CARS

DRIVE: AUDI A6 AVANT 45 TFSI QUATTRO S-LINE BLACK EDITION

By: Chaipohn February 22, 2020

ในขณะที่อยู่บนท้องถนน คุณอาจจะเห็น Mercedes-Benz หรือ BMW ทุกรุ่นจนชินตา แต่ทุกครั้งที่เราเห็นรถยนต์ Audi บางรุ่น ที่แม้ราคาจะไม่ได้แพงระยับ มันกลับทำให้เราตื่นเต้นจนต้องถ่ายรูปเก็บเอาไว้ โดยเฉพาะรถในตระกูลทรง Avant ที่มีเสน่ห์และน่าสนใจกว่ารถ SUV หรือ Sedan ทั่วไป รวมถึงการตอบโจทย์การใช้งานได้ครอบคลุม ในลุคที่สุดจะดุดันของ Audi A6 Avant

ไม่บ่อยนักที่เราจะฟันธงได้ตั้งแต่เริ่มรีวิว เพราะตลอดเวลาที่เราได้ขับมัน นี่คือรถอีกหนึ่งคันที่เรารู้สึกประทับใจจนอยากจะแนะนำให้ทุกคนไปลองขับดูให้ได้ เพราะเมื่อเทียบราคาในตลาดกับสิ่งที่ได้จาก Audi A6 (C8) Avant 45 TFSI S-Line Black Edition นั้น ค่าตัว 4.29 ล้านบาท ถือว่าไม่แพงเลย 

เหตุผลที่รถทรง Avant มีเสน่ห์ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะความแตกต่าง เนื่องจากจำนวนรถที่มีไม่มากบนท้องถนน จึงตกเป็นเป้าหมายของนักสะสมอยู่เสมอ ส่งผลให้ราคาของมันแข็งกว่าเมื่อเทียบกับรถ SUV หรือ Sedan 4 ประตู รวมถึงการใช้งานที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ แถมแต่งยังไงก็หล่อ สมชื่อรถพ่อบ้านขาซิ่งมาทุกยุคสมัย

อย่างตัวผมเองมีรถยนต์ Coupe 1 คัน และ Sedan 4 ประตู (C segment) 1 คัน ก็ยังรู้สึกว่าการใช้งาน Audi A6 Avant เป็นรถที่ใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดีมาก แม้จะมีขนาดรูปร่างที่ดูใหญ่โต แต่พวงมาลัยและช่วงล่างถูกออกแบบให้ควบคุมได้ง่ายและเฉียบคมแม้ใช้งานในเมือง ความสะดวกสบายอันกว้างใหญ่ของห้องโดยสาร พื้นที่เก็บสัมภาระที่เราต้องมีรถเข็นเด็กแบบ stroller เดินทางไปด้วยตลอด ภายในที่ให้สัมผัสของวัตถุดิบคุณภาพดี ล้ำสมัย จนแทบจะลืมใช้งานรถยนต์ 2 คันนั้นไปเลย

การนำ Audi A6 Avant 45 TFSI S-Line Black Edition เข้ามาทำตลาดนั้นไม่ใช่การเสี่ยงดวงแต่อย่างใด Meister Technik เจ้าของ Audi Thailand รายล่าสุดน่าจะสังเกตความนิยมได้จาก A4 Avant 45 TFSI Quattro S-Line Black Edition ตัวหล่อขับเคลื่อน 4 ล้อ 252 แรงม้า ค่าตัว 3.29 ล้านบาท (ราคาเท่ากับ Audi A5 40 TFSI) แต่ความสามารถครอบคลุมตั้งแต่ความหล่อ แรง เกาะถนน และจุสัมภาระได้เป็นกอบเป็นกำ

ในด้านความเท่ ส่วนตัวเรามองว่ามันดึงดูดสายตายิ่งกว่า Audi TT Coupe’ ดังนั้นการจะจับกลุ่มลูกค้าที่พร้อมจ่ายเพิ่มอีก 1 ล้าน แต่ได้ความเป็น Avant ที่แตกต่าง และเทคโนโลยีที่ดีขึ้นกว่า A4 เกือบทุกด้าน จึงเป็นการตัดสินใจที่เราเข้าใจได้ไม่ยาก (แม้ตัว A6 Avant 55 TFSI จะขายไม่ดีนัก อาจจะเพราะราคา 4.99 ล้านบาท เป็นจุดที่มีตัวเลือกน่าสนใจเพิ่มขึ้นอีกเยอะ)

Audi A6 (C8) Avant 45 TFSI S-Line Black Edition มากับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ  2.0-liter Turbo + มอเตอร์ mild hybrid (MHEV) ที่ช่วยในเรื่องการออกตัว ให้พละกำลังรวม 245 แรงม้าที่ 5,000 – 6,500 rpm แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 4,300 rpm ส่งกำลังผ่านเกียร์ S-Tronic Dual Clutch 7-speeds สุดว่องไวและไฮเทค ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Quattro ซึ่งแม้จะมีรูปใหญ่โตขนาดกว้าง 1,886 มิลลิเมตร x ยาว 4,939 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนักเกือบ 2 ตัน (ราว 1,670 kg) แต่มันก็สามารถทำความเร็ว 0-100 km/h ได้ใน 6.2 วินาที และความเร็วสูงสุดถึง 250 km/h

ในการใช้งานจริง นอกจากในเมืองที่รถติดและเราเข้าถึงความคล่องตัวได้พอสมควรแล้ว การขับทางรถทางไกลก็เป็นจุดเด่นของ A6 Avant คาแรคเตอร์ของรถยนต์ที่มีพละกำลังมากมาย แต่ไม่ใช่รถยนต์ที่กดคันเร่งแล้วรถจะพุ่งกระฉาก หรือมีเสียงคำรามให้อารมณ์สปอร์ตแบบหลังติดเบาะอะไรแบบนั้น

มันเป็นความรู้สึกที่ขับรถนานได้โดยไม่รู้สึกเหนื่อย ความนุ่มนวล ความเร็วสามารถไหลไปเรื่อย ๆ ในทุกรอบเครื่องยนต์ คุณจะไม่รู้ตัวเลยว่าความเร็วมันไปแตะถึง 180 km/h เพราะการเก็บเสียงด้านนอกทำได้ดีจนห้องโดยสารเงียบกริบ รวมถึงช่วงล่าง Multilink หน้าหลังแบบ Sport ถูกติดตั้งเพื่อให้การเข้าโค้งสามารถทำได้อย่างมั่นใจ ระยะฐานล้อ น้ำหนัก และ Center of Gravity ที่ออกแบบให้ตัวรถแนบขนานกับพื้นถนน รู้สึกได้ถึงความนิ่งเกาะถนนที่โดดเด่นของ Audi A6 คันนี้

ลูกชายวัย 1 ขวบของผมสามารถหลับได้ตลอดทางตั้งแต่ขึ้นมอเตอร์เวย์ไปจนถึงพัทยา ซึ่งตลอดการขับนั้นเราใช้ Dynamic Mode ขับแบบทดสอบประสิทธิภาพรถเต็มที่ น่าจะถ่ายทอดได้ว่าภายในห้องโดยสารนั้นนิ่งและมั่นคงขนาดไหน และระหว่างทางเราได้ทำความเร็วสูงเทียบกับ Mercedes-Benz E350e และ BMW 520d บนทางด่วนที่ลมพัดแรง การมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro ช่วยให้เราทำความเร็วสูงได้มากกว่า โดยที่รถยังคงควบคุมได้ง่ายเหมือนเดิม

สิ่งที่เราต้องทำคือการคอยเช็คความเร็วบนหน้าจอ Virtual Cockpit เพราะคุณอาจจะเข้าใกล้ความเร็วสูงสุดโดยไม่รู้ตัวก็ได้
(* รถยนต์ Audi มีระบบเตือน Speed Warning Function ให้เราตั้งค่าความเร็วที่ระบบจะเตือนได้)

ภายในของ Audi A6 (C8) Avant 45 TFSI S-Line Black Edition เป็นอีกจุดเด่นที่ทำให้มันเป็นรถยนต์ที่น่าตื่นเต้น การออกแบบภายในนั้นเต็มไปด้วยความทันสมัยและหรูหราสมฐานะรถยนต์ราคาหลัก 4 ล้านบาท แผงคอนโซลกลางและ Virtual Cockpit เป็นแบบเดียวกับ Q8 และ A7 ประกอบไปด้วยจอกลางขนาดใหญ่ 10.1 นิ้ว สำหรับตั้งค่าและเข้าถึงโหมดการใช้งานต่าง ๆ ของรถ ไม่ว่าจะเป็น Navigator, Audio, Phone, Set Up

ส่วนจอล่างขนาด 8.6 นิ้ว ใช้สำหรับปรับระบบแอร์ อุณหภูมิ และถัดลงมาอีกนิดคือปุ่มสำหรับเลือก Drive Select หรือไฟฉุกเฉิน ซึ่งต้องใช้แรงกดมากหน่อย แต่ก็เพื่อแยกสัมผัสการใช้งานให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ส่วน Speedo Meter เป็น Virtual Cockpit 12.3 นิ้ว เหมือนใน TT Coupe’ ที่แสดงผลได้คมชัด ทั้งหมดสามารถทำงานได้อย่างราบลื่น ไม่มีอาการ Lag จากการสัมผัสของ Software ให้เห็น (ต่างจากใน A5 ที่อาจจะมีอาการ ค้าง ในขณะเปลี่ยน Mode ต่าง ๆ ให้เห็นบ้าง)

ภายในให้ Tone ของสีเงินตัดดำ และมี Ambient Light แยกสีที่ต้องการได้ เพิ่มความเท่และทันสมัยให้ห้องโดยสารได้ดี ฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ มีครบเท่าที่จะนึกได้ ไม่ว่าจะเป็นแอร์แยกอิสระ 4 Zone ของผู้โดยสารหน้าหลัง หลังคา Panoramic แยกหน้าหลัง

เบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ต พร้อมสัญลักษณ์ S line หุ้มหนัง Valcona เบาะหลังพับได้แบบ​ 40: 20: 40 เพิ่มความจุสัมภาระจาก 565 ลิตร เป็น 1,680 ลิตร ได้อย่างง่ายดาย ฝาท้ายปิดด้วยระบบไฟฟ้า ระบบเสียง 3 มิติโดย Bang & Olufsen ไฟหน้า LED-Matrix และไฟท้าย LED พร้อมชุดแต่ง Black Edition กระจังหน้า ช่องดักลมกันชนหน้าสีดำ กระจกมอง กันชนท้ายตกแต่งในโทนสีดำ ล้อขนาด 19 นิ้วที่ดูจากขนาดยางแล้วเหมาะจะใส่ 20 นิ้วได้สบาย ๆ และออพชั่น ๆ อีกมากมายที่ยากจะรวมไว้ในบทความนี้

2020 Audi A6 (C8) Avant 45 TFSI S-Line Black Edition เป็นรถยนต์ที่ดีมาก ถ้าคุณต้องการรถยนต์ที่ตอบโจทย์การใช้งานทุกวันได้แม้จะมีแค่คันเดียวในบ้าน

มันเป็นรถที่คาแรคเตอร์นุ่มนวล หรูหรา ทันสมัย เป็นรถที่คนในบ้าน happy ที่จะนั่งไปกับคุณแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็กเล็ก มันคือความรู้สึกปลอดภัย มั่นใจ เมื่อคุณได้ขับมัน

แม้หน้าตาภายนอกมันจะดูสปอร์ตสักแค่ไหน แต่อารมณ์การขับขี่ก็ยังห่างไกลถ้าต้องการรถที่เสียงคำรามแบบดึงหลังติดเบาะ ซึ่งสำหรับกลุ่มลูกค้าของ A6 Avant อาจจะไม่ได้มองหาสิ่งนั้นมากนัก เพราะรถสวย ใช้งานง่าย กับรถแรง ที่ใช้งานยาก มันเป็นรถคนละจุดประสงค์กันชัดเจน

A6 Avant อาจจะไม่ใช่รถสำหรับทุกคน แต่ถ้าคุณมองหารถที่ขับสบาย มั่นใจ ใช้ทางไกลไม่เหนื่อย และราคาไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เราอยากแนะนำให้ไปลอง Test Drive รถรุ่นนี้ดูก่อนจะตัดสินใจซื้อรุ่นไหน รับรองว่ามันจะเป็นตัวเลือกที่คุณยากจะตัดใจได้แน่นอน

 

Photographer: krittapas suttikittibut

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line