ถือว่าเป็นเมกาโปรเจคตั้งแต่ต้นปี เมื่อ adidas ประกาศว่าจะปล่อยคอลเลคชั่นรองเท้าสุดพิเศษ ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับการ์ตูนในตำนานอย่าง Dragonball โดยก่อนหน้านี้ทีมงาน UNLOCKMEN ก็มีการนำเสนอภาพตัวอย่างรองเท้า 3 รุ่นที่เปิดเผยอย่างเป็นทางการไปแล้วบางส่วน และกระแสตอบถือว่าดี ๆ มาก จนหลายคนที่แม้จะไม่ใช่ sneakerheads เองต่างอยากรู้ว่าบรรดาโมเดลที่เหลือจะเป็นงาน collab ระหว่างตัวละครอะไร ล่าสุด adidas original ก็ได้คอนเฟิร์มรองเท้าทั้ง 8 รุ่นเป็นที่เรียบร้อยว่าจะใช้โมเดลรุ่นใดบ้าง ดังนั้นในวันนี้เราจะขอนำภาพหน้าตาของแต่ละรุ่นที่เปิดตัวออกมาให้ทุกท่านได้ดูกันแบบครบเซ็ท Goku – ZX 500 RM ถือว่าผิดคาดเล็กน้อย เพราะตอนแรกหลาย ๆ ฝ่ายต่างคิดว่าตัวละครพระเอกของเรื่องอย่าง โงกุน จะต้องได้โมเดลรองเท้ารุ่น hype อย่าง NMD แต่กลับกลายเป็นว่า adidas ได้เลือกรองเท้าวิ่งรุ่นเก๋าอย่าง adidas ZX 500 มาใช้ในการ collab นี้ ซึ่งตัวรองเท้าก็จะมีการเล่นสีประจำตัวอย่าง ส้ม น้ำเงิน แดง พร้อมตัดสลับด้วยพื้นกลางสีขาวที่ดูแล้วเหมือนจะเป็นวัสดุ boost
เป็นประจำทุกปีที่บริษัท Pantone ผู้ดำเนินกิจการเกี่ยวกับสี และสิ่งพิมพ์รายใหญ่ของโลก จะประกาศเทรนด์สีประจำปี หรือ Color of the Year เพื่อใช้เป็นตัวกำหนดเทรนด์สีสำคัญของในแต่ละปี โดยพวกเขาจะใช้ค่าสีที่เป็น Spot Color เพื่อบ่งบอกความพิเศษของเฉดต่าง ๆ และมีรหัสที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน และในปีนี้ Pantone ได้ประกาศเลือกให้สีม่วงประกายฟ้า Ultra Violet รหัส 18-3838 เป็นสีหลักประจำปี 2018 นี้ เหตุหลักใจความสำคัญของการเลือกสี Ultra Violet ก็มาจากเพราะมันเป็นสีที่สะท้อนถึงจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และยังสื่อไปถึงความลึกลับของท้องฟ้าในยามค่ำคืน อีกทั้งยังทำให้นึกถึงความเร้นลับของจักรวาลอันเวิ้งว้างไร้ขอบเขตอีกด้วย ซึ่งผู้อำนวยการของ Pantone ยังกล่าวเสริมถึงเหตุผลที่เลือกสี Ultra Violet มาเป็นสีแห่งปี 2018 อีกว่า สีม่วงประกายฟ้า คือสีที่สะท้อนถึงความก้าวหน้า ไฮคลาส และบ่งบอกถึงความล้ำสมัยทางเทคโนโลยี ซึ่งเหมาะกับโลกแห่งอนาคตที่พวกเราทุกคนกำลังอาศัยอยู่ในทุกวันนี้ นอกเหนือจากนี้สี Ultra Violet ยังเป็นสีประจำตัวของศิลปินมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Prince นักกีต้าร์ชื่อดังผู้ล่วงลับ และ Jimi Hendrix ราชา
Vans old skool รองเท้าที่ต้องมีติดบ้านไว้อย่างน้อย 1 คู่
ไม่ปล่อยให้รอนาน หลังจากเปิดโปรเจ็คต์ adidas x Dragonball Z พร้อมภาพโปรโมตรองเท้าสองรุ่นก่อนหน้านี้อันได้แก่ Frieza edition และ Cell edtion ออกมายั่วน้ำลายสาวกการ์ตูนปล่อยพลังคลื่นเต่าสุดฮิตในช่วงทศวรรษที่ 80s – 90s ล่าสุดพวกเขาก็ได้ส่งรองเท้ารุ่นใหม่ออกมากระหน่ำให้แฟน ๆ ได้ฮือฮากันอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ ‘Dragon Ball Z’ x adidas Kamanda “Majin Buu” โดยรองเท้ารุ่นดังกล่าวเป็นการนำคาแรคเตอร์ตัวร้ายคนสุดท้ายของ Dragon Ball ภาค Z อย่างจอมมารบู มาเป็นแรงบันดาลใจสำหรับการผลิตรองเท้ารุ่นพิเศษนี้ โดยจากภาพโปรโมตก็จะเห็นได้ว่า ทาง adidas ได้ทำการนำรองเท้ารุ่น Stan Smith มาปรับเปลี่ยนบริเวณลิ้นรองเท้า และ Outsole ใหม่ให้มีความแตกต่าง จากรุ่นปกติ อีกทั้งพวกเขาได้ใช้จุดเด่นจากสีของตัวละคร ไม่ว่าจะเป็น ชมพู ม่วง เหลือ ดำ มาเล่นลวดลายสลับกันไปตามบริเวณส่วนต่าง ๆ ซึ่งพอดูแล้วก็สามารถรับรู้ได้ทันทีว่านี่คือคาแรกเตอร์ของตัวละครจอมมารบูที่เราคุ้นเคย ซึ่งทาง
เรียกว่าเป็นปีทองแห่งการ Collab ของแบรนด์ Street Fashion โดยแท้จริง ความคืบหน้าของข่าวช่วงปลายเดือนธันวาคม ที่มีเสืองลือว่า adidas จะทำ Dragon Ball Z collection ออกมาให้ผู้ชายวัย 30+ อย่างพวกเราต้องเก็บสะสมอย่างไม่มีทางเลือก พร้อมเปิดเผยว่าจะทำออกมาทั้งหมด 7 รุ่น เพื่อ represent Dragon Ball 7 ลูก แต่วันนี้มีความคืบหน้าจาก SneakerNews ออกมาเพิ่ม ทำให้เรารู้ว่ารองเท้า adidas x Dragon Ball Z นั้นจะมีทั้งหมด ‘8 รุ่น’ ไม่ใช่ 7 รุ่นอย่างที่รายงานก่อนหน้านี้ เป็นการแทน 8 ตัวละครหลักในการ์ตูนความยาวสามชาติเรื่องนี้ ด้วยการเปิดตัว Frieza edition และ Cell edition ออกมาพร้อม ๆ กัน คู่แรก Frieza edition
หลังจากอภิมหาคอลเลคชั่นแห่งปีอย่าง SUPREME x Louis Vuitton ดูเหมือนว่าแฟชั่นโอต์กูตูชั้นสูงที่ดูเหมือนจะเข้าถึงยาก จะเริ่มโอนอ่อนผ่อนตามกระแสสตรีทแฟชั่นที่มาแรงจนไม่อาจต้านทานไหวอีกต่อไป เพราะอะไรที่ไม่เคยทำ ก็ยอมลดราวาศอก เพื่อเดินทางมาบรรจบกันที่ตรงกลางของเทรนด์โลกในปัจจุบัน สำหรับสิ่งที่ Kim Jones อาร์ติส ไดเรคเตอร์ของ Louis Vuitton ได้เรียนรู้จากคอลเลคชั่น SUPREME x Louis Vuitton ถือว่ามีไม่น้อย เพราะเขาได้ปฎิวัติอุตสาหกรรมแฟชั่นไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ปล่อยให้กระแสที่ตัวเองสร้างขึ้นผ่านเลยไปเพียงแค่หนึ่งซีซั่นโดยเปล่าประโยชน์ เพราะหลังจากการร่วมงานในครั้งนั้น Kim Jones หัวเรือใหญ่ของแบรนด์กูตูร์ระดับตำนานของฝรั่งเศส ยังคงดำเนินรอยตามวิถีของสตรีทแวร์ส่งผลงานที่เป็นคอลเลคชั่นเสื้อผ้าออกมาเอาใจคนหมู่มากกว่าที่เคย จึงไม่น่าแปลกใจหากในตอนนี้ Louis Vuitton จะเป็นแบรนด์ที่ร้อนแรงที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก โดยใน spring /summer 18 ก็เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ Kim Jones และLouis Vuitton เตรียมสร้าง Pop-up shop ซึ่งเป็นกลยุทธ์เดียวกับที่แบรนด์สตรีทแวร์ชอบทำกัน เพื่อเดินทางไปขายสินค้า limited edition ตามสถานที่ต่าง ๆ ในรูปแบบ Traveling Pop-up
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า นอกจากเจนีวาแล้ว เมืองเบียล ก็เป็นอีกต้นกำเนิดแห่งวิถีประเพณีดั้งเดิมแห่งการประดิษฐ์เครื่องบอกเวลาของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นศูนย์กลางสำคัญของอุตสาหกรรมการผลิตเรือนเวลามาจนถึงทุกวันนี้ ก้าวแรกของแบรนด์นาฬิกาอิสระอย่าง Azimuth ก็เริ่มต้นขึ้นที่นี่เช่นกัน ด้วยคอนเซ็ปต์ในการเป็นนาฬิการูปแบบเฉพาะตัวที่ผสานดีไซน์อันยอดเยี่ยม นวัตกรรมอันทันสมัย และประเพณีดั้งเดิมแห่งการประดิษฐ์เรือนเวลาของสวิส เข้าด้วยกันอย่างลงตัว สำหรับใครที่รู้สึกว่าชื่อแบรนด์ไม่ค่อยคุ้นหู ที่จริงแล้วเรือนเวลาแบรนด์นี้มีประวัติและเทคโนโลยีการผลิตที่ละเอียดอ่อนไม่แพ้แบรนด์ไหนในโลก แม้จะเป็นนาฬิกาสวิส แต่ผู้ให้กำเนิดแบรนด์และก่อตั้งโรงงานผลิตนาฬิกา Azimuth ขึ้นที่เมือง เบียล ตั้งแต่ปี ค.ศ.2004 เป็นต้นมานั้น ไม่ใช่ชาวสวิส แต่เป็นชายผู้หลงใหลในเครื่องบอกเวลาชาวเอเชีย 2 ท่าน Alvin Lye กับ Christopher Long ทั้งสองท่านนี้เป็นผู้คร่ำหวอดมากประสบการณ์ในวงการนาฬิกา ทั้งในแง่ของการสะสม และการเป็นผู้จำหน่าย ซึ่งไม่เพียงพอสนองความต้องการที่แท้จริงของเขาทั้งคู่ได้ เพราะทั้งสองต่างประสงค์ที่จะสร้างนาฬิกาในอุดมคติขึ้นมาเอง ด้วยความที่ไม่มีนาฬิกาแบรนด์ใดตอบโจทย์คุณสมบัติที่พวกเขาต้องการให้มีได้ โปรเจ็คต์การก่อตั้งแบรนด์และโรงงานนาฬิกาของพวกเขาจึงก่อกำเนิดขึ้นโดยเลือกคำว่า Azimuth ซึ่งเป็นชื่อเรียกระยะคำนวณของเส้นขอบฟ้าจากตำแหน่งใด ๆ บนโลก มาเป็นชื่อแบรนด์ ด้วยเป็นความหมายแห่งการแสวงหาความรู้ทางปัญญาของมนุษย์ อีกทั้งคำนี้ยังมาจากรากศัพท์ภาษาอารบิก ที่หมายถึงเส้นทางที่นักเดินทางข้ามผ่านซึ่งก็เป็นความหมายที่โดนใจพวกเขาเช่นกัน ส่วนโลโก้ของแบรนด์มาจากลักษณะของแฮร์สปริง ที่เปรียบได้กับการเต้นของหัวใจแห่งกลไกจักรกล ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นในการผลิตแต่เพียงนาฬิกาจักรกลได้อย่างตรงประเด็นที่สุด ความต้องการสร้างสิ่งที่แตกต่างนั้น คือวัตถุประสงค์หลักในการสร้างนาฬิกา Azimuth ดังนั้นนาฬิกาจาก Azimuth จึงแตกต่างจากนาฬิกาที่พบเห็นกันอยู่ทั่วไป พวกเขาให้อิสระกับทีมออกแบบ
ไม่รู้ว่าอยากจะสร้างกระแส หรือว่าต้องการจะสื่ออะไรสำหรับแบรนด์ fast-fashion ชื่อดังจาก Sweden อย่าง H&M ที่เมื่อไม่นานมานี้ ได้ทำการเปิดตัวคอลเลคชั่นสำหรับเด็กในเครือประเทศสหราชอาณาจักร ซึ่งสินค้าดังกล่าวได้มีรูปภาพเด็กผิวสีสวมเสื้อฮู้ดสีเขียว พร้อมลายกราฟิกข้อความว่า “Coolest Monkey in The Jungle” ที่ชวนให้คิดว่ามันเป็นการจงใจของ Art Director โปรเจคต์นี้หรือเปล่า? เมื่อภาพดังกล่าวเป็นการประกบคู่กับเด็กผิวขาวในเสื้อที่มีคำว่า “Mangrove Jungle, Survival Expert” หลังจากภาพนี้เผยแพร่ออกไปก็เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักบนโซเชียลมีเดีย ทั้งทาง Twitter และ Facebook เนื่องจากเข้าข่ายการเหยียดสีผิว เพราะความหมายของเสื้อมันสื่อไปในเนื้อหาที่ว่า เด็กผิวสีต้องติดอยู่ในป่า แต่เด็กผิวขาวกลับรอดชีวิตออกมาได้ จนทำให้ H&M ต้องถอนภาพโปรโมตนี้ออกมาจากสื่อโฆษณา รวมถึงบนเว็บไซต์ตัวเองทั้งหมด พร้อมออกแถลงการณ์ขอโทษถึงความรู้เท่าไม่ถึงการ แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซ้อนเมื่อ ดารา เซเลบริตี้ผิวสี ทั้งหลายได้ประกาศบอยคอตต์ขอไม่ร่วมงานกับ H&M อีก แม้กระทั่ง The Weeknd ที่เคยมีโปรเจคต์คอลเลคชั่นพร้อมสัญญาก้อนใหญ่กับทางแบรนด์ ยังตัดสินใจใช้ Twitter ส่วนตัวเพื่อประกาศว่า “ผมตื่นเช้ามาแล้วรู้สึกช็อค และละอายใจอย่างมากกับรูปนี้ แต่ผมคงต้องบอกว่าหลังจากนี้คงจะไม่มีการร่วมกับ H&M อีกต่อไป”
การเลือกโทนสีเสื้อผ้าให้เหมาะกับสีผิวนั้น เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญในการแต่งตัวออกมาให้ดูดี เพราะถ้าเกิดคุณเป็นคนผิวขาวมาก ๆ และยิ่งใส่เสื้อผ้าที่ทำให้ดูซอฟ์ทลง อาจจะเป็นการเน้นย้ำความขาวจนออกไปทางซีด ให้คนอื่นพาลคิดได้ว่าคุณกำลังป่วยอยู่หรือเปล่า ซึ่งจริง ๆ แล้ววิธีการเลือกโทนเสื้อผ้านั้นไม่ใช่เรื่องยากสลับซับซ้อนอะไรอย่างที่คิด เพียงแค่คุณต้องรู้จักพิถีพิถันใส่ใจกับไอเทมต่าง ๆ สักนิดหนึ่ง โดยก่อนอื่นต้องมาสำรวจร่างกายว่าอยู่ในลักษณะใด แต่ถ้าใครเกิดยังไม่รู้ต้องเลือกยังไง วันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN หาวิธีการเลือกสีของเสื้อผ้าเพื่อให้เหมาะกับสีผิวตัวเองมากที่สุดมาฝากกัน สีผิวนั้นส่งผลกับการแต่งตัวในระดับหนึ่ง มันไม่เกี่ยวกับว่าคุณจะมีสีผิวขาวสว่าง หรือจะผิวเข้มขนาดไหน แต่มันคือการที่เรารู้จัก Balance สีผิวโทนเย็น และโทนอุ่นของตัวเรา ซึ่งการแต่งกายก็เหมือนกับการถ่ายภาพ เพราะอารมณ์จากสีเสื้อผ้าพอมันมาตกอยู่กับผิวก็จะให้อารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป เหมือนสีของภาพถ่ายที่โทนเปลี่ยน อารมณ์ก็เปลี่ยน สังเกตเส้นเลือดบริเวณข้อมือ ก่อนอื่นเราจะต้องทำความรู้จักกับสีผิวของตัวเองเสียก่อน ซึ่งหลายครั้งเราอาจจะคุ้นเคยกับการเรียกแบบเหมารวมอย่างเช่น ผิวขาว ผิวเหลือง ผิวเข้ม โดยอันที่จริงแล้ววิธีการเรียกแบบนี้ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง 100 % เนื่องจากการแบ่งแยกตามนี้มักจะมีข้อโต้เถียงมากมาย ขาวแบบไหน คล้ำประมาณไหน ดังนั้นตามหลักแล้วสีผิวของมนุษย์เราสามารถแบ่งออกได้เพียงสามเฉดดังต่อไปนี้ Cool tone หรือเรียกว่าคนผิวโทนเย็น วิธีการให้เราสังเกตที่บริเวณเส้นเลือดใหญ่ของข้อมือจะมีสีน้ำเงิน และสีม่วง โดยผิวของคนผิวโทนเย็นจะเป็นสี ชมพู แดง ซึ่งผิวแบบนี้ไม่ค่อยมีในผู้ชายไทยเท่าไหร่นัก ใครมีถือว่าเป็นแรร์ไอเทมมาก ๆ Warm Tone หรือสีโทนอุ่น
GEL-NIMBUS ถือเป็นรองเท้าซีรี่ส์รุ่นแรก ๆ ที่ถูกออกแบบมาสำหรับนักวิ่งที่มีระยะทางไกล โดยรองเท้ารุ่นนี้ได้รับความนิยมยาวนานถึง 20 ปี และเนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี ทาง ASICS จึงถือโอกาสเปิดตัวแนะนำคอลเลคชั่นใหม่ในนามว่า GEL-NIMBUS 20 ซึ่งเป็นที่เล่าขานว่าเป็นรองเท้าวิ่งรุ่นที่เบาที่สุดในตระกูล Nimbus ที่ผ่านมา และสิ่งที่พิเศษสุดสำหรับคอลเลคชั่นนี้คือการออกแบบเพื่อรองรับแรงกระแทกอย่างดีเยี่ยม เหมาะสำหรับผู้รักการวิ่งทั้งระยะสั้น และระยะยาวเลยทีเดียว สำหรับฟังก์ชั่นเด่นของ GEL-NIMBUS 20 คือ ความรู้สึกสบายเท้าในทุกก้าววิ่ง ด้วยนวัตกรรมการรองรับทุกแรงกระแทก เพื่อเสริมความมั่นใจ และพาคุณเข้าสู่จุดปลายทางได้อย่างสวยงาม ครบถ้วนทั้งประโยชน์ใช้สอยและความสวยงาม ในวันนี้ GEL-NIMBUS ถือเป็นหนึ่งในตำนานของรองเท้าวิ่งระยะไกลที่รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และเลื่องลือในความนุ่มสบายด้วยแผ่นรองรับแรงจากนวัตกรรมของ FlyteFoam ที่ผสมผสานเข้ากับเจลในส่วนบริเวณส้นเท้าออกแบบโดยเฉพาะ GEL-NIMBUS 20 รองรับการกระแทกที่มีประสิทธิภาพสูง และอีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่ผนวกเข้ากับคอลเลคชั่นนี้คือ Gradient Jacquard Mesh คือการออกแบบ 3 มิติ เพื่อส่งเสริมการออกแบบที่ลงตัว และพิถีพิถันให้ความโดดเด่นด้านรูปลักษณ์น่าสวมใส่ แต่ก็ไม่ละเว้นการใส่ใจในด้านประสิทธิภาพในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นความนุ่มเบา สบาย สามารถใส่วิ่งหรือทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างคล่องแคล่ว ช่วยปกป้องเท้าคุณจากการบาดเจ็บ ทั้งยังมีการระบายอากาศที่ดี ไม่ทำให้เกิดปัญหากลิ่นอับ
สำหรับนักลงทุน หรือผู้ที่พอจะมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องของตลาดซื้อขายหุ้น อาจจะคุ้นหูกับคำว่า “Panic Buying” หรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า อาการลนลานเมื่อเห็นราคาตลาดกำลังพุ่งแรง หรือดิ่งจนน่าตกใจก็รีบซื้อหรือขายหุ้นมั่วซั่วโดยไม่ได้ผ่านการเช็ค และตรวจสอบพื้นฐานอย่างถี่ถ้วน สุดท้ายกลายเป็นขายหมู หรือเป็นเม่าชั้นดีติดดอยหนาวเหน็บกันไปก็หลายราย ซึ่งไอ้คำว่า Panic Buying ก็ไม่ได้ถูกบัญญัติใช้เฉพาะวงการหุ้นเพียงอย่างเดียว เพราะมันได้กลายเป็นแนวคิดทางจิตวิทยาอย่างหนึ่ง ที่แม้กระทั่งตามตลาดนัดเองก็ยังมีการนำมาใช้ ลองคิดภาพ mc สาวสวยถือไมค์ประกาศว่า “นาทีทอง สินค้าชิ้นเดียวเราไม่ขาย เราขายสินค้าสองชิ้นในราคาชิ้นเดียว 1 แถม 1 กันไปเลย !!” โดยอันที่จริงแล้วสินค้าดังกล่าว อาจจะไม่ได้เป็นสิ่งของที่ตัวเราต้องการเลยก็ได้ เพียงแต่ด้วยกลยุทธ์ที่ออกมาล่อตาล่อใจ จนทำให้เราต้องใช้จ่ายเงินแบบที่เรียกว่า Panic Buying ทำให้สูญเสียเงินไปไม่ใช่น้อย แต่ถ้าจะเล่าอาการของ Panic Buying ให้เห็นภาพมากยิ่งขึ้นตามแบบทฤษฎี คือการที่ผู้บริโภคต้องตัดสินใจซื้อของบางอย่าง ภายใต้ความกดดัน ไม่ว่าจะเป็นกรอบของเวลา การบีบคั้นด้วยจำนวนสินค้าที่จำกัด หรือสถานการณ์บังคับ จนทำให้นักช็อปปิ้งส่วนใหญ่รู้สึกตื่นตระหนก สูญเสีย และให้ความสำคัญกับการจับจ่ายช่วงเวลาดังกล่าวอย่างมาก เพราะกลัวจะพลาดโอกาสนี้ไป นอกเหนือจากนี้อาการ Panic Buying ยังส่งผลต่อการตัดสินซื้อที่ขาดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนอีกด้วย โดยเรามีตัวอย่าง 2 กรณีเกี่ยวกับ Panic Buying
เชื่อว่าผู้ชายหลายต่อหลายคน ต่างก็หลงใหลในเสน่ห์แห่งท้องทะเล กับความงดงามของผืนน้ำสีครามที่ส่องประกายระยิบระยับยามเกลียวคลื่นต้องกับแสงแดด รวมถึงผืนทรายขาวละเอียดทอดตัวยาวไกลสุดสายตา และแน่นอนว่าการได้มีโอกาสออกไปล่องเรือยอร์ช ปล่อยใจให้ว่าง เพื่อดื่มด่ำบรรยากาศ สูดกลิ่นอายทะเล คือกิจกรรมในวันพักผ่อนที่ผู้ชายอย่างเรา ๆ ยากที่จะปฏิเสธ ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกของการใช้ชีวิตอิสระ ท่องไปยังท้องทะเลกว้างใหญ่นั้น เป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ถูกถ่ายทอดมาสู่อีกหนึ่งสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็น Key Piece ชิ้นสำคัญคู่กายผู้ชายแทบทุกคน แทบทุกโอกาส นั่นก็คือนาฬิกา ที่ไม่ได้เป็นแค่เครื่องบอกเวลา แต่มันคือเรือนเวลาที่บ่งบอกตัวตนของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งตัวแทนแห่งท้องทะเลที่เราพูดถึงนั่นก็คือ OMEGA Seamaster Aqua Terra 15 YEARS OF AQUA TERRA เรือนเวลา Aqua Terra เป็นสมาชิกใหม่ของตระกูล Seamaster ซึ่ง Seamaster นั้นถือเป็นอีกหนึ่งซีรีส์นาฬิกาของ OMEGA ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง และมีเรื่องราวในหน้าประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 69 ปี ส่วนน้องใหม่อย่าง Aqua Terra นั้นถูกเปิดตัวออกมาให้โลกได้ยลโฉมเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2002 หรือ 15 ปีมาแล้ว ชื่อของ Aqua