Vision Neue Klasse ใช้แนวทางการดีไซน์ใหม่ทั้งหมด เน้นความเป็นอนาคตที่ลดทอนเส้นสายความเป็นสปอร์ตลงซึ่งชาว bimmer หลายคนน่าจะไม่คุ้นตากันแน่นอน โดยเฉพาะไตคู่หน้าที่ยืดเต็มกระจังหน้าและมีเส้นไฟ LED แนวตั้งอยู่บริเวณมุม เป็นการตีความใหม่ของ 3-series ที่ชูความล้ำสมัยให้อารมณ์แบบ retro-modern แบบรถ EV เต็ม ๆ ซึ่งมีผลกับการออกแบบเช่นตัวถังซีดานทรง 3 กล่องที่ยืดระยะ overhang และฐานล้อหน้าและหลังได้เต็มที่เพราะไม่ต้องแชร์เผื่อระบบ ICE อีกต่อไป รวมถึงการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์เช่นช่อง shark nose บนฝากระโปรงหน้า เส้นหลังคาที่เรียบ กระจกข้างถูกแทนที่ด้วยกล้อง รวมถึง diffuser รอบคันที่ดูเหมือนจะเป็น forged carbon เพื่อ aerodynamic ที่ดีขึ้น ในขณะที่ดีไซน์อาจยังไม่ถูกใจใครหลายคน แต่ด้านความเป็นรถ EV ถือว่าพัฒนาได้ดี BMW เคลมว่าดีไซน์ของ Vision Neue Klasse บวกกับแบตเตอรี่ และ eDrive geneeration ที่ 6 จะช่วยเพิ่มระยะทางในการขับไดัถึง
ก่อนจะหยุดสายการผลิตของ SLS AMG supercar ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง Mercedes-Benz ตัดสินใจส่งท้ายด้วย Final Edition ซึ่งเป็น limited series มีเพียง 350 คัน แบ่งเป็น coupe 200 คัน และ roadster 150 คัน แม้แต่ตลาดใหญ่อย่างอเมริกายังได้โควต้าไปเพียงแค่ 10 คัน โดยมันถูกวางตำแหน่งให้เป็นรุ่นท็อปสุดรองจาก SLS AMG Black Series ความพิเศษของ SLS AMG GT Final Edition คือชุดแต่งที่จัดให้อย่างดุเดือดผลิตจาก carbon-fiber สีดำเริ่มตั้งแต่ฝากระโปรงหน้าพร้อมช่องระบายอากาศ ช่องดักอากาศใต้กันชนหน้า และ rear wing ซึ่งอาจจะดูคล้าย SLS AMG Black Series พร้อมล้อ forged สีดำด้าน ภายในหุ้มหนังสีดำเกรดดีขึ้นจาก designo program
ใหม่ล่ามาแรง กับออโตเมติกสกู้ตเตอร์เซกเม้นต์ใหม่ล่าสุดของ Honda โดย ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย ได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด New Honda Giorno+ เป็นครั้งแรกในโลกเมื่อวันอังคารที่ 29 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่ง New Honda Giorno+ ได้ถูกสร้างสรรค์พัฒนาต่อยอดแรงบันดาลใจจากตัวแทนความเท่ของวัยรุ่นยุค 90s อย่าง Giorno 50cc ปี 1992 สู่ภาษางานออกแบบใหม่ผสานอดีตและอนาคตเอาไว้ในแนวทางโมเดิร์นคลาสสิก ลงตัวกับงานดีไซน์ที่แมทช์กันได้กับทุกลุค ปลุกเร้าจิตวิญญาณ High Fashion Scooter ด้วยชุดไฟหน้า – ไฟท้าย LED ที่โดดเด่น การออกแบบของ New Honda Giorno+ได้เลือกใช้เส้นสาย Horizontal Line สื่อถึงความล้ำสมัย ผสานกับเส้นโค้งมนที่สื่อถึงความเรียบง่าย คลาสสิก พร้อมพื้นผิว รวมถึงสีสันที่ดูพรีเมียมสวยงาม พร้อมให้พวกเราได้บ่งบอกสไตล์ที่แตกต่างผ่านสีสันทั้ง 6 สี ไม่ว่าจะเป็น ขาว / เทา
เปิดตัวใหม่เรียบร้อยแล้ว New Tesla Model 3 Highland หลังโมเดลปัจจุบันทำตลาดมานานถึง 6 ปี โดยรุ่นใหม่นี้ผ่านการอัพเกรดใหม่ทั้งด้านดีไซน์ภายนอกภายใน ระยะทางที่ได้ รวมถึงฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ใส่เข้าไปอีกเพียบ ตอนนี้มีเพียงรุ่น RWD และ LR เท่านั้น ใครต้องการรุ่น Performance ต้องนั่งทับมือไปก่อนระหว่างนี้ Sleeker Design : โดยรวมมิติรถใกล้เคียงกับรุ่นปัจจุบัน ยาวขึ้น 1 นิ้ว ความสูงลดลงเล็กน้อย และเตี้ยลง 5.5 นิ้ว ดีไซน์โดยรวมถูกปรับให้ลงตัวและเฉียบคมมากขึ้น ซึ่ง Tesla บอกว่าดีไซน์นี้ผ่านการปรับปรุง aerodynamics ที่นอกจากจะเท่แล้วยังช่วยให้รถขับดีขึ้น ลดเสียงลมปะทะเข้ามาในห้องโดยสาร และยังได้ระยะทางในการขับเพิ่มมากขึ้นด้วย ด้านหน้าคมคายดูเป็นผู้ใหญ่ที่สปอร์ตและ luxury ขึ้นอย่างชัดเจน โคมไฟหน้าและเส้นไฟ LED ใหม่เพิ่มความดุดันทันสมัย ด้านท้ายปรับทรงไฟ C-shaped ใหม่ โลโก้ Tesla ใหม่ถูกย้ายมาด้านบนกลางฝากระโปรง ล้อ 18
ว่ากันว่ารถที่ใช้ สามารถบ่งบอกตัวตน และไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ออกมาได้เป็นอย่างดี และ New Honda Giorno+ คือการเปิดมิติใหม่ด้วยนิยามความเป็น High Fashion Scooter ที่พร้อมสะท้อนทุกสไตล์ให้ทะลุระดับ New High ยิ่งกว่าเดิม เรียกได้ว่าเปิดตัวกันไปแบบสด ๆ ร้อน เมื่อวานนี้ กับออโตเมติกสกู้ตเตอร์รุ่นล่าสุด และถือเป็นเซกเมนต์ใหม่สุดของ Honda กับ Giorno+ ที่ถูกสร้างสรรค์พัฒนาต่อยอดแรงบันดาลใจจากตัวแทนความเท่ของวัยรุ่นยุค 90s อย่าง Giorno 50cc ปี 1992 สู่ภาษางานออกแบบใหม่ผสานอดีตและอนาคตเอาไว้ในแนวทางโมเดิร์นคลาสสิก ลงตัวกับงานดีไซน์ที่แมทช์กันได้กับทุกลุค ปลุกเร้าจิตวิญญาณ High Fashion Scooter ด้วยชุดไฟหน้า – ไฟท้าย LED ที่โดดเด่น และการเลือกใช้เส้นสาย Horizontal Line สื่อถึงความล้ำสมัย ผสานกับเส้นโค้งมนที่สื่อถึงความเรียบง่าย คลาสสิก พร้อมพื้นผิว รวมถึงสีสันที่ดูพรีเมียมสวยงาม พร้อมให้พวกเราได้บ่งบอกสไตล์ที่แตกต่างผ่านสีสันทั้ง 6 สี ไม่ว่าจะเป็น ขาว
สำหรับแลมเบรตติสต้า หรือชาวแลมสายลึก เราเชื่อว่าเมื่อพูดถึง LAMBRETTA เป็นต้องนึกถึงสกู้ตเตอร์ดีไซน์หล่อคลาสสิก รวมถึงโทนสีวินเทจจี๊ดใจที่สร้างเสน่ห์ให้แฟน ๆ หลงใหลมาถึงปัจจุบัน และต้องบอกว่ารุ่นใหม่อย่าง LAMBRETTA X300 SR ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ Colors Of Time คืออีกหนึ่งตัวแทนความทรงจำดี ๆ ที่ถ่ายทอด DNA งานออกแบบ และโทนสีสุดฮิตในช่วงรอยต่อของยุค 60s และยุค 70s ที่โดดเด่นในเรื่องความสดใส สะท้อนไลฟ์สไตล์, แฟชั่นการแต่งกาย รวมไปถึงสีสันของสกู้ตเตอร์คู่ใจ ซึ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาของวัยรุ่นยุคนั้น และสีสันแห่งช่วงเวลาอันน่าประทับใจจากอดีต ได้ถูกส่งต่อเป็นความทรงจำที่จับต้องได้ผ่าน LAMBRETTA X300 SR ซึ่งถอดรหัสความเท่คลาสสิกสไตล์สปอร์ต และหยิบยกเอาสีสันจากแลมยอดนิยมในยุคนั้น มาแต่งแต้มเป็นตำนานบทใหม่ของ LAMBRETTA ที่เข้าขากันได้ดีกับไลฟ์สไตล์ของชาวแลมยุคปัจจุบัน แต่ที่สำคัญคือเอกลักษณ์ความเก๋าของแลมวินเทจยังคงเดินทางข้ามเวลามาแบบไม่ตกหล่น กับจุดเด่นเหล่านี้ที่เราอยากชวนชาว UNLOCKMEN ไปสัมผัส เพื่อยืนยันว่า LAMBRETTA X300 SR คือตัวแทนสีสันแห่งช่วงเวลาอย่างแท้จริง ส่งตรงจิตวิญญาณสปอร์ตจาก LAMBRETTA GP/DL ปี 1969
Ford Nugget รถตู้ที่สร้างขึ้นสำหรับชาว Camping โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะด้านดีไซน์ การควบคุม โดยไม่ทิ้งการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม พร้อมตั้งแคมป์ด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกจากโรงงาน โดยมี control unit ไว้ควบคุมและตรวจสอบสถานะพลังงานที่เหลืออยู่ ระดับน้ำ แสงส่องสว่าง ภายในรถถูกออกแบบให้เป็น multi-zone layout แบ่งสัดส่วนการใช้งานเอาไว้อย่างลงตัว สามารถใส่ที่นอนขนาด double beds ได้โดยยังเหลือพื้นที่เหลือเฟือ ส่วนครัวถูกแบ่งด้วยรูปทรง L-shaped layout มาพร้อมระบบน้ำร้อนเย็นในตัว หลังคาสามารถกางออกได้ง่ายด้วย self-folding fabric พร้อมระบบเชื่อมต่อ 5G modem กระจายสัญญาณ internet ระบบ wireless charging และหลังคา solar roof สำหรับชาร์จไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่ได้อย่างง่ายดาย ด้านการขับขี่ Ford Nugget เลือกใช้เครื่องยนต์ 2.5L Atkinson petrol engine PHEV แบตเตอรี่ความจุ 11.8 kWh ระบบ
ใหม่เหมือนพึ่งผลิต สวยยิ่งกว่านางฟ้า Subaru Impreza 22B STI ลำดับที่ 000/400 ไอเท็มลับแบบ Rally-Spec ที่ธรรมดาก็หายากอยู่แล้ว คันนี้พิเศษสุดทางด้วยเลขไมล์เพียง 70 km เหมือนหยุดเวลาเอาไว้ตั้งแต่ปี 1997 ที่ล้อเคยแตะพื้นโชว์ตัวในงาน 1997 Tokyo Auto Show Subaru Impreza 22B STI คันนี้เป็น 1 ใน 5 prototypes ที่เคยถูกสร้างขึ้นมา ตัวถัง chassis 061819 คันนี้เป็น pre-production เพียงคันเดียวใน 5 ที่มากับตัวเลข “000” ซึ่ง Subaru เคยยกให้ David Lapworth แห่ง Prodrive ชายผู้พัฒนารถแข่ง Rally ให้ Subaru ประสบความสำเร็จเป็นเจ้าแห่งทางฝุ่นได้สำเร็จ ซึ่งตลอดอายุของรถคันนี้ถูกเก็บรักษาอย่างดีโดย private collector
2024 Toyota Land Cruiser รุ่นใหญ่สายลุยเปิดตัวแบบ all-new รหัส J250 ด้วยดีไซน์สไตล์ retro ย้อนยุคแบบคลาสสิคพร้อมขุมพลัง turbo-hybrid 326 แรงม้า ดีไซน์ของ Land Cruiser J250 มาในทรงกล่องเน้นเหลี่ยมคมบึกบึน กระจังหน้าเหลี่ยม โคมไฟหน้าเหลี่ยม ช่องดักอากาศก็ยังเหลี่ยม กระจกหน้าแบนราบเพิ่มมุมมองที่กว้างขวางมากขึ้น ส่วนดีไซน์ด้านท้ายค่อนข้างเรียบง่ายเน้นการใช้งาน ไฟท้ายลดขนาดลงจากรุ่นก่อน แต่ดูโดยรวมน่าจะช่วยให้โมเดลนี้มีความ retro อยู่เหนือกาลเวลายาวนานยิ่งขึ้น Land Cruiser ใหม่พัฒนาบนพื้นฐานของ TNGA-F platform แบบเดียวกับ Lexus GX ขุมพลัง Turbocharged 2.4-Liter I4 Hybrid 326 horsepower, 465 lb-ft of torque คล่องตัวในช่วงความเร็วต่ำด้วยแรงจากมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 48hp ส่งกำลังด้วยเกียร์ 8-speed automatic ระบบขับเคลื่อน Full-time Four-Wheel
เห็นโลโก้ Nismo ก็รู้ได้ทันทีว่า Z คันนี้พิเศษแน่นอน ทั้งความแรง ชุดแต่ง และช่วงล่างที่หนึบเกาะโค้งได้มากขึ้น แม้จะใช้เครื่องยนต์บล็อกเดิมคือ 3.0-liter V6 twin-turbocharged แต่ได้ผ่านการปลุกเสกจูนโดยช่างจาก Nismo ปรับเพิ่ม boost turbo อัพเกรดระบบ cooling system และ remapped ระบบ ECU จนได้แรงม้าและแรงบิดเพิ่มขึ้นเป็น 420 hp / 384 lb-ft ot torque ที่มี power band สุดจัดจ้านตั้งแต่ 2000 rpm เกียร์ nine-speed automatic ผ่านการปรับแต่งโดย Nismo-specific tuning ส่งกำลังไปขับเคลื่อนล้อหลังที่เปลี่ยนเป็นล้อ lightweight ขนาด 19 นิ้วจาก Rays รัดด้วยยาง Dunlop SP Sport Maxx
2024 Subaru BRZ tS – เวอร์ชันอัพเกรดไม่แพ้ Toyota GR86 Performance Package ได้ Brembo Brakes ช่วงล่าง STI-Tuned Suspension พร้อมล้อและชุดแต่งเสริมความโหดรอบคัน Subaru BRZ tS จะมาเป็นรุ่นท็อปสุดของโมเดลนี้ในปี 2024 เพื่อเสริมบารมีให้สปอร์ตคูเป้ขับหลังคันนี้ทั้งเฉียบคมและสปอร์ตมากขึ้น โดยเน้นการอัพเกรดช่วงล่างใหม่ STI-tuned suspension, ชอคอับ Hitachi พร้อมได้เบรก Brembo ใหม่แบบไม่ต้องแต่งเพิ่ม ด้านหน้า four-piston หลัง two-piston ล้อขนาด 18 นิ้วรัดด้วยยาง Michelin Pilot Sport 4 ปิดท้ายด้วยระบบความปลอดภัย Subaru EyeSight ด้านขุมพลังยังคงเป็นเครื่องยนต์ 2.4-liter flat-four engine 228 แรงม้าเหมือนเดิม แต่ในรุ่น tS จะมาพร้อมเกียร์ 6-speed
นาฬิกา แอร์เมส เอช08 ถูกรังสรรค์ขึ้นในปี ค.ศ. 2021 ถ่ายทอดถึงการผสมผสานระหว่างหลักการอันเข้มแข็งเข้ากับมาตรฐานระดับสูง ที่เต็มไปด้วยความหนักแน่นและลื่นไหลผ่านสัญลักษณ์แห่งผลงานออกแบบอันร่วมสมัย พร้อมด้วยสไตล์อันทรงพลังนี้ได้สร้างรูปเป็นดั่งวัตถุที่ถ่ายทอดไว้ทั้งหมดระหว่างความสมดุลและความตรงข้ามกัน ธรรมชาติอันมีมิติที่หลากหลายจึงได้ถูกสะท้อนผ่านการนำกับรูปทรงและวัสดุมาสร้างสรรค์ ด้วยความเอาใจใส่อย่างพิถีพิถันในรายละเอียดและทักษะอันแม่นยำซึ่งผนึกรวมกันสู่เอกลักษณ์หนึ่งเดียวของความสปอร์ตและความสง่างาม พร้อมทั้งยังมอบพลังอันมีชีวิตชีวาและสัมผัสแห่งอารมณ์ความรู้สึกของเส้นสาย เผยให้เห็นถึงสุนทรียะความสวยงามเฉพาะหนึ่งเดียว โดยถ่ายทอดบนหน้าปัดวงกลมพร้อมทั้งฟอนต์สไตล์ดั้งเดิม และหลอมรวมภายในตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมกับขอบมนอันแสนนุ่มนวล ออกแบบโดย ฟิลิปป์ เดโลตัล (Philippe Delhotal) ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แห่ง แอร์เมส ออร์โลเฌอร์ (Hermès Horloger) นาฬิกา แอร์เมส เอช08 คือผลลัพธ์ของการผสมผสานระหว่างพื้นผิวและแร่ กับเฉดสีเข้มและสัมผัสที่เต็มไปด้วยสีสัน ผสานโดยเส้นสายเรขาคณิตที่ไม่ซับซ้อนจนเกินไป ร่วมกับสไตล์การตกแต่งทั้งแบบด้านและเงาวาว เอกลักษณ์อันโดดเด่นของผลงานล่าสุดนี้ยังได้ต้อนรับความหลากมิติแห่งเสน่ห์ของเฉดสีอันเรืองรอง ทั้งในโทนสีเหลือง สีเขียว สีน้ำเงิน หรือสีส้ม ตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมมน หรือคุชชัน (cushion-shaped) ร่วมถ่ายทอดความทันสมัยที่ได้มาจากบล็อกของคอมโพสิต วัสดุที่มีน้ำหนักเบา แต่ยังคงความแข็งแกร่งทนทานสูง พร้อมทั้งภาพลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียว โดยประกอบด้วยกลาสไฟเบอร์อะลูมิไนซ์ถักและผงชนวน ซึ่งให้เม็ดสีธรรมชาติ มอบแสงสะท้อนสีเงินอันลุ่มลึก ตัดกับขอบตัวเรือนและเม็ดมะยมเซรามิกสีดำโดดเด่น สร้างสรรค์เป็นมิติของแสงและเฉดสีที่ขับเน้นมิติอันลุ่มลึกของหน้าปัดสีคอนกรีต พร้อมทั้งตกแต่งแบบเกรนอย่างประณีตละเอียดอ่อน รวมถึงยังมอบการอ่านค่าเวลาได้อย่างชัดเจนแม่นยำโดยเข็มชี้และตัวเลขอารบิกแบบนำมาติดสีดำเรืองแสง สัมผัสของเฉดสีเหลือง สีเขียว สีน้ำเงิน หรือสีส้มบนขอบผนึกของกระจกหน้าปัดนาฬิกา