Maurice Lacroix AIKON ถือเป็น Iconic Swiss Watch ใน collection ของนักสะสมมานับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2016 หนึ่งในผลงานสร้างสรรค์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของ Watchmaker จากย่าน Franches Montagnes ประเทศ Switzerland คอลเลกชัน Maurice Lacroix AIKON เป็นโมเดลที่ต่อยอดมาจาก Maurice Lacroix Calypso ต้นแบบสุดคลาสสิกตั้งแต่ปี 1990s ทำให้ AIKON ซึ่งหมายถึงสไตล์เมืองอันหรูหราทันสมัย ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในฐานะสัญลักษณ์แห่งความหรูหรา มีความโดดเด่นในด้านงานดีไซน์ที่ทันสมัย รวมถึงการเลือกใช้วัสดุและคุณภาพการผลิตที่ประณีตสูงสุด ผ่านการสร้างสรรค์ด้วยผลงานรุ่นใหม่ ๆ ภายใต้ความหลากหลายของขนาด สีสัน และความซับซ้อนของเรือนเวลามาอย่างต่อเนื่อง สมกับปรัชญา ‘การประดิษฐ์คิดค้น’ ที่หลอมรวมอยู่ในทุกงานฝีมือและการสร้างสรรค์ของ Maurice Lacroix เชื่อว่าหากคุณหันไปหา Watch Collector รอบตัว จะพบว่ามี Maurice Lacroix AIKON ติดตัวกันเกือบครบทุกท่านไม่มากก็น้อย ล่าสุด Maurice
แฟนสตรีทอาร์ตตัวจริง คงไม่มีใครไม่รู้จัก Mr. HELLYEAH! “คาแรกเตอร์ชวนสะดุดตาที่มีขนสีดำหนาปกคลุมทั่วตัว พร้อมหนวดสุดกวนและดวงตากลมโตดวงใหญ่อยู่กลางใบหน้า” ซึ่งเป็นผลงานสุดไอคอนิกของ ตั้ม-พฤษ์พล มุกดาสนิท หรือที่ผู้คนส่วนใหญ่รู้จักเขาในชื่อ “ตั้ม” MAMAFAKA ศิลปินสตรีทอาร์ต และกราฟิกดีไซน์เนอร์ชื่อดังชาวไทย ผู้มีผลงานที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์มากที่สุดในยุคนั้น จากจุดเริ่มต้นในปี 2010 ที่ตัวเขาได้มีโอกาสเผยแพร่ดีไซน์คาแรกเตอร์นี้บนกำแพงมหึมาขนาด 4 เมตร ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) และเลือกใช้ปากกามาร์กเกอร์ลากเส้นผมของเจ้า Mr. HELLYEAH! ทีละเส้น และงานวาดมือชิ้นนั้นคือสิ่งที่ทุกคนเริ่มได้จดจำว่า นี่คือผลงานของตั้ม ภายใต้ชื่อ “MAMAFAKA” หลังจากนั้นคาแรกเตอร์นี้ได้ถูกพบเห็นปรากฏบนตามที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะอยู่บนนิตยสาร งานเทศกาลอีเว้นต์ หรือแม้แต่การร่วมคอลแลปกับแบรนด์ชั้นนำมากมาย ทำให้ “ตั้ม” MAMAFAKA เป็นอีกหนึ่งศิลปินหัวหอกที่ขับเคลื่อนให้ผลงานของสตรีทอาร์ตเมืองไทยเป็นที่รู้จักและโด่งดังในระดับสากล รวมถึงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักออกแบบและศิลปินทั้งรุ่นเก่าและใหม่มาจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้วันนี้ตั้มจะจากโลกนี้ไปกว่าสิบปีแล้ว แต่ผลงานของ MAMAFAKA ก็ยังคงถูกนำมาถอดแบบเพื่อสานต่อความฝันของตั้มในหลากหลายรูปแบบโดยครอบครัวและเพื่อน ๆ ของตั้มเอง เพื่อรำลึกถึงความสามารถของผู้ชายที่ชื่อว่า “ตั้ม พฤษ์พล มุกดาสนิท” และสำหรับใครที่คิดถึงผลงานของผู้ชายคนนี้ ล่าสุด SEIKO 5 SPORTS
หลายคนอาจรู้จัก ‘มาริโอ เมาเร่อ’ ในฐานะนักแสดงหนุ่มอารมณ์ดี พ่วงด้วยดีกรีพระเอกพันล้าน แต่อีกด้านของชีวิตผู้ชายคนนี้มีงานอดิเรกคือการเป็นนักสะสมของเก่าชนิดหาตัวจับยาก ไม่ว่าจะเหรียญเก่า ธนบัตรเก่า สแตมป์เก่าทั้งของไทย ของนอก รวมไปถึงเสื้อผ้าวินเทจ ฟิกเกอร์ ของเล่น รถเก่า และสกู๊ตเตอร์เก่าอย่าง Lambretta ซึ่งจิตวิญญาณความเป็นนักสะสมแบบเข้าเส้นได้ถูกปลูกฝังโดยคุณพ่อของเขามาตั้งแต่ครั้งยังเยาว์วัย สำหรับใครที่มีงานอดิเรกในวันว่าง น่าจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าการได้อยู่กับตัวเอง ใช้เวลาไปกับสิ่งที่หลงใหลหลังจากการทุ่มเททำงานอย่างหนักหน่วง มันคือการเติมพลัง และเติมเต็มชีวิตให้มีความหมาย ซึ่งผู้ชายคนนี้ก็คือหนึ่งในนั้น สามารถหมดเวลาเป็นวัน ๆ ไปกับการตามหาของเก่า ได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และไม่เคยมองว่ามันคือการผลาญเงิน หรือการเผาเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ มาริโอเคยพูดถึงประเด็นนี้ว่า “ของสะสมถ้ามันอยู่กับคนที่ไม่เห็นค่า เขาจะรู้สึกว่ามันไม่ได้เรื่อง มองเห็นก็แค่ข้อเสียของมันเท่านั้น แต่สำหรับตัวผมจะเห็นคุณค่าในแง่ที่ว่า เฮ้ย เราได้ขับรถปี 1960 แบบที่พ่อเคยขับ ได้ขี่แลม 2 ที่เราถูกใจตั้งแต่เจอรุ่นพี่ขี่ ได้ดูแล ได้ซ่อมรถเอง ได้หาของแต่ง ได้ไปเจอเพื่อน ๆ คอเดียวกัน มันคือความสนุก คือความสุขที่ช่วยเติมเต็มอีกด้านของชีวิตที่ไม่ได้มีแค่เรื่องงาน” ที่สำคัญความชอบในสกู๊ตเตอร์ Lambretta ยังเป็น “แลม… บันดาลใจ” ที่ปลุกไฟ
The Who คือวงดนตรีในปี 1964 จากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เริ่มต้นจากเด็กหนุ่ม 4 คน Roger Daltrey (ร้องนำ) / Pete Townshend (กีตาร์) / John Entwistle (เบส) / Keith Moon (กลอง) พวกเขาเป็นวงดนตรีที่มีความสำคัญต่อวัฒนธรรมของชาว Mods (Modernism) และผูกพันกับภาพของ Lambretta มากที่สุดเท่าที่วงดนตรีวงหนึ่งเคยมีมา และความผูกพันนั้นถูกบันทึกผ่านเสียงเพลงที่ส่งต่อเป็นวัฒนธรรมจากสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 6 ของวง ที่มีรูปเด็กหนุ่มคนหนึ่งขึ้นคร่อมสกู๊ตเตอร์ด้วยแฟชั่นอิตาเลียนสไตล์ Parkas ของ Mods แต่บอกก่อนเลยว่ามันไม่ใช่แค่ภาพเอาเท่เฉย ๆ ในบทความนี้เราจะมาเล่าเส้นทางระหว่าง The Who กับสกู๊ตเตอร์อิตาเลียนสไตล์คันนี้กัน อัลบั้ม Quadrophenia ถูกวางเพลงเอาไว้เป็นแบบที่เรียกว่า “Concept Album” สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับสิ่งนี้ มันคือการทำอัลบั้มแบบที่ทุกเพลงจะเล่าเรื่องเพียงเรื่องเดียวจากคอนเซปต์ที่ถูกวางเอาไว้ อาจจะเป็นเรื่องราวที่แต่งขึ้น เป็นเหตุการณ์จากประวัติศาสตร์จริง หรือเป็นอะไรก็ตาม แต่สำหรับ The
ชื่อของ Lambretta กว่าจะถูกแปะอยู่ในวัฒนธรรมหลัก Pop Culture เป็น Scooter สัญชาติ Italian จากเมือง Milan สไตล์เฉพาะตัวไม่เหมือนใครได้อย่างทุกวันนี้ต้องบอกว่าเป็นการเดินทางที่ยาวไกลมาก และย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1947 นู่นเลย แล้วเป็นการเดินทางที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพียง Subculture ทางเลือกนอกกระแสคนขี่มาก่อนด้วยซ้ำ บทความนี้จะพาชาวเลือดกรุ๊ปแลมทุกคนไปรีแคปเส้นทางการเดินทางส่วนหนึ่งของ Lambretta ให้เห็นว่ารถจากอิตาลีคันนี้วิ่งผ่านเส้นวัฒนธรรมย่อยเข้าสู่วัฒนธรรมหลักได้อย่างไร เพื่อให้เข้าใจความสัมพันธ์ของแลมกับชีวิตของผู้คนอย่างจริงจัง ไปด้วยกัน หมุดหมายแรกของ Lambretta ในเรื่องเล่าของเรา มาเริ่มต้นเล่าเรื่องนี้กันตรงที่มาทบทวนคำศัพท์กันก่อนดีกว่า และคำเดียวที่คุณจะต้องรู้ก็คือคำว่า ‘ม็อด (Mods)’ ที่หมายถึง ‘สมัยใหม่นิยม (Modernism)’ เป็นคำซึ่งใช้นิยามคนกลุ่มหนึ่งจากเมืองผู้ดีกรุงลอนดอน (London) ในยุค 1950s ที่แน่นอนว่ามี Lambretta เป็นพาหนะเดินทาง เป็นสัญลักษณ์ และเป็นแพชชั่นของชีวิต Mods คือกลุ่มวัยรุ่นที่ฐานะอยู่ในระดับชนชั้นกลาง มีความคิดเห็นต่างต่อบรรทัดฐานของสังคมเพื่อที่จะแสดงถึงความอิสระของตัวเอง และสิ่งที่แสดงออกถึงความเป็นหนุ่มสาวชาว Mods ได้ดีที่สุดคือการคัสตอม Lambretta ที่มีกระจกข้างยุบยับเต็มรอบส่วนหน้าของรถ คำถามที่ว่า “ทำไม?” คำตอบก็คือพวกเขาทำเพื่อประชดรัฐบาลอังกฤษ ณ ช่วงเวลานั้น
“เคยถามตัวเองกันมั้ย ว่าหน้าตาของความสุขที่มีร่วมกับ Lambretta เป็นแบบไหน ?” เราตอบคำถามนี้ได้ง่ายขึ้นมาก เมื่อบทสนทนาสั้น ๆ ที่เกิดขึ้นกับ ‘เก๋-กมลนิตย์’ จบลง เธอคือหญิงสาวที่ชาวแลมหลาย ๆ คนน่าจะคุ้นหน้าคุ้นตากันมาบ้าง ตามงานของ Lambretta ในลุค Vintage Style สุดเท่ แต่ ๆ ๆ ๆ เราเชื่อว่าทุกคนอาจจะยังไม่คุ้นเคยกับเรื่องราวเบื้องหลังที่เธอมีร่วมกับ Lambretta ดีนัก เพราะความหลงใหลในสไตล์ Vintage ของเธอมันไม่ใช่แค่เรื่องของเสื้อผ้าเท่านั้น แต่เป็นการรับ แลม… บันดาลใจ จากสกู๊ตเตอร์อิตาเลียนสไตล์คันนี้ด้วย “ชื่อกมลนิตย์ แจ่มทับทิมค่ะ” คุณเก๋แนะนำตัวแบบเขิน ๆ พร้อมกับบอกว่าไม่เคยให้สัมภาษณ์มาก่อน “มันต้องจริงจังขนาดนี้เลยใช่มั้ยคะ 555” แต่หลังจากเขินอยู่ได้ไม่นานเธอก็บอกว่าพร้อมตอบคำถามต่อไปแล้ว เราจึงไม่รอช้า เพราะก็อยากรู้เหมือนกันว่าจุดเริ่มต้นความหลงใหลในสกู๊ตเตอร์อย่างแลมของเธอมาจากไหน และเมื่อต้องพูดถึงจุดเริ่มต้นในการขี่ Lambretta ของคุณเก๋ เธอบอกว่ามีบุคคลสำคัญที่อยู่ในช่วงเวลาตั้งแต่วันแรกจนมาถึงวันนี้ และมีผลต่อความทรงจำที่ดีที่ทำให้เธอได้ขี่แลม มีสังคมแลม จากที่ขับคนเดียวมาโดยตลอด และนี่คือเรื่องราวระหว่าง ‘คุณบังใหญ่’ กับคุณเก๋
สำหรับชาวแลม หรือ Lambrettista ทั้งหลาย น่าจะคุ้นหน้าคุ้นตา “เฮียเจียว – กันตพงศ์ ฤกษ์แสนสุข” กันเป็นอย่างดี ในฐานะพี่ใหญ่ใจดี อดีตช่างซ่อมแลมวินเทจรุ่นเก๋า และเจ้าของศูนย์บริการมาตรฐาน Lambretta รุ่นบุกเบิกเมื่อประมาณ 60 ปีที่แล้ว ที่คอยให้ความรู้ รวมถึงดูแลรถให้กับก๊วนแลมแทบทุกครั้งที่ออกทริปไปด้วยกัน หากจะให้นิยามความสัมพันธ์ระหว่าง “เฮียเจียว” และสกู๊ตเตอร์คู่ใจอย่าง Lambretta คงพูดได้ว่าเปรียบเสมือนเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ด้วยอายุของเฮียเจียวที่อยู่ในวัย 77 เท่ากับอายุแบรนด์ Lambretta ที่ถึงวาระครบรอบ 77 ปี ในปีนี้เช่นกัน ซึ่งจุดเริ่มต้นความสนิทสนมกับเพื่อนซี้ 2 ล้อ คงต้องย้อนไปไกลถึงประมาณปี พ.ศ. 2504 – 2505 ยุคที่สกู๊ตเตอร์สัญชาติอิตาลีอย่าง Lambretta เริ่มบุกตลาดในไทยโดยการนำเข้าของ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ แอนด์โก ในสมัยนั้น และช่วงประมาณปี พ.ศ. 2507 ทางบ้านของเฮียเจียวที่ประกอบกิจการอู่ซ่อมรถจักรยานยนต์ก็ได้รับการทาบทามให้เป็นตัวแทนจำหน่าย พร้อมศูนย์ซ่อมแบบครบวงจร และตัวเฮียเจียวเองก็ถูกส่งไปเรียนรู้วิชาการซ่อมบำรุงโดยช่างเทคนิคที่มาจากต่างประเทศนานถึง 2
“เมื่อพูดถึงกีฬาขี่ม้าโปโล (Polo) ทุกคนนึกถึงอะไร ?” เชื่อเลยว่าภาพของใครหลาย ๆ คนคงเลือนลางมากเมื่อพูดถึงกีฬาชนิดนี้ และนั่นก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ UNLOCKMEN ติดต่อขอสัมภาษณ์ ‘หมิงหมิง-ชนม์นฤทธ์ โตมงคล’ เด็กหนุ่มที่กำลังเป็นที่จับตามองของวงการกีฬาขี่ม้าโปโลประเทศไทย ที่นอกจากจะเพื่อส่งต่อความมุ่งมั่นและแรงบันดาลใจในฐานะนักกีฬาคนหนึ่งที่เอาจริงกับเส้นทางของตัวเองอย่างสุดชีวิต แล้วก็ต้องการที่จะทลายภาพของคำว่า “Sport of King” ซึ่งถูกแปะป้ายคู่กับกีฬาชนิดนี้มาโดยตลอดด้วย เพราะว่านี่คือกีฬาที่สนุกและไม่ได้เข้าถึงยากอย่างที่คิดเลยสักนิด บทสัมภาษณ์ในครั้งนี้เราได้รับเกียรติจาก ‘สมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย (Thailand Polo Association)’ ที่มีเป้าหมายเดียวกัน พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้ ความสนุกของกีฬาขี่ม้าโปโล จนทำให้บทสัมภาษณ์กลมกล่อมมากยิ่งขึ้นอย่างที่ UNLOCKMEN ตั้งใจเอาไว้ ต้องขอขอบคุณผ่านทางบทความนี้อีกครั้งด้วยครับ “ชื่อ ‘ชนม์นฤทธ์ โตมงคล’ หรือ ‘หมิงหมิง’ ครับ อยู่สังกัด เอสพีพี พัทยา (ทีมที่เล่นในไทย) / และสังกัดทีมชื่อหนุมาน (ทีมแข่งต่างประเทศ) ปัจจุบันเรียนอยู่มหาวิทยาลัย Stamford International University ปี 1 คณะบริหารธุรกิจ ภาคภาษาอังกฤษ (Bachelor
รวมภาพบรรยากาศกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย ไซโก (ประเทศไทย) ที่จัดมาอย่างต่อเนื่องก้าวเข้าสู่ปีที่ 7 ภายใต้คอนเซ็ปต์ Seiko ‘Save the Forest to Save Our Elephants’ เมื่อวันที่ 12-14 มีนาคม 2024 ที่ผ่านมา ณ จังหวัดกาญจนบุรี ครั้งนี้เป็นการควบรวมทั้งสองโครงการ ทั้งการอนุรักษ์ช้างไทย และป่าไผ่ ที่สอดคล้องกับคอลเลกชันนาฬิกาทั้ง 2 คือ Seiko Prospex Thai Elephant Thailand Limited Edition รหัส SRPK57K และ Seiko Prospex Bamboo Grove Limited Edition รหัส SPB435J กิจกรรมเริ่มต้นด้วยการศึกษาเรียนรู้การทำงานของสายงานอนุรักษ์ช้าง และสัตว์ป่าที่โรงพยาบาลสัตว์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน ด้วยการเยี่ยมชมการทำงานของหน่วย โดยมีคุณหมอแอ้ม อ. สพ.ญ. ดร.สุภาเพ็ญ ศรีพิบูลย์