เป็นที่รู้กันดีสำหรับคนใส่แว่นตา ไม่ว่าจะใส่แว่นกันแดดเฉพาะในบางสถานการณ์ หรือเป็นคนที่ต้องสวมแว่นสายตาตลอดเวลาอยู่แล้ว พวกเราไม่สามารถพกแว่น 1 ตัว เปิดประตูออกจากบ้านเพื่อใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างแน่นอน ก็ Pain Point ที่บังคับให้เปลี่ยนแว่นมีเต็มไปหมด ทั้งแสงแดดอันร้อนแรงเมื่ออยู่กลางแจ้ง ไหนจะแสงสีฟ้าในยุคของ Social Media ที่เราต้องป้องกันตัวเองให้ดีอีกต่างหาก Oakley X Transitions การจับมือกันระหว่างแบรนด์แว่นตา Sport Performance Optics เบอร์ต้น ที่ได้รับความไว้วางใจทั้งในฟังก์ชั่นของการสวมใส่เล่นกีฬา และความสไตล์ลิ่งตั้งแต่ปี 1975 กับเลนส์จากฝรั่งเศสที่เป็นไพโอเนียในเรื่องของการจัดการกับแสงมากกว่า 30 ปี จนทั้งโลกยกให้เป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษในด้านของ Photochromic Lens (เลนส์เปลี่ยนสี) จะเข้ามาแก้ไข pain point ที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ ให้ชาว Active Lifestyle สายแอคทิวิตี้หลากหลายรูปแบบ ให้มีแว่นตาตัว (เดียว) จบ พร้อมออกไปใช้ชีวิตติดกิจกรรมได้อย่างสนุก สบาย และสะใจยิ่งกว่าที่เคย ! จะบอกว่า Oakley กับ Transitions เขาไม่ได้แค่จับมือกันเฉย ๆ
เมื่อพูดถึงสกู้ตเตอร์ที่ขึ้นชั้นตำนานระดับโลก ชื่อของสกู้ตเตอร์สัญชาติอิตาเลียนอย่าง LAMBRETTA เป็นต้องโผล่มาในห้วงความคิดของใครหลายคนอย่างไม่ต้องสงสัย และภายใต้ความเท่คลาสสิกที่มีประวัติยาวนานกว่า 76 ปี นับตั้งแต่ได้ถือกำเนิดมาในปี 1947 ยังมีข้อมูลน่าสนใจอีกหลายสิ่งที่เราเชื่อว่าชาวแลมทั้งรุ่นเก่า และรุ่นใหม่อาจยังไม่รู้ วันนี้ UNLOCKMEN จึงอยากชวนทุกท่านไปสัมผัสเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในหน้าประวัติศาสตร์ของ LAMBRETTA เพื่อดื่มด่ำกับความเก๋าที่ยังคงสานต่อเรื่องราวมาถึงปัจจุบัน เริ่มต้นด้วยการย้อนเวลาไปสู่จุดเริ่มต้นของ LAMBRETTA กับบริษัท Innocenti ที่ก่อตั้งโดย Ferdinando Innocenti เมื่อปี 1922 ซึ่งทำธุรกิจท่อเหล็กอย่างเป็นล่ำเป็นสัน รวมถึงการผลิตชิ้นส่วนท่อเหล็กให้กับเครื่องบินรบของกองทัพอิตาลีในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้โรงงานผลิตตกเป็นเป้าหมายที่ฝ่ายตรงข้ามทิ้งระเบิดโจมตีอย่างหนัก หลังสงครามจบลง โรงงาน Innocenti จึงเหลือแต่เศษซากความเสียหาย แต่แทนที่จะท้อใจหมดหวัง Ferdinando Innocenti กลับมองเห็นโอกาสที่จะทำธุรกิจพร้อมไอเดียที่จะช่วยให้ชาว Italian สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกมากขึ้นแม้ในภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่และถนนที่พังเสียหาย เหลือเพียงทางเล็ก ๆ ให้วิ่ง เป็นที่มาของการสร้างยานพาหนะสองล้อที่ราคาไม่แพง ทนทาน ดูแลรักษาง่าย สวยงาม และต้องขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกสภาวะถนนและอากาศ ซึ่งเจ้าตัวได้แรงบันดาลใจจาก Cushman Scooters ซึ่งเป็น Military motor bikes
ในตระกูล M3 โมเดลที่ได้รับการยกย่องว่ามีความสำคัญมากที่สุดก็คือ E30 M3 ทั้งในด้านมูลค่าน่าสะสมและความสำเร็จในวงการ motorsport เป็นพื้นฐานที่นำไปสู่ M3 ในปัจจุบัน และหนึ่งใน M3 ที่ติดอันดับหายากและน้อยคนจะรู้จักก็คือ E30 M3 Roberto Ravaglia Edition มีเพียง 25 คัน สร้างขึ้นเพื่อตลาด UK โดยเฉพาะ (ป้ายระบุจำนวนโชว์ 065/505 เพราะถูกนับรวมในรุ่น Cecotto Edition ที่แยก edition พิเศษในแต่ละประเทศ) E30 M3 Roberto Ravaglia Edition เป็นรุ่นพิเศษที่สร้างขึ้นเพื่อฉลองความสำเร็จให้กับ Roberto Ravaglia นักขับที่พา M3 คว้าชัยชนะ World Touring Car Championship ในปี 1987 และ European Touring Car Championship ในปี
ถ้าลองหลับตาลงนึกถึงแบรนด์กระเป๋าที่ทั้งตอบโจทย์การใช้งานในการเป็น Everyday Bag เหมาะกับกิจกรรม Outdoor Activity โดดเด่นด้วยความเป็นแฟชั่น ด้วยโจทย์นี้เราอาจจะนึกถึงแบรนด์ที่เป็น Work Wear จากฝั่งยุโรปกันเป็นส่วนใหญ่ แต่ ! รู้รึเปล่าว่าฝั่งญี่ปุ่นเองมีตัวตึงของสายนี้ที่ก่อตั้งแบรนด์มาตั้งแต่ปี 2013 เป็นแบรนด์สุดไฮป์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กิจกรรมนอกบ้านของคนญี่ปุ่นมาโดยเสมอ แบรนด์นั้นมีชื่อว่า MAKAVELIC บทความนี้ UNLOCKMEN พาทุกคนไปรู้จักเรื่องราวของแบรนด์จากโตเกียวที่มีจุดหมายในการเป็นกระเป๋าเบอร์หนึ่งซึ่งตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ชีวิตในทุกรูปแบบของผู้คน MAKAVELIC From Tokyo To The World “MAKAVELIC จะพัฒนาตัวเองไปพร้อมกับการเติบโตของมนุษย์ ” นั่นคือคำโปรยบน Official Website ของ MAKAVELIC ที่ใช้นิยามความเป็นตัวเอง ประโยคสั้น ๆ ที่เรายกมามีคำอธิบายเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย ซึ่งมีใจความประมาณว่าพวกเขาต้องการเป็นกระเป๋าที่ต้องการอยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคน ทั้งในวันดี ๆ ที่กำลังเดินเล่นอยู่ในเมืองใหญ่ หรือวันที่ทุกคนตัดสินใจวางแผนออกไปโรดทริปกับเพื่อน ๆ บนจุดหมายที่ไกลแสนไกล … ทำความรู้จัก MAKAVELIC ให้มากขึ้น ต้นกำเนิดของแบรนด์เกิดขึ้นในปี 2013 ในกรุงโตเกียว โดยตั้งเป้าเลยว่าจะเป็น Japanese Backpack
ปัจจุบันกระแสความนิยม Lambretta กำลังพุ่งแรงไม่หยุด วันนี้เราเลยอยากมาแนะนำสายลึกน่าสะสมอีกรุ่นที่น้อยคนจะรู้จัก สกู๊ตเตอร์คันเล็กพิกัดน่ารักมีชื่อว่า Lambretta Lui หรือบางตลาดอาจใช้ชื่อว่า Luna, Vega หรือ Cometa เป็นสกู๊ตเตอร์ที่ Lambretta ทำออกมาในปี 1968 – 1969 เพื่อตอบโจทย์ตลาดความจุ 50cc ประหยัดทั้งน้ำมันและราคาขาย เน้นความเรียบง่ายเพื่อการเดินทางใกล้ ๆ ในยุคที่เศรษฐกิจโลกกำลังทรุดหนัก แม้จะเป็นสกู๊ตเตอร์ราคาประหยัด แต่ Lambretta ก็ไม่อยากให้ดีไซน์ดูราคาถูกจนเกินไป จึงส่งหน้าที่ออกแบบให้กับสุดยอดดีไซน์เนอร์ Nuccio Bertone ชายผู้อยู่เบื้องหลังดีไซน์ Supercar ระดับโลกนับไม่ถ้วน หลังเวลาผ่านไป 3 ปี Bertone ก็นำเสนอดีไซน์ที่ทำให้สกู๊ตเตอร์ 50cc มีความหรูเท่และสปอร์ต ถูกใจวัยรุ่น Italian Lambretta ตั้งชื่อให้มันว่า LUI โดยมีสโลแกนว่า “All for Lui, and Lui for all,” ในการทำตลาด
ผลงานชิ้นใหม่ของ Toyota Gazoo Racing (GR) ที่น่าจะเป็นเป้าหมายของนักสะสมและแฟน Supra ทั่วโลก นี่คือ GR Supra GT4 “100 Edition” รุ่นพิเศษเพื่อฉลองส่งมอบ GR Supra GT4 ครบ 100 คัน โดยจะมีเพียงแค่ 3 คันโลก แบ่งเป็น 1 คันสำหรับตลาดยุโรป 1 คันสำหรับตลาดอเมริกา และ 1 คันสุดท้ายสำหรับตลาดเอเชีย เรียกว่าเป็นตัวบั๊กที่แรร์ยิ่งกว่าแรร์ ภายนอกของ GR Supra GT4 “100 Edition” มาในสีส้ม Plasma Orange ชุดแต่งรอบคันเข้มดุสมกับเป็นรถแข่งที่เกิดมาเพื่อวิ่งแบบ track-only ช่องดักอากาศขนาดใหญ่บนฝากระโปรง ชุดพาร์ทรอบคันที่เอาไว้สร้าง downforce มหาศาลเพื่อรองรับสมรรถนะ 440 แรงม้าจากเครื่องยนต์ 3.0L six-cylinder turbocharged พร้อมระบบไอเสียใหม่ทั้งเส้น เป็นรถแข่งที่สร้างขึ้นมาสำหรับนักสะสมตัวจริงโดยเฉพาะ
ปัจจุบันคงเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะเห็นแบรนด์สินค้าทำนาฬิการุ่นพิเศษร่วมกับ Rolex เหมือนในยุค ’80s ได้ แต่หากย้อนไปในปี 1977 นาฬิกา Rolex Air-King Ref 14000 เคยถูก Domino’s Pizza สั่งทำพิเศษเพื่อใช้เป็นของแจกพนักงาน !!! โดยมีการเพิ่มโลโก้ Domino’s Pizza เข้าไปบนหน้าปัดบริเวณ 6 นาฬิกา นาฬิกา Rolex x Domino’s Pizza ถูกใช้เพื่อกระตุ้นสาขาที่ทำยอดขายเข้าเป้า ไอเดียสุดบรรเจิดของ Thomas Stephen Monaghan, Domino’s Pizza CEO ในยุคนั้น สาขาไหนทำยอดขายได้ถึง $20,000 ต่อสัปดาห์ ผู้จัดการสาขานั้นรับไปเลย Rolex Air-King’s Domino’s Pizza แน่นอนว่าแต่ละสาขาขายกันแบบไม่คิดชีวิต จนยอดเป้าหมายแตกต้องแจกนาฬิกากันรัว ๆ ต่อมาจึงมีการขยับเงื่อนไขใหม่ว่า สาขาต้องขายให้ได้สัปดาห์ละ $25,000 อย่างน้อย 4 สัปดาห์ต่อเนื่องจึงจะได้รับรางวัลนาฬิกาเรือนนี้ไป โดยรวมแล้ว
Apple เปิดตัว iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ที่ได้รับการออกแบบมาด้วยไทเทเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศที่ทั้งแข็งแกร่งและเบา จนได้เป็นรุ่น Pro ของ Apple ที่เบาที่สุดเท่าที่เคยมีมา ดีไซน์ใหม่ดังกล่าวยังมาพร้อมขอบมนและปุ่มแอ็คชั่นที่ปรับแต่งได้ ผู้ใช้จึงปรับแต่งประสบการณ์ iPhone ได้ตรงความต้องการ การอัปเกรดกล้องที่ทรงพลังมอบคุณสมบัติเทียบเท่าเลนส์ระดับโปร 7 ตัว ที่ให้คุณภาพของภาพอันน่าทึ่ง รวมทั้งระบบกล้องหลัก 48MP ที่ล้ำยิ่งขึ้นไปอีกที่ตอนนี้รองรับค่าเริ่มต้นความละเอียดสูงเป็นพิเศษแบบใหม่ที่ 24MP และยังรองรับการถ่ายภาพบุคคลเจเนอเรชั่นถัดไปที่มีคุณสมบัติการควบคุมโฟกัสและระยะชัดลึก มีการปรับปรุงโหมดกลางคืนและ HDR อัจฉริยะ และยังมีกล้องเทเลโฟโต้ 5 เท่าแบบใหม่หมด พิเศษเฉพาะใน iPhone 15 Pro Max นอกจากนี้ชิป A17 Pro ยังปลดล็อคประสบการณ์การเล่นเกมและประสิทธิภาพระดับโปรให้เหนือไปอีกขั้น เช่นเดียวกับขั้วต่อ USB‑C ใหม่ที่เร็วสุดแรงด้วยความเร็วของ USB 3 ที่เร็วกว่า USB 2 สูงสุด 20 เท่า
AirPods Pro (รุ่นที่ 2) ที่มาพร้อมการชาร์จด้วย MagSafe (USB-C) ซึ่งทำให้หูฟังที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลกดียิ่งขึ้นไปอีก AirPods Pro (รุ่นที่ 2) ยังคงพัฒนาระบบการฟังเสียงส่วนบุคคลอย่างต่อเนื่อง โดยถ่ายทอดคุณภาพเสียงที่น่าทึ่ง พร้อมการตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟที่ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนถึงสองเท่า โหมดฟังเสียงภายนอกสุดล้ำ ประสบการณ์ระบบเสียงตามตำแหน่งที่เต็มอิ่มสมจริงยิ่งขึ้น และจุกหูฟังหลายขนาดเพื่อให้สวมใส่ได้พอดียิ่งขึ้น AirPods Pro (รุ่นที่ 2) ได้รับการอัปเกรดให้มีความสามารถในการชาร์จด้วย USB-C การทนฝุ่นเพิ่มเติม และเสียงแบบ Lossless บน Apple Vision Pro iOS 17 ยังช่วยยกระดับ AirPods Pro (รุ่นที่ 2) ทั้งหมด ให้คุณสัมผัสประสบการณ์การฟังเสียงแบบใหม่ด้วยคุณสมบัติเสียงที่ปรับตามสภาพแวดล้อม และ Conversation Awareness1 ความสะดวกสบายและความทนทานที่เพิ่มขึ้น AirPods Pro รุ่นใหม่ได้รับการอัปเดตให้มีขั้วต่อ USB-C จึงสามารถชาร์จกลุ่มผลิตภัณฑ์ Mac, iPad, AirPods และ iPhone 15 ได้อย่างง่ายดายโดยใช้สายเดียว