CARS

DRIVE: JAGUAR I-PACE HSE รถไฟฟ้าแรงบิด 700Nm โหดเงียบ แซงเรียบทั้งถนน

By: Chaipohn April 14, 2020

ถือเป็นการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวของ Jaguar ในการนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% อย่าง I-Pace ออกมาสู่ตลาด จากแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์รถยนต์หรูอย่าง XJ หรือรถยนต์สมรรถนะสูงอย่าง F-Type คงไม่มีใครคาดคิดว่าอยู่ ๆ Jaguar จะควักเงินลงทุนหลายพันล้านปอนด์เพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ผ่านการทดสอบเป็นระยะไกลนับล้านกิโลเมตร จนสามารถสร้างสรรค์ I-Pace ออกมาได้

ค่ายรถที่ไม่เคยผลิตรถยนต์​ EV มาก่อน แต่กลับทำได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่ครั้งแรก การันตีด้วยรางวัลมากมายทั้ง 2019 World Car of the Year, World Car Design of the Year, World Green Car awards, European Car of the Year

นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ได้สำเร็จเพราะโชคช่วย สื่อหลายสำนักจึงเห็นตรงกันว่า Jaguar I-Pace เป็นรถที่มีความสำคัญสำหรับทั้งอนาคตของ Jaguar และอุสาหกรรมรถยนต์ เพราะ I-Pace จะเป็นต้นแบบที่หลายค่ายต้องรีบไล่ตามให้ทัน

Jaguar I-Pace มีวางขาย 3 รุ่นในไทย ได้แก่ I-PACE AWD S  5,500,000 บาท / I-PACE AWD SE  6,000,000 บาท / I-PACE AWD HSE  6,500,000 บาท ซึ่งคันที่เรานำมารีวิวครั้งนี้เป็นรุ่นท็อปสุด มันเป็นรถที่มีข้อดีน่าประทับใจมากมาย แต่ก็มีจุดอ่อนบางอย่างที่ต้องปรับปรุง

 

แม้ Jaguar I-Pace จะถูกจัดว่าเป็นรถ SUV แต่ความสูงจากพื้นของมันไม่ได้ต่างจากรถ Sedan มากนัก เพราะด้านล่างเป็นตำแหน่งของแบตเตอรี่ที่ Jaguar ออกแบบใหม่ เรียกว่า “Skateboard” platform ช่วยสร้าง center of gravity ให้ต่ำ กระจายน้ำหนักหน้าหลังได้แบบ 50:50 ทำให้การควบคุมรถทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ

มองจากสายตาให้ความรู้สึกบึกบึนจากเส้นสายรอบคัน และมีความกว้างที่มากกว่า แต่ไม่ใช่ปัญหาในการขับขี่บนถนนกรุงเทพ เพราะมีเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคันมาอำนวยความสะดวกให้ ไม่ว่าจะเป็น 360 camera (แต่ไม่มีแบบ 3D เหมือนใน BMW), adaptive cruise control, emergency brake assist, lane departure warning, blind spot monitoring, traffic sign recognition technology และอีกมากมาย

การออกแบบไม่ใช่แค่ความสวยงาม ทุกรายละเอียดของมันล้วนมีฟังก์ชันที่ใช้งานได้จริง ภายนอกโดดเด่นด้วยไฟหน้า LED พร้อม Daytime – Running Lights เหมือนเห็นนักล่าที่จ้องเตรียมตะครุบเหยื่อ กระจังหน้าสีดำขนาดใหญ่ที่บริเวณส่วนบนโค้งเว้าเข้าด้านในเพื่อดูดอากาศไปออกบนฝากระโปรงหน้า ช่วยกดรถให้นิ่งขึ้นในความเร็วสูง

เส้นสายโค้งต่อเนื่องจากด้านหน้าถึงท้ายรถที่มี roof spoiler ขนาดใหญ่พร้อมไฟเบรคซ่อนอยู่ด้านใน และ rear trunk spoiler ขนาดเล็กที่ทำงานร่วมกันในการกดท้ายรถให้มั่นคงยิ่งขึ้น

ด้านบนหลังคาเป็นกระจก Glass Panoramic Roof ขนาดใหญ่เต็มบาน แม้จะไม่สามารถเลื่อนผ้าใบมาปิดมันได้ แต่ก็ไม่ร้อนแม้ภายใต้แสงแดดประเทศไทย เพราะกระจกที่ใช้เป็นแบบกรอง UV ในตัว ช่วยเพิ่มความสว่างและมิติให้คนในห้องโดยสาร ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการจราจรที่ติดขัดได้ดี

 

 

อีกจุดคือมือจับเปิดประตูรถ จะถูกซ่อนเข้าไปเมื่อรถล็อคเรียบร้อย และจะขยับออกมาด้านนอกเมื่อปลดล็อค ซึ่งทำได้ทั้งแบบ Keyless และการกดปุ่มจากรีโมท เป็นลูกเล่นที่เพิ่มความน่าสนใจ แต่มีประโยชน์ในด้าน aerodynamic ด้วย

ระยะฐานล้อหน้าหลังที่ถูกยืดให้ห่าง ทำให้มี Overhang หน้าและหลังน้อยลง เพื่อประโยชน์ในการทรงตัวแถมยังได้พื้นที่ห้องโดยสารเพิ่มขึ้น เป็นผลจากการไม่มีเครื่องยนต์ในห้องเครื่อง เมื่อบวกกับการออกแบบตำแหน่งวางแบตเตอรี่ ทำให้ Jaguar I-Pace มีการทรงตัวที่ยอดเยี่ยมแม้จะเป็นรถรูปทรงสูงใหญ่

ที่สำคัญคือความแตกต่างที่ไม่ซ้ำใครบนท้องถนน เป็นอีกข้อที่ทำให้รถยนต์ Jaguar มีเสน่ห์ทุกครั้งที่ได้เห็น และเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ลูกค้ากลุ่มนี้ให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าคุณสมบัติหรือความคุ้มค่า

ภายในห้องโดยสารของ Jaguar I-Pace มีการออแบบที่หรูหรา ล้ำสมัย ทุกจุดที่สัมผัสรู้สึกได้ถึงวัสดุคุณภาพดี ไม่มีพลาสติกแข็งหรืออาการบิดงอใด ๆ การประกอบแนบสนิททุกจุด ใครได้ขึ้นไปนั่งต้องประทับใจแน่นอน ตำแหน่งเบาะนั่งทำให้เราลืมความใหญ่โตของตัวรถไป เบาะนั่ง bucket seats สีแดงทรงสปอร์ตแบบ 18-ways Windsor leather sport seats with memory ในรุ่น HSE ยิ่งเพิ่มอารมณ์ความเป็น Sports SUV ให้มากขึ้น

หน้าจอแสดงผล 3 จอ แบ่งเป็นหน้าจอ digital instrument cluster ขนาด 12.3 นิ้ว สามารถเลือกการแสดงผลได้หลายรูปแบบ เช่น One Dial / Two Dial / Full Map / Media / Driver Assistance และอีก 2 จอแบบสัมผัสบริเวณคอนโซลกลาง จอบนขนาด 10 นิ้วสำหรับใช้งาน Infotainment ต่าง ๆ ส่วนจอด้านล่างขนาด 5 นิ้วแสดงผลระบบปรับอากาศ สามารถเปลี่ยนเป็น Telephone หรือ Media ได้ ติดตั้งอยู่บน floating-bridge console ช่วยเพิ่มพื้นที่วางของ

ส่วนด้านล่างเป็นเกียร์แบบกดปุ่ม และด้านซ้ายเป็น Mode การขับขี่ให้เลือกว่าจะเน้นลุย แรง หรือประหยัดพลังงาน พร้อมปุ่มปรับระดับสูงต่ำของรถได้ 3 ระดับ

จุดที่ต้องปรับปรุงคือ ระบบปฏิบัติ Touch Pro Duo infotainment system การทำงานค่อนข้างช้า การสัมผัสสั่งงานตอบสนองดีเลย์พอสมควร เมื่อเทียบกับระบบ Infotainment ของรถรุ่นอื่น ที่สำคัญคือในรถยนต์ที่ชูความไฮเทคราคา 5-6 ล้านบาท เราคิดว่ามันน่าจะทำได้ดีกว่านี้ เช่นเดียวกับการเข้าถึงเมนูต่าง ๆ ค่อนข้างซับซ้อน และไม่มี haptic techonology ให้รู้ว่าเราจิ้มถูกจุดหรือไม่ ส่งผลให้การใช้งานบางอย่างในขณะขับรถทำได้ค่อนข้างยาก

 

Jaguar I-Pace มีน้ำหนักถึง 2.2 ตัน แต่ขุมพลังจากแบตเตอรี่ไฟฟ้า 90kWh ส่งกำลังผ่านมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่ได้เทคโนโลยีมาจาก Formula E ทีม Jaguar แยกประกบคู่เพลาขับหน้าและหลัง ส่งกำลังผ่านเกียร์ Single-speed automatic transmission แรงแบบไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนเกียร์แม้เสี้ยววินาที ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD กลับทำอัตราเร่งแบบ instant torque ต่อเนื่องให้หลังติดเบาะได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยพละกำลัง 396 แรงม้า แรงบิด 695 นิวตันเมตร ทำความเร็ว 0-100 km/h ได้ภายใน 4.5 วินาที ซึ่งชนะทั้ง Audi E-Tron ที่ 5.5 วินาที และ Mercedes EQC ที่ 4.8 วินาที ดังนั้นใครคิดจะลองของกับ I-Pace รับรองว่าไม่มีทางตามเสือ Jaguar ตัวนี้ทันแน่นอน

ความแรงที่ไม่มีเสียง ด้วยความเป็นรถ EV แม้จะแรงแค่ไหน คุณจะไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ หรือแม้แต่จะเหยียบเร่งเครื่องท้าทายคันข้าง ๆ ตอนรถติดไฟแดง ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อบวกกับการเก็บเสียงที่ดีของรถ บรรยากาศโดยรวมจึงค่อนข้างจะเงียบ บางคนอาจจะชอบ แต่บางคนอาจจะมองว่ามันขาดบางประสาทสัมผัสไป

แต่ใช่ว่าจะไร้รสชาติซะทีเดียว ความสนุกสนานแทนที่ได้ด้วยการควบคุมพวงมาลัยหุ้มหนัง alcantara ที่ทำได้อย่างเฉียบคม มั่นใจแม้จะใช้ความเร็วสูงเข้าโค้งหนัก ๆ ช่วงล่างถุงลม Active Air Suspension แบบเดียวกับที่ใช้ใน F-Type ลดความสูงลง 10mm อัตโนมัติเมื่อความเร็วเกิน 105 km/h ทำงานร่วมกับล้อลาย 5 spoke ขนาด 20 นิ้ว นอกจากเกาะพื้นถนนเหนียวหนึบ ยังได้เรื่องความสบายในการดูดซับแรกกระแทกจากฝ่าท่อและหลุมที่ถูกขุดเจาะทั่วถนนให้ผ่านไปอย่างนุ่มนวล

แบตเตอรี่ 90kWh ของ Jaguar I-Pace ขับได้ระยะทาง 470 กิโลเมตร สามารถชาร์จได้ถึง 80% ภายในเวลาแค่ชั่วโมงครึ่งด้วยหัวชาร์จแบบ DC หรือ WallBox  แต่ถ้าต่อไฟบ้านธรรมดาต้องใช้ถึง 10 ชั่วโมง มันจึงเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ปรับเปลี่ยนได้หลายบทบาทตามที่เราต้องการ

นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันอำนวยความสะดวกอีกมาก (ซึ่งหลายอันเรายังเข้าไม่ถึง) เช่น Vehicle Creep ให้เราเลือกได้ว่าเมื่อปล่อยเบรกขณะใส่เกียร์​ D จะให้รถไหลเหมือนรถยนต์ทั่วไป หรือไม่ขยับจนกว่าจะเหยียบคันเร่ง (เหมือนใน Fiat 500) และที่ชอบสุด ๆ คือ Tyre Pressures ที่นอกจากจะบอกปริมาณลมทั้ง 4 ล้อ ระบบยังบอกค่าลมมาตรฐานที่ควรจะมี ซึ่งมีประโยชน์มากในการใช้งานจริง

ข้อควรระวัง ยิ่งเราขับซิ่งมากเท่าไหร่ ยิ่งใช้ไฟฟ้าไปมากเท่านั้น ดังนั้นการขับออกต่างจังหวัดจึงควรตรวจสอบน้ำหนักเท้าและพลังงานในแบตเตอรี่ให้ดี หาตำแหน่งสถานีชาร์จไว้เสมอ แม้ตลอดเวลา 1 สัปดาห์ที่เราใช้งานโดยไม่ได้ชาร์จไฟแม้แต่ครั้งเดียว แต่เนื่องจากเป็นการใช้งานในเมืองเป็นหลัก จึงไม่แน่ใจว่าถ้าใช้งานแบบไปกลับต่างจังหวัดเป็นระยะทางไกล ๆ จะใช้งานได้ระยะทางจริงกี่กิโลเมตร และจะลำบากในการหาที่ชาร์จไฟหรือไม่

 

Jaguar I-Pace มีฟังก์ชันให้เล่นอีกมากมายที่เรายังไม่ได้พูดถึง ส่วนนึงเป็นเพราะว่าเรายังเข้าไม่ถึงเมนูที่ซับซ้อนของมัน และด้วยเวลาการยืมรถที่มีจำกัด ซึ่งลูกค้าที่ซื้อมันไปน่าจะเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ของรถได้เต็มประสิทธิภาพกว่านี้ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ใช่ปัญหาที่ทำให้การขับรถคันนี้สนุกน้อยลงแต่อย่างใด มันยังคงเป็นรถ EV ที่ขับสนุก รู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่กดคันเร่ง ระยะทางที่ได้จากการชาร์จ 1 ครั้ง สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันของเราได้หนึ่งสัปดาห์สบาย ๆ และความโดดเด่นบนท้องถนนที่คนรอบข้างต้องหันมามอง ก็สร้างความภาคภูมิใจให้เราได้เสมอ

Jaguar I-PACE AWD HSE สนนราคา 6,500,000 บาท เป็นรถที่เด่นทั้งด้าน Functional และ Emotional ถ้าเปรียบเทียบกับรถ EV คู่แข่งในตลาดไทย ณ ตอนนี้ อย่าง Tesla Model X รุ่นปกติ หรือ Audi E-Tron สิ่งที่ I-Pace ทำได้ดีกว่าทั้งในด้านสมรรถนะ และระยะทางที่ได้ รวมถึงความ Outstanding ในการออกแบบภายนอกที่ดุดันกว่า แต่นั่นก็ต้องแลกมากับราคาที่สูงกว่าเช่นเดียวกัน

 

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line