ผู้ชายบางคนอาจจะไม่สนใจเรื่องการแต่งตัวมากนัก เน้นชิล ปล่อยเซอร์ ไปตามสภาพ ได้เสื้อแถมจากไหนมาก็นำมาสวมใส่รวมกับกางเกงยีนส์ลากรองเท้าแตะเป็นอันจบ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดแปลกอะไรหากคุณตัดสินใจที่จะแต่งกายแบบนั้นออกมาจากบ้าน เพราะทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นความชอบของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน แต่การที่เราจะปล่อยเซอร์ก็ควรมีข้อยกเว้นควรระวังบ้างเหมือนกัน หากจำเป็นต้องไปประชุม ออกงาน พบเจอผู้คนจะไม่แคร์โลก และกาลเทศะเลยก็ไม่ได้ อะไรที่มันเยอะไป หรือน้อยมักไม่เป็นผลดีอยู่เสมอ ดังนั้นทีมงาน UNLOCKMEN จะขอแนะนำเรื่องง่าย ๆ ที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับการแต่งตัวแม้ว่าคุณจะเป็นคนสไตล์อย่างไรก็ตาม กาลเทศะ เรื่องกาลเทศะถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเหนืออื่นใด เพราะเอาเข้าจริงไม่มีสไตล์ไหนที่ถูก หรือผิด มีแต่เหมาะหรือไม่เหมาะสมเท่านั้นเอง อย่างเช่นงานที่เป็นทางการก็ควรจะแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อยเสียนิดหนึ่ง อย่าเป็นตัวเองมากจนเกินไป เพราะคนอาจจะมองได้ว่าคุณเป็นคนไม่รู้จักกาลเทศะ แต่ถ้าในชีวิตปกติก็สามารถเป็นสไตล์ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ชนิดไม่ต้องแคร์ใคร โดยเฉพาะในงานเฟสติวัลต่าง ๆ หากอยากปล่อยของก็ต้องโอกาสนี้เท่านั้น ตรวจเช็กความเรียบร้อย เราเข้าใจว่างานรีดผ้าไม่ใช่ของถนัดของผู้ชาย แล้วยิ่งถ้าไม่มีแฟนมานั่งคอยรีดให้อีก แบบนี้ยุ่งเลย แค่ลำพังจะเอาเสื้อมาซักแต่ละอาทิตย์ก็ขี้เกียจแล้ว แต่มันจะเป็นภาพที่แย่มากถ้าเกิดคุณใส่เชิ้ตยับ ๆ ไม่ผ่านการรีดไปทำงาน หรือจะเจอลูกค้าเพราะต่อให้เสื้อตัวนั้นจะราคาแพงแค่ไหน แต่ถ้ามันยับเหมือนผ้าขี้ริ้ว ราคามันก็ไม่มีความหมายใด ๆ แถมทำให้คุณเสียบุคลิกอีกด้วย ดังนั้นถ้ารู้ว่าเสื้อตัวไหนสำคัญไว้ใช้ออกงานก็ควรส่งร้านซักอบรีดซะ เมืองไทยไม่เคยมีอากาศหนาว เรามักเห็นเสื้อผ้าแบรนด์ดังมักเอาเสื้อโค้ทสวย ๆ มาลดรคา 50 -70 เปอร์เซ็นต์ ที่เป็นอย่างนั้นเพราะมันขายไม่ออกในราคาปกติ ชาว UNLOCKMEN
หากพูดถึงแบรนด์ที่หาซื้อจับจองเป็นเจ้าของยากแบบสุด ๆ ชนิดหากบ้านไม่ได้อยู่ใกล้ช็อป หรือไปนั่งเข้าคิวรอซื้อเป็นวัน ๆ นอกเหนือจาก Supreme แล้ว เราขอยกให้กับแบรนด์สตรีตแวร์จากเกาะอังกฤษที่มาแรงพอ ๆ กันอย่าง Palace ซึ่ง UNLOCKMEN เคยเขียนถึงประวัติความเจ๋งของแบรนด์นี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง ทุกคนสามารถกลับไปตามอ่านได้ที่ (Content) สาเหตุที่ทำให้แบรนด์ Palace เติบโตอย่างรวดเร็ว แถมเป็นที่นิยมของสาวกสตรีตแฟชั่น น่าจะมาจากดีเอ็นเอความเป็นตัวตนบวกกับเอกลักษณ์อันชัดเจน ที่แสดงออกถึงความเป็นอินดี้ฮาร์ดคอร์ จนถูกใจวัยรุ่นทั่วโลก และขอบอกเลยว่าอัตราการจับจองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะเมื่อสินค้า Palace วางจำหน่าย ก็ Sold Out แทบทันที ไม่ต้องพูดถึงออนไลน์ หากอินเตอร์เน็ตของคุณไม่ได้เร็วเหนือแสง ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะกดออนไลน์แย่งกับใครได้ แต่โอกาสมาถึงทุกคนอีกครั้ง เมื่อล่าสุด Palace เตรียมปล่อยคอลเลกชั่นใหม่ Autumn 2018 ที่อัดแน่นไปด้วยสินค้ามากมาย และต่อให้คุณไม่ใช่สายสเก็ตบอร์ด ก็น่าจะชื่นชอบเสื้อผ้าเซ็ตใหม่นี้ได้ไม่ยาก สำหรับคอลเลคชั่น Autumn 2018 จาก Palace นี้ประกอบไปด้วยสินค้ามากกว่า 100 ชิ้น ซึ่งมีตั้งแต่เสื้อแจ็คเก็ตกันลม, เสื้อแจ็คเก็ตยีนส์, ฮู้ดดี้, คาร์ดิแกน,
ก่อนปี 1903 ถ้ามีใครสักคนพูดว่าสักวันมนุษย์จะสามารถเดินทางบนท้องฟ้าได้คงมีแต่คนหาว่าบ้า แต่ความฝันอันยิ่งใหญ่นี้ก็กลายเป็นความจริงด้วยฝีมือของพี่น้องตระกูลไรต์ จากปี 1903 ถึงวันนี้ก็ผ่านมากว่า 115 ปีแล้ว วิวัฒนาการความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการเดินทางบนท้องฟ้าพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จากเครื่องบินลำเล็ก ๆ ของพี่น้องตระกูลไรต์สู่ Hybrid Air Vehicles Airlander 10 อากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก Hybrid Air Vehicles Airlander 10 อากาศยานที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลก แน่นอนว่าเมื่อมันทำงานด้วยระบบ Hybrid เจ้าวิหคยักษ์ลำนี้จึงเป็นการผสมผสานกันระหว่างเฮลิคอปเตอร์ เครื่องบิน และเรือเหาะ ส่วนประกอบหลักของ Hybrid Air Vehicles Airlander 10 คือไฟเบอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูงอย่าง Vectran เพื่อให้สามารถรองรับแก๊สฮีเลี่ยมที่ถูกอัดไว้ในปริมาณมากซึ่งจะทำงานควบคู่กับครีบใบพัดขนาดใหญ่ทำให้อากาศยานลำยักษ์นี้ลอยขึ้นเหนือพื้นดินได้ ถึงแม้ว่าขนาดของ Hybrid Air Vehicles Airlander 10 จะใหญ่โตจนกลายเป็นอากาศยานขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่การเคลื่อนที่ของมันไม่ได้ช้าอย่างที่คิดเพราะความเร็วสูงสุดของมันอยู่ที่ 90 ไมล์ต่อชั่วโมงเลยทีเดียว ด้วยความเร็วขนาดนี้ประกอบกับขนาดของมัน Hybrid Air Vehicles Airlander 10 จึงมีประโยชน์ต่อระบบการขนส่งทางอากาศเป็นอย่างมาก ด้านในนั้นก็ตกแต่งอย่างหรูหรามีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน แตกต่างจากเรือเหาะลำอื่น ๆ
บางครั้งของใช้ใกล้ตัวเรา มันอาจมีฟังก์ชั่นที่เจ๋งไปมากกว่านั้นได้ด้วยเทคโนโลยี ที่เพิ่มลูกเล่นให้มันจากสิ่งของเดิม ๆ กลายเป็นของ Multi-Function ได้แบบเท่ ๆ ใครที่ชอบอะไรแนวนี้ UNLOCKMEN อยากขอแนะนำปากกาสุดเจ๋งด้ามนี้ ที่พัฒนามาจากเทคโนโลยีทางการทหารในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง รับรองว่าเท่ทั้งดีไซน์และฟังก์ชั่น Haoyu Feng & Dan Xiong ผู้ออกแบบได้เปิดเผยว่าแรงบันดาลใจของปากกาสุดเท่ด้ามนี้มาจากในช่วงสงคราม ที่บ้านเมืองยังไม่สงบและอะไร ๆ ยังไม่เข้าที่เข้าทางมากนัก นั่นผลักดันให้ผู้คนในช่วงนั้นต้องคิดค้นสิ่งที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นออกมาใช้กัน และหนึ่งในเทคโนโลยีทางการทหารในสมัยนั้น เป็นอีกแขนงที่ก้าวหน้าไปไกลมากที่สุด เลยนำความรู้สึกในช่วงนั้นมาสร้างเป็นปากกาสารพัดประโยชน์อย่าง “The GP1945 Bolt Action Pen” ที่ทำขึ้นมาเพื่อรำลึกถึงเทคโนโลยีทางการทหารในช่วงหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองนั่นเอง ไม่ใช่ด้วยความแค้น อารมณ์ หรือความรู้สึกใด ๆ แต่มันสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตในช่วงนั้นล้วน ๆ ว่าถ้าต้องกลับไปใช้ชีวิตในช่วงนั้น เราจะเป็นต้องมีอะไรบ้าง ปากกาแท่งนี้สามารถตอบโจทย์นั้นได้ ที่นอกจากจะใช้งานตามฟังก์ชั่นของมันได้ตามปกติแล้ว ยังต้องช่วยชีวิตของเราในยามคับขันได้อีกด้วย เราสามารถใช้มันเป็นปากกาลูกลื่นปกติได้ (ก็แน่ล่ะมันเป็นปากกา) สำหรับการจดบันทึก ขีดเขียน ทำหน้าที่ของปากกาตามที่มันควรจะมีเป็นฟังก์ชั่นพื้นฐาน ตัวด้ามทำมาจากไทเทเนียม ที่จะอยู่ยงคงกระพันมากกว่าหนังหุ้มกระดูกของเราอย่างแน่นอน แถมดีไซน์ยังถูกออกแบบมาให้เหมือน Loading ของปืนไรเฟิลอีกด้วย ฟังก์ชั่นต่อมาคือนกหวีด ที่สามารถเลื่อนตัวด้ามให้กลายเป็นเสียงนก
ตามความเข้าใจของคนทั่วไป อาจเข้าใจว่าเพศชายอย่างเราจะตื่นตัวกับเรื่องใต้สะดืออยู่เสมอ ซึ่งนั่นก็ใช่ ไม่ได้มองผิดไปแต่อย่างใด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผู้ชายอย่างเราจะหน้าชื่นตาบานกับเซ็กซ์เสมอไป ทุกครั้งมันอาจจะไม่ได้จบลงที่การเดินออกไปดูดบุหรี่สักตัว แล้วเข้ามานอน Cuddle กันใต้ผ้าห่มอุ่น ๆ ทุกครั้งไป เมื่อความสุขไม่อาจมาพบเจอกับเราได้ทุกครั้ง หลายครั้งมันจบลงด้วยการนั่งซึม อยากจะนอนก่ายหน้าผากอยู่อย่างนั้น อาการแบบนี้เกิดขึ้นกับผู้ชายหลายคน ใครจะไปคิดว่าผู้ชายมักจะมีอาการเศร้าหลังจากมีเซ็กซ์ ซึ่งเป็นอาการที่มีชื่อเรียกอย่างจริงจัง ไม่ได้นั่งนึกเอาเองแต่อย่างใด UNLOCKMEN จะพามาทำความรู้จักกับอาการเศร้าหลังมีเซ็กซ์ หนุ่มคนไหนสังเกตตัวเองแล้วรู้สึกว่าตัวเองเข้าข่าย ลองมาทำความเข้าใจกับมัน จะได้หาทางหนีทีไล่ได้ทัน Post-Sex Blues เราจะมาฟังข้อมูลดี ๆ ที่ผู้ชายควรรู้ไว้ดูแลตัวเองจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา Robert Schweitzer จาก Queensland University of Technology ใน Australia เพราะเขาคือคนที่พยายามหาคำตอบว่าทำไมผู้ชายอย่างเราถึงมีอาการเศร้าหลังมีเซ็กซ์ หรือที่เรียกว่า Postcoital Dysphoria (PCD) นั่นเอง จริง ๆ อาการนี้เกิดขึ้นได้กับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่ความน่าสนใจคือ ผู้ชายที่ดูผิวเผินแล้ว น่าจะแฟนซีกับเรื่องเพศ แต่ทำไมกลับมีอาการเซื่องซึมหลังจากมีเซ็กซ์ซะได้ ลองมาดูคำตอบกันดีกว่า Schweitzer ได้ลองสำรวจเกี่ยวกับอาการ PCD ในผู้หญิงก่อน โดยเกือบครึ่งบอกว่าเคยมีอาการแบบนี้เกิดขึ้นมาแล้วเช่นกัน
หากพูดถึงโมเดลรองเท้าสักคู่ที่ได้รับอิทธิพล และติดภาพมาจากภาพยนตร์ จนกลายมาเป็นสนีกเกอร์ในฝัน ที่เหล่านักสะสมล้วนถวิลหาอยากจะได้มาไว้เป็นคอลเลคชั่นส่วนตัว หนึ่งในนั้นต้องมี Nike Cortez จากภาพยนตร์ Forrest Gump อย่างแน่นอน ปรากฎการณ์ความดังของภาพยนตร์ดังกล่าวไม่ได้ส่งผล แค่เพียงในจอเงินเท่านั้น ทว่ายังได้สร้างอิมแพคต่ออุตสาหกรรมแฟชั่นอีกด้วย เพราะรองเท้าที่ได้ปรากฎตัวบนแผ่นฟิล์ม พร้อมฉากชายผู้ไม่สมประกอบออกวิ่งด้วยรองเท้า Nike Cortez ไปทั่วสหรัฐอเมริกา กับวลีอมตะ “Run Forrest Run” ได้กลายเป็นฉากคลาสสิคตลอดกาลต่อวงการภาพยนตร์โลก นอกเหนือจากนี้ ด้วยคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นบวกกับความสวยงามของตัวรองเท้า Nike Cortez ทำให้มันกลายเป็นรองเท้าสามัญประจำตู้ถูกเก็บขึ้นหิ้ง แม้แต่คนธรรมดาทั่วไปก็ยังอยากที่จะมีไว้สวมใส่ครอบครอง วันนี้ UNLOCKMEN จะขอนำเรื่องราวของรองเท้าในตำนานคู่ดังกล่าวที่ได้กลับมาวางขายอีกครั้งในบ้านเรามาเล่าสู่กันฟัง หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าแต่เดิม รองเท้า Nike Cortez มีพี่ชายฝาแฝดที่เรียกได้ว่าแทบจะโคลนนิ่งกันมาอย่าง Onitsuka Corsair ซึ่งเหตุผลที่มันเป็นเช่นนั้นก็เพราะ ก่อนที่นาย Bill Bowerman จะได้จัดตั้งบริษัท Nike ขึ้นเองนั้น เขายังคงรับหน้าที่เป็นโค้ชทีมวิ่งของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น โดย Bill ได้ทำงานร่วมกับบริษัท Onitsuka Tiger จากประเทศญี่ปุ่นในการผลิตรองเท้าช่วงกลางยุค 60s ก่อนที่ในเวลาต่อมา Bill Bowerman และ Phil Knight จะก่อตั้งบริษัทของตัวเองที่ชื่อว่า Blue
ทุกการเปลี่ยนแปลง ย่อมดีเสมอ… ตามธรรมชาติของคนที่มี growth mindset ที่เชื่อว่าความสามารถนั้นเกิดจากความพยายาม ชอบขวนขวายสู่ความสำเร็จ และมองความท้าทายหรือความล้มเหลวเป็นโอกาสในการพัฒนาตนเองนั้น ชีวิตนี้มักจะไม่เคยหยุดอยู่กับที่ มีโอกาสอะไรดี ๆ เข้ามาก็มักจะลุยเพื่อผลลัพธ์คือประสบการณ์ที่จะทำให้แกร่งขึ้น เก่งขึ้น เข้าใจมากขึ้น และประสบความสำเร็จอย่างที่หวัง ใคร ๆ ก็อยากจะขอคำแนะนำเพื่อนำมาปรับใช้กับชีวิตตัวเองได้บ้าง ส่วนใหญ่แล้วบุคคลที่ประสบความสำเร็จจนได้รับคำชื่นชมนั้นมักจะถูกตั้งคำถามว่า “คุณเปลี่ยนชีวิตคุณภายในสัปดาห์เดียว เดือนเดียว หรือปีเดียวได้อย่างไร ? “ อันที่จริงแล้ว สิ่งที่มีคุณค่าย่อมใช้เวลาเสมอ โดยผู้เชี่ยวชาญเรื่องการพัฒนาตัวเองหลายท่านได้ให้ข้อมูลที่ตรงกันว่า การเปลี่ยนแปลงชีวิตตนเองของมนุษย์นั้น จะใช้เวลาประมาณ 18-24 เดือนต่อเนื่องกันจึงจะได้ผลอย่างยั่งยืน ทีมงาน UNLOCKMEN ขอนำวิธีการพัฒนาตัวเองให้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ภายใน 2 ปีนี้ ขอบอกว่าไม่ยาก แต่ต้องใช้ระเบียบวินัยและความอดทนจึงจะเห็นผล ว่าแล้วก็เริ่มนับหนึ่งตั้งแต่ตอนนี้เลย ดูแลสุขภาพตัวเองก่อน “สุขภาพ” เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดได้ถึงขีดความสามารถในการล่าความสำเร็จในทุกด้านในชีวิต ถ้าสุขภาพเราเสื่อมโทรม ร่างกายไร้เรี่ยวแรง ก็จะไม่สามารถปลดล็อกประสิทธิภาพสูงสุดของตัวเองออกมาได้ ลองทำตามลิสต์นี้ต่อเนื่องกัน 2 ปี รับรองว่าดีกับชีวิต ออกกำลังกายในรูปแบบที่ตัวเองชื่นชอบ 4-5 ครั้งต่อสัปดาห์ ควบคุมการกินให้ดี อย่าเลือกกินแต่ของอร่อย หรือแพง ดูดีเข้าว่า
ถ้าจะให้พูดถึงหนึ่งในแนวเพลงที่คุณผู้อ่าน UNLOCKMEN ต้องเคยโยกกันหัวแทบหลุด เชื่อว่าแนว Nu-metal ก็น่าจะเป็นหนึ่งในนั้น แถมเคยมีอิทธิพลกับวัยรุ่นยุค 90’s ถึง 2000 มาแล้ว ด้วยภาคริธึ่มที่หนักหน่วงไปด้วยโทนต่ำ มืดหม่น ถ่ายทอดอารมณ์ได้โคตรมันส์ เสียงสำรอกสุดสะใจ พร้อมเนื้อหาหาที่โดน insight การเผชิญปัญหาของมนุษย์ มันจึงมีเสน่ห์แบบแมน ๆ และเข้าถึงผู้ชายอย่างเราได้ง่าย ใครได้ฟังก็รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยความอัดอั้นของตัวเองออกมา โดยวงดนตรีที่เปิดศักราช nu-metal ในขณะนั้น และยังอยู่มีงานใหม่อย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ก็มีอย่าง Korn, Slipknot และ Deftones เป็นต้น แม้ว่ากระแสของแนวนี้จะซาลงไปเยอะแล้ว ด้วยกาลเวลา และเทรนด์ที่เปลี่ยนไป แต่ทุกครั้งที่ได้กลับไปย้อนฟังเพลงจากยุคที่ nu-metal เฟื่องฟูนั้น ก็อดโยกหัวและร้องตามไม่ได้ทุกที UNLOCKMEN จึงขอแนะนำอัลบัมเพลงแนว nu-metal ที่เรารู้สึกว่าต้องฟังให้ได้มาฝากกัน (*ขอเน้นย้ำว่าเป็นการแนะนำจากมุมมองทีมงานเท่านั้น อัลบัมใดที่ไม่ได้อยู่ในลิสต์นี้ไม่ได้หมายความว่าไม่ดีแต่อย่างใด) Korn – Korn (Immortal/Epic, 1994) “Are…you…ready !?” นี่คือประโยคแรกที่ Jonathan Davis สำรอกให้เราได้ยินจากเพลง Blind ซิงเกิ้ลแรกของวง
ใครที่อยู่ในแวดวงสื่อโฆษณา ชื่อของ “VGI” หรือ บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) คงเป็นชื่อแบรนด์อันดับต้นที่ติดหูในฐานะผู้ครองสื่อนอกบ้านรายใหญ่ที่ร่ำรวยเรื่องพื้นที่โฆษณานอกบ้านโดยมีสัมปทานโฆษณาบริเวณรถไฟฟ้า BTS อยู่เต็มกำมือแถมยังเหลือมืออีกข้างรวบตึงการลงทุนซื้อหุ้นในบริษัท MACO หรือบริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการด้านเครือข่ายป้ายโฆษณามือเก๋าที่ปีนี้มีอายุครบ 29 ขวบแล้ว และล่าสุดคือการประกาศเสริมใยเหล็ก โดดมาถือหุ้นถึง 23 % ธุรกิจ logistic สุดบูมอย่าง Kerry Express ช่วงต้นปีในเดือนเมษายนที่ผ่านมาอีกด้วย เบื้องหลังอาณาจักรสื่อใหญ่เนื้อหอมของประเทศที่คนวงการโฆษณาทุกคนอยากมีโอกาสเข้าไปร่วมงานด้วย แน่นอนว่าความแข็งแกร่งต้องมาจากผู้บริหาร ครั้งนี้ UNLOCKMEN ได้รับโอกาสพิเศษร่วมพูดคุยปลดล็อกวิสัยทัศน์และไลฟ์สไตล์ของ เนลสัน เหลียง CEO คนปัจจุบันของบริษัท VGI ชายหนุ่มที่หลายคนอยากรู้จักเขามากที่สุดคนหนึ่งของประเทศ เพราะเพิ่งขึ้นรับตำแหน่งหมาด ๆ คุณเนลสัน เหลียง คือหนุ่มชาวฮ่องกง ลุคขี้เล่นซึ่งทลายกำแพงภาพลักษณ์ผู้บริหารหลายคนที่เรารู้จัก แถมทำเอาทีมงานเราเข้าใจผิดเรื่องอายุเสียสนิทเพราะใบหน้าที่ยังอ่อนเยาว์กับความเฟิร์มของรูปร่าง ใครจะเชื่อว่าหนุ่มคนนี้อายุ 43 ปีแล้ว