CARS

DRIVE: ALL NEW BMW X3 ทดสอบ xDRIVE ธรรมดามันง่ายไป เราลุยหนักจากกรุงเทพถึงดาวอังคาร

By: Chaipohn February 28, 2018

โดยปกติถ้าเราจะยืมรถมาขับเพื่อรีวิวหรือแชร์ประสบการณ์ส่วนตัว เรามักจะต้องเลือกเส้นทางที่เบา ๆ ไม่โหดร้ายมากนัก เพื่อความมั่นใจว่าจะช่วยรักษารถของลูกค้าให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ได้ เพราะส่วนใหญ่ราคามักจะค่อนข้างสูง ยิ่งถ้าเป็นรถยนต์โมเดลใหม่ล่าสุดอย่าง All New BMW X3 แม้จะรู้ว่ามันลุยทางวิบากได้ แต่คงจะไม่มีใครใจกล้าพอจะใช้งานมันอย่างโหดร้ายขนาดนั้น แต่สำหรับครั้งนี้ เราเลือกที่จะทดสอบความทรงพลัง อึด ถึก ทน ของมันแบบเน้น ๆ จะได้รู้ว่าสิ่งที่รวมอยู่ในราคาและ Fact Sheet นั้น สามารถใช้งานจริงได้แค่ไหน

สำหรับรถยนต์ BMW X3 xDrive20d xLine รถยนต์ Compact Luxury Crossover SUV รหัส G01 คันนี้เป็น Generation ที่ 3 ซึ่งแม้จะดูเหมือนอยู่มาไม่นาน แต่ที่จริงแล้ว BMW X3 ได้ทำตลาด segment นี้มานานกว่าที่คิด ถ้าย้อนไปไกลถึง Generation แรกกับรหัส E83 ช่วง 2003 – 2010 ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรหัส F25 ใน Generation ที่สอง ช่วง 2010 – 2017 รวมเบ็ดเสร็จประสบการณ์สะสมมากว่า 15 ปี เราจึงไม่แปลกใจที่ประสบการณ์และการใช้งาน BMW X3 ตัวใหม่จะได้รับการพัฒนาให้ตอบโจทย์ได้ดีจนน่าประทับใจ สามารถตอบสนองการใช้งานแบบเมืองหลวงสู่ต่างจังหวัดได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนคัน ครบถ้วนทั้งความหรูหรา การตอบสนองของสมรรถนะ และความถึกในการลุยบนเส้นทางวิบากได้จริงโดยไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะเป็นเพียงแค่คำโฆษณา

BMW X3 xDrive20d xLine เป็นโมเดลเดียวที่ทาง BMW Thailand เลือกมาทำตลาด เครื่องยนต์ TwinPower Turbo Diesel 4 สูบ พ่วงเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Steptronic ให้กำลัง 190 แรงม้า ส่วนแรงบิดพกมาให้มากถึง 400 Nm ทำเวลา 0 – 100 km/h ได้ภายใน 8 วินาทีเท่านั้น เรียกว่าเร่งแซงได้แรงสะใจพ่อบ้านมีสไตล์แน่นอน โดยเฉพาะช่วง 1,750 – 2,500 rpm รวมถึงการควบคุมที่อุ่นใจทุกสภาพถนนด้วยระบบ xDrive ขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ บวกกับการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 ระหว่างเพลาหน้าและหลัง ทำให้การเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงในรถคันนี้ทำได้อย่างง่ายดายแม้จะเป็นรถทรงสูงก็ตาม

โดยระยะทางที่เราขับทดสอบในทริปนี้เริ่มจากกรุงเทพ ไปแวะอยุธยา ก่อนจะไปลุยดาวอังคาร โรงระเบิดหินในจังหวัดสระบุรี สามารถทำเวลาได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อต้องแซงรถคันหน้าก็ทำได้โดยไม่ต้องเครียด ไม่ต้องลุ้น แม้จะไม่ได้กระชากหลังติดเบาะขนาด 520d จากน้ำหนักตัวที่แตกต่างกัน (แต่ก็เบากว่า X3 รุ่นก่อนถึง 55Kg) ถือว่ามี DNA ที่ใกล้เคียงกันมากเลยทีเดียว ซึ่งมันทำให้เราเข้าใจคำนิยามที่เรียก BMW X3 รุ่นนี้ว่าเป็นรถประเภท SAV หรือ Sports Activity Vehicle คันเดียวใช้ได้ครบทุกกิจกรรมจริง ๆ

TFT Display ขนาด 12.3 นิ้ว

ฟังก์ชั่นส่วนใหญ่ของ BMW X3 ได้รับอิทธิพลจาก CLAR (Cluster Architecture) เช่นเดียวกับ BMW Generation ปัจจุบันอย่าง 7-Series และ 5-Series จึงเต็มไปด้วยเทคโนโลยีทันสมัยและความหรูหรา ทั้งกุญแจ BMW Display Key ซึ่งสามารถแสดงข้อมูลที่สำคัญของตัวรถ และไม่ต้องกลัวว่าแบตเตอรี่กุญแจหมดจะทำยังไง เพราะในรถมีระบบ Wireless Charger ที่ชาร์จไฟได้ทั้งกุญแจรถและ Smartphone ที่รองรับ Wireless Charging แผงคอนโซลเป็นหน้าจอแบบ Digital Instrument Cluster ที่เปลี่ยนการแสดงผลได้ตาม Driving Mode ที่เลือกบริเวณคันเกียร์ คือ EcoPro, Comfort และ Sport รวมถึง iDrive เวอร์ชั่นล่าสุด สั่งงานด้วยการเคลื่อนไหว (Gesture Control) หรือจะจิ้มสัมผัสผ่านจอแสดงผลขนาด 10.25 นิ้ว

ใครที่เคยคิดว่า Navigator ของ BMW ใช้งานยากเย็น ข่าวดีคือในเวอร์ชั่นนี้ใช้งานได้ดี แม่นยำ แสดงผลได้หลายระดับ สามารถนำเราไปกลับได้แบบไม่มีหลง (โดยที่คนขับไม่เคยขับไปสระบุรีมาก่อนเลย)

นอกจากความหรูหรา ความสบาย และสมรรถนะที่ไม่ต่างจากรถเก๋ง สิ่งที่ BMW X-series มีเหนือกว่า คือฟังก์ชั่นสำหรับลุยเส้นทางโหด ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น Hill Descent Control ที่ระบบจะกระจายแรงเบรคไปที่ล้อทั้ง 4 เพื่อควบคุมรถให้ค่อย ๆ ไต่ลงเขาได้อย่างมั่นใจ ถ้าช้าไปก็สามารถกดเพิ่มระดับความเร็วได้ หรือจะเอาไปซิ่งสาดให้รถท้ายปัดเล่นเพื่อความมันส์บนทางลูกรัง ก็สามารถเลือกเปิดและปิด DSC (Dynamic Stability Control) ได้ตามอำเภอใจ เรียกว่าพร้อมเปลี่ยนให้เราเป็นนักขับทางฝุ่นได้ โดยไม่ต้องมีพื้นฐานมากนัก เพราะรถจะคอยตอบสนองเราได้ในทุกขั้นตอน

ตลอดระยะทางหลายร้อยกิโลเมตรที่เราขับไป สิ่งที่สังเกตได้คือความเงียบไร้เสียงรบกวนจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นช่วงขับด้วยความเร็วสูง หรือขับบนถนนฝุ่น เป็นผลจากการใช้กระจกบังลมหน้าแบบ Acoustic ขับไปพร้อมเปิดหลังคากระจกแบบพาโนรามาเต็มบาน ช่วยสร้างความรู้สึกปลอดโปร่ง เงียบสงบในห้องโดยสารจนปัญหารอบด้านถูกตัดขาดจากการขับขี่ไปอย่างสิ้นเชิง

ปิดท้ายด้วยการออกแบบภายนอกทั้งหมด ซึ่งเราคงไม่ต้องพูดอะไรมาก ความสวยงามหรูหราที่ผสมลวดลายให้อารมณ์สปอร์ต พร้อมความทะมัดทะแมงที่ดูด้วยตาก็เข้าใจได้ว่ารถยนต์คันนี้สามารถทำอะไรให้เราได้บ้าง โคมไฟหน้า DRL แบบ Adaptive LED ทรงหกเหลี่ยมครั้งแรกของ X-series พร้อมไฟตัดหมอก LED เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เชื่อมต่อไตคู่ขนาดใหญ่ที่มีระบบ Active Air Flap Control เปิดปิดครีบกระจังหน้าอัตโนมัติเพื่อควบคุมอุณหภูมิเครื่องยนต์ตามความเหมาะสม ลายเส้นรอบคันสร้างความปราดเปรียว จับคู่กับล้อ Y-spoke ลายสวยขนาด 19 นิ้ว ปลายท่อไอเสียคู่ ฝาท้ายเปิดปิดสบายด้วยระบบไฟฟ้า

BMW X3 xDrive20d xLine เป็นรถตระกูล X3 คันที่สองที่เราได้ทดลองใช้งานยาว ๆ แบบนี้ โดยก่อนหน้านี้เราเคยใช้ X3 Generation แรกมาก่อน ต้องบอกเลยว่ามันถูกพัฒนาให้ดีขึ้นมากจริง ๆ ด้วยราคาค่าตัว 3.69 ล้านบาท แลกกับรถคู่ใจที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ได้ในคันเดียว อาจจะได้เปรียบรถเก๋งในแง่ความจุห้องโดยสาร มีพื้นที่ Clearence ใต้ท้องเยอะ และเผื่อใจเอาไว้ลุยทางลูกรังในวันหยุดได้ เราคงต้องแนะนำว่า ให้ไปทดลองขับดูด้วยตัวเองก่อนดีกว่า รับรองว่ามันเป็นรถที่ดีไม่แพ้ใครแน่นอนครับ

 

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line