ว่ากันเรื่องผู้ชายกับยานพาหนะ ย่อมมีความหมายมากกว่าแค่ผู้ขับขี่และรถคันหนึ่ง นอกจากสมรรถนะอันยอดเยี่ยมที่ทำให้เราประทับใจแล้ว เรื่องราวต่าง ๆ ของรถคู่ใจยังเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เราหลงใหล เป็นความหมายที่ช่วยผลักดันให้ทำสิ่งที่เปี่ยมไปด้วย Passion ที่ส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นได้ จากการวิจัยพบว่า สาเหตุที่ผู้ชายอาจหลงใหลในยนตรกรรมมาก ๆ ก็เพราะว่าเสน่ห์ของการออกแบบที่อยู่ถาวร ความรู้สึกอิสระในเวลาที่ได้ควบคุมพวกมาลัยและคันเร่งที่จะพาเราไปทุกที่ การอยากจะดูแลยานพาหนะสักคันตามสัญชาติของหนุ่ม ๆ มันสามารถบ่งบอกตัวตนของเราได้ จึ่งไม่แปลกที่ผู้ชายจะรู้สึกว่ารถคันโปรดของเขาคือส่วนหนึ่งในชีวิต ราวกับมิตรสหายที่โตมาด้วยกัน และถ้าพูดถึงยนตรกรรมที่เต็มเปี่ยมไปด้วย Story, Passion และ Feeling นั้น ชื่อแรก ๆ ที่โผล่ขึ้นมาในใจก็คือ BMW ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีที่ผู้คนทั่วโลกต่างยอมรับทั้งชื่อเสียง สมรรถนะ เทคโนโลยี ความสวยงาม และเรื่องราวระดับตำนานมาถึง 100 ปี ซึ่งความคล้องจองระหว่าง insight และตัวแบรนด์ใบพัดฟ้า-ขาว ทำให้ BMW ผุดไอเดียแคมเปญ #BMWStories ที่เกิดจากความเชื่อที่ว่า “เรื่องราวของทุกคน สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นได้” โดยเปิดโอกาสให้ผู้ใช้รถ BMW ในประเทศไทยได้บอกเล่าเรื่องราว, passion และความประทับใจของรถคันโปรด และแบ่งปันแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น จากแคมเปญ #BMWStories ทำให้เราได้รับแรงบันดาลใจจากผู้คนที่มาถ่ายทอดประสบการณ์ของตัวเองกับรถ BMW คู่ใจ ซึ่งแต่ละคนก็จะมี passion ที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นนักแข่งรถ, นักเดินทาง
590,000,000 (ห้าร้อยเก้าสิบล้าน) บาท นี่ไม่ใช่งบประมาณลับทางทหารของประเทศไทยที่ประชุมกันแบบไม่เปิดเผย แต่นี่คือราคาของรถยนต์ 1 คัน ที่ได้รับตำแหน่ง “แพงที่สุดในโลก” อย่างเป็นทางการ แซงหน้า One-off Rolls-Royce Sweptail รถหรูสั่งทำคันเดียวในโลกที่เคยครองแชมป์ด้วยราคา $13,000,000 (440,000,000 บาท) ไปแบบไม่เห็นฝุ่น นั่นคือ Pagani Zonda HP Barchetta ตำนานสุดพิเศษที่ถูกสร้างขึ้นมาเพียง 3 คันในโลก มันดีซะจนเจ้าของต้องขอเก็บไว้ใช้เอง 1 คัน เหลือวางขายเพียง 2 คันเท่านั้น ในราคาเลือดตากระเด็น $17,500,000 (590,000,000 บาท) และราคานี้เราคงโดนผู้ใหญ่ดุว่า ซื้อรถทั้งทียังไม่มีหลังคามาให้ซะด้วย หลังผ่านช่วงอายุขัยการผลิตกว่า 18 ปีของ Pagani Zonda และหยุดสายการผลิตไปเมื่อปีที่แล้ว แต่ยังทิ้งตำนานที่ยิ่งใหญ่เอาไว้ และล่าสุดพึ่งจะเปิดเผยรุ่น Special Edition ทิ้งทวน Zonda series ที่พิเศษถึงขั้นใช้ชื่อย่อของ Horacio Pagani ผู้ก่อตั้งเป็นรหัสใน
นับตั้งแต่ Mission: Impossible ภาคปฐมบทเข้าฉายในปี 1996 จนถึงวันนี้เวลาก็ล่วงเลยมากว่า 22 ปีแล้วแต่สายลับมาดเท่นาม Ethan Hunt ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะวางมือจากวงการง่าย ๆ เพราะตอนนี้ Mission: Impossible – Fallout ภาพยนตร์ลำดับที่ 6 ในซีรีส์นี้กำลังจะเข้าฉายให้เหล่าสาวกได้ตื่นเต้นไปกับภารกิจสุดระห่ำที่เป็นไปไม่ได้อีกครั้ง นักแสดงที่มารับบทเป็น Ethan Hunt ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน Tom Cruise เจ้าเก่าเจ้าเดิมที่ถึงแม้อายุจะปาไป 56 กะรัตแล้วแต่ก็ยังฟิตปั๋งอยู่ แต่ในส่วนผู้กำกับของภาคนี้มีการเปลี่ยนคอนเซ็ปต์นิดหน่อยเพราะโดยปกติซีรีส์ MI จะเปลี่ยนตัวผู้กำกับทุกภาค ไม่เคยใช้ผู้กำกับซ้ำกัน แต่ในภาคนี้ผู้รับหน้าที่กุมบังเหียนกำกับคือ Christopher McQuarrie คนเดิมจากภาค Mission: Impossible – Rogue Nation เมื่อดู Trailer แล้วในภาคนี้ความระห่ำของ Ethan Hunt ก็ยังจัดหนักจัดเต็มไม่แพ้ภาคก่อน ๆ ดังนั้นก่อนที่เราจะไปสนุกกับ Mission: Impossible – Fallout UNLOCKMEN ขอพาไปย้อนดูในภาคก่อน ๆ ว่าพ่อหนุ่ม Ethan Hunt เคยผ่านการเสี่ยงตายอะไรกันมาบ้าง
หมดไปเท่าไหร่กับเวลาและท่า workout ใหม่ ๆ แล้วผลที่ได้กลับมามันคุ้มค่าการเสียเหงื่อจริงหรือเปล่า ? ร่างกายเรายังขาดอะไรอีก ? ต้องควบคุมอะไรต่อเพื่อให้ได้เป้าหมายที่ต้องการ ? เราเชื่อว่าชาว UNLOCKMEN ทุกคนต้องอยากรู้กันทั้งนั้น เพราะผู้ชายอย่างเรามักออกกำลังกายกันด้วยตัวเองไม่ได้จ้างเทรนเนอร์ส่วนตัวมาคอยควบคุมชี้ทางให้ LUMEN เป็น gadget อัจฉริยะชิ้นใหม่ที่ผู้ชายอย่างเราน่าจะหลงรัก แถมดูแล้วคุณสมบัติของมันคงได้ไฟเขียวจากสาว ๆ ที่รักของเราแน่ เพราะพวกเธอเองก็ใช้ประโยชน์จากมันได้ อุปกรณ์ชิ้นนี้มันสามารถวัดค่าความฟิตของเมตาบอลิซึมในร่างกายคนเป่าได้ผ่านลมหายใจ ว่าง่าย ๆ ก็คือเป่าพรวดเข้าไปทีเดียวรู้เรื่อง เครื่องมันตีค่าวิเคราะห์เสร็จสรรพว่าร่างกายของเราเผาผลาญเท่าไหร่ กำลังต้องการอะไรอยู่ จัดตารางการกินการนอนส่วนตัวให้ด้วย ด้วยการใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์คำนวณค่าออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ในลมหายใจ ที่เขานิยมใช้กับพวกนักกีฬาซึ่งเรียกกันว่า RQ หน้าตาของเจ้า LUMEN ถือไปไหนมาไหนก็ค่อนข้างง่าย ดูเท่ ทำจากพลาสติกและสแตนเลส มาพร้อมเคสสำหรับพกพากับเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ลิเทียมที่ใช้ได้ยาว ๆ ชาร์จครั้งเดียวก็ใช้ได้นานถึงสองอาทิตย์ บอกได้เลยว่าต่างจากเครื่องเป่าแอลกอฮอล์ที่พวกเราหลบด่านบ่อย ๆ ถ้าเอาไปใช้ก็ไม่ต้องกลัวคนรอบข้างเข้าใจผิดอย่างแน่นอน เรื่องวิธีเป่าก็ใช้ไม่ยาก อยากจะเป่าตอนไหนก็ได้ไม่มีปัญหา ค่าที่โชว์มันออกมาได้แบบเรียลไทม์ ณ เวลานั้น แต่ถ้าเริ่มจากช่วงเช้าตอนที่ยังไม่ออกกำลังกาย ไม่ได้กินอะไรมาก่อนเลยให้ร่างกายมันเดิม ๆ เข้าไว้จะดีกว่าเพราะเราจะได้เช็กว่าตอนนี้ร่างกายเป็นแบบไหน โดยเครื่องจะซิงค์เข้าแอปพลิเคชั่นผ่านบลูทูธแล้วเข้าสมาร์ตโฟนโชว์ค่าพลังงานที่มี ค่าคาร์บฯ และไขมัน
ช่วงหยุดยาวแบบนี้ อีกหนึ่งกิจกรรมที่หนุ่ม ๆ สายแอดเวนเจอร์อย่างเรามักจะทำคือการออก road trip ขับรถตะลอนทัวร์กับครอบครัว เพื่อนฝูง หรือไม่ก็คนเดียวเปลี่ยว ๆ ซึ่งสิ่งที่จะสร้างความบันเทิงในการเดินทางได้ดีก็คือเพลงเยี่ยม ๆ ที่ทำหน้าที่มอบความมันส์ระหว่างทาง และช่วยให้เราไม่ง่วงง่าย ๆ ลดอัตราเสี่ยงอันตรายจากการขับรถทางไกลได้พอสมควร นักวิทยาศาสตร์บอกไว้ว่า เพลงที่จะเหมาะกับการนำมาฟังขณะขับรถทางไกลนั้นควรจะมีเมโลดี้ที่ติดหู มีริฟฟ์กีตาร์มันส์ ๆ ไลน์กลองหนักแน่นกระทุ้งอารมณ์ ทำให้ร่างกายของคุณหลั่งอะดรีนาลีนออกมาให้รู้สึกตื่นตัวตลอดทางหลังจากสตาร์ทเครื่อง ด้วยเหตุนี้ UNLOCKMEN จึงขอนำเพลงที่เราคิดว่าเหมาะกับ road trip เป็นอย่างยิ่งมาให้ฟังกัน โดยเพลงเหล่านี้พิสูจน์ตัวเองมาหลายกิโลฯ หลายปีแล้ว และก็ยังคงอยู่ในใจของคนที่ทำหน้าที่คุมพวงมาลัยประจำทริปตลอดมา Home – Edward Sharpe and the Magnetic Zeros แม้ว่า Home จะเป็นเพลงรัก แต่ก็มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการกลับบ้านสมชื่อ เหมาะกับเอาไว้ฟังขณะเดินทางสู่บ้านเกิด ด้วย upbeat ฟังสนุกในท่อน verse บวกกับท่อน hook ติดหู ทำให้เราคิดไปก่อนแล้วว่าถึงบ้าน Don’t
วันหยุดยาวมาถึงทีไร ผู้ชายอย่างเราถ้าไม่ได้นอนอยู่บ้าน ก็เดินทางไปพักผ่อนที่ไหนสักแห่ง วินาทีที่เราได้อยู่กับตัวเอง วินาทีที่ได้พักจากงานที่ถาโถมและอยากพาตัวเองออกจากโลกโซเชียลมีเดียสุดวุ่นวายสักพัก ดูเหมือน “หนังสือ” จะเป็นเพื่อนยากที่รอตอบโจทย์การใช้เวลาในวันหยุดของเราได้เป็นอย่างดี เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศแห่งการเดินทาง หรือหยุดอยู่บ้านแต่อยากเสพการเดินทางของนอื่น UNLOCKMEN อาสานำเสนอหนังสือ 5 เล่มว่าด้วยการเดินทางของมนุษย์ในรูปแบบต่าง ๆ รับรองว่าบูสต์พลังให้วันหยุดได้แบบเต็มขั้น กลับไปเริ่มต้นวันทำงานใหม่ด้วยทัศนคติแบบหิวกระหายความหมายบางอย่างให้ชีวิตแน่นอน ติดอยู่ระหว่างการเดินทาง : อุทิศ เหมะมูล สำหรับผู้ชายที่ชอบดื่มด่ำกับความสัมพันธ์ ดื่มด่ำกับอารมณ์และความรู้สึก เล่มนี้อาจจะเหมาะกับวันหยุดยาวของคุณ เพราะ “ติดอยู่ระหว่างการเดินทาง” ผลงานเล่มล่าสุดของอุทิศ เหมะมูล คือรวมเรื่องสั้นหลากอารมณ์ที่จะพาเราดำดิ่งไปในบรรยากาศของเมืองต่าง ๆ ในหลายมุมโลก พร้อมเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน ตลอดเวลาที่อ่านเราอาจเผลอแทนตัวเองเข้าไปเป็นตัวละครในเรื่องสั้นแต่ละเรื่อง จนแม้แต่นอนอยู่บ้านก็อาจจะรู้สึกราวกับว่าได้ออกเดินทางไปพร้อม ๆ กับตัวละคร และด้วยเรื่องราวความสัมพันธ์สารพัดรูปแบบ เราเชื่อว่าคุณจะได้ปลดล็อกเรื่องราวในใจกับใครบางคนได้ แถมอยากออกเดินทางในวันหยุดครั้งต่อไปขึ้นมา หรือถ้าคุณเดินทางอยู่แล้ว คุณจะหิวเบียร์และกระหายที่จะสนทนากับใครสักคนขึ้นมาแน่นอน Eat Pray Love : Elizabeth Gilbert แม้ตัวละครหลักของหนังสือเรื่อง Eat Pray Love จะเป็นผู้หญิง แต่ UNLOCKMEN เชื่อว่าหนังสือเล่มนี้จะบูสต์พลังแห่งความเด็ดเดี่ยวเต็มขั้นให้คุณในวันหยุดนี้ได้แน่นอน
แม้ว่าในฤดูกาลนี้โทนสีที่มาแรงที่สุดประจำซีซั่นจาก Pantone จะเลือกให้เป็น Ultra Violet แต่เรียนตามตรงว่าด้วยเฉดสีม่วงเช่นนั้น คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่หนุ่ม ๆ จะหยิบจับไอเทมต่างมามิกซ์แอนด์แมทช์เป็นสไตล์ในชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน สุดท้ายก็จบด้วยสีขาว ดำ เทา เป็นโมโนโทนอยู่ตลอดเวลา UNLOCKMEN อยากจะให้หนุ่ม ๆ ลุกขึ้นมาแต่งตัวสนุกให้กับชีวิตเสริมหล่อความมั่นใจให้กับตัวเองมากยิ่งด้วย ด้วยโทนสีแบบ Earth Tone ซึ่งหลายคนอาจจะยังสงสัยอยู่ว่าไอ้เจ้า Earth Tone นี้ มันหน้าตาเป็นเช่นไร สำหรับสีในโทน Earth Tone ถ้าให้ทำความเข้าใจแบบง่าย ๆ คือเฉดสีต่าง ๆ ของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา อย่างเช่น เขียวเข้ม น้ำตาล เทน และแทน รวมถึงสีเบจ โดยทั้งหมดนี้ถือเป็นสีโทนกลางที่สามารถมิกซ์แอนด์แมทช์เข้ากับทุกสีได้อย่างง่ายดาย จึงทำให้มันเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับงานตกแต่งหลาย ๆ ประเภท ทว่าช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ในวงการแฟชั่นเริ่มมีการหยิบจับเอาโทนสีนี้ มาเป็นส่วนประกอบสำคัญต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นไฮแฟชั่น หรือแม้กระทั่งสตรีทแวร์ มาลองดูไอเดียกันว่า ถ้าเกิดหนุ่ม ๆ อยากจะมีลุคแบบ Netural ควรจะเลือกเฉดสี
จัดเป็นคอลเลคชั่นที่หนุ่ม ๆ UNLOCKMEN ทุกคนไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะการโคจรมาพบกันของสองงานศิลป์ที่ดูเหมือนไม่น่าจะเข้ากันได้เลย เมื่อแบรนด์แฟชั่นสเก็ตบอร์ดอันดับหนึ่งของโลกอย่าง Vans ขอหยิบยกเอาผลงานศิลปะชั้นครูจาก Vincent Van Gogh มาวาดลวดลายอยู่บนคอลเลคชั่นเสื้อผ้า และรองเท้าของตัวเอง จนเกิดเป็น Vans x Vincent Van Gogh โดยความร่วมมือในครั้งนี้ Vans จะได้นำรองเท้ารุ่นฮิตอย่าง Old Skool, Slip-On, Authentic และ Sk8-Hi รวมถึงเสื้อยืด ฮู้ดดี้ แจ็กเก็ต หมวก กระเป๋า มาเติมภาพวาดสีน้ำมันสุดคลาสสิคของศิลปินชื่อก้องโลก Vincent Van Gogh อาทิ Almond Blossoms, Skull และ Sunflowers หรือแม้กระทั่งภาพพอร์ตเทรตของตัวเอง ออกมาเป็นคอลเลคชั่นที่ผสมผสานศาสตร์แห่งศิลปะบนเสื้อผ้าสมัยใหม่ได้อย่างสวยสดงดงาม ทว่าการจับจองคอลเลคชั่น Vans x Vincent Van Gogh Van Gogh Museum นับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะสินค้าเหล่านี้จะถูกวางขายที่เว็บไซต์เท่านั้นในเร็ววันนี้
หลังจากประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในแคมเปญเรื่องราวของการผจญภัย SEIKO จึงจัดงานเปิดตัวแคมเปญใหม่สำหรับปีนี้ “Discover Your Planet” หรือ“ค้นพบโลกในมุมมองใหม่ที่คุณไม่เคยเห็น” ที่ได้ไอเดียมาจากการเดินทางไปเจอกับประสบการณ์ใหม่ ๆ แล้วทําให้มุมมองในชีวิตของเราเปลี่ยนไป คอนเซ็ปต์แคมเปญใหม่และนาฬิกาคอลเลคชั่นพิเศษแห่งปี SEIKO PROSPEX Marinemaster ZIMBE Limited Edition (จิมเบ ซีรี่ส์ 7) โดยนำรายได้ส่วนหนึ่งของการจำหน่ายไปจัดทำโครงการ SEIKO Save The Ocean อนุรักษ์และฟื้นฟูท้องทะเลซึ่งจัดขึ้นทุกปี และอีกหลายรุ่นเด็ด ๆ ที่แฟน ๆ SEIKO จะพลาดไม่ได้ โดยยังได้จัดทำนิทรรศการ “PROSPEX Challenge” เพื่อแสดงนาฬิกาหลากหลายรุ่นยอดนิยมและรุ่นที่หาชมยาก ระดับตำนานรวมทั้งรุ่นยอดนิยมตลอดกาลหรือแม้กระทั่งรุ่นที่แฟนคลับไซโกตั้งชื่อจนกลายเป็นเรียกโดยทั่วไป ตลอดจนนวัตกรรม เทคโนโลยีต่าง ๆ ของ SEIKO มาให้ชมกันที่ Main Hall ชั้น M ในห้างพารากอนอีกด้วย แน่นอนว่าไฮไลท์ของงานอยู่ที่การเปิดตัวพระเอกหนุ่มฮอตตลอดกาล อนันดา เอเวอริ่งแฮม’ แบรนด์แอมบาสเดอร์นาฬิกาไซโก พร้อมด้วยมินิคอนเสิร์ตสุดมันส์จาก ตู่ ภพธร และ