หนังที่ได้ชื่อว่าเป็นหนังเมืองคานส์หลายคนอาจจะร้องยี้เพราะภาพจำของหนังจากเทศกาลหนังเก่าแก่ประเทศฝรั่งเศสนี้มักเป็นหนังที่ดูยาก เข้าใจยาก น่าเบื่อ หรือเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ แต่สำหรับปี 2018 นี้ขอให้ทุกคนลบภาพนั้นออกไปก่อน เพราะภาพยนตร์ที่ได้รางวัล ‘ปาล์มทองคำ’ รางวัลยิ่งใหญ่ที่สุดในเทศกาลหนังเมือคานส์ในปีนี้คือ ‘Shoplifters’ ภาพยนตร์แนวครอบครัว เข้าใจง่าย เข้าถึงได้ทุกคน ผลงานกำกับของ ‘Hirokazu Koreeda’ เจ้าพ่อหนังแนวครอบครัวชาวญี่ปุ่น และแน่นอนว่า Shoplifters ไม่ใช่ผลงานเรื่องแรกของเขา ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อหนังครอบครัวแห่งเอเชียผลงานที่ผ่านมาของเขาย่อมไม่ธรรมดาและน่าจะติดอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน ร่วมสำรวจความอบอุ่นและร้าวรานที่ Hirokazu Koreeda ฝากไว้บนแผ่นฟิล์มไปด้วยกันกับภาพยนตร์ 5 เรื่องนี้ Nobody Knows (2004) ภาพยนตร์ที่ทำให้ชื่อของ Hirokazu Koreeda ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และคงเป็นภาพยนตร์ที่หลายคนน่าจะทั้งรักทั้งเกลียด ส่วนเหตุผลว่าทำไมคำตอบอยู่ในตัวหนังที่ต้องไปหาดูกันเอง Nobody Knows เล่าเรื่องราวของครอบครัวฐานะยากจนครอบครัวหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ประกอบด้วยแม่เลี้ยงเดี่ยว และลูก ๆ อีก 4 คนที่ต้องแอบอาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็ก ๆ เนื่องจากผู้เป็นแม่แจ้งกับเจ้าของห้องเช่าว่าเธอมีลูกแค่คนเดียวเท่านั้น เด็ก ๆ จึงไม่สามารถออกไปไหนมาได้ ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ในห้องพัก และอยู่
บ่อยครั้งที่ความสัมพันธ์ของคู่รักต้องมีอันจบลงท่ามกลางความงงว่ามันเป็นเพราะอะไร โดยเฉพาะฝ่ายที่โดนบอกเลิกนั้น แทบจะนั่ง ๆ นอน ๆ คิดทั้งวันเพื่อหาคำตอบที่อาจไม่มีวันรู้ บางทีเราเองก็ไม่ได้ตั้งใจพูดอะไรแย่ ๆ ออกไปจนทำให้เธอเข้าใจผิด และคิดดัง ๆ ออกมาว่า “เราเลิกกันเถอะ !” เรื่องเศร้า ๆ แบบนี้เป็นใครใครก็เซ็ง การเสียคนที่รักไปจากความไม่เข้าใจกันมันช่างน่าเจ็บใจ และมันคงจะเป็นไปได้ยากที่เธอจะกลับมาคบกันอีกครั้ง แต่ถ้าทบทวนตัวเองแล้วพบว่าการเสียเธอคือการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่แทบใจสลาย ก็อาจจะต้องหาวิธีง้อเธอ ถ้าอยากได้เธอคืนกลับมาคบกันอีกครั้ง ถ้าหากทบทวนดูแล้วว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่ใช่ แม้ว่ามันจะเป็นไปได้ยาก แต่ก็คงต้องตั้งหลักเพื่อทำภารกิจกู้ความรู้สึกกันหน่อย เริ่มต้นจากความตั้งใจที่ปรับแก้ในสิ่งที่ตัวเองเคยพลาดพลั้งก่อน เพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวเอง และทำให้เธอเห็นว่าคุณจริงจังกับการปรับตัวเพื่อสานสัมพันธ์อีกครั้งแค่ไหน ก่อนจะเริ่มต้นภารกิจขอคืนดี ที่ทีมงาน UNLOCKMEN มีวิธีมาฝากกัน ทำชีวิตให้เข้ารูปเข้ารอย เซ็ตอัพตัวเองใหม่ เมื่อเกิดการเลิกกัน ความเศร้า และความเหงาก็จะมีบทบาททันที ยิ่งคบมานาน ๆ หลาย ๆ ปี แล้วมาโดนผู้หญิงบอกเลิก ยิ่งทำให้เราดำดิ่งสู่ความเคว้งคว้าง สิ่งที่ควรทำก่อนในตอนนี้ก็คือการโฟกัสที่การพัฒนาตัวเองเยอะ ๆ ก่อนจะหาทางกลับสู่เธอ จากการสอบถามสุภาพสตรีหลายคน (รวมถึงแฟนเก่าของทีมงาน) พบว่า ผู้หญิงต้องการเห็นการพัฒนาตัวเองของผู้ชาย บางทีแฟนเก่าของคุณอาจจะสุดเซ็งกับพฤติกรรมบางอย่างที่คุณทำมานานตั้งแต่ตอนเริ่มคบกันยันโดนบอกเลิกก็ได้ แต่ต้องอย่าลืมว่าคีย์หลักของแผนนี้คือการทำตัวเองให้ดีขึ้นโดยไม่เสียตัวตน
หากจะให้จัดอับดับการ์ตูนกีฬาในดวงใจที่ผู้ชายอย่างเราโตมาด้วยกัน การ์ตูนบาสเก็ตบอลอย่าง Slam Dunk นั้นถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เรียกได้ว่าติดโผส่วนตัวของผู้ชายวัยเราทุกคนแบบนอนมาแทบไม่ต้องลุ้น ด้วยคาแรคเตอร์ตัวละครที่ชัดเจนเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็น Sakuragi Hanamichi เจ้าลิงผมแดงพระเอกของเรื่อง รวมถึงตัวละครหลักอื่น ๆ ที่สามารถสร้างภาพจำมีฐานแฟนคลับส่วนตัวไม่ใช่น้อย ผนวกกับเรื่องราวที่ทั้งฮา และสามารถสร้างแรงบันดาลใจปลุกไฟฝันให้กับเหล่าวัยรุ่นยุค 90s และรุ่นต่อ ๆ มา ได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าจะเป็นเรื่องน่าเสียดายที่อาจารย์ Takehiko Inoue เจ้าของผลงานเลือกตัดจบขณะที่เรื่องราวกำลังพีคมันซะดื้อ ๆ ด้วยเหตุผลที่ต่างลือกันไปหลากหลายเสียง แต่ที่ค่อนข้างชัดเจน และดูมีน้ำหนักที่สุดคือเหตุผลที่ว่าอาจารย์ Inoue นั้นไม่พอใจทางกองบ.ก. Shonen Jump ที่เข้ามาจุ้นจ้านบงการทิศทางของเนื้อเรื่องให้เป็นไปตามต้องการ ::: หากบังเอิญใครยังไม่เคยอ่าน Slam Dunk และยังไม่อยากโดนสปอยล์ตอนจบโปรดข้ามย่อหน้านี้ไปได้เลย ::: จากเดิมที่ได้วางโครงเรื่องไว้แล้วว่าจะให้ทีม Shohoku นั้นพ่ายแพ้ทีมเทคโน Sannoh ในการแข่งขันรอบสองของการชิงแชมป์ระดับประเทศ แต่ทางสำนักพิมพ์ได้กดดันอาจารย์ให้เขียนเรื่องให้ทาง Shohoku เป็นฝ่ายชนะ และหลังจากถูกกดดันอย่างหนักหน่วงอาจารย์ Inoue ก็จัดให้ ด้วยการเขียนให้ Shohoku เฉือนเอาชนะยอดทีมอย่างเทคโน Sannoh ไปแบบสุดประทับใจในวินาทีสุดท้าย
หลายครั้งที่ชีวิตเราต้องเจอกับเรื่องกะทันหัน ไม่คาดคิด ต้องการความเร่งด่วนแบบฟ้าแลบ บางครั้งเราอยากจดอะไรสักอย่างที่มันเร่งด่วนมาก ๆ จนไม่มีเวลาปลดล็อกโทรศัพท์ เข้าแอปฯจดบันทึก หยิบปากกา ควานหากระดาษให้วุ่น สุดท้ายก็ลงเอยที่จดใส่มือตัวเอง ดูวุ่นวายและไม่เท่เอาซะเลย หนุ่มคนไหนที่เจอปัญหานี้อยู่บ่อย ๆ UNLOCKMEN อยากให้ทำความรู้จักกับ Wemo นวัตกรรมเจ๋ง ๆ ที่จะเปลี่ยนเคสโทรศัพท์ให้เป็นกระดาษโน้ตแบบไม่ต้องควานหาให้วุ่นวาย ผู้ออกแบบอย่าง Yuhei Imai ได้เคยทำกระดาษโน้ตที่เอาไปแปะได้ทุกที่ ทุกผิววัสดุขึ้นมาแล้ว ถือว่าเจ๋งและตอบโจทย์ยุคสมัยนี้เอามาก ๆ และตอนนี้เขาได้หยิบเอาไอเดียนี้มาต่อยอด นำกระดาษโน้ตนั่นมาทำเป็นเคสโทรศัพท์ นั่นหมายความว่า หากเราพลิกโทรศัพท์ขึ้นมา เราก็มีพื้นที่มากพอให้จดบันทึกข้อความหรืออะไรก็ตามได้แล้ว ด้วยวัสดุที่ทำมาจากซิลิโคนที่เคลือบสารชนิดพิเศษที่เป็นเคล็ดลับของผู้ผลิต ทำให้เราใช้ได้แม้กับปากกาลูกลื่น และลบมันได้ด้วยนิ้วของเราเองนี่แหละ ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่าย และสีสันที่ใช้ได้แบบ Unisex ทำให้เราไม่ต้องเขินอายเมื่อหยิบมันขึ้นมาใช้ เพราะมันก็ใกล้เคียงกับเคสที่เราใช้ในทุกวันนี้นี่แหละ แถมยังดีไซน์ไม่รกหูรกตา ไม่มีลายอะไรมากวนใจอีกด้วย ไม่ต้องความหาใบเสร็จในกระเป๋า ไม่ต้องหาทิชชู่เปื่อย ๆ ที่พร้อมจะขาดทุกเมื่อที่จรดปากกาลงไป เพราะเราเข้าใจว่าบางครั้งชีวิตก็ต้องเจอกับเรื่องราวเร่งรีบ ที่จะไม่มีโอกาสให้เราได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อกจออย่างใจเย็น เปิดหาแอปฯจดบันทึกที่อาจจะไม่ค่อยได้ใช้ จนต้องหากันอีกหลายวินาทีว่ามันอยู่ไหนกันแน่ ถ้าหากเรามีเคสอันนี้แล้ว ปัญหาทุกอย่างก็จบไปง่าย ๆ เลยล่ะ ใครสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ อย่าลืมใส่ใจรายละเอียดใกล้ตัว
การที่เราจะได้ไปนอนโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว หรือแม้แต่การมีเพ้นท์เฮ้าท์ส่วนตัว คงอาจจะยังไม่ใช่ประสบการณ์มันส์ ๆ ที่ผู้ชายแมน ๆ อย่างเราพึงปรารถนาสักเท่าไหร่ เพราะหากจะให้สุด การได้ไปนอนค้างแรมยังโบราณสถานหรือสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่างเช่น กำแพงเมืองจีน คงจะเป็น Bucket List ที่ใครก็แล้วแต่ล้วนสามารถเก็บไว้โม้ยันลูกหลาน ชนิดต้องเป็นคนพิเศษเท่านั้นถึงจะมีโอกาสได้สัมผัส นับเป็นแคมเปญด่วน ที่หนุ่ม ๆ UNLOCKMEN ต้องรีบคว้าโอกาสไว้นี้ให้ดี เมื่อ Airbnb ได้เปิดโอกาสให้ทุกคนมีโอกาสได้เข้าพักที่ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก อย่างกำแพงเมืองจีน (The Great Wall of China) ที่ถูกเนรมิตออกแบบใหม่ให้เป็นห้องนอนมีดีไซน์ความ Ancient เหมาะแก่การพักผ่อน และสามารถมองเห็นวิวรอบ ๆ ได้ถึง 360 องศา พร้อมกันนี้ยังได้รับประทานอาหารคอร์สประจำชาติจีน และการพาชมตะวันตกดินชนิดที่ใครมีแฟนพาไปรับรองเจ๋งและเหนือระดับกว่าใครเป็นไหน ๆ โดยแคมเปญนี้ เกิดจากความตั้งใจของ ผู้ก่อตั้ง Airbnb นาย Nathan Blecharczyk ที่ต้องการจะมอบประสบการณ์สุดพิเศษนี้ให้กับผู้ใช้ Airbnb
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าไอเทมที่มีส่วนสำคัญต่อหนุ่ม ๆ ทุกคนแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ “เสื้อยืด” และถ้าจะยิ่งเจาะลึกเข้าไป เราอาจจะพูดได้เต็มปากเหลือเกินว่าเสื้อยืดนั้นเป็นเหมือน Second Skin ที่ผู้ชายต้องใส่บ่อยกว่าไอเทมใด ๆ แม้กระทั่งบางสายงานยังสามารถใส่ไปทำงานได้ด้วยซ้ำ จึงทำให้ไลฟ์สไตล์แบบ Everyone ของเราวนเวียนอยู่กับการใส่เสื้อยืดอย่างหลีกหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการจะหาเสื้อยืดเจ๋ง ๆ มาสวมใส่ จึงเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่พวกเราควรให้ความใส่ใจในการเลือกซื้อ โดย UNLOCKMEN เคยเขียนอธิบายถึงการเลือกเสื้อยืดฉบับมือโปร (Content ) พร้อมกับประวัติที่มา (Content) ไปหมดเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าในวันนี้เราจะมาแนะนำแบรนด์เสื้อยืดกราฟิคเจ๋ง ๆ เหมาะสำหรับใส่ในวันหยุดพักผ่อน หรือจะใช้เพื่อบ่งบอกไลฟ์สไตล์ความเป็นตัวเอง Billionaire Boys Club เราเชื่อทุกคนคงจะคุ้นเคยกับ Billionair Boys Club นี้พอสมควร เพราะถ้าใครเป็นสาวกสตรีทแวร์อาจจะเคยได้ยินชื่อย่อ ๆ ว่า BBC ซึ่งถือก่อตั้งขึ้นโดยศิลปินมากความสามารถอย่าง Pharrell Williams โดยแบรนด์จะชูจุดเด่นในเรื่องการคัดสรรวัสดุคุณภาพสูง และดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้สินค้าแต่ละชิ้นมีความพิเศษอย่างมากโดยเฉพาะคอลเลคชั่นที่เป็น Collaboration สำหรับลายกราฟิคที่เป็นซิกเนเจอร์คือรุ่น Classic Curve Logo สนนราคา $50 (1,xxx
เคยสงสัยไหมว่าความหลงใหลในสิ่งตัวเองรักของคนเรามันจะไปได้สุดทางมากแค่ไหน เราจะทำให้ความชอบของเราอยู่กับเราไปได้นานแค่ไหน นานมากพอจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตหรือเปล่า โลกใบนี้ของเรามีคน ๆ นั้นแล้ว คนที่เก็บเอาความชอบของเขาติดตัวไปจนวันสุดท้ายของชีวิตได้อย่าง “Zombie Boy” แต่น่าเสียดายที่ความสูญเสียที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เขาเลือกที่จะบอกลาโลกใบนี้ไป UNLOCKMEN อยากจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้น มากกว่าผู้ชายที่เต็มไปด้วยรอบสัก มากกว่าการเป็นนายแบบ หรือพระเอก MV มาดูกันว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เขาต้องเดินทางผ่านอะไรมาบ้าง When I Was A Little Zombie พอจะเดากันได้บ้างแล้วว่า “Zombie Boy” เป็นเพียงนิกเนมตามรูปลักษณ์ของเขา ชื่อจริง ๆ ของเขาคือ Rick Genest เติบโตที่ Montreal, Canada ชีวิตส่วนตัวของเขาในตอนวัยรุ่นนั้นไปได้ไม่สวยสักเท่าไหร่ เขาเลือกที่จะออกจากบ้านมาใช้ชีวิตด้วยตัวเอง นอนตามพื้นที่สาธารณะ เดินทางไปไหนมาไหนด้วย Hitchhiking หรือเรียกง่าย ๆ ว่าติดรถคนอื่นเขาไปนั่นแหละ จนกระทั่งอายุ 16 เขาเริ่มสักเป็นครั้งแรก และเหมือนคนที่รักในรอยสักคนอื่น ๆ เมื่อมีรอยแรกแล้ว รอยอื่น ๆ จะตามมาเสมอ จนกระทั่งขยายไปถึงใบหน้าและทั้งศีรษะ
เราต่างมีวิธีหอบร่างกายและชีวิตไปข้างหน้าในรูปแบบของเราเอง บางคนรู้สึกว่าชีวิตกำลังก้าวไปข้างหน้าเรื่อย ๆ จากการทำเพื่อคนอื่น บางคนรู้สึกว่าชีวิตก้าวไปข้างหน้าจากการตามหาความฝัน ในขณะที่บางคนรู้สึกว่าชีวิตกำลังก้าวไปข้างหน้าเพราะการได้ทำสิ่งที่ตัวเองหลงใหลและเรียนรู้มันไปแบบไม่มีวันจบ “แพร-รัมภาพร วรสีหะ” เป็นหนึ่งในนั้น หนึ่งในคนที่เชื่อว่าการจะพาชีวิต ร่างกายและหัวใจแกร่ง ๆ ก้าวไปข้างหน้าได้คือการได้ทำในสิ่งที่หลงใหลแบบสุดจิตสุดใจ พร้อม ๆ กับเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จากสิ่งนั้นไปด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอเชื่อในพลังของการถ่ายภาพเสมอ “เราถ่ายรูปโดยที่ไม่รู้ตัวหรอกว่าถ่ายอะไรไปบ้าง แต่พอเราจับรูปมาเรียงกัน มันจะบอกตัวตนเราหมดเลย” นั่นคือประโยคที่เราจำขึ้นใจ ใช่ นอกจากรูปถ่ายจะพาเธอก้าวไปข้างหน้าแล้ว รูปถ่ายมันยังร้อยเรียงกันจนเล่าเรื่องตัวตนของมนุษย์คนหนึ่งได้จริง ๆ นี่จึงเป็นเหตุผลง่าย ๆ ที่ UNLOCKMEN กระหายที่จะคุยกับเธอ ช่างภาพสาวที่เชื่อว่ารูปถ่ายคือการร้อยเรียงตัวตนและเชื่อว่าการถ่ายภาพมันพาชีวิตเธอก้าวไปข้างหน้าได้ ส่วนเราจะเชื่อแบบเธอหรือไม่ก็ตาม อย่าเพิ่งเค้นคำตอบตัวเองตอนนี้ ดำดิ่งกับบทสนทนาไปพร้อม ๆ กับเราก่อน เสพติดรูปถ่ายจนหยุดดูไม่ได้คือจุดเริ่มต้น แม้วันนี้ใครหลายคนจะรู้จักแพร-รัมภาพรในฐานะอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพและช่างภาพอิสระ แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ จุดเริ่มต้นในการจับกล้องของเธอก็ชวนให้เราเข้าใจวลีที่ว่า “หลงใหลจนเข้าขั้นเสพติด” “ชอบจริง ๆ ก็น่าจะเป็นตอนมัธยมปลาย มีเว็บบอร์ดหนึ่งที่จะมีคนเข้ามาโพสต์รูปถ่ายทุก ๆ วัน โพสต์รูปใบไม้ ต้นไม้ ไปเที่ยว เราเข้าไปดูเสร็จปุ๊บแล้วรู้สึกว่าติดมาก”เธอลากเสียงยาวจนเราอดอมยิ้มไม่ได้ “ติดในที่นี้ คือเราเลิกดูไม่ได้
แฟชั่นแบบผู้ชาย ๆ ใครว่าจะต้องเป็นโทนขาว ดำ เทา เท่านั้น?! หล่อ เท่ สุขุมน่ะใช่แต่ใครจะไปแอ็คขรึมได้ตลอดเวลา เพราะยังไงผู้ชายเรามันก็ต้องมีอารมณ์สนุก มันส์ กวนกันบ้าง เผลอ ๆ แล้วจะเป็นตัวตนจริง ๆ ของเราด้วยซ้ำไป ลองสลัดแอ็คขรึมทิ้ง แล้วลองมาลุคคูลกับสไตล์ Two-Tone color ดู แบบที่ใช้คู่สีคอนทราสต์โทนร้อนโทนเย็น ให้ทั้งความหล่อ เท่ และแฝงด้วยความสนุกสนาน เปี่ยมเอนเนอร์จี้ หนุ่มสายสตรีทเฉี่ยว ๆ เติมบุคลิกขี้เล่นได้ด้วยคู่สีคอนทราสต์ อาจจะลองโชว์ความจี๊ดที่ช่วงเท้า ด้วยการเลือกถุงเท้ายาวข้อสูงสีสันลวดลายเจ็บ ๆ ใส่คู่กับกางเกงขาสั้น หรือกางเกงยีนส์พับขาลอย และสนีกเกอร์สีสันโดน ๆ สักคู่ หรือจะเลือกไปทางโดดเด่นทั้งตัวไปเลยก็ได้ ด้วยการเลือกชิ้นหลักให้เป็นคู่สีตรงข้ามกัน เช่น เสื้อสีเข้ม กางเกงสีจี๊ด แล้วเพิ่มความมันส์เข้าไปให้สุดด้วยรองเท้าสีเจ็บ แค่นี้ก็สนุกได้ทั้งวัน ส่วนหนุ่มสายบูติกก็ยังคีพคูลได้กับสี Two-tone ด้วยหลักการเดียวกันคือ สีเสื้อและสีกางเกงต้องเลือกให้คอนทราสต์กันเข้าไว้ แต่ข้อควรระวังคือ ไม่ควรมีเกิน 3 สีบนร่างกายไม่อย่างนั้นอาจจะเยอะเกินเลยความคูลไปนิดนึง ไม่ต้องเขินกับการเลือกใช้สีสัน ลองจับคู่สีตรงข้ามมามิกซ์