับความมันส์อยู่ในขั้นสุดและได้ใจผู้ชายหลายคนไปเต็ม ๆ หลังจากปล่อยให้แฟนซีรีส์ทนคิดถึงอยู่นาน STRANGER THINGS ภาค 3 ก็เตรียมลงจอเน็ตฟลิกซ์ในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ ต้องบอกว่าจุดเด่นของซีรีส์ที่เท่ไม่แพ้พล็อตเรื่อง คือสไตล์การแต่งตัวและกลิ่นอายของยุค 80s ที่ทำเอาหลากแบรนด์แฟชั่นต้องจับมาคอลแลปส์กับไอเทมต่าง ๆ ของตน แม้แต่โพลารอยด์เองก็ทนไม่ไหวต้องหยิบความไอคอนิกและดีเอ็นเอสุดเข้มข้นของซีรีส์เรื่องดัง มารังสรรค์เป็นกล้องโพลารอยด์รุ่นพิเศษ ‘ONESTEP 2: STRANGER THINGS EDITION’ ที่ดีไซน์ตัวกล้องให้กลับหัวล้อกันกับโลก upside down แถมออกแบบบอดี้ให้ดูเรียบง่าย ย้อนยุค และสื่อถึงความเป็น STRANGER THINGS ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น ตัวบอดี้ดีไซน์ด้วยสีน้ำเงินและสอดแทรกความดุดันด้วยสีแดงดำ เสริมความคลาสสิกอีกทีด้วยฟิล์มโพลารอยด์ 600 แบบดั้งเดิม ทั้งยังผลิตฟิล์ม i-Type รุ่นพิเศษและออกแบบลวดลายบนขอบฟิล์มทั้ง 16 แบบตามสไตล์ยุค 80s บันทึกภาพแบบร่วมสมัยด้วยเลนส์ high-quality 2ft พร้อมจับภาพที่คมชัดและถ่ายภาพได้ดีในสภาพแสงที่น้อยสุดท้าทาย เปิดมุมมอง 41 องศาในแนวตั้งและมุมมองแบบ
ดูเหมือนว่าสงครามกล้องแอ็กชันครั้งนี้จะไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ อีกต่อไป เมื่อ MOKACAM ไม่ปล่อยให้ GoPro Hero 7 Black และ DJI Osmo Action ทำคะแนนอยู่นานโดยประกาศเปิดตัวกล้องแอ็กชันรุ่นใหม่ ‘MOKACAM ALPHA 3’ ด้วย HDR ทั้งในโหมดถ่ายภาพและโหมดวิดีโอ เพื่อเขย่าบัลลังก์ความเจ๋งของสองเจ้าที่ทำไว้ งานนี้ GoPro และ Osmo ต้องมีหวั่นกันบ้าง MOKACAM ALPHA 3 ปลดล็อกขีดความสามารถด้วยโปรเซสเซอร์ 1.2GHz Ambarella H22 Quad-Core ที่ช่วยเพิ่มความลื่นไหลในการถ่าย โดดเด่นด้วยคุณภาพสีที่หลากหลาย ประมวลผลได้รวดเร็วกว่าเดิมถึง 5 เท่า แถมยังรักษาเสถียรภาพของ HDR เอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม แม้จะบุกป่าฝ่าดงหรือเข้าร่วมการผจญภัยสุดบ้าคลั่ง หนุ่ม ๆ ก็สามารถบันทึกภาพได้อย่างราบรื่นในทุกสภาพแสง ด้วยเลนส์แก้ว 7 ชั้นและเลนส์ aspherical ช่วยลดความคลาดเคลื่อนและแก้ไขความผิดเพี้ยนได้สูงสุด 4K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที ทั้งยังเพิ่มรายละเอียดของเฉดสีและความคมชัดระดับไฮเอนด์
เหล่าชายหนุ่มที่หลงรักในเสียงเพลงหลายคนที่มีชุดเครื่องเสียงอยู่ที่บ้านอาจจะคุ้นเคยหรือเคยได้ยินชื่อของ Klipsch แบรนด์เครื่องเสียงสัญชาติอเมริกากันมาบ้างแล้วกับชื่อเสียงของการผลิต Loudspeaker หรือการผลิตลำโพงที่ให้เสียงคุณภาพและแม่นยำ แต่สิ่งที่ทำให้ UNLOCKMEN สนใจใน Klipsch ครั้งนี้ไม่ใช่ลำโพงทว่าเป็นหูฟังไร้สายรุ่นแรกของแบรนด์ที่มีตัวชาร์จหน้าตาเหมือนกับไฟแช็คในตำนานอย่างกับแกะ เกิดคำถามขึ้นมากมายพอสมควรสำหรับการทำหูฟังไร้สายของ Klipsch เพราะเดิมค่ายนี้ผลิตลำโพง เวลาฟังจึงเว้นระยะห่างของการได้ยินระหว่างอุปกรณ์กับหู แต่เมื่อเปลี่ยนมาทำหูฟังไร้สายแบบ In-ear ที่เสียงจ่อติดกับหู ทำให้หลายคนจับตามองว่าระบบเสียงกับดีไซน์เคสชาร์จหูฟังจะออกมาเป็นแบบไหน เมื่อจะปล่อยหูฟังไร้สายตัวแรก Klipsch จึงต้องสร้างความประทับใจให้ผู้คนจดจำกันเสียหน่อยด้วยการหยิบไอเดียไฟแช็คสุดคูลที่ผู้ชายสูบบุหรี่ทุกคนจะต้องรู้จักอย่าง Zippo มาเป็นแรงบันดาลใจสร้างสรรค์เคสชาร์จสำหรับหูฟังไร้สายรุ่น T5 True Wireless เคาะหน้าตาของไฟแช็คสีเงินวาว แต่น้ำหนักเบากว่า มีรูปร่างสั้นกว่า และมีช่อง USB-C อยู่ที่ด้านหลัง ตัวเคสรูปร่างคล้าย Zippo ทำจากโลหะขัดเงา ที่หลายคนลงความเห็นว่าหมดปัญหาน่าหงุดหงิดเรื่องลายนิ้วมือ โดยทางแบรนด์กล่าวว่าที่ทำออกมาให้มีหน้าตาเหมือนกับไฟแช็คเป็นเพราะเคสชาร์จหูฟังไร้สายส่วนใหญ่มักมีรูปร่างเทอะทะและใหญ่เกินไปสำหรับใส่กระเป๋า การทำเคสให้มีรูปร่างเหมือนกับไฟแช็คจึงถือเป็นการให้ความสำคัญกับความสวยงามที่มองข้ามไม่ได้ อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าหน้าตาของเคสจะคล้ายกับ Zippo แต่สิ่งหนึ่งที่ Klipsch ยังไม่สามารถประดิษฐ์ได้เหมือนกับไฟแช็คต้นแบบคือเสียงคลิ๊กในตำนานเมื่อเปิดบานพับของไฟแช็ค ซึ่งเขายินดียอมให้มันแตกต่างเพราะอยากให้คนให้ความสำคัญกับคุณภาพหูฟังที่ซ่อนอยู่ด้านในมากกว่า คุณภาพเสียงระดับมาตรฐานสมกับการเป็นแบรนด์ทำลำโพงชื่อดัง รวมถึงดีไซน์ของหูฟังสีดำด้านตัดขอบประทับตราสัญลักษณ์ด้วยสีส้มอิฐส่งให้ดีไซน์ดูเรียบหรู มาพร้อมกับคุณสมบัติกันน้ำและเหงื่อ ส่วนการใช้งานสามารถทำได้ผ่านแอปพลิเคชัน Klipsch Connect พร้อมระบบไมโครโฟน Clear Voice Chat เชื่อมต่อกับ Siri
สุขาไม่ใช่เรื่องตลก แม้ลูกผู้ชายเราจะไม่ต้องเครียดกับการเข้าห้องน้ำเท่าสาว ๆ แต่เราก็ยังต้องการห้องน้ำที่สะอาดและสะดวกใจในการปลดทุกข์ วันนี้ UNLOCKMEN จึงนำนวัตกรรมสุขาแปลก ๆ ที่หลายคนไม่เคยเห็นหรือรู้ว่ามีมาแบ่งปันกัน ลองมาดูกันว่าจะตอบโจทย์พวกเราบ้างไหม หรือลองเตรียมใจเผื่อวันหนึ่งข้างหน้าในอนาคตเราอาจได้ใช้งานพวกมันก็ได้ ส้วมไร้น้ำ รักษ์โลก ส้วมดีไม่ต้องมีน้ำก็ได้? คนส่วนใหญ่อาจจะคิดภาพชักโครกไม่มีน้ำไม่ออกถ้าไม่ได้อยู่บนเครื่องบิน แถมไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่ออะไร แต่ความเป็นจริงสุขาไร้น้ำเป็นสิ่งที่มนุษยชาติพยายามไปให้ถึง จากความตระหนักเรื่องวิกฤตการขาดแคลนน้ำในอนาคต ยิ่งชักโครกนี่ก็ตัวดีเลยกดครั้งหนึ่งดึงน้ำไปเยอะ คนทำสุขภัณฑ์ทั้งหลายเลยพยายามออกแบบกัน จนในที่สุดได้เจ้า Loowatt หรือชักโครกไร้น้ำหน้าตาแบบนี้มา คิดภาพไม่ออกว่าถ้าไม่ใช้น้ำมันจะคลีนได้ไง (ตัดเรื่องสายฉีดไปนะเพราะเขาไม่ใช้น้ำแต่ทิชชูม้วนยังใช้ได้ตามปกติ) เรามีภาพเคลื่อนไหวด้านบนให้ดู สิ่งนี้คือนวัตกรรมฟิล์มโพลีเมอร์ย่อยสลายที่เก็บทั้งกลิ่นและเชื้อโรคนำมาติดกับสุขภัณฑ์ พอเรากด flush ปุ๊ปแผ่นฟิล์มก็จะค่อย ๆ โดนรีดและดึงลงไปยังบ่อพัก ข้อดีของชักโครกอัจฉริยะแบบนี้คือทันทีที่ของเสียในร่างกายเราลงไปกองรวมกันมันจะนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้จากการผลิตเป็นก๊าซชีวภาพ ปุ๋ยหมัก และนำไปผลิตกระแสไฟต่อ เรียกได้ว่า Zero Waste ของจริง ถึงจะมองว่ามันไม่น่าจะมีประโยชน์หรือดีกว่าห้องน้ำที่มีอยู่ แต่ด้วยสารคดีตัวอย่างของ Loowatt ที่นำติดตั้งที่มาดากัสการ์น่าจะยืนยันว่าห้องน้ำสไตล์นี้จะเป็นห้องน้ำแห่งอนาคตได้ เพราะหลายพื้นที่ในโลกใบนี้ยังขาดสุขอนามัยที่เหมาะสม ส้วมพกพาสำหรับสายเที่ยว สาย Trekking เข้าป่า เดินทางแบบ Backpack ค่ำไหนนอนนั่นเป็นประจำต้องอยากได้นวัตกรรมชิ้นนี้แน่นอน เพราะเรารู้ดีว่าเวลาเดินทางไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติจะปลดทุกข์แต่ละครั้งต้องเสียเวลาและลำบากกับการหายุทธศาสตร์เหมาะ ๆ แม้ผู้ชายเราจะสะดวกเรื่องการยิงกระต่ายที่ไม่ต้องเลือกพื้นที่มาก
พบกันย่อมต้องมีวันลาจาก ถือเป็นข่าวใหญ่สะเทือน Apple ไม่น้อย เมื่อ Sir Jonathan Ive หรือ Jony Ive, Chief Design Officer ผู้อยู่เบื้องหลังผลงานสุดว้าวมากกว่าของแอปเปิลมาตั้งแต่ปี 1990 รวมเวลายาวนานกว่า 30 ปี ผู้ที่เราเรียกได้เต็มปากว่าเป็นผู้กำหนดทิศทางของ Smartphone และ Tablets ตั้งแต่ปี 2007 ได้ประกาศแล้วว่าเขาจะลาออกจากตำแหน่งของเขาในปลายปีนี้ และออกไปตั้งบริษัทออกแบบชื่อ LoveForm ที่ก็จะยังคงมีแอปเปิลเป็นลูกค้ารายแรกอยู่ แน่นอนว่าการลาออกของคนระดับบิ๊กในองค์กรอย่าง Jony Ive ย่อมต้องส่งผลกระทบอย่างมากต่อบริษัท แต่น่าสนใจที่หลังจากข่าวออกมา กลับยังไม่มีการประกาศรายชื่อ CDO คนใหม่ออกมาแทนที่ ทำให้เราคาดเดาได้ว่าการลาออกครั้งนี้อาจจะไม่มีผลอะไรมากอย่างที่หลายคนคิด และคาดว่า Jony Ive น่าจะดีไซน์ผลงานให้กับ Apple ต่อไปในอนาคต เพียงแค่เปลี่ยนบทบาทเท่านั้นเอง (เช่น อาจจะใช้ Ive เป็น Consultant เพื่อ Supervise ทีมออกแบบในบริษัท) และเนื่องในโอกาสที่หนึ่งในบุคคลระดับตำนานของบริษัทยักษ์ใหญ่เจ้านี้กำลังจะออกจากตำแหน่ง เรามาย้อนดู 10 สุดยอดดีไซน์ของเขา ที่ได้ฝากไว้ให้โลกยลโฉมตลอดระยะเวลากับแอปเปิลกัน
ถือเป็นข่าวดีสำหรับสาวกกล้อง Rangefinder เมื่อ LEICA ผู้นำด้านเทคโนโลยีภาพถ่ายสัญชาติเยอรมันประกาศเปิดตัว ‘LEICA M-E (TYP 240)’ กล้องน้องใหม่แห่งตระกูล M-SERIES ที่หนุ่ม ๆ หลายคนตั้งตารอ แม้จะรู้ดีว่า LEICA นั้นไม่ใช่กล้องราคาประหยัด แต่บอกเลยว่ารุ่นนี้คุ้มค่าที่จะจ่ายเงินหลายพันดอลลาร์เพื่อความพิเศษบางอย่างของมัน LEICA M-E (TYP 240) เป็นกล้อง Full Frame Mirrorless ที่ดีไซน์ให้กะทัดรัดสะท้อนจุดเด่นของกล้อง Rangefinder ใช้ระบบเซนเซอร์ CMOS 24 ล้านพิกเซล พร้อมช่องมองภาพขยาย 0.68x เท่า ยังคงคุณภาพความคมชัดแม้ถ่ายภาพในที่แสงน้อย ด้วยหน่วยประมวลผลภาพ Leica Maestro ทำให้คุณมองเห็นภาพได้ใหญ่กว่าเดิม ควบคู่กับการโฟกัสที่รวดเร็วและแม่นยำในสภาพแสงที่ท้าทาย ตัวบอดี้ของกล้องดีไซน์ด้วยสีเทาแอนทราไซต์พร้อมเคลือบผิวด้านนอก ก่อนจะใช้ขอบหนังแท้หุ้มบอดี้อีกชั้น เสริมรูปลักษณ์ให้ดูซับซ้อนและโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น ต้องบอกว่ารูปแบบงานดีไซน์ที่เห็นนี้ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับกล้องรุ่น M-E โดยเฉพาะ แถมยังตัดแต่งขอบหนังเพิ่มความปลอดภัย ให้ผู้ใช้ถือกล้องได้กระชับและถนัดมือด้วยน้ำหนักเพียง 680 กรัมเท่านั้น ด้านหลังของกล้องมาพร้อมจอแสดงผล TFT ขนาด 3
ยกระดับการเล่นเกม PlayStation 4 ให้มันส์ไปอีกขั้นด้วย ‘RAZER RAIJU ULTIMATE PS4’ คอนโทรลเลอร์ระดับพรีเมียมที่ทำให้การควบคุมเกมแม่นยำและสะดวกขึ้น Razer ดีไซน์ขนาดและรูปร่างมาพอ ๆ กับ Xbox One และ Nintendo Switch Pro แต่จะใหญ่และมีน้ำหนักมากกว่าเล็กน้อย ทำให้มีพื้นที่วางมือกว้างขึ้น ช่วยในการยึดเกาะและทำให้ผู้เล่นจับจอยได้ถนัดมือกว่าเดิม RAZER RAIJU ULTIMATE PS4 เป็นคอนโทรลเลอร์ไร้สายที่ remap ปุ่ม multi-function และปรับแต่งปุ่ม adjusting sensitivity ผ่านแอปพลิเคชัน Razer ในสมาร์ตโฟนได้อย่างง่ายดาย หรือจะปรับจูนแรงสั่นของ analog เพิ่มก็ยังได้ เรียกได้ว่าปรับแต่งตัวเครื่องได้ตามความถนัดในการเล่นของหนุ่ม ๆ แต่ละคนเลย เพิ่มโหมด hair trigger เพื่อให้กดสั่งงานไวขึ้น ดีไซน์ปุ่มให้กว้างกว่ารุ่นก่อน กดง่าย และมีสปริงตีกลับทันที เหมาะกับเกมแข่งรถหรือเกมที่ต้องใช้การยิงอย่างรวดเร็ว นอกจากปุ่ม L1, L2, R1 และ R2