เรียกว่า ‘คุณปู่’ ก็สมฐานะ สำหรับ Nissan Bluebird ที่ทำตลาดในประเทศอังกฤษตั้งแต่ปี 1986 ถึงวันนี้ก็มีอายุขัยอยู่ในวัย 35 ปี จึงเป็นโอกาสพิเศษที่ Nissan U.K. นำเสนอ edition สุดพิเศษ ‘Newbird’ Nissan Bluebird ‘Newbird’ ชื่อสุดเท่ที่มาจากการชุบชีวิตให้สุดเก๋าด้วยสไตล์ restomod คืนสภาพให้สดใหม่ พร้อมใส่เทคโนโลยีขุมพลังไฟฟ้าจาก Nissan LEAF เข้าไปแทนที่เครื่องยนต์เผาไหม้ แบตเตอรี่ขนาด 40kWh สามารถขับได้ระยะทางไกล 208 กิโลเมตร ทำความเร็ว 0-100 km/h ภายใน 15 วินาที ช่วงล่างออกแบบใหม่เพื่อรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น เรียกว่าไม่เน้นแรง แต่เน้นฟิลลิ่งที่คลาสสิคตรงยุค ’80s ความเป็น ’80s ยังมีให้เห็นชัดเจนในดีไซน์ภายนอกที่รายละเอียดโดยรวมยังคงความเดิมไว้ครบถ้วน มีเพิ่มเติมไฟ LEDs เข้าไปในจุดต่าง ๆ รวมถึงหลังโลโก้ Nissan บนกระจังหน้า ด้านข้างพ่นสี rainbow
Ken Block ตำนานนักขับ Gymkhana ที่ยังหายใจ ผู้มาพร้อมรถประจำการคันใหม่ทุกปี และล่าสุดก็เป็นผลงานที่ถือว่าเดือดจัดใน Audi S1 e-tron Quattro Hoonitron ตัวแรงพลังงานไฟฟ้าที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ใน Ken Block’s Elektrikhana video ช้ินล่าสุด Audi S1 e-tron Quattro Hoonitron รถยนต์ที่ Audi พัฒนาขึ้นเพื่อใช้พลังงานไฟฟ้าสร้างบันทึกหน้าใหม่ในประวัติศาสตร์ ได้แรงบันดาลใจจากตำนาน Iconic S1 จากการแข่งขัน Pikes Peak ซึ่งทีม Audi ใช้เวลาเพียงแค่ 1 สัปดาห์ตั้งแต่การเริ่มต้นดีไซน์ โดยทำงานร่วมกับ Ken Block ตั้งแต่แรก เพื่อให้ได้รถแข่งที่สมบูรณ์แบบที่สุด ดีไซน์ภายนอกของ Audi S1 e-tron Quattro Hoonitron นั้นมีความใกล้เคียงกับตัวแข่ง Group B Rally ปี 1980s และ
ไม่มีรถยนต์ที่มีพร้อมทั้งความเป็น Off-roader สุดเก๋าพ่วงความ Luxury เทียบเท่า Supercar ได้มากกว่า Mercedes-Benz G-Class และสำหรับคนที่ต้องการความเป็นที่สุดอย่างไม่ซ้ำใคร อาจจะต้องหันไปมองหา Mercedes-AMG G63 6×6 รถยนต์ SUV ที่มีผลิตออกมาเพียง 100 คันในโลก มีเพียง 15 คันที่เป็นพวงมาลัยขวา แต่ที่เป็นตำนานและเป้าหมายของนักสะสมตัวจริงคือรุ่นพิเศษที่มีน้อยกว่านั้น นั่นคือ Brabus B63S-700 edition ที่ผ่านการปรับจูนจนสามารถพารถยนต์ขับเคลื่อน 6 ล้อให้พุ่งทะยานด้วยขุมพลังมากถึง 700 แรงม้า Mercedes-AMG G-Wagon เดิม ๆ จากโรงงานมากับขุมพลัง 5.5-liter twin-turbocharged V8 536 horsepower, 560 lb-ft of torque และรุ่นพิเศษที่ผ่านการปรับแต่งโดย Brabus จะถูกเรียกด้วยรหัส B63S-700 engine package อัพเกรด turbocharger ให้ใหญ่ขึ้นพร้อมระบบความเย็นใหม่หมด
ตอนนี้ผู้ผลิตเกมมิ่งเกียร์สุดเจ๋งอย่าง Razer ได้หันมาทำ Gadget สำหรับโทรศัพท์มือถือแล้ว โดยพวกเขาได้ออกพัดลมทำความเย็น (Cooling Fan) ที่สามารถใช้งานร่วมกับ Magsafe และรองรับ Iphone 12 – 13 โดยพัดลมตัวนี้จะมาพร้อมกับความสวยงามของ RGB Lighting และประสิทธิภาพของพัดลม 7 ใบพัด (seven-blade) ที่มีความเร็วสูงถึง 6,400 RPM ตัวอุปกรณ์จะได้รับพลังงานผ่านสาย USB-C ช่วยให้ความเย็นแก่โทรศัพท์สเปคสูงได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ตัวพัดลมยังมีเสียงเบาด้วย noise profile แค่ 30 dB แต่ถ้าคุณไม่มี Iphone ทาง Razer ก็มีสินค้าเวอร์ชั่น Universal Clamp ที่สามารถใช้งานได้กับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นได้ หากใครสนใจพัดลมตัวนี้ สามารถเข้าไปสั่งซื้อที่เว็บไซต์ Razer ในราคา $60 หรือ ราว 1,800 บาท สเปคอุปกรณ์ ใช้งานเข้ากับ MagSafe และ
ใครที่ชอบถ่ายรูปและเดินทางไม่ควรพลาด กล้อง INSTAX Mini 11 ลายใหม่ที่เกิดจากการคอลแลประหว่าง Fujifilm และวงบอยแบนด์เกาหลี BTS โดยลวดลายบนกล้องตัวนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “Butter” เพลงประจำฤดูร้อนของกลุ่มศิลปินชื่อดัง กล้องตัวนี้จะมาในสีเหลืองสดใส พร้อมลวดลาย Pop สีพาสเทลบน Lens Bezel และลักษณะเด่นอื่น เช่น ปุ่มกดชัตเตอร์แบบอ่อนที่มาในรูปทรงเนย หัวใจ และเพชร นอกจากนี้ทาง Fujifilm ยังผลิตม้วนฟิลม์ INSTAX MINI เวอร์ชั่น BTS ออกมาใช้คู่กัน สำหรับฟีเจอร์เด่นของ INSTAX Mini เวอร์ชั่น BTS ก็เหมือนกับกล้อง INSTAX ทั่วไป คือ อนุญาตให้ผู้ใช้งานถ่ายภาพได้แบบทันที และตัวกล้องยังมีฟังก์ชัน Automatic Exposure ที่ทำให้ตัวกล้องสามารถวิเคราะห์แสงจากภายนอกได้แบบอัตโนมัติ และทำการปรับความเร็วชัตเตอร์และแฟลชให้เข้ากับสถานการณ์ และตัวกล้องยังมาพร้อมกับโหมด Selfie ที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานถ่ายภาพใกล้ได้ (Close-Up Shot) สามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายกล้องทั่วไป เช่น BIG CAMERA
ตอนนี้หลายประเทศในยุโรปได้อนุญาตให้การการุณยฆาต (Euthanasia) เป็นเรื่องที่ถูกกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็น เบลเยี่ยม เยอรมัน หรือ เนเธอร์แลนด์ ซึ่งล่าสุดได้อนุญาตให้เครื่องการุณยฆาตที่ชื่อว่า Sarco กลายเป็นของถูกกฎหมาย และคนทั่วไปสามารถใช้งานได้ Sarco คือ เครื่องการุณยฆาตที่ได้รับการพัฒนาโดย Philip Nitschke จาก Exit Internaional องค์กรที่รณรงค์เรื่องการการุณยฆาตและการช่วยฆ่าตัวตายอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งเครื่องแคปซูลแห่งความตายนี้ถูกผลิตด้วยวิธีการพิมพ์ 3 มิติ และสามารถเคลื่อนย้ายไปใช้งานที่ไหนก็ได้ วิธีการใช้งานเครื่องนี้ คือ ผู้ใช้งานลงไปนอนในแคปซูล และกดปุ่มที่อยู่ภายในเครื่อง จากนั้นออกซิเจนในเครื่องจะลดลงอย่างรวดเร็วจาก 21% เหลือเพียง 1% และภายในเวลา 30 วินาที พื้นที่ส่วนใหญ่ในเครื่องจะถูกแทนที่ด้วยไนโตรเจน ผู้ใช้งานจะรู้สึกผ่อนคลายและร่าเริง ก่อนที่จะเสียชีวิตเพราะภาวะออกซิเจนต่ำ (hypoxia) และการลดระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือด (hypocapnia) ซึ่งใช้เวลาทั้งหมด 5 – 10 นาที เป้าหมายของ Sarco คือ ต้องการทดแทนวิธีการการุณยฆาตแบบเดิม ซึ่งต้องใช้การฉีดสารเคมีเข้าร่าง เช่น Sodium Pentobarbital
เป็นแบรนด์ที่ผลิตอะไรมาขายก็ Sold Out หมดภายในไม่กี่นาที และมักจะวางขายแบบเงียบ ๆ หลังจากนกหวีดทรง Cybertruck พึ่งจะวางขายและหมดไปก่อนหน้านี้ ล่าสุด Tesla เปิดตัว Cyberquad รถ ATV พลังไฟฟ้าสำหรับเด็ก ราคา $1,900 USD (ราว 70,000 บาท) แบบเงียบ ๆ และทันทีที่โลกรู้ มันก็ขายหมดเกลี้ยงในพริบตาเดียวอีกเช่นกัน แม้จะ sold out ไปแล้ว แต่ก็ไม่เสียหายถ้าจะมาดูสเปกของมัน เผื่อในอนาคตมี restock ขึ้นมาจะได้ไม่พลาด อย่างที่รู้กันว่า Tesla เคยโชว์ผลงาน Cyberquad ATV แบบ fullsize ไปแล้วในตอนที่เปิดตัว Cybertruck ซึ่งออกแบบมาให้สามารถบรรทุกใส่กันได้พอดี รอกันไปกันมา ทั้ง Cybertruck และ Cyberquad ก็ยังไม่วางขายสักที แต่ Tesla กลับเลือกส่ง Cybersquad for
เด็กผู้ชายส่วนใหญ่คงเติบโตมาด้วยของเล่นหุ่นยนต์อย่างน้อยหนึ่งตัวหรือมากกว่านั้น จากจินตนาการในวัยเยาว์หุ่นยนต์เหล่านี้มีหน้าที่เป็นมิตรแท้ เป็นผู้คอยปกป้องปราบปรามศัตรูร้าย หรือเพื่อนที่นอนในอ้อมแขนยามเราหลับไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน ภาพจำเหล่านี้ยังคงมีพลังบวกและสามารถสร้างรอยยิ้มให้เราได้ทุกครั้งยามนึกถึง ตั้งแต่อดีต นาฬิกาส่วนใหญ่ถูกออกแบบในแนวทางอนุรักษ์นิยม ด้วยรูปลักษณ์ในแบบฉบับที่ค่อนข้างจำเจ และน่าเบื่อไปหน่อย(สำหรับบางคน) ด้วยหัวคิดที่ขบถและความหลงใหลส่วนตัว Azimuth เลือกที่จะนำภาพจำในอดีตมาถ่ายทอดและส่งต่อผ่านทางนาฬิกาข้อมือ และประถมบทของความคิดนี้ก็ถูกประเดิมด้วย Azimuth Mr.Roboto R1, 2008 ที่สวนกระแสตลาดอย่างคาดไม่ถึง เปลี่ยนแปลงความหรูหราที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือบ่งบอกฐานะทางสังคม ให้กลายเป็นความสุขในอดีตที่อยู่บนข้อมือ ทำให้นาฬิกาใบหน้าหุ่นยนต์เรือนนี้เป็นกระแสและได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีมาตลอดแปดปี จนมาถึงเวอร์ชั่นถัดไป Azimuth Mr.Roboto R2 ที่แฟนซีมากขึ้น ขนาดใหญ่ขึ้น ฝาหลังแซฟไฟร์โชว์กลไก เพิ่มรายละเอียดอีกหลายอย่างเรียกได้ว่าฟูลออปชั่น แต่ความแฟนซีและฟูลออปชั่นแบบนี้ใช่ว่าจะเป็นที่รักของทุกคน แฟนบอยและนักสะสมมากมายกลับถวิลหาความเรียบง่ายแต่มีอะไรซ่อนอยู่แบบ Mr.Roboto R1 ทำให้เกิดการแสวงหามากมายจนทำให้ราคาในตลาดมือสองขยับขึ้นไป 2-3 เท่า จากราคาเดิม ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่ได้พบเจอบ่อย ๆ กับแบรนด์ indie และ newbie แบบนี้ ด้วยการตอบรับและการเรียกร้องจากลูกค้าที่อยากได้รุ่นพิเศษบ้าง Azimuth จึงตัดสินใจเข็น Mr. Roboto Bronzo ออกมา สิ่งที่พิเศษคือการนำ Bronze คุณภาพสูงจาก Germany
นับตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา UNDONE ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตนเองด้วยการนำเสนอนาฬิกาที่อนุญาตให้ผู้ซื้อได้มีส่วนร่วมในการออกแบบความสนุกที่บอกเวลาได้ในแบบฉบับของตนเอง แต่ถึงกระนั้น UNDONE ก็ยังไม่หยุดที่จะนำเสนอนาฬิการุ่นพิเศษพร้อมออพชันให้ลูกค้าได้ปรับแต่งเพื่อเพิ่มความ unique ขึ้นไปอีก เรามาดูกันครับว่านาฬิการุ่นพิเศษที่เอ่ยไปนั้นมีรุ่นไหนน่าสนใจกันบ้าง UNDONE Batman Dark Knight Retrospective คอลเล็กชันของนาฬิกาจาก Undone ส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลในการออกมาจากฮีโร่ในหนังสือการ์ตูนที่โด่งดังระดับตำนาน เช่น Popeye, Astro Boy และแน่นอน Batman คือหนึ่งในฮีโร่ที่ผู้ชายแทบทุกคนชื่นชอบ The Dark Knight Retrospective เป็นนาฬิกาคอลเล็กชันแบทแมนรุ่นที่สาม ต่อจากรุ่นฉลองครบรอบ 80 ปีแบทแมนที่วางจำหน่ายในปี 2019 และ Quantum Batman ที่วางจำหน่ายในปี 2020 The Dark Knight Retrospective เป็นนาฬิกาในฝันสำหรับแฟนแบทแมนตัวยงและนักสะสมนาฬิกาผู้มากประสบการณ์ ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Batmobile เวอร์ชัน 1960 และคุณสมบัติของนาฬิกาที่มีให้เห็นในนาฬิการะดับไฮเอนด์เท่านั้น ซึ่งหาได้ยากในนาฬิการาคาระดับนี้ เช่น กระจกแซฟไฟร์ตัดแสงและป้องกันรอยขีดข่วน ฝาหลังเปลือยให้เห็นการทำงานของกลไก
หลังจากบรรยากาศในเมืองหลวงของเราเงียบเหงามานานหลายเดือน วันนี้ผู้คนก็ได้เริ่มออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านกันเป็นปกติแล้ว จากการที่ทุกธุรกิจเริ่มเปิดรันทำการกันอีกครั้งนึง ความคึกคักในทุกวันหลังเลิกงานและวันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็ทำให้กรุงเทพมหานครกลับมามีสีสันไม่เงียบเหงาอีกต่อไป สำหรับหลายคน อาจจะอยู่บ้านนานจนจำไม่ได้แล้วว่าได้ไปช้อปปิ้งเสื้อผ้าใหม่ ๆ หรือนั่งชิวในร้านบรรยากาศดี ๆ ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ออกจากบ้านครั้งนี้อาจจะพบว่าหลายย่านเปลี่ยนแปลงไปจนตามไม่ทันว่ามี destination ไหนน่าสนใจบ้าง UNLOCKMEN จึงร่วมมือกับ Honda ขอใช้รถยนต์ All-new Honda Civic พาทุกคนไปบุกเบิก 2 ปลายทางใหม่ล่าสุดที่เราคัดมาแล้วว่าน่าสนใจ มีความ Premium ตั้งแต่ Selective store ใหม่ล่าสุดที่รวบรวมเสื้อผ้าและไอเท็มดี ๆ หายากแบบจำนวนจำกัดในย่านอารีย์ ไปจนถึงร้านน่านั่งบรรยากาศดีที่จะทำให้เรา enjoy ไปกับวิวเมืองหลวงจากยอดตึก 46 ชั้นใจกลางสุขุมวิท รับรองเลยว่า Weekend ครั้งต่อไปของคุณจะได้ประสบการณ์ที่ดีจาก City Guide by All-new Honda Civic ครั้งนี้แน่นอน หากใครรู้จักร้านสูทแถวหน้าของประเทศไทยอย่าง Decorum นี่คือร้าน Selective Shop สำหรับผู้ชายแห่งใหม่ของ กาย-ศิรพล ฤทธิประศาสน์ เจ้าของร้านสูทชื่อดัง
การเปิดตัวโมเดลสำคัญในประวัติศาสตร์ BMW นี่คือรถยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นแบบ standalone BMW M ที่พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับ M โดยเฉพาะ เช่นเดียวกับการสร้าง BMW M1 ในตำนานนับตั้งแต่ปี 1978 และยังเป็นการสร้างบนตัวถัง SUV แทนที่จะเป็นตัวถังสปอร์ตคูเป้ ยิ่งทำให้ BMW XM คันนี้มีความน่าสนใจยิ่งขึ้น ดีไซน์ภายนอกของ Concept XM สิ่งแรกที่ทุกคนต้องทักคือกระจังหน้าใหม่ขนาดใหญ่พิเศษในทรงแปดเหลี่ยม มีแถบไฟคอนทัวร์ในขอบกระจังหน้า ช่วยสร้างมิติที่ทันสมัย ไฟหน้าออกแบบเป็นด้านละสองดวงเล็กแยกออกจากกัน เพิ่มรายละเอียดที่โดดเด่น มองแวบแรกอาจจะแปลกตา แต่ยิ่งมองนาน ๆ ยิ่งรู้สึกถึงได้ถึงเสน่ห์ของการดีไซน์ที่บาลานซ์ได้ครบทั้งความสปอร์ตดุดัน ความหรูหรา ความแข็งแกร่ง และเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า รายละเอียดรอบคันก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน บอดี้รถเลือกใช้สี two-tone ระหว่างสี gold-bronze ที่ส่วนบนของรถ และใช้สี Space Grey Metallic บริเวณด้านล่าง มีไฟช่องไฟ LED อยู่เหนือเสา A-pillars สีดำ blacked-out ด้านหลังมีไฟท้ายลากยาวดวงใหญ่สีดำ blacked-out
“เธอกลับมา…เพื่อหมุนเข็มนาฬิกาให้เดินกลับหลัง” เนื้อเพลงจากเพลงดังในอดีตที่ไม่แน่ใจว่าได้ฟังครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แต่บทเพลงนี้จะดังก้องในหัวทุกครั้งที่ได้เห็น Azimuth Back In Time นาฬิกาจากแบรนด์ Azimuth รุ่น Back In Time หรือเรียกได้อย่างสั้นๆว่า BIT เป็นเรือนเวลาที่มีกลไกอันซับซ้อนและเรียกร้องความสนใจจากผู้พบเห็นได้ดีเหลือเกิน ทำไมนะเหรอ? ก็เพราะนาฬิการุ่นนี้เธอเดินถอยหลังนั่นเอง (anti clockwise) และไม่ได้มีแค่กลไกบอกเวลาแบบทวนเข็มนาฬิกาเท่านั้น ตำแหน่งของตัวเลขบอกเวลาก็ยังถูกวางในรูปแบบทวนเข็มนาฬิกาและกลับตาลปัตรจากจารีตเดิม ๆ เช่นกัน Azimuth BIT ได้รับการเปิดตัวครั้งแรกในปีค.ศ. 2009 มีทั้งเวอร์ชันเข็มเดี่ยวและสองเข็ม ด้วยรูปทรงไพลอตและหน้าตาอันแสนจะเรียบง่าย สีหน้าปัดและเข็มบอกเวลาที่ได้รับการคุมโทนมาอย่างตั้งใจ ไม่มีสิ่งใดโดดเด่นเกินเลยหรือแปลกแยกผิดแผกไปจากกัน หากมองทะลุความเรียบง่ายเหล่านี้ไปและพินิจพิจารณาไปที่กลไกบอกเวลา จะรับรู้ได้อย่างไม่ยากเลยว่าผู้ผลิตไม่ได้ปฏิวัติแค่ความคิด แต่ต้องปฏิวัติเทคนิคในการสร้างกลไกสำหรับบอกเวลาด้วยเช่นกัน เพราะทุกอย่างถูกตั้งอยู่บนความขบถ ผู้ผลิตจึงต้องออกแบบและสร้างชุดเกียร์พิเศษขึ้นมาใหม่ นำไปติดตั้งคั่นกลางระหว่างชุดขับเคลื่อนและเข็มบอกเวลาจึงจะทำให้การเดินถอยหลังนั้นเกิดขึ้นได้จริงและสมบูรณ์แบบที่สุด ตลอดระยะร่วมทศวรรษที่ Azimuth Back In Time ได้รับการพัฒนาและนำเสนอซีรี่ย์ใหม่ ๆ เรื่อยมา แม้จะมีคำวิพากษ์วิจารณ์ว่าใช้งานได้ยาก ดูเวลาได้ไม่สะดวก ใครจะต้องการนาฬิกาเดินถอยหลังกันไปเพื่ออะไร แต่ BIT ก็ยังคงได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในไอคอนของแบรนด์ จนได้รับการสั่งผลิตรุ่นลิมิเต็ดและถูกผูกโยงไปกับหน้าบันทึกของประวัติศาสตร์โลกอย่างเนือง ๆ ซึ่งหาได้ยากจากนาฬิกาทั่วไป