หนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่มีระบบ Infotainment ล้ำสมัยและดีไซน์ล้ำสุด ๆ น่าจะต้องยกให้ “Mercedes-Benz User Experience (MBUX) infotainment technology” ของ Mercedes-Benz การออกแบบที่สร้างความรู้สึกหรูหราอลังการ เช่น จอแสดงผล infotainment ขนาด 12.8 นิ้วแบบ touchscreen บริเวณกลางคอนโซล หรือจอขนาด Digital gauge cluster ขนาด 12.3 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลสำคัญให้ผู้ขับขี่เห็นได้อย่างชัดเจนในรถยนต์ Generation ปัจจุบัน ซึ่งยากจะหาใครมาเทียบ และสำหรับรถยนต์ตระกูล EQS generation ใหม่แห่งอนาคตของ Mercedes-Benz ได้มีการอัพเกรดระบบ MBUX ที่นวัตกรรมล้ำยิ่งกว่า ด้วย MBUX Hyperscreen 56-inch infotainment technology จอขนาดใหญ่ที่โค้งมนสวยงาม แสดงผลคมจัดชัดเจน กินพื้นที่ทั้งคอนโซลตั้งแต่ซ้ายจรดขวาสุดของเสา A-pillar ตั้งแต่คนขับรถไปจนถึงผู้โดยสาร Hyperscreen แบบ OLED
เข้าปี 2021 มาไม่ถึงเดือน ก็มีเรื่องราวมันส์ ๆ เกิดขึ้นเยอะจนนับกันไม่ทัน และหนึ่งในนั้นก็คือการเปลี่ยนอันดับมนุษย์รวยที่สุดในโลก วันนี้ได้เป็นของ Elon Musk อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ด้วยมูลค่า Net Worth มหาศาลถึง $188.5 billion USD หรือเป็นเงินไทยราว 5 ล้านล้านบาท (ครับ ไม่ได้พิมพ์ผิดหรือพิมพ์เกิน) มากกว่า GDP ประเทศไทยหลักพันล้านไปไกลหลายเท่าตัว สาเหตุที่ทำให้ Elon Musk เจ้าของธุรกิจระดับโลกและนอกโลก สามารถแซง Jeff Bezos แห่งสำนัก Amazon ไปล่าสุดนี้ มาจากธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ที่มูลค่าหุ้นพุ่งกระฉูดขึ้นไป 4.8% ในวันพฤหัสที่ผ่านมา หลังจากปีที่แล้วหุ้น Tesla เติบโตทั้งปีถึง 743% ทำให้มูลค่าของ Tesla สูงกว่าของแบรนด์รถยนต์เก่าแก่อย่าง Toyota, Volkswagen, Hyundai, GM และ Ford รวมกัน
ในโลกนี้มีเพียง Gunther Werks และ Singer 2 สำนักที่ถูกเรียกว่าเป็น Master แห่งการชุบชีวิต air-cooled Porsche ให้ฟื้นคืนชีพในแบบ Restomod ที่เรียกว่าสมบูรณ์แบบเพราะลงมือผลิตใหม่ทีละชิ้น สำหรับสายคลาสสิคที่เน้นความเดิมแห้ง ๆ ของรถอาจจะไม่ถูกใจ แต่สำหรับคนที่ต้องการรถรูปทรง vintage พร้อมอัพเกรดประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นและไม่ต้องลุ้นว่าจะกินข้าวแกงลิงวันไหน น่าจะถูกใจผลงานสไตล์นี้แน่นอน Gunther Werks Porsche 993 400R เป็นผลงานที่ถูกผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 25 คัน การชุบชีวิต 993 air-cooled generation รุ่นสุดท้ายของ Porsche’s 911 ตัวถังสร้างขึ้นจาก carbon fiber ทำให้รถมีน้ำหนักรวมเพียง 1214 กิโลกรัม เครื่องยนต์ naturally-aspirated 4.0L flat-six สร้างโดย Rothsport จับคู่กับเกียร 6-speed จาก Getrag G50 ให้ความแรงระดับ 431
ในโลกใบนี้คงไม่มีรถตำรวจประเทศไหนจะหรูหราไปกว่าตำรวจ Dubai ที่ขบวนยานพาหนะเต็มไปด้วย Supercars ระดับที่สุดของโลก ไม่ว่าจะเป็นน Lykan HyperSport, Bugatti Veyron, Ferrari FF, Rolls-Royce Wraith, Porsche 918, Lamborghini Aventador LP 700-4 และอีกมากมาย ซึ่งเหตุผลก็เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้เจ้าหน้าที่ และเป็นหน้าเป็นตาให้ประเทศ Dubai ไปในตัว แต่อีกประเทศที่มีรถตำรวจน่าสนใจไม่แพ้กันก็คือรถตำรวจในประเทศญี่ปุ่น มันเปรียบเสมือนโลกของ JDM Cars ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะได้รับความนิยมบนท้องถนนมากกว่า Supercar เสียอีก โดยเฉพาะตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบที่มักจะมีรถซิ่งออกมาแข่งกันบนถนนหลวงเช่นใน Tochigi Prefecture ทางตอนเหนือของโตเกียว การจะไล่จับเหล่านักแต่งรถตัวโหดของญี่ปุ่นนั้นไม่ง่าย คำโบราณว่าไว้ “พิษต้องล้างด้วยพิษ” ตำรวจหน่วย mobile traffic unit จึงต้องมีรถซิ่งที่เร็วไม่แพ้กันไว้กวดขันกับพวก underground street racers โดยเฉพาะ ไปดูกันว่าตำรวจญี่ปุ่นมีรถ JDM ตัวซิ่งรุ่นไหนไว้ใช้งานกันบ้าง Nissan R34 Skyline GT-R
มีข่าวลือเกี่ยวกับ Hypercar สำหรับแข่งคันใหม่ล่าสุดจาก Gazoo Racing และ Toyota สะพัดมาร่วมสองปี ซึ่งต่างจาก GR Supra, GR Yaris เพราะนี่คือรถที่สร้างขึ้นใหม่หมดทั้งคันตามกฎของ FIA Racing เรียกได้เต็มปากว่าเกิดจากสนามแข่งอย่างแท้จริง GR Toyota Hypercar คันนี้ยังไม่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ แต่มันถูกเรียกด้วยรหัสว่า ‘GR 010’ เป็นรถแข่งที่สร้างใน ‘Le Mans Hypercar’ class ขุมพลัง Hybrid เครื่องยนต์ twin-turbo 2.4-liter Competition V6 พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว คาดว่าจะประกบล้อหลังข้างละตัว และใช้ขับล้อคู่หน้า 1 ตัว ซึ่งสเปกที่ได้ออกมาอยู่ที่ 680 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ four-wheel drive racing hybrid มีน้ำหนักตัวรวมเพียงแค่ 1030
ก่อนหน้านี้เราได้นำเอา Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในโมเดลที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับนักขับรถตัวจริง มันสามารถใช้งานได้ดีในชีวิตประจำวัน สมรรถนะที่ถูกถ่ายทอดจาก AMG เครื่องยนต์ 6 สูบ 3.0 ลิตร เทอร์โบ พ่วง EQ Boost 435 แรงม้า แรงบิด 520 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ 0-100km/h ใน 4.5 วินาที แม้จะไม่ใช่ One man, one engine แต่ก็เต็มไปด้วยจิตวิญญาณรถแข่งโดยทีม AMG ในทุกรายละเอียด เชื่อว่าหลายคนอาจจะมีคำถามในใจว่า ตัวเลขสมรรถนะของ Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ ยังขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นโมเดลพิเศษที่สุดของค่ายอย่างตระกูล Mercedes-AMG GT ที่ถูกดีไซน์และสร้างโดย Mercedes-AMG เพื่อเป็นรถ Supercar โดยเฉพาะ มันจะสุดขนาดไหน วันนี้เรามีคำตอบมาให้แล้ว ขอสรุปล่วงหน้าสั้น
ถ้าหากพูดถึงกีฬามอเตอร์สปอร์ตแล้ว หลายคนอาจจะมองว่าเป็นกีฬาของผู้ชาย มันก็อาจจะใช่เมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ทุกวันนี้ต้องบอกเลยว่า เรื่องเพศไม่ได้เป็นข้อจำกัดในการใช้ชีวิต และการแสดงศักยภาพอีกต่อไป และในตอนนี้เราต้องบอกเลยว่า โลกของเรากำลังจะเปลี่ยนไปและเปิดกว้างขึ้น เมื่อ Charlie Martin นักแข่งสาวข้ามเพศ ได้จารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวงการมอเตอร์สปอร์ต โดย Charlie Martin ถือเป็นสาวข้ามเพศคนแรกที่เข้าร่วมการแข่งขันในรายการ 24 Hours of Nürburgring ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับเธอคนนี้ Charlie Martin ตั้งแต่จุดเริ่มต้น และอุปสรรคต่าง ๆ ที่ต้องฝ่าฟันมา บอกเลยว่ากว่าเธอจะมาถึงตรงนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย แถมยังดูเหมือนจะยากกว่าชายหรือหญิงทั่วไปจนถึงขั้นเกือบโบกมือลาจากวงการมอเตอร์สปอร์ตที่เธอรักไปแล้วด้วยซ้ำ ว่าแล้วก็ไปรู้จักกับเธอไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า WHO IS CHARLIE MARTIN? Charlie Martin เกิดเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1981 ที่เมือง Leicester ประเทศอังกฤษ ในตอนเด็ก Charlie เหมือนกับเด็กทั่วไปที่เติบโตในยุค 80 ครั้งหนึ่งหลังจากที่เธอได้ดูภาพยนตร์เรื่อง ‘Top
ในขณะที่พวกเราเฝ้ารอ 2021 Audi S3 ที่เผยให้เห็นดีไซน์โฉมใหม่ หล่อ คมเข้ม และยังมีพละกำลังเพิ่มขึ้นมาก โดยสเปกจากโรงงานของ Audi S3 ใหม่เมื่อพ้นประตูโรงงานผลิต จะมีตัวเลขน่าประทับใจถึง 306 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร แต่สำหรับสำนักจูนคู่บุญค่ายสี่ห่วงอย่าง ABT Sportsline นอกจากจะไม่ต้องรอนาน ยังสามารถจับมือกับ Audi เอา 2021 S3 มาจูนเสริมพลังใหม่เป็นที่เรียบร้อย ด้วยการปลุกเสกเครื่อง 2.0 ลิตร ให้มีตัวเลขใกล้เคียงกับรุ่นใหญ่บ้าพลัง RS3 รวมถึงชุดแต่งภายนอกที่ไม่ล้นทะลักเกินงาม ให้อารมณ์สปอร์ตแบบลงตัวใน 2021 Audi S3 Tuned by ABT Sportsline ในแง่สมรรถนะ 2021 Audi S3 Tuned by ABT Sportsline มีสเปกอยู่ที่ 306 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร
ในช่วงโควิด-19 กำลังระบาดระลอกใหม่ เจ้าของธุรกิจหลายอาจจะประสบปัญหาจนอยากจะขายหุ้นให้นักลงทุนเพื่อรักษาประสิทธิภาพการทำงานเอาไว้ วิกฤตการทำธุรกิจนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ Elon Musk ที่ออกมาเปิดเผยเรื่องราวในอดีตว่าเคยติดต่อขอนัดพบ Tim Cook เพื่อให้ Apple ซื้อหุ้น Tesla แต่กลับถูกปฏิเสธ ซึ่งมองในวันนี้ถือเป็นโชคดี เพราะมูลค่าของ Tesla เพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่าจากวันนั้นได้ด้วยตัวเอง หลัง Apple ออกมาแง้มแผนการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของตัวเอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ สาวก Apple หลายคนน่าจะจำได้ว่าในปี 2014 เคยมีข่าวเกี่ยวกับ ‘Project Titan’ โครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างรถยนต์พลังงานไฟฟ้า แต่การสร้างรถยนต์ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้แต่บริษัทนักสร้างนวัตกรรมอย่าง Apple ก็ต้องพบเจอปัญหามากมายจนต้องยุบแผนกไปหลายครั้ง ถึงกับเคยถอดใจเปลี่ยนแผนไปมุ่งพัฒนา autonomous driving software แทน กระทั่งไม่กี่วันก่อน ก็มีข่าวว่าเกี่ยวกับ Apple Car อีกครั้งให้สำเร็จในปี 2024 ด้วยจุดเด่นที่แบตเตอรี่พลังงานสูงอย่างที่ไม่เคยมีในตลาด หลังแพลนของ Apple ถูกนำเสนอไปทั่วโลก Elon Musk ได้ออกมาเล่าถึงเรื่องราวในอดีตย้อนไปในปี
สมัยนี้รถแรงทุกคนต้องมีการพ่นไฟทางท่อไอเสีย หรือที่ภาษาเทคนิคเรียกว่า Antilag system สำหรับรถเทอร์โบสมรรถนะสูง แต่ในอดีตมีการพ่นไฟที่ใหญ่โตกว่า Antilag ในปัจจุบัน อันที่จริงควรจะเรียกว่าเครื่องพ่นไฟติดในรถยนต์เลยจะดีกว่า เพราะหน้าที่ของมันมีไว้ยิงไฟใส่หัวขโมยที่ชุกยิ่งกว่ายุง ในปี 1998 เป็นช่วงเวลาที่โจรขโมยรถยนต์ระบาดหนักใน South Africa เรียกว่าจอดไว้เป็นหาเรียบ ที่จริงไม่ใช่แค่โจรขโมยรถที่ชุกชุม เรียกว่าอาชญากรทุกรูปแบบเลยดีกว่า ในยุคนั้นศาลใน South Africa ถึงกับอนุญาตให้ป้องกันตัวด้วยการฆ่าคู่กรณีได้ถ้าจำเป็นต้องป้องกันตัว และเฉพาะในปี 1997 ก็มีตัวเลขรถถูกขโมยไปมากถึง 13,000 คัน ทั้งปล้นต่อหน้าหรือขณะจอดไว้ก็ตาม เมื่อเจอปัญหานี้มาก ๆ เข้า ก็มีนักธุรกิจหัวใส “Mr. Charl Fourie” หาทางออกที่สะใจเจ้าของรถมาให้ ด้วยการเพิ่มชุดออพชั่นเสริมกันขโมย ไม่ใช่สัญญาณ แต่เป็นเครื่องพ่นไฟ “Blaster” ติดตั้งไว้บริเวณใต้ต้องรถทั้งสองด้าน มีหัวต่อท่อจากถังแก๊สที่เก็บไว้บริเวณท้ายรถ ยิงเปลวไฟสูงความสูงระดับหัวมนุษย์ได้พร้อมกันทั้งด้ายซ้ายและขวา ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกระดับความแรงและทิศทางของเปลวไฟได้ตามสภาพแวดล้อมที่ต้องการ ไม่ต้องกลัวว่าเราจะกลายเป็นฆาตกรเสียเองจากเปลวไฟที่รุนแรงขนาดนี้ เพราะเจ้าของเค้าการันตีว่าความแรงของเปลวไฟไม่ทำให้ถึงตาย เพราะมันทำให้โจรตาบอดได้เท่านั้น และคงไม่มีโจรหน้าไหนยืนแช่เปลวไฟโดยไม่รีบวิ่งหนีออกมาแน่นอน The Blaster ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากในยุคนั้น ถ้าเทียบกับปัจจุบันก็ระดับ Start-Up ของ Seo
มีรถยนต์หรูหราสำหรับผู้บริหารมากมายที่ถูกนำไปปรับแต่งเสริมเกราะกันกระสุนรอบคันเพิ่มความปลอดภัยให้ชีวิต แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่เราจะเป็น Supercar อย่าง Ferrari 458 Speciale ถูกนำไปอัพเกรดในเวอร์ชั่นกันกระสุน อาจจะเป็นเพราะการยิงใส่รถ Supercar ที่ทำเวลา 0-100 km/h ใน 3 วินาทีนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่ AddArmor เชื่อว่าคนที่ซื้อรถ Supercar แบบนี้ได้ ย่อมต้องเป็นบุคคลสำคัญ และต้องการความปลอดภัยไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ขับ Supercar กินลมเล่นก็ตาม หลายคนต่างมีคำถามว่า ซื้อ Ferrari 458 Speciale ซึ่งเป็น Lightweight model มาเสริมเกราะกันกระสุนให้หนักเพื่ออะไร มันจะผิดวัตถุประสงค์ของรถคันนี้มากไปหรือไม่? แต่ AddArmor ไม่คิดแบบนั้น และอธิบายว่า ถ้าคุณซื้อรถธรรมดาที่หนักอยู่แล้วมาเสริมเกราะกันกระสุน แม้มันจะปลอดภัย แต่ก็จะหนักเกินไป ซึ่งส่วนใหญ่มักจะทำความเร็วได้ไม่ดีนัก และเป้าหมายที่เคลื่อนไหวได้ช้าย่อมเป็นเป้าหมายที่อันตราย รวมถึงคนที่อยู่ในรถด้วย (มีเหตุผล!) ผลงานการเสริมความแข็งแกร่งให้ Ferrari 458 Speciale จึงเป็นการแสดงฝีมือของ AddArmor ว่าสามารถติดตั้งเกราะกันกระสุนได้ไม่ว่าจะเป็นรถรูปทรงไหน แม้แต่ Lightweight
หลังจาก Lamborghini พึ่งจะเปิดตัว Huracan STO ในเดือนที่ผ่านมา และเราคิดว่าน่าจะเป็นโมเดลสุดท้ายของปี 2020 แต่ต้องบอกเลยว่าคิดผิด เพราะ Lamborghini ยังมีผลงานที่ร้อนแรงและพิเศษยิ่งกว่ารอเอาไว้ นั่นคือ Lamborghini SC20 ในตัวถัง Roofless ไร้หลังคาไว้ซ่าแบบ Open top ผลิตเพียงคันเดียวในโลก! Lamborghini SC20, the most extreme open version of a road-legal V12 supercar, ผลงานระดับ Masterpiece ชิ้นล่าสุดของ Squadra Corse motorsport division ซึ่งต่อยอดมาจาก Track-only Lamborghini Essenza SCV12 เครื่องยนต์ NA V12 850 แรงม้า สุดยอด Racecar ที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในสนามแข่งเท่านั้น ต่างกับ SC20