ฟรีแลนซ์ อาชีพที่ฟังดูแล้วน่าจะสบาย ได้ทำสิ่งที่ตัวเองชอบ ไม่มีเวลาเข้าออกงานตายตัว มีอิสระในการจัดการชีวิตส่วนตัวได้อย่างเต็มที่ ใครหลายคนจึงอยากจะผันตัวมาเป็นฟรีแลนซ์ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว ฟรีแลนซ์ก็มีปัญหาในแบบของตัวเอง สิ่งที่คิดว่าอิสระก็ไม่จริงเสมอไป เพราะถ้างานด่วน งานเร่ง ลูกค้าก็ตามงานได้ตลอดเวลา ในช่วงที่งานเข้ามาพร้อมกันมากๆ จะปฏิเสธก็ไม่ได้ เพราะกลัวลูกค้าไม่ส่งงานมาให้อีก บางเดือนไม่มีงานเข้ามาเลย ก็ขาดรายได้กันไป แต่ถ้าช่วงไหนรับงานหนักเกินไปจนไม่มีเวลาพักผ่อน ก็กลายเป็นความเจ็บป่วย สวัสดิการรักษาพยาบาลก็ไม่มีเหมือนพนักงานออฟฟิศ ต้องควักเนื้อจ่ายเองเสียอีก เรียกได้ว่าถ้ารักจะเป็นฟรีแลนซ์ ต้องจัดการชีวิตตัวเองให้เข้มงวดกว่ามนุษย์เงินเดือนทั่วไปเสียอีก ถึงแม้ว่าสำหรับมนุษย์ฟรีแลนซ์ งาน เงิน และสุขภาพ ดูจะไม่ค่อยไปด้วยกันนัก แต่การสร้างสมดุลให้ชีวิตก็ไม่ได้ยากเกินไป ด้วยคำแนะนำจากงานสัมมนา “ยอดมนุษย์ฟรีแลนซ์ เหนื่อยนัก ก็พักได้” ที่จัดโดย K-Expert ที่ปรึกษาการเงิน ธนาคารกสิกรไทย พร้อมเทคนิคจากสุดยอดฟรีแลนซ์ตัวจริง เต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ผู้กำกับชื่อดัง และ ปอมชาน-ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง นักวาดภาพประกอบระดับโลก จึงพอจะสรุปคีย์เวิร์ดสำคัญสำหรับฟรีแลนซ์ได้ 3 ข้อ คือ “งานตรึม เงินเต็ม เจ็บไม่จน” งานตรึม: งานคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับฟรีแลนซ์
ต้องยอมรับว่ากลุ่มคนมิลเลนเนียล (Millenials) หรือกลุ่มคนที่เกิดในช่วงยุค 1980s ไปจนถึงช่วงก่อนยุค 2000s ที่เรียกได้ว่ามีชีวิตเติบโตขึ้นมาในช่วงเปลี่ยนผ่านสหัสวรรษ คือกลุ่มคนที่มีบทบาทสำคัญ เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสังคมเมืองในปัจจุบัน ไม่เพียงแค่ในประเทศไทย แต่เป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในภาพใหญ่ของประชาคมโลก นอกจากภาพลักษณ์ของคนรุ่นใหม่มากความสามารถซึ่งค้นหาลู่ทางสร้างความสำเร็จได้ด้วยตัวเอง กลุ่มคนมิลเลนเนียลเหล่านี้ยังได้ทำให้นิยามของความสำเร็จเปลี่ยนไปจากอดีต จากที่คนยุคก่อนเคยให้ความสำคัญกับรายได้ รวมถึงตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นหลัก แต่กลุ่มคนมิลเลนเนียลที่แม้จะมีจุดเด่นในเรื่องของการเลือกทำอะไรด้วย Passion มีความเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง และพร้อมจะทุ่มเทเพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จ แต่ก็ยังคงให้ความสำคัญกับการมี Work-Life Balance ที่ดี มากกว่าการมีชื่อเสียงและเงินทอง อ้างอิงได้จากผลการศึกษาแนวคิดอุปนิสัยใจคอของกลุ่มคนมิลเลนเนียล โดยสถาบัน INSEAD Emerging Markets Institute, HEAD Foundation ร่วมกับ Universum ที่ได้ทำแบบสอบถามประชากรกลุ่มเป้าหมายกว่า 16,000 คน จาก 43 ประเทศทั่วโลก จนได้ข้อสรุปที่ว่า 73% ของกลุ่มคนมิลเลนเนียล เลือกที่จะมีสมดุลระหว่างการทำงาน และการใช้ชีวิตที่ดีมากกว่าเลือกมีรายได้สูง ๆ (Source : http://bit.ly/2gtlg3j) ข้อมูลข้างต้นถือเป็นสิ่งสะท้อนมุมมองความสำเร็จที่เปลี่ยนไปของคนกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะจริง ๆ แล้ว ความสำเร็จที่พวกเขาต้องการไขว่คว้านั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ความสำเร็จทางธุรกิจ แต่มันคือความสำเร็จในการได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
ถ้าพูดถึงสปา เราคงคิดว่าเป็นที่สำหรับสาว ๆ เท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว การได้มีโอกาสพาตัวเองและคนใกล้ชิดไป Spa นั้น เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สร้างความผ่อนคลายทั้งภายในและภายนอก เชื่อมความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนที่รัก แสดงออกได้ถึงการดูแล เอาใจใส่ในรายละเอียดได้เป็นอย่างดี วันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN จึงไม่พลาดที่จะแนะนำ Spa ใหม่ใจกลางเมืองอย่าง Dii wellness med spa ภายใต้แบรนด์ดีวานา บนชั้น 4 Central Embassy ถนนเพลินจิต ด้วยแนวคิดอันทันสมัยตั้งแต่การออกแบบสถาปัตยกรรม การตกแต่งภายใน การผสานรูปแบบของสปาและคลินิกไว้ด้วยกัน และการสร้างสรรค์โปรแกรมทรีตเม้นท์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ คำว่า Dii หรือ ดีไอไอ มาจากรากฐานของความเป็นดีวานา D หมายถึง divana, ii หมายถึง integration และ innovation นั่นคือการวางตัวเป็นสปาและคลินิก (wellness med spa) ที่ผสานกันอย่างสมบูรณ์แบบ ระหว่างแนวทางของธรรมชาติบริสุทธิ์ กับนวัตกรรมล้ำสมัยทางการแพทย์ เพื่อการดูแลรูปร่างหน้าตาให้สวยงาม อ่อนเยาว์ และสุขภาพแข็งแรงทั้งภายในและภายนอก สำหรับสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายใน Dii wellness
มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ไม่ว่าใครก็ต้องเจอเหมือนกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็คือประสบการณ์การทำงานที่เริ่มต้นจากตำแหน่งเล็ก ๆ ไปจนถึงหัวหน้าที่มีความรับผิดชอบระดับสูง ซึ่งเติบโตตามประสบการณ์และอายุ ความแตกต่างน่าจะอยู่ที่ว่า “ใครไปถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้ได้ก่อนกัน” เท่านั้นเอง ว่ากันตามตรงแล้ว เราเชื่อว่าหลายคนที่อยู่ในช่วงตำแหน่งเล็กถึงกลาง อาจจะกำลังทำงานแบบมึน ๆ ไร้เป้าหมายในการทำงาน เพราะยังไม่เจอสิ่งที่ตัวเองชอบทำจริง ๆ หรืออาจจะไม่มีไฟ เพราะถ้ามองไปถึงตำแหน่งใหญ่ ๆ ตัวเลขรายได้ที่ต้องการ มันช่างอยู่ห่างออกไปไกลอีกหลายปีเหลือเกิน ทำให้หลายคนเกิดอาการ “ช่างแม่งละกัน” หมดอารมณ์ทำงานขึ้นมาดื้อ ๆ เพราะคนเราชอบอะไรที่ง่าย เห็นผลเร็ว อยากตื่นขึ้นมาแล้วเงินเดือนเพิ่มแตะหลักแสนภายในข้ามคืน ไม่ว่าคุณจะหมดไฟ หรือมีไฟแต่ไม่รู้จะเน้นโชว์ศักยภาพจุดไหนดี จะได้เปล่งรัศมีกระแทกตาหัวหน้าจนต้องรีบแจกโบนัส อัพเงินเดือน โปรโมตตำแหน่งกันเร็วไว แต่โชคดีแล้วที่คุณคลิกเข้ามาอ่านบทความนี้ เพราะเราจะมาเผย 3 คุณสมบัติหลักที่หัวหน้าทุกบริษัทมองหาจากคุณ นี่เป็นคำแนะนำจากปากผู้บริหารบริษัทชั้นนำหลายแห่ง ที่เราไปนั่งพูดคุยอย่างใกล้ชิด และนำมาสรุปให้เข้าใจง่าย โดยใช้หลัก rating จากสิ่งที่ถูกพูดถึงมากที่สุด 1. Give a damn พื้นฐานเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่หลายคนลืมหรือมองข้ามหัวมันไป การ Give a damn คือการมีเอาใจใส่ มีส่วนร่วมกับคนในทีม และในทุกกิจกรรมของบริษัท ไม่ใช่ใครรวมกลุ่มทำอะไร
ชั่วโมงนี้ต่อให้ใครไม่เป็นคนที่ชื่นชอบหรือหลงใหลในสตรีทแฟชั่น อย่างไรก็ต้องรู้จักแบรนด์ Supreme เป็นแน่แท้ เพราะในปัจจุบัน Supreme ได้กลายเป็นมากกว่าแค่เสื้อผ้าแฟชั่น แต่มันเปรียบดังลัทธิหรือศาสนาที่คนยอมใช้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อให้ได้มันมาไว้ครอบครอง Supreme เองก็ไม่ได้อยู่เฉย พยายามหาพาร์ทเนอร์มาร่วมงาน รวมถึงสร้างสรรค์ผลงานปล่อยคอลเลคชั่นตัวเองออกมาเรียกกระแสความฮือฮาอย่างสม่ำเสมอ อย่างล่าสุด Supreme ได้ทำการ collaboration กับมังงะจากประเทศญี่ปุ่นเรื่อง Akira (คนไม่ใช่คน) นับได้ว่าเป็นการร่วมงานครั้งแรกระหว่าง Supreme กับการ์ตูน เป็นอีกหนึ่งโปรเจคใหม่ที่ทำเอาเหล่าสาวกการ์ตูนญี่ปุ่นรุ่นเก๋า รวมถึงแฟน Supreme ตื้นตันไปตาม ๆ กัน สำหรับเด็ก ๆ ยุคใหม่คงจะเกิดไม่ทันมังงะเรื่อง Akira เลยไม่ทราบถึงความเจ๋ง หรือยิ่งใหญ่ของการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องนี้ แต่รู้หรือไม่ว่ามันคือผลงานชิ้นโบว์แดงของอาจารย์ Katsuhiro Otomo เมื่อปี 1982 อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจสำหรับวงการภาพยนตร์ อาทิ Blade Runner , The Matrix Trilogy เป็นต้น สินค้าคอลเลคชั่นนี้จะประกอบไปด้วย เสื้อ Parka , เสื้อ Work Jacket
Sapiosexual หรือการหลงรักคนที่สมอง กลายเป็นคำฮิตขึ้นมาชั่วข้ามคืน ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร เพราะถ้ามีคนที่หลงรักคนอื่นที่หน้าตา มีคนที่หลงรักคนอื่นที่เป็นคนดี การที่เราหลงรักคนอื่นเพราะเขาเป็นคนฉลาด เป็นปัญญาชน เป็นอินเทอเลคชวล ก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ไม่ต่างกัน แต่ผู้ชายอย่างเราที่หน้าไม่หล่อ แถมไม่ฉลาด (คิดเอาเอง) จะกระชากใจสาว ๆ Sapiosexual ที่คลั่งไคล้คนฉลาดแทบลงไปกราบกรานได้อย่างไร UNLOCKMEN ไม่ปล่อยให้ผู้ชายอย่างคุณต้องเคว้งคว้างท่ามกลางสมรภูมิทางปัญญาครั้งนี้ เพราะเรามีเทคนิคดี ๆ มาฝากผู้ชายที่สนใจสาว Sapiosexual อย่างคุณกัน สะกดคำให้ถูก เพราะคนไทยวัดระดับการศึกษาจากการสะกดคำ ไม่ว่าคุณจะจบปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก สักกี่สิบใบ ไม่ว่าคุณจะเป็นศัลยแพทย์มือหนึ่งของประเทศ เป็นตำรวจ เป็นทหาร เป็นท่านนายกฯ หรือเป็นพลเอกที่ยึดอำนาจมา ทุกอย่างจะสูญสิ้นความหมาย ถ้าคุณสะกดคำผิด! สาว ๆ Sapiosexual ให้ความสำคัญกับการสะกดคำ การเลือกใช้คำ จะมา “ตะเอง ๆ รักซ์ตะเองน่ะค่ะ” เชื่อได้เลยว่าสาว ๆ ต้องสติแตกจนอาจเลิกคุยกับคุณไปในทันที เพราะระดับการศึกษาของคนประเทศนี้บางครั้งก็ตัดสินกันที่การสะกดคำนี่เอง พาไปเดทในสถานที่เชิงพัฒนาสติปัญญา ถ้าไปที่ธรรมดาก็ถือว่าเป็นคนธรรมดาเกินไป การไปเดทกับสาว Sapiosexual ที่กรี๊ดให้กับคนฉลาดก็ต้องพาไปที่คนฉลาดเขาชอบไปกัน
จากความสำเร็จของ “รอยัล โอ๊ค ฟรอสต์ โกลด์” (Royal Oak Frosted Gold) เวอร์ชั่นสำหรับเวิร์กกิ้งวูแมน ที่เปิดตัวได้อย่างน่าประทับใจเมื่อพฤศจิกายน 2016 ก็ถึงคราวที่ โอเดอมาร์ ปิเกต์ (Audemars Piguet) ส่งผ่านประณีตศิลป์อันแสนท้าทายให้กับเหล่าสุภาพบุรุษสุดเนี้ยบกันบ้าง กับเรือนเวลา “รอยัล โอ๊ค ฟรอสต์ โกลด์ ลิมิเต็ด อิดิชั่น” ล่าสุด บนตัวเรือนไวท์โกลด์ 18 กะรัต ขนาด 41 มิลลิเมตร จับคู่สายนาฬิกาวัสดุเดียวกับตัวเรือน โดดเด่นด้วยดีเทลระยิบระยับดุจประกายจากเพชร ผลลัพธ์ล้ำค่าด้วย “ฟลอเรนทีน เทคนิค” (Florentine technique) โดยการตีเนื้อทองด้วยสลักหัวเพชรลงบนพื้นผิวตัวเรือนและสายนาฬิกาเพื่อให้เกิดรอยประทับขนาดเล็ก เทคนิคเก่าแก่ที่นิยมใช้ในการออกแบบจิวเวลรีแบบดั้งเดิม ก่อนต่อยอดสู่ความตื่นเต้นครั้งใหม่ของเรือนเวลาระดับมาสเตอร์พีซได้อย่างลงตัว คงลุคที่เฉียบขาดด้วยพื้นหน้าปัดสีน้ำเงินในลวดลายกรองด์ ตาปิสเซอรี่ (Grande Tapisserie) พร้อมด้วยกระจกฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์ และเข็มบอกเวลาเคลือบสารเรืองแสง ขับเคลื่อนการทำงานด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 3120 กันน้ำลึก 50 เมตร ผลิตจำกัดเพียง
หลังจากที่แบรนด์ Ferrari ได้เปิดตัว track-only “FXX-K” ตัวแรงสุดโหดไปแล้วในช่วงปลายปี 2014 และได้รับคำชื่นชมจากผู้คนมากมาย ทั้งบรรดาแฟน Ferrari เอง รวมไปถึงคนที่สนใจในเรื่องนวัตกรรมยานยนต์ เนื่องจากความล้ำหน้าทางด้านเครื่องยนต์ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่ง Ferrari รีดให้มีพละกำลังสูงถึง 1,036 แรงม้า จึงเป็นธรรมดาที่ผู้คนจะคอยดูการเปิดตัวครั้งต่อไปของ Ferrari ว่า จะมีอะไรพัฒนาไปจากครั้งก่อนบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความแรง หรือเรื่องเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น โดยก่อนหน้านี้ทาง Ferrari ได้ออกมากล่าวถึงผลงานที่น่าประทับใจ นั่นก็คือรถ “FXX-K” Hybrid Supercar จากม้าลำพองในขณะนั้น ให้กับผู้ที่รับชมการเปิดตัวรถใหม่ในครั้งนั้นเอาไว้ว่า “Ferrari FXX-K เป็นการพัฒนาที่สมบูรณ์แบบ ด้วยการจับเอานวัตกรรมทางเทคโนโลยีมาผสมผสานเข้ากับ ประสบการณ์การขับขี่ และนี่คือ Hypercar ที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก” 2 ปีต่อมา Ferrari ก็ได้พัฒนา “FXX-K” ขึ้นใหม่ จนกลายเป็น “FXX-K EVO” แน่นอนว่า มันจะต้องมีอะไรที่ดีขึ้น และถูกแก้ไขจุดบกพร่องต่าง ๆ
ไม่รู้เหมือนกันว่าวัฒนธรรมการเฉลิมฉลองเทศกาลวันปล่อยผีอย่าง “ฮาโลวีน” เริ่มได้รับความนิยมมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็ต้องยอมรับในข้อหนึ่งว่าคนไทยรับเอาค่านิยมต่างชาติเข้ามาค่อนข้างเยอะ ซึ่งดูเหมือนในช่วงปีหลัง ๆ มานี้เด็กยุคใหม่จะรู้สึกอินกับเทศกาลนี้พอสมควร เพราะหากดูตามร้านอาหาร หรือสถานบันเทิงชื่อดังมากมายล้วนจัดงานเฉลิมฉลองราวกับว่ามันเป็นวันหยุดสำคัญวันหนึ่งเลยทีเดียว นอกจากความสนุก รื่นเริงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในวันฮาโลวีน ไฮไลท์ที่เป็นจุดเด่นทำให้วันปล่อยผีเป็นที่ชื่นชอบในหมู่วัยรุ่นน่าจะมาจากการที่เราและผองเพื่อนสามารถแต่งตัวคอสเพลย์ประหลาด ๆ ได้อย่างที่ชีวิตปกติไม่มีโอกาส จึงทำให้เป็นอีกหนึ่งวันที่แก๊งค์เพื่อนชอบนัดรวมตัวกันเพื่อออกมาสังสรรค์ ปาร์ตี้ สมชื่อวันปล่อยผี จริง ๆ สำหรับหนุ่ม ๆ UNLOCKMEN ที่ปกติแล้วก็ไม่ได้ชื่นชอบการแต่งตัวคอสเพลย์สักเท่าไหร่ แต่ปีนี้ดันโดนกลุ่มเพื่อน ๆ นัดรวมปาร์ตี้ หรือมีเหตุอันจำเป็นจนต้องไปร่วมกิจกรรมความบันเทิงนี้อย่างไม่สมยอม ซึ่งไอ้ครั้นจะไปแบบธรรมดาแต่งตัวแบบปกติก็ดูไม่ค่อยให้ความร่วมมือ กลายเป็นแกะดำ หรือจะแต่งหน้าผีก็ไม่ใช่ทางอีก วันนี้เราจึงนำไอเดียการแต่งคอสเพลย์ในวันฮาโลวีนสำหรับผู้ชายสายขี้เกียจ แต่ outfit ออกมาโดดเด่นในงานอย่างแน่นอน Patrick Bateman Patrick Bateman คือตัวละครโรคจิตจากภาพยนตร์เรื่อง American Psycho ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่ามันเป็นผีอย่างไร โดยอันที่จริงแล้วในต่างประเทศวันฮาโลวีนไม่ได้จำกัดเฉพาะการแต่งตัวผีเพียงอย่างเดียว ดังนั้นหากเราจะแต่งคอสเพลย์สไตล์โรคจิตก็ได้เช่นกัน สิ่งที่ต้องเตรียม : เสื้อสูทแบบ Double Breasted สไตล์ 80s สี Navy