ตลาดรองเท้าที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งกระตุ้นให้แบรนด์ต่าง ๆ คลอดรองเท้าโมเดลใหม่ ๆ ออกมาเพื่อหวังผลกำไร แต่เมื่อแบรนด์มีกำลังการผลิตที่สูงขึ้น ก็ต้องใช้วัสดุเพิ่มขึ้นซึ่งไม่ใช่ทั้งหมดที่จะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ค่ายรองเท้าสุดคลาสสิกอย่าง Converse เล็งเห็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังเกิดขึ้น จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ออกคอลเลกชันรองเท้าสุดรักษ์โลกอย่าง Renew Denim และ Renew Panel Denim โดยคราวนี้เลือกใช้โมเดลรองเท้าสุดเก๋าอย่าง Converse Chuck Taylor ‘70 Converse Chuck Taylor ’70 “Renew Denim” เป็น 1 จาก 3 คอลเลกชันในโปรเจกต์ Converse Renew ที่ประกอบไปด้วย Renew Canvas ที่ใช้วัสดุผ้าใบต่อด้วย Renew Cotton ที่ใช้ส่วนประกอบของผ้าฝ้ายและสุดท้ายคือ Renew Denim ที่มีรองเท้าผ้าทั้งหมด 3 คู่ด้วยกันประกอบไปด้วยโมเดล Chuck Taylor ’70 Low ที่มาพร้อมกับอัปเปอร์จากผ้ายีนรีไซเคิลสีอ่อนและสีเข้มอย่างละ 1
หนุ่ม ๆ ที่เป็นแฟนรองเท้าค่าย Nike โดยเฉพาะโมเดลยอดฮิตตลอดกาลอย่าง Air Max 90 คงกำลังตั้งตารอคอยคอลแลปส์คอลเลกชันอย่าง Nike Air Max 90 x UNDEFEATED ที่ก่อนหน้านี้ประกาศว่าจะวางขายในวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมาแล้ว แต่รอแล้วก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรออกมา ข่าวล่าสุดประกาศว่าเตรียมวางขายในเดือนตุลาคม พร้อมกับสีใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวออกมา ปีนี้ Nike และ UNDFTD ร่วมงานกันไปแล้วในโปรเจกต์รองเท้าบาส UNDEFEATED x Nike Kobe 4 Protro “Black Mamba” และก่อนจะมาจับรองเท้าโมเดล Air Max 90 ก่อนหน้านี้พวกเขาก็เคยประสบความสำเร็จด้วยกันมาแล้วใน UNDFTD x Nike Air Max 97 ที่สวยถูกใจหลายคน จนราคารีเซลพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วแม้จะทำออกมาเพียงแค่ 2 สีก็ตาม มาวันนี้คอลเลกชัน Nike Air Max 90 x
ถ้าพูดถึง Kanye West ผู้ชายส่วนใหญ่ก็จะต้องรู้จักเขาไม่ว่าจากเพลงที่ร้องหรือรู้จักผ่านสนีกเกอร์ Yeezy ที่เขาดีไซน์ หรือรู้จักจากดราม่าสะเทือนวงการเพลงระหว่างเขากับนักร้องสาว Taylor Swift แต่ไม่ว่าจะรู้จักทางไหนคนส่วนใหญ่ก็ต้องเคยได้ยินชื่อของเขาอยู่ดี สไตล์ห่าม ๆ ที่เราเห็นผ่านบทเพลง การสัมภาษณ์ หรือแม้กระทั่งทัศนคติและมุมมองทางการเมืองที่แสดงออกมาอย่างร้อนแรงของเขาทำใครหลายคนมองว่าแรปเปอร์คนนี้ไม่เป็นมิตรและคงจะอารมณ์ร้อนอยู่ตลอดเวลา และในตอนนี้อพาร์ตเมนต์กลางเมืองนิวยอร์กของเขาก็กลับเข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นที่เรียบร้อย ด้วยโอกาสที่ดีแบบนี้จึงทำให้ UNLOCKMEN สนใจพาทุกคนไปสำรวจบ้านของ Kanye West ไปพร้อมกันว่าที่พักอาศัยของเขาจะดุดันเหมือนเพลงที่ร้องหรือการเมืองที่เขาวิจารณ์มากน้อยขนาดไหน อพาร์ตเมนต์ที่ว่าคือที่พัก 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น ขนาด 2,427 ตารางฟุต ตั้งอยู่ในย่าน Soho ใจกลางกรุงนิวยอร์ก ออกแบบและตกแต่งภายในโดยเจ้าของเก่าคือ Kanye West ร่วมกับ Claudio Silvestrin สถาปนิกชื่อดังชาวอิตาลี จุดเด่นของอพาร์ตเมนต์นี้อยู่ที่ห้องนั่งเล่นโปร่งโล่ง มีหน้าต่างขนาดใหญ่ทั้งหมด 13 บาน ทั้งทางทิศเหนือและทิศตะวันออก ซึ่งหน้าต่างทั้งหมดใช้เทคโนโลยี Smart home สามารถปรับเฉดสีอัตโนมัติตามแสงแดดหรือปรับตั้งค่าความเข้มอ่อนได้ตามใจ ทำให้เราเห็นทัศนียภาพและทิวทัศน์ของมหานครทั้งกลางวันและกลางคืนได้อย่างเต็มตา ดีไซน์แทบทุกห้องจะตกแต่งด้วยสไตล์มินิมัลสีอ่อนทำให้ห้องดูกว้างขวางสบายตา จากนั้นตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์และไอเทมแต่งบ้านโทนสีธรรมชาติอย่างสีน้ำตาลของไม้ สีเขียวของใบไม้ หรือสีเทาของก้อนหิน ซึ่งสไตล์ที่เป็นธรรมชาติช่วยให้ห้องชุดหรูหราและให้บรรยากาศเป็นกันเองไปพร้อมกัน
ถ้าพูดถึงประเทศอังกฤษ เชื่อว่ารายชื่อสโมสรฟุตบอล ภาพหอนาฬิกา Bigben และอุณหภูมิเย็นยะเยือกคงละเลียดเล็ดเข้ามาในหัวของผู้ชายหลายคน แล้วนั่นคงทำให้หนุ่ม ๆ บางคนพอระลึกได้ว่าอีกสมญานามของเกาะอังกฤษแห่งนี้คือ ‘เมืองผู้ดี’ เนื่องจากอังกฤษเป็นประเทศที่เก่าแก่และนับเป็นหนึ่งในอาณาจักรที่เคยเจริญรุ่งเรืองในอดีต มีพระมหากษัตริย์ คนชนชั้นสูง และขนบธรรมเนียมประเพณี ตั้งแต่การแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์ คำพูดคำจา หรือมารยาทบนโต๊ะอาหารที่แม้แต่คนไทยสมัยก่อนก็หยิบนำมาสร้างเป็นบรรทัดฐานของสังคมและวัฒนธรรมบ้านเรา แต่ในประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีมารยาททางสังคมสูงส่ง ได้ซุกซ่อนโลกใต้ดินที่อบอวลไปด้วยเสน่ห์และวิถีชีวิตของผู้คน ทำให้ประเทศเกาะของทวีปยุโรปแห่งนี้มีสีสันและชีวิตชีวามากกว่าแค่เป็น ‘เมืองผู้ดี’ ที่เรารู้จักคุ้นเคย UNLOCKMEN เลยอยากพาหนุ่ม ๆ ไปสำรวจอีกด้านของกรุงลอนดอน เมืองหลวงของอังกฤษ ผ่านคอลเลกชันภาพถ่ายของ Bob Mazzer ชายที่ถ่ายภาพผู้โดยสารในขบวนรถไฟใต้ดินจนเคยชิน ความเคยชินก่อตัวเป็นนิสัย นิสัยที่ทำให้เขามีความสุขทุกครั้งเมื่อได้จ้องมองผู้คนผ่านเลนส์ ก่อนจะลั่นชัตเตอร์ ลอนดอน ถือเป็นอีกเมืองที่รวบรวมผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกเข้าไว้ด้วยกัน และชาวลอนดอนก็ใช่จะเคร่งเครียดและเจ้าระเบียบอย่างที่ใครหลายคนคิด พวกเขากลับดูเป็นธรรมชาติ มีความสุข และมีความทุกข์ไม่ต่างผู้คนในประเทศอื่น ๆ เลย Bob Mazzer ช่างภาพชาวอังกฤษรายนี้จึงใช้กล้องเป็นสื่อบันทึกเศษเสี้ยวและรายละเอียดของความหลากหลายในชีวิตมนุษย์ ลั่นชัตเตอร์ในสภาพแวดล้อมแห่งความเป็นจริง ทำให้ได้ภาพที่พิเศษธรรมดาและไม่ได้ถูกปรุงแต่งจนเกินความเป็นภาพถ่าย ทั้งยังนำเสนอมุมมองอีกด้านหนึ่งของลอนดอนที่มีเสน่ห์และมีชีวิตชีวา ไม่แพ้วัฒนธรรมแห่งเมืองผู้ดีที่ขึ้นชื่อเลย Photography by Bob Mazzer. COVER
แฟชั่นถือเป็นกระแสที่ไม่เคยหยุดนิ่ง บางครั้งผ่านมาแล้วก็หายไป หรือบางทีภาวะ Nostalgia (หวนระลึกอดีต) ก็เปิดโอกาสให้แฟชั่นวันวานกลับมาฮิตอีกครั้ง แต่ใช่ว่าทุกสไตล์จะได้กลับมาเป็นกระแสเสมอไป ด้วยคลื่นกระแสของแฟชั่นที่น่าสนใจทำให้ในวันนี้ UNLOCKMEN เลือกพูดถึงแฟชั่นญี่ปุ่นอันเต็มไปด้วยเป็นเอกลักษณ์ โดยหยิบเรื่องราวของแบรนด์ดังอย่าง HOMME PLISSE ISSEY MIYAKE กับคอลเลกชันล่าสุดอย่าง Autumn/Winter 2019 ที่นำไลฟ์สไตล์ยุคเอโดะปัดฝุ่นมาเล่าใหม่ ตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าเท่ ๆ ให้สวมใส่ได้ลงตัวในยุคนี้ แต่ก่อนจะก้าวไปสัมผัสกับคอลเลกชัน Autumn/Winter 2019 คงต้องขอเท้าความถึงตัวแบรนด์กันก่อน โดย HOMME PLISSE ISSEY MIYAKE (ออมม์ พลิซเซ่ อิซเซ่ มิยะเกะ) เป็นแบรนด์เสื้อผ้าน้องใหม่ที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 2013 โดดเด่นเรื่องไอเทมการจับจีบสุดประณีตที่ถูกคิดค้น ดีไซน์อย่างสร้างสรรค์ และพัฒนาด้วยทีมดีไซเนอร์มากความสามารถของ Issey Miyake แบรนด์แฟชั่นตัวพ่อที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1988 สไตล์อันชัดเจนของ HOMME PLISSE ISSEY MIYAKE คือการเน้นดีไซน์เสื้อผ้าให้สวมใส่สบาย เคลื่อนไหวได้คล่องตัว ซัพพอร์ตสรีระของผู้ชาย เนื้อผ้าไม่ยับ แห้งง่ายระบายอากาศได้ดี แถมยังน้ำหนักเบาเพราะใช้ยูนิฟอร์มพลีต (uniform plests) เสื้อผ้าจึงไม่เสียดสีกับผิวกาย คุณสมบัติเหล่านี้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์หลากหลายของเหล่าชายหนุ่มยุคปัจจุบัน เพราะคนรุ่นใหม่ต่างต้องการแต่งตัวตามสไตล์ของตัวเองพร้อมกับทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ ตัวตนภายนอกที่ไม่ขัดกับการแสดงออก แต่ส่งเสริมให้ดูดีทุกท่วงท่าเป็นหัวใจสำคัญที่ทุกคนมองหา
เราเชื่อว่าหนุ่ม ๆ นักท่องเที่ยวหลายคนคงไม่พลาดจะที่หาเวลาไปเยือนเมืองเกาะอย่างประเทศญี่ปุ่น เพื่อชื่นชมความงดงามของ ‘มหานครโตเกียว’ ที่เป็นเมืองหลวงและสัมผัสกับกลิ่นอายทางวัฒนธรรมที่สอดแทรกอยู่ตามจุดต่าง ๆ ของสถานที่ท่องเที่ยว แต่คงมีผู้ชายน้อยคนที่จะรู้จัก ‘เกียวโต’ อดีตเมืองหลวงของประเทศนี้ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดแห่งขุนเขาของภูมิภาคคันไซ ที่นี่ไม่เพียงเป็นเมืองเก่าแก่ที่รวมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และมรดกโลกเอาไว้ หากยังเป็นที่ตั้งของคาเฟ่ช็อกโกแลตแบรนด์ดังใต้ชายคาบ้านเก่าสองชั้นที่มีอายุร่วมร้อยปี Fumihiko Sano Studio ได้สร้างร้านกาแฟควบช็อปช็อกโกแลตภายใต้แบรนด์ ‘Dandelion Chocolate’ ซึ่งถือเป็นบริษัทผลิตช็อกโกแลตอันโด่งดังที่มีสาขากระจายตัวอยู่ทั่วอเมริกาและญี่ปุ่น เมื่อเล็งเห็นเสน่ห์บางอย่างของเมืองเกียวโต แบรนด์ช็อกโกแลตรายนี้จึงเนรมิตบ้านเก่าสองชั้นที่มีอายุกว่าร้อยปี ให้กลายเป็นคาเฟ่บรรยากาศอบอุ่นและถอดแบบรสชาติช็อกโกแลตดั้งเดิมของซานฟรานซิสโกมาอย่างไม่ผิดเพี้ยน Dandelion Chocolate ตั้งอยู่บนนถนนที่เงียบสงบในย่าน Ichinenzaka ของเมืองเกียวโต ภายในพื้นที่ 200 ตารางเมตร มีช็อปช็อกโกแลตขนาดย่อมสำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อกลับบ้าน มีบาร์โกโก้ให้สั่งเครื่องดื่มหรือแอลกอฮอล์แกล้มกับช็อกโกแลตของทางร้าน แถมภายนอกยังรายล้อมไปด้วยบรรยากาศสวนแบบดั้งเดิมสไตล์ญี่ปุ่น การตกแต่งภายในร้านเลือกใช้ไม้ซีดาร์เป็นวัสดุหลักของตัวโครงสร้าง พร้อมวางต้นซีดาร์ไว้บริเวณจุดศูนย์กลางของร้าน เพื่อสะท้อนถึงความสอดรับกันของเมนูช็อกโกแลตและไม้ซีดาร์ ซึ่งต้องใช้ทักษะงานคราฟต์และส่วมผสมที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีจึงจะสร้างทั้งสองสิ่งนี้ขึ้นมาได้ นอกจากนั้นไม้ซีดาร์ที่ประดับประดาตามจุดต่าง ๆ ยังบ่งบอกเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย จากความตั้งใจอยากรื้อฟื้นบรรยากาศเมืองเกียวโตแบบดั้งเดิมและสอดแทรกความเป็นซานฟรานซิสโกเข้าไว้ด้วยกัน ทีมสถาปนิกจึงรีโนเวตพื้นที่ภายให้ดูร่วมสมัย แต่ก็ไม่ทิ้งโครงสร้างเก่าของตัวบ้านอย่างคานและเสา ออกแบบพื้นที่ให้โปร่ง โล่ง สบาย ด้วยบานหน้าต่างกระจกทรงสูงที่ประดับแนบผนังตามทิศต่าง ๆ ของร้าน ช่วยเชื่อมต่อพื้นที่ภายในและภายนอกเข้าด้วยกัน แถมยังเป็นการสร้างสเปซกว้างขวางในพื้นที่ขนาดย่อมได้อย่างไร้ที่ติ Dandelion Chocolate
บ่อยครั้งที่เรามีโอกาสเห็นการ์ตูนหรือแอนิเมชันชื่อดังเข้ามาวนเวียนจับคู่กับแฟชั่น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือรองเท้าก็ตาม และในครั้งนี้ Reebok ก็ได้จับมือกับ Sanrio ออกรองเท้าผ้าใบคอลเลกชันพิเศษที่เต็มไปด้วยความน่ารักแบบกวน ๆ เพราะไข่ขี้เกียจที่หลายคนรู้จักจะมาอยู่บนรองเท้าผ้าใบ Sanrio เป็นชื่อของบริษัทออกแบบและครอบครองลิขสิทธิ์ลายเส้นของตัวการ์ตูนดังของญี่ปุ่นจำนวนมากทั้ง Hello Kitty, My Melody, Bad Badtz-maru, Little Twin Stars รวมถึงไข่ขี้เกียจแสนคุ้นตาอย่าง Gudetama หลาย ๆ คนอาจจะเคยเห็นเจ้าไข่หน้าตาง่วงนอนผ่านตาอยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพราะแฟนชอบดู หรือเห็นแล้วจำได้เพราะหน้าตาของไข่มันน่ารักแบบกวน ๆ โดย Gudetama เป็นชื่อตัวการ์ตูนที่เกิดจากการรวมกันของคำว่า Gudegude (ぐでぐで) ที่แปลว่า ทรงตัวไม่ได้ และคำว่า Tama (たま) แปลว่าไข่ ตรงกับคาแรกเตอร์ของตัวละครเป๊ะ เพราะเราแทบจะไม่เคยเห็นไข่ขี้เกียจยืนทรงตัวดี ๆ ได้สักครั้ง แต่ใครจะคิดว่าไข่หน้าโง่ไม่ยอมทำอะไรสักอย่างจะเกิดจากไอเดียพร้อมจิกกัดสังคมทุนนิยมของ Amy ผู้สร้างตัวการ์ตูน Gudetama เพราะไข่ขี้เกียจ หมดเรี่ยวหมดแรงไร้ความกระตือรือร้น เปรียบเหมือนกับเหล่าวัยรุ่นผู้สิ้นหวังกับสังคมและเศรษฐกิจจนไม่อยากจะลุกออกไปไหนหรือทำอะไรทั้งที่ตัวเองก็มีความสามารถ (ว่าไปนั่น) ด้วยเรื่องราวสะท้อนสังคมที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้าตาเมา ๆ ของไข่ขี้เกียจ
ใคร ๆ ก็รู้ว่านาฬิกาทุกเรือนมีไว้เพื่อบอกเวลา แต่สิ่งที่ทำให้นาฬิกาทุกเรือนแตกต่างกันคือคอนเซ็ปต์ เช่นเดียวกับแบรนด์นาฬิกาแบรนด์หนึ่งนามว่า Richard Mille มีจุดขายคือความแพง แต่เมื่อก่อนยังถือเป็นแบรนด์ที่คนไทยไม่ค่อยรู้จักและไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่เมื่อเทียบกับ Rolex หรือ Patek Philippe ทว่าด้วยเหตุผลบางประการทำให้ในตอนนี้คนไทยส่วนมากจดจำชื่อรวมถึงรูปร่างหน้าตาของ Richard Mille ได้แล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่า Richard Mille เริ่มเป็นที่จดจำ UNLOCKMEN จึงอยากพาทุกคนไปพบกับนาฬิกาเรือนล่าสุดของแบรนด์ว่าอะไรคือความพิเศษที่ทำให้นาฬิกาสุดอินดี้แบรนด์นี้กลายเป็นของหายากมีราคาเหยียบล้าน Richard Mille เป็นนาฬิกาสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ได้แรงบันดาลใจจากกีฬามอเตอร์สปอร์ต ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1999 ซึ่งแต่ละรุ่นก็โดดเด่นต่างกันไป บางรุ่นชูเรื่องความแข็งแรงมาพร้อมกับน้ำหนักแสนเบา อย่าง RM 50-03 Mclaren F1 มีน้ำหนักเบากว่าเหล็ก 6 เท่าแต่แข็งแกร่งมากกว่าถึง 200 เท่า ด้วยส่วนประกอบของไทเทเนียมและอื่น ๆ ทำให้นาฬิกาเรือนนี้มีราคาสูงถึง 1 ล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทยราว 33 ล้านบาท RM27-02 Rafael Nadal Edition ชูเรื่องน้ำหนักสุดเบา ด้วยนาฬิกาทั้งเรือนมีน้ำหนักเท่ากับเหรียญ 1
REV RUNNR (เรฟ รันเนอร์) ร้านค้ามัลติแบรนด์รันนิ่งสโตร์ (Multi Brand Running Store) ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กีฬาวิ่งที่มีมากกว่าแค่รองเท้าโดยมาพร้อมอุปกรณ์ตั้งแต่หัวจรดเท้าสำหรับนักวิ่งทุกระดับและพนักงานที่ผ่านการอบรมพร้อมความรู้ ความเชียวชาญที่สามารถให้คำแนะนำลูกค้าได้อย่างดี ที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์ และพัฒนาศักยภาพการวิ่งของคุณในทุกก้าว ด้วยการรวบรวมสินค้า อุปกรณ์ และบริการ ที่ตอบโจทย์นักวิ่งได้ครบครัน เพื่อต้อนรับครึ่งปีหลัง 2019 ด้วยรองเท้าวิ่งสุดฮอตที่ UNLOCKMEN คัดสรรมาเอาใจนักวิ่งทุกประเภททั้งหมด 7 คู่ จาก 7 แบรนด์ สร้างความท้าทายให้กับการวิ่ง HOKA ONE ONE Clifton 6 เริ่มต้นกันที่กลุ่มรองเท้าสำหรับวิ่งระยะไกลอย่าง HOKA ONE ONE Clifton 6 ที่ปรับปรุงหน้า ผ้าให้มีความกระชับและสวมใส่สบายมากขึ้น และรองรับแรงกระแทกสูง เหมาะกับการวิ่งทุกระยะ ในราคา 4,990 บาท Nike Air Zoom Pegasus 36 สุดยอดรองเท้าวิ่ง
ฝนที่ตกกระหน่ำตลอดหลายวันที่ผ่านมา คงทำให้หนุ่มสายสนีกเกอร์เฮดหลายคนอดกังวลเกี่ยวกับการใส่รองเท้าคู่โปรดออกจากบ้านไม่ได้ ถึงแม้จะมีสเปรย์กันน้ำช่วยลดความกังวลได้บ้างก็ตาม แต่สุดท้ายก็ต้องเจอปัญหาในขั้นตอนการทำความสะอาดอยู่ดี มีเทคโนโลยีและถึงอุปกรณ์เสริมมากมายถูกผลิตออกมาเพื่อป้องกันรองเท้าของเราจากน้ำหรือคราบสกปรก หนึ่งในนั้นคือ MudGuards ที่จะปกป้องส่วนขอบรองเท้าได้เป็นอย่างดี ล่าสุดค่ายกีฬาอย่าง Adidas ก็จับมันใส่ไว้ในรองเท้าโมเดลยอดฮิตอย่าง NMD R1 และกำลังจะปล่อยออกสู่ตลาดในช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้แล้ว คอลเลกชันใหม่ Adidas NMD R1 เปิดตัวออกมาพร้อมกัน 4 สี ประกอบไปด้วย Core Black, Ash Silver, Cloud White และ Orchid Tint คราวนี้มาพร้อมส่วนอัปเปอร์ผ้าถักแบบแข็งแรงพิเศษที่ยึดติดกับส่วนมิดโซลซึ่งยังคงใช้เป็นโฟมเทคโนโลยี Boost ส่วน MudGuards ที่ถูกเพิ่มเข้ามาถือเป็นส่วนเด็ด โดยใส่ไว้ตรงข้างเท้าด้านนอกเริ่มจากปลายนิ้วยาวไปถึงส้นด้านหลังซึ่งจะช่วยป้องกันคราบสกปรกไม่ให้ซึมเข้าใปในขอบรองเท้า ถือว่าตอบโจทย์มาก ๆ สำหรับการเสริม MudGuards โดยเฉพาะการใส่ในช่วงฤดูฝนหรือการสวมใส่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างสมบุกสมบันเสี่ยงต่อการเลอะเทอะ เพราะหนุ่ม ๆ ที่ทำความสะอาดรองเท้าด้วยตัวเองคงทราบกันดีว่าคราบฝังแน่นในบริเวณขอบรองเท้าทำความสะอาดยากมาก ๆ ดังนั้นการมี MudGuards จะช่วยให้เรากังวลแค่ในส่วนอัปเปอร์และโฟมสีขาวโดยรอบเท่านั้น ทั้งหมดทำให้ NMD R1 คอนเลกชันนี้เหมาะสมกับผู้ชายที่ต้องการรองเท้าใส่เดินลุยแบบไม่ต้องกังวล แฟน ๆ
หากย้อนไปในช่วงยุค 80s หนุ่ม ๆ หลายคนคงพอจำได้ว่า ‘AKIRA’ หรือ ‘อากิระ คนไม่ใช่คน’ การ์ตูนแอ็กชันไซไฟอันโด่งดังได้เข้าฉายและกวาดรายได้ทั่วโลกไปอย่างถล่มทลาย ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของโลกอนาคตอันปั่นป่วนที่มีเด็กหนุ่มชื่อว่า ‘อาริกะ’ เป็นตัวเดินเรื่อง ในภาพยนตร์อ้างถึงเหตุการณ์ที่กรุงโตเกียวถูกทิ้งระเบิดปรมาณูในเดือนกรกฎาคมของปี 1982 ตั้งแต่นั้นไฟสงครามก็เริ่มปะทุขึ้นและสงครามโลกครั้งที่ 3 ก็ทำให้โตเกียวต้องล่มสลายลงในที่สุด ชาวญี่ปุ่นจึงต้องสร้างเมือง ‘Neo-Tokyo’ ขึ้นมาทดแทนเพื่อให้เป็นทั้งเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขา Neo-Tokyo ได้รับสมญานามว่าเป็นเมืองอุตสาหกรรมเฟื่องฟูภายใต้ฉากหลังของซากปรักหักพังที่ถูกทิ้งร้าง อย่างไรก็ตามเมืองแห่งนี้ยังคงเอกลักษณ์ของแสงไฟหลากสีที่ส่องสว่างในยามค่ำคืน แบรนด์นาฬิกาสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Casio จึงหยิบอัตลักษณ์ของเมือง Neo-Tokyo มาถ่ายทอดลงในซีรีส์ ‘G-SHOCK Neo-Tokyo’ ที่เลือกโมเดลนาฬิกาดิจิทัลและแอนะล็อกรุ่นยอดนิยมของแบรนด์ ทั้ง GA140, GA700, GAS100 และ DW6900 มาประยุกต์ให้ดูเท่และร่วมสมัยยิ่งขึ้น การดีไซน์ของนาฬิกาแต่ละเรือนจะถูกห่อหุ้มด้วยสี jet black ตั้งแต่ตัวเรือน สายรัดเรซิ่น ไปจนถึงขอบเบเซล ทำให้ง่ายต่อการจับคู่กับเสื้อผ้าหรือมิกซ์แอนด์แมตช์กับเครื่องประดับชิ้นอื่น ๆ บริเวณหน้าปัดของนาฬิกาทั้ง 4 รุ่น จะใช้แสงไฟอิเล็กโทร-ลูมิเนสเซนต์ (Electro-luminescent) ให้ความรู้สึกคล้ายกับแสงนีออนหลากสี เพื่อสะท้อนถึงเมือง Neo-Tokyo
กระแสความนิยมในตลาดสนีกเกอร์ทั่วโลก กำลังทำให้หนุ่ม ๆ อย่างเรามีตัวเลือกรองเท้ามากมายให้ซื้อและใช้งาน แม้หลายคู่หลายรุ่นจะไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร แต่ก็มีรองเท้าหลายรุ่นที่ปล่อยออกมาแล้วกลายร่างเป็นของแรร์จากความต้องการในตลาด รวมถึงความลิมิเต็ดที่ทำให้มีผู้ครอบครองมันเพียงหยิบมือ รองเท้าหลายคู่อัปราคาของตัวเองขึ้นมาเกินเท่าตัว โดยวันนี้เรามีสถิติที่น่าสนใจจาก RealReal ร้านขายรองเท้าออนไลน์สุดหรูที่เก็บข้อมูลเรื่องสนีกเกอร์ที่มีมูลค่าการขายต่อมากที่สุด และนี่คือรองเท้า 9 คู่ที่มีราคารีเซลแพงที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ โดยเรียงลำดับจากเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้นมาจากราคาป้ายเดิม จะมีรองเท้าจากค่ายไหนเข้ามาอยู่ในลิสต์กันบ้าง มาดูกันเลย Yeezy Boost 350 V2 Core Black/Core White เข้าป้ายมาเป็นอันดับที่ 9 และเป็นรองเท้าจากค่าย 3 ขีดคู่เดียวในลิสต์นี้สำหรับ Yeezy Boost 350 V2 ในสี Core Black/Core White อันสวยสดงดงาม เปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 17 ธันวาคมปี 2016 ตอนนั้น Yeezy รุ่นต่าง ๆ ยังไม่มีการผลิตมากเท่าทุกวันนี้และการมากับกล่องแบบ Original ก็มีส่วนทำให้ราคาของมันสูงอยู่เสมอ ราคาป้าย: 220 ดอลลาร์ ราคาปัจจุบันประมาณ: