“ปีใหม่ ฟ้าใหม่ เริ่มต้นใหม่” หลายๆ คนน่าจะคิดแบบนี้ แต่เราก็เจอมาหลายคนที่คิดว่า “ถ้าจะเริ่มใหม่ก็เริ่มเลยไม่ต้องรออะไร” เราเห็นด้วยกับทั้งสองฝั่งนะ เพราะสิ่งที่สำคัญของการเริ่มอะไรใหม่ มันไม่จำเป็นต้องเป็นวันหรือเวลาหรอก แต่การเห็นกำหนดชัดๆ (อย่างวันปีใหม่) มันก็ทำให้เราเห็นภาพการเริ่มต้นได้ดียิ่งขึ้น ไหนๆ ก็พูดถึงเห็นภาพแล้วครับ ณ จุดๆ นี้ เราเลยนึกถึงหนังสือการ์ตูนหลายเรื่องที่ทำให้เห็นภาพของ ‘การเริ่มต้นใหม่’ ในหลายๆ แบบที่เราเชื่อว่าถ้าคุณได้ไปอ่าน หรือเคยอ่านแล้วย้อนนึกถึงเรื่องเหล่านี้จะทำให้คุณรู้สึกว่าการเริ่มใหม่ไม่ใช่เรื่องยาก แต่อยู่ที่ใจคุณต่างหากว่าพร้อมจะเปิดใจเปลี่ยนสถานะเดิมของตัวเองหรือเปล่า Real เรียล – เริ่มใหม่ด้วยการทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ งานของอาจารย์อิโนอุเอะ ทาเคฮิโกะ ที่ใช้ชื่อสั๊นสั้น แต่ได้ใจความเรื่องนี้ ถึงจะยังเล่นบาสเก็ตบอลเหมือนสแลมดังค์ แต่พลิกมุมมาคุยเรื่อง ‘จริง’ ของกลุ่มคนอื่นบ้าง นับตั้งแต่ คนที่ออกจากโรงเรียนเพราะมีปมในใจ, อดีตนักกีฬากรีฑาที่กลายเป็นคนพิการ, วัยรุ่นที่เคยอยู่ชั้นแนวหน้าแต่กลายเป็นอัมพาตช่วงเอวลงไป ทั้งหมดดูเหมือนจะเป็นชีวิตที่สิ้นหวังแต่สุดท้ายพวกเขาก็กลับเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ซึ่งในกรณีนี้ไม่ใช่การรอเข้าวันปีใหม่ แต่เป็นกีฬา บาสเก็ตบอล ที่ตัวละครแต่ละตัวต่างหลงใหลเหมือนกัน จนพวกเขาได้มีโอกาสลุกขึ้นยืนใหม่จากจุดที่ชีวิตพังแหล่มิพังแหล่ จริงๆ การเริ่มต้นใหม่กับสิ่งที่ชอบ เป็นอะไรที่เห็นได้ง่ายๆ นะ คนดังหลายคนก็จับต้องงานอะไรใหม่จากการทำสิ่งที่ชอบเช่นกัน แล้วทำไมคนทั่วไปจะเริ่มจับต้องประเด็นที่น่าทำจากสิ่งที่ชอบไม่ได้ล่ะ Rainbow 7
นับเป็นความโชคดีของเหล่าหนุ่ม ๆ ขาช้อปในปัจจุบันที่ศูนย์กลางแฟชั่นของโลกได้ขยับเข้ามาอยู่ใกล้ตัวเรามากยิ่งขึ้น ประเทศ เกาหลี และญี่ปุ่น แทบจะกลายเป็นแลนด์มาร์คสำคัญสำหรับผู้ที่หลงใหลในแฟชั่นต่างพาเหรดกันมาจับจ่ายใช้สอยอย่างเมามันส์ ด้วยสินค้าที่หลากหลาย และความเป็นปัจเจคแตกต่างกันด้วยเอกลักษณ์อันชัดเจน จึงไม่น่าแปลกใจหาก โซล และโตเกียว จะเป็นเป้าหมายสำหรับผู้ที่ชื่นชอบแฟชั่นต้องการเดินทางไปช้อปปิ้งสักครั้งให้จงได้ การเดินทางไปยังสองประเทศนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับชาวไทยอีกต่อ แต่หลายคนมักจะมีคำถามว่าหากเราตั้งเป้าจะเดินไปช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้ารองเท้าเพียงอย่างเดียวระหว่างไป เกาหลี และญี่ปุ่น แบบไหนถึงจะคุ้มค่า และเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของเรามากกว่ากัน? ซึ่งเราเองก็ไม่สามารถฟันธงได้ว่าแบบไหนที่ดีกว่า เพราะทั้งคู่ต่างมีจุดเด่น จุดด้อยที่ต่างกันออกไป ดังนั้นในวันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN จึงขอมาอธิบายลักษณะความแตกต่างของแฟชั่น และย่านช้อปปิ้งระหว่างทั้งสองประเทศมหาอำนาจทางแฟชั่นของเอเชียว่าแบบไหนถึงจะเหมาะ แบบไหนถึงจะโดนใจคุณมากกว่ากัน Seoul เราขอเริ่มต้นที่ประเทศเกาหลีใต้ก่อน จากช่วงหลายขวบปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าพวกเขาเจริญก้าวหน้าทางศิลปะ แขนงต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงแฟชั่นสไตล์การแต่งตัวของหนุ่ม ๆ บ้านเขา จนเราเองไม่สามารถล้อเลียนเหมือนที่ผ่านมาได้อีกแล้ว แฟชั่นของผู้ชายเกาหลีนับว่ามีความสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น หนุ่ม ๆ เริ่มมีการพลิกแพลงเพิ่มลูกเล่นการแต่งตัว อีกทั้งดีไซน์เนอร์ชื่อดังของพวกเขาเริ่มมีการนำ sub-culture ต่าง ๆ เข้ามาประยุกต์ แม้ส่วนใหญ่จะติดกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นมาพอสมควร แต่ภาพรวมของผู้ชายประเทศเขาจัดอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากจนควรเอาเยี่ยงอย่าง สำหรับจุดเด่นของการไปช้อปปิ้งที่โซลจากประสบการณ์ที่เราได้สัมผัสมาคือ สินค้าที่นั้นจะมีราคาค่อนข้างถูก แทบจะไม่ต่างกับราคาเสื้อผ้าในไทยเลย แถมที่สำคัญดีไซน์ยังมีความสวยงามทันสมัย แต่จะค่อนข้างอิงกับกระแสโลก อีกทั้งมีแบรนด์จำนวนไม่น้อยที่มีไลน์สินค้าเฉพาะในประเทศเกาหลี ดังนั้นเราจะพบกับไอเทมที่มีความ