เมื่อเราพูดถึงสมุนไพรสายเขียวในปี 2023 ซึ่งเปิดกว้างมากในประเทศไทย เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะไม่พูดกันถึงนักเพาะปลูกหรือที่ทั่วโลกต่างเรียกพวกเขาว่า Grower อาชีพอันทรงเกียรติ เป็นที่ต้องการของตลาด และมีรายได้สูงมาก (ในต่างประเทศ) แต่ประเทศไทยยังไม่ถูกพูดถึงมากนัก ด้วยความหลงไหลในพืชใบแฉกปนกับความสงสัยซึ่งมาพร้อมกับคำถามสำคัญว่า “เราจะปลูกพืชชนิดนี้ด้วยตัวเองกันไปทำไมในวันที่สามารถหาซื้อได้ง่ายดาย” คอลัมน์ Man Up ประจำเดือนเมษายน UNLOCKMEN จึงชวน ‘เตอร์’ หรือที่ในวงการรู้จักเด็กหนุ่มวัย 26 คนนี้ดีในชื่อ ‘พี่หมีแห่ง GrowStuff’ เปิด Private Workshop ที่ให้ Exclusive Group ของเราเข้าคลาสเรียนวิชา Grower 101 กันแบบใกล้ชิด รู้ทุกสิ่งที่ควรรู้เบื้องต้น ไปจนถึงการเก็บเกี่ยวผลิตผล พร้อมเปิดมุมมองว่าจริง ๆ แล้วพืชชนิดนี้คือศิลปะที่ล้ำลึกมากกว่าแค่เพื่อเก็ทไฮน์ ทำความรู้จัก GrowStuff กันก่อน (ฉบับย่อ) GrowStuff Shop คือร้านขายอุปกรณ์การเกษตรโดยเน้นที่สมุนไพรใบแฉกเป็นหลัก (ภายใต้ชื่อบริษัท GrowStuff Supply and Service) ซึ่งอย่างที่รู้กันว่ามี ‘เตอร์-ฉัตรทอง ริมทอง’ เป็น
ครั้งแรกของ Ferrari 4 ประตู 4 ที่นั่ง ที่ดูคล้าย SUV มากที่สุดเท่าที่ Ferrari เคยมีมา เครื่องยนต์ NA 6.5 ลิตร V12 Dry Sump 725 แรงม้า 716 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ด้วยชุดเกียร์แยกอีกชุด ทำเวลา 0-100 km/h ได้ภายใน 3.3 วินาที และความเร็วสูงสุดทะลุ 300 km/h ชื่อรุ่น “Purosangue” เป็นภาษาอิตาลี หมายถึงสายพันธุ์ม้าแข่งที่โด่งดังซึ่งมีทั้งความเร็วและความแข็งแกร่ง ซึ่งแม้คนทั้งโลกจะเรียกมันว่ารถ SUV แต่ Ferrari ยังคงยืนยันว่า “นี่ไม่ใช่รถ SUV” เสียงแข็ง เพราะมันมีความสูงเพียง 62.6 นิ้ว เตี้ยกว่า Lamborghini Urus ถึง
ตั้งแต่เราเห็น C63 เปิดตัวด้วยเครื่อง 4 สูบ ก็เริ่มไม่แน่ใจว่ารุ่นใหญ่ตระกูล 63 จะถูกลดความจุเครื่องยนต์กันทั้งแผงเลยหรือไม่ แต่ S 63 คันนี้น่าจะทำให้ชาวแม่ยกเครื่องใหญ่ได้ยิ้มออกกันบ้าง แต่อาจจะต้องหุบยิ้มทันทีที่เห็นป้ายราคาขายในเยอรมนีราว 8 ล้านบาท ถ้า Benz ไทยนำเข้ามาขายน่าจะไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท Mercedes-AMG S 63 E เปิดตัวด้วยรุ่นพิเศษ Edition 1 ใช้เครื่องยนต์รหัส M177 4-liter twin-turbocharged V8 พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้าประกบเพลาขับพลังพร้อม electronically-controlled limited-slip differential มีเกียร์ 2-speed ในตัว ทำงานคู่กับเกียร์ 9-speed torque converter พร้อม wet clutch ขับเคลื่อนสี่ล้อ ให้พละกำลังรวมมากถึง 790 horsepower แรงบิดมหาศาลถึง 1430 Nm of torque
PUBLICIS GROUPE กลุ่มเอเจนซี่ด้านการสื่อสารการตลาดชั้นนำของประเทศไทย ผู้นำทางด้านการให้คำปรึกษาด้านการสื่อสารด้วยกลยุทธ์ Power of ONE หรือการบริหารกลยุทธ์การสื่อสารแบบ Connected Experience Solutions ที่ตอบโจทย์ครบลูป Journey ของกลุ่มเป้าหมายในทุก ๆ Touchpoint ทั้งในด้านความคิดสร้างสรรค์ (Creativity), การวางแผนและบริหารสื่อ (Media), การประชาสัมพันธ์และอินฟลูเอนเซอร์ (PR & Influencer Marketing), การบริหารจัดการคอนเทนท์บนดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Content), การผลิตสื่อ (Production) และรวมถึงความเชี่ยวชาญพิเศษด้านดาต้าและดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน (Data and Digital Transformation) เผยเทรนด์การสื่อสารล่าสุดในงาน Power of ONE, Powering the Future พร้อมพาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจมุ่งสู่การเติบโตแห่งอนาคตอันยั่งยืนผ่านการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ ในงานนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ปับลิซิส กรุ๊ป ประเทศไทยมีการเผยแพร่องค์ความรู้และเทรนด์ทางการสื่อสารที่ครบในทุกมุมมองของการสื่อสารเพื่อการสร้างกลยุทธ์แบบองค์รวมที่มีประสิทธิภาพและแม่นยำมากขึ้น ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจในยุคที่การสื่อสารต้องอาศัยความแม่นยำไร้รอยต่อกับกลุ่มเป้าหมาย (Seamless Communications) คุณภารุจ ดาวราย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปับลิซิส กรุ๊ป ประเทศไทย
เป็นเวลาหลายทศวรรษที่โมเดลสุดไอคอนิกของอาดิดาส ออริจินอลส์อย่าง Superstar, Gazelle และ Forum ยืนหยัดในฐานะสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมและชุมชน – หยั่งรากลึกในใจของผู้คนในฐานะผู้เปลี่ยนเกมและผลักดันขอบเขตอย่างต่อเนื่อง สำหรับฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2023 อาดิดาส ออริจินอลส์ได้นำทั้งสามโมเดลกลับมาอีกครั้งภายใต้แคมเปญล่าสุด “Home of Classics” แคมเปญนี้ประกอบด้วยบุคคลผู้บุกเบิกทางวัฒนธรรมจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ลิลเดร (Lil Dre), คาลยา มอนโตยา(Kalya Montoya) และ มาร์คอส มอนโตยา (Marcos Montoya) จากลอสแองเจลิส และ ดี โคอาลา (Dee Koala), มาสวันดิเล ซิทโฮล (Mzwandile Sithole) และ แอนดิล ดลามินี (Andile Dlamini) จาก Broke Wear แบรนด์หัวก้าวหน้าของเคปทาวน์ การเชื่อมโยงภูมิศาสตร์และวัฒนธรรมเปลี่ยนเคปทาวน์ให้เป็นสนามการทดลอง ซึ่ง Home of Classics ได้แสดงให้เห็นว่าขอบเขตของความคิดสร้างสรรค์ถูกขยายกว้างออกไปอย่างไรเมื่อชุมชนมารวมตัวกัน ลิลเดร
จะมีสักกี่แบรนด์บนโลกที่ทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนวงการดนตรีและศิลปะราวกับครอบครัวได้มากเท่ากับ Hennessy อีก เพราะนอกจากตัวแบรนด์จะคอยอ้าแขนโอบอุ้มเหล่าศิลปิน Hip-Hop ด้วยคำว่า ‘ครอบครัว’ มาโดยตลอดแล้ว Hennessy ก็มักจะทำงานคอลแลบกับเหล่าศิลปิน Illustrator , Painter และแขนงอื่น ๆ เสมอ เพื่อเป็นการประกาศอย่างเป็นมิตรว่า Hennessy ต้อนรับ ‘ศิลปะ’ ในทุกรูปแบบ ภาพของสิ่งที่เราเพิ่งพูดถึงไปก่อนหน้านี้ ถูกแสดงออกอย่างชัดเจนในอีเวนต์ชื่อ Hennessy Artistry ค่ำคืนสร้างประสบการณ์พิเศษผ่านวิชวลแสงสี ที่มีดนตรีฮิปฮอปคอยประกอบจังหวะสุดมันส์ แคมเปญซึ่งจัดมาต่อเนื่องหลายสิบปีและทำให้ผู้คนประทับใจเสมอ ในปี 2023 งาน Hennessy Artistry กลับมาอีกครั้งในธีมที่ชื่อว่า ‘Diffraction’ ที่เปล่งประกายวิบวับ สะท้อนแสงด้วยศิลปะ แสงสี ดนตรี แบบจัดเต็ม ตอกย้ำเจตนารมณ์ของการเป็นผู้ผลักดันในศิลปะด้วยใจแรงกล้าอีกครั้ง และ UNLOCKMEN เอาความพิเศษพร้อมบรรยากาศของงานครั้งนี้มาฝากกันด้วย อ๊ะ ๆ แต่ก่อนจะไปพบกับความไฮป์ของ Diffraction เราขอพาทุกคนนั่งรถไฟขบวน Hype Train กลับไปดูวันแรก ๆ ของ Hennessy
สำหรับคาร์เทียร์ เวลานั้นหมุนเวียนเป็นวัฏจักร มิใช่เดินเป็นเส้นตรงอย่างที่นำเสนอทั่วไป วิสัยทัศน์นี้จึงเป็นหนึ่งในคำอธิบายว่าทำไมเมซงคอยพัฒนาปรับเปลี่ยนนาฬิกาและรังสรรค์ทั้งดีไซน์และกลไกขึ้นใหม่อย่างไม่รู้จบ เพื่อนำพาผู้ที่หลงใหลในเรือนเวลาไปสู่อนาคต เรือนเวลาของคาร์เทียร์ประสบความสำเร็จจากการเดินทางด้วยพลังแห่งจินตนาการจากอดีตไปสู่อนาคต ตราบเท่าที่วิวัฒนาการยังดำเนินไปไม่สิ้นสุด ไร้ขีดจำกัดของกาลเวลา ความคิดสร้างสรรค์เป็นอนันต์ และในปีนี้ คอลเลคชั่นใหม่ของคาร์เทียร์ได้สะท้อนสิ่งนี้ ผ่านเรือนเวลาที่พรั่งพร้อมทั้งรูปทรงและคาแรกเตอร์ ปรับโฉมใหม่ผ่านการสร้างสรรค์ อันทรงคุณค่า Tank คือไอเดียแรกที่หลุยส์ คาร์เทียร์ทำนายว่าจะประสบความสำเร็จ และในปีนี้มีตัวแทนคือ Tank Normale รุ่นใหม่ที่อ้างอิงเรือนแรกสุดจากปี 1917 กับ Tank Américaine อันภูมิฐาน สองเอกลักษณ์การรังสรรค์เรือนเวลาของคาร์เทียร์ มาเคียงคู่เรือนเวลาที่ได้รับการตีความขึ้นใหม่ อันได้แก่ Pasha, Baignoire, Panthère และ Santos de Cartier รวมถึง Clash [Un]Limited เรือนเวลาที่หลอมรวมมรดกเชิงสุนทรียะของคอลเลคชั่น Clash อย่างสร้างสรรค์และและสร้างวิวัฒนาการให้ก้าวไกลกว่าเดิมจากปัจจุบันที่มุ่งหน้าสู่อนาคต TANK NORMALE แต่ละปีเรือนเวลาหายากหนึ่งรุ่นจะได้รับเลือกเข้าสู่คอลเลคชั่น Cartier Privé จุดนัดพบของนักสะสม ซึ่งเฉลิมฉลองและสำรวจเรือนเวลารุ่นตำนานของเมซงผ่านเรือนเวลารุ่นลิมิเต็ดโดยสลักหมายเลขกำกับไว้ วันนี้ Cartier Privé เปิดตัว Tank Normale ผลงานชิ้นที่ 7
เย็นวันศุกร์ในช่วงเวลาที่กรุงเทพรถติดหนัก ผมเดินเข้ายิมตามปกติหลังจากที่หักหลังร่างกายของตัวเองได้ 2 อาทิตย์แล้ว เพื่อนกลุ่มเดิมก็ยังคงรอกันอยูที่นั่น หลังจาก Work Out กันไปได้ 30 นาที บทสนทนาอันน่าสนใจมาก ๆ ก็เริ่มต้นขึ้นแบบนี้ “มีใครรู้จักกีฬาปากัวร์มั้ย ?” คำถามวิชาประวัติศาสตร์อะไรกัน (ผมคิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป) มันก็เล่าต่ออย่างไม่รอช้าว่า รู้มั้ยว่าจริง ๆ แล้ว Freerunning ที่เราเห็น ๆ กันมาตลอดเนี่ย มีกีฬา ‘Parkour (ปากัวร์)’ เป็นรากฐานและจุดกำเนิดนะ ก่อนที่จะถูกต่อยอดโดยการใส่ลวดลายลีลาแบบ ‘ยิมนาสติก’ ผสมผสานเข้าไปแบบที่เราเห็นกันใน Freerunning ปัจจุบัน คำว่า ‘Parkour’ เป็นคำที่มาจากภาษาฝรั่งเศสซึ่งมีความหมายว่า “วิ่งทุกที่” และในฐานะของการเป็นกีฬาที่มีจุดเริ่มต้นจากประเทศฝรั่งเศสซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 20 ปีแล้ว ความน่าสนใจก็คือกีฬาปากัวร์เป็นกีฬาที่ไม่ใช้อุปกรณ์ใด ๆ เป็นตัวช่วยเลย Me & My Body ล้วน ๆ เน้นที่ความแข็งแรงในการออกตัววิ่งกระโดดก้าวข้ามสิ่งกีดขวาง อย่าง กำแพง บนหลังคา
หากพูดถึงเรือนเวลาที่บอกเล่าเรื่องราวสำคัญของ OMEGA แล้วล่ะก็ การหยิบ OMEGA Aqua Terra ขึ้นมาสวมใส่บนข้อมือ พร้อมพินิจพิเคราะห์ความงดงามกันอีกครั้ง ดูจะเป็นอะไรที่ถูกต้องที่สุดแล้ว หากใครไม่คุ้นเคยกับ OMEGA รุ่นนี้ เราขอพาไปเริ่มต้นเรื่องราวประวัติศาสตร์ตั้งแต่ปี 2002 กันก่อน ย้อนกลับไปในปี 2002 แบรนด์ OMEGA ได้เปิดตัว OMEGA Aqua Terra ต้องบอกว่าเพียงครั้งแรกที่ผู้คนได้เห็นเรือนเวลารุ่นนี้ก็สร้างความประหลาดใจและประทับใจให้คนทั่วโลกได้ทันที การเลือกดีไซน์เรือนเวลาที่เต็มไปด้วยความเรียบง่ายในทุกอณู เพื่อตอบโจทย์การเป็น ‘Every Day Watch’ นาฬิกาที่ใส่ได้ทุกวันของทุกคน แต่ทว่า อีกโจทย์หนึ่งของ OMEGA คือคอนเซปต์สุดยิ่งใหญ่ของนาฬิการุ่นนี้ เพราะนี่คือเรือนเวลาที่จะเป็นหนึ่งในตัวแทนที่ดีที่สุดของซีรีส์ Seamaster หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ บอกเล่าการเป็นเรือนเวลาระดับตำนานที่สามารถใช้ดำน้ำได้รุ่นแรก ๆ ของโลกตั้งแต่ปี 1948 อันเป็นจิตวิญญาณสำคัญที่ขับเคลื่อนแบรนด์เสมอมา จากจุดเริ่มต้นกว่า 20 ปีที่แล้ว เวลาล่วงเลยผ่านมาพร้อม ๆ กับเข็มของ OMEGA ที่ไม่เคยหยุดพัฒนาความคิดสร้างสรรค์แม้สักวินาทีเดียว