ศิลปะอย่างการ Painting บนวัสดุต่าง ๆ อย่างผืนผ้าใบ หรือกระดาษ คงจะเป็นที่คุ้นหูคุ้นตาเป็นอย่างดี แต่กับบนวัสดุที่มีชีวิตอย่างผิวหนังของคนอย่างการสัก (Tattoo) หลายคนกลับนึกถึงภาพของความก้าวร้าว รุนแรง มากกว่าการเป็นศิลปะในอีกรูปแบบหนึ่ง แม้จะผ่านมาจนถึงศตวรรษที่ 21 ก็ยังมีบางอาชีพที่ไม่สามารถมีรอยสักได้เนื่องจากต้องอาศัยภาพลักษณ์ในการประกอบอาชีพ แม้จะเป็นบนร่างกายของเขาเองก็ตาม มันก็ยังสะท้อนอะไรบางอย่างถึงทัศนคติที่มีต่อคนที่มีรอยสัก UNLOCKMEN จะพามาทำความรู้จักกับร้านสักที่รวมลายเส้น 5 สไตล์ภายใต้ชื่อ Lone Wolf Studio และพร้อมพูดคุยกับช่างสัก เจ้าของลายเส้นที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง หลายคนอาจคิดว่าช่างสักจะต้องมาพร้อมความเฮ้ว ความแสบ แต่ลองมารู้จักพวกเขาพร้อม ๆ กับเรา แล้วจะรู้ว่าพวกเขามาพร้อมมุมมองดี ๆ ที่แฝงอยู่ในภาพลักษณ์สุดเฮี้ยวของเขา มาเริ่มกันที่ผู้ก่อตั้งร้านสัก Lone Wolf Studio อย่างพี่ต้น จริง ๆ ร้านนี้เปิดมากว่า 3 ปีแล้ว ในตอนแรกพี่ต้นเปิดร้านเองคนเดียวในชื่อ “สักกะหมา” และเนื่องจากเหตุผลของทำเลที่ตั้ง พี่ต้นเลยตัดสินใจขยับขยายมาอยู่ที่ปัจจุบัน ซึ่งเดินทางสะดวกกว่ากันมาก สามารถเดินทางโดย BTS มาลงที่สถานีปุณณวิถี เดินเข้าซอยสุขุมวิท 101 มาได้แบบชิล ๆ ส่วนชื่อ
Smile Club หลายคนคงเคยได้ยินชื่อนี้ผ่านหูกันมาบ้าง หรือบางคนอาจเคยเห็นพวกเขาปรากฏตัวตาม Social Media พร้อมกับ Fashion Content เจ๋ง ๆ มากมาย จนอดสงสัยไม่ได้ว่าจริง ๆ แล้วพวกเขาคือใคร ? ทำอะไรกัน ? และเหตุใดกลุ่มคนที่มี Passion ในการใช้ชีวิตคล้ายกันเหล่านี้จึงมาโลดแล่นอยู่ในกระแสต่าง ๆ อย่างไม่ขาดสาย แน่นอนว่าเราเองก็อยากหาคำตอบในเรื่องนี้เช่นกัน ในเมื่อเป็น UNLOCKMEN หากจะทำอะไรต้องทำให้สุดและแตกต่าง จึงทำให้เกิดโปรเจกต์ “One Day With Smile Club” เพื่อทำความรู้จักกับพวกเขา Smile Club ให้ถึงแก่น หากเป็นเพียงการพูดคุยกัน ก็คงได้แค่ถาม – ตอบกันตามปกติ แต่ถ้าหากเปลี่ยนมาเป็นการเข้าไปใช้ชีวิตด้วยกันสักวันหนึ่ง ก็คงจะทำให้เข้าใจถึงตัวตนที่แท้จริงของกลุ่มคนเหล่านี้ได้ดีมากขึ้น ซึ่งหวยก็ไปตกอยู่กับ “ต้าร์” เด็กฝึกงานหน้าละอ่อนในสังกัด UNLOCKMEN หนุ่มน้อยที่ไม่ได้ให้ความสนใจกับแฟชั่นเลย แถมยังคิดว่า Smile Club คือร้านขายของเล่นด้วยซ้ำ โดยต้าร์จะมียูนิฟอร์มยอดนิยมตัวเก่งเป็น เสื้อยืดสีเทา กางเกงยีนส์ และรองเท้าผ้าใบสีดำ ดังนั้นจึงอยากให้ผู้อ่านลองจินตนาการภาพกลุ่มคนซึ่งเต็มไปด้วย Passion เรื่อง เสื้อผ้า
ท่ามกลางแสงไฟและความสว่างไสวบนโลกใบนี้ ยังมีโลกอีกใบหนึ่งที่ดำมืด ถ้าด้านสว่างมีผู้คุมกฎหมายคือตำรวจ ผู้รักษากฎทางฝั่งโลกมืดก็คงจะเป็นมาเฟีย แต่มาเฟียบนโลกนี้ก็อยู่หลากหลาย เช่น อิตาลีที่มี La Cosa Nostra อเมริกามีมาเฟีย แต่พวกเราเคยคิดสงสัยกันบ้างมั้ย? ว่าอะไรที่ทำให้ทุกคนต่างศรัทธา และทำเพื่อองค์กรทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามีอันตรายมากมายรออยู่ และการที่คุณได้กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกแล้ว ต้องเป็นไปตลอดชีวิต แต่ก็ยอมแลกชีวิตด้านสว่างที่เหลือเข้าสู่เส้นทางดำมืด แต่ถ้าพูดถึงมาเฟียบนโลกนี้ คงจะไม่พูดถึงองค์กรที่มีประวัติความเป็นมายาวนานถึง 300 ปี อยู่รอดผ่านมาทุกยุคสมัย องค์กรที่ได้ชื่อว่าโหดเหี้ยม เข้มงวด ยิ่งใหญ่ นามว่า Yakuza The History of “Yakuza” Yakuza คำที่เราได้ยินมายาวนานนี้ ต้นกำเนิดของมันต้องย้อนกลับไปถึงช่วงต้นปี ค.ศ. 1612 ยุคที่ญี่ปุ่นยังมีซามูไร พวกเค้าถูกเรียกว่า Kabuki-Mono (คนบ้า) นั่นก็เพราะพฤติกรรมชอบดึงดูดความสนใจคนอื่น ไปไหนมาไหนชอบเป็นจุดเด่น อยากให้คนรู้สึกว่าพวกเค้าน่ะเจ๋ง จนไปสะกิดต่อมหมั่นไส้ของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเข้า กลายเป็นกลุ่มที่พวกเจ้าหน้าที่มักเพ่งเล็งที่จะหาจังหวะเก็บกวาดพวกเค้าอยู่แล้ว อีกอย่างที่ Kabuki-Mono พวกนี้นิยมก็คือ การแต่งกายแปลกๆ สีสันฉูดฉาดเด่นสะดุดตา ตัดผมทรงที่คนปกติเค้าไม่ตัดกัน พฤติกรรมกร่างเก๋าหยาบคาย ไปไหนมาไหนมักจะพกดาบซามูไรที่ยาวอย่างกับราวตากผ้า พูดจาด้วยภาษาที่เข้าใจกันในเฉพาะพวกพ้อง ซึ่งต่างจากคนทั่วไปโดยสิ้นเชิง
การเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่ต้องตื่นมาส่องกระจกแล้วพบว่าผมของตัวเองในปัจจุบันไม่ใช่ทรงในอุดมคติอีกต่อไป ทั้งยาวกระเซิง แทงหูทิ่มตา จนเกิดความคิดว่าคงถึงเวลาต้องหั่นออกให้เรียบร้อยเสียหน่อย แต่ความน่ากลัวที่ผู้ชายมักจะต้องเจออยู่เป็นประจำก็คือ การเสี่ยงดวงในร้านตัดผม เพราะเราเองยังจดจำครั้งล่าสุดที่เข้าร้านตัดผมได้ว่า เมื่อบอกให้ช่างตัดทรง Undercut แบบพี่หมื่นเรืองไป แต่เมื่อเสร็จกลับพบว่าทรงที่ได้มาเหมือนกับทหารพึ่งปลดประจำการมาไม่มีผิดเพี้ยน แล้วจะโทษใครได้ล่ะทีนี้ ตัวเราเองหรือช่างตัดผม ? ถ้าไม่อยากให้ความผิดพลาดแบบนี้เกิดขึ้นอีกล่ะก็วันนี้ UNLOCKMEN มี 5 ศิลปะการเข้าร้านตัดผมมาฝาก ให้คุณไม่ต้องพลาดได้ผมผิดทรงกลับบ้านอีกต่อไป 1. หารูปตัวอย่างให้เหมาะสม การนำรูปทรงผมไปให้ช่าง จะช่วยคุณได้มากทีเดียว ควรเก็บข้อมูลก่อนจะออกไปร้าน เพราะเราจะมีเวลาเลือกอย่างไม่ต้องเร่งรีบ ค้นหาภาพจากโทรศัพท์หรือนิตยสาร โดยเลือกจากแบบที่มีรูปหน้าและชนิดของผมคล้ายกับเรามากที่สุด อย่าทึกทักไปเองว่านี้แหละใช่ และเมื่อขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้เพื่อเตรียมตัดก็ใช้ภาพชี้จุดให้ช่างดูอย่างชัดเจนว่าคุณต้องการตัดแต่ละส่วนออกแค่ไหน บอกช้า ๆ ไม่ต้องกลัวช่างจะอารมณ์เสียกับความเรื่องมาก เพราะทุกวันนี้การใส่ใจในเรื่องที่ทำให้ตัวเองดูดีเป็นสิ่งที่ทุกคนทำกัน 2. เน้นย้ำกับสิ่งที่คุณต้องการเป็นพิเศษ ถ้าคุณต้องมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างตัดผม ให้เน้นจุดบอกไปเลย เพราะบางทีช่างก็อ่านใจเราไม่ออก ตัวอย่างเช่น ผมข้างบนเอาออกนิดเดียว ส่วนนี้ก็ต้องขยายความคำว่านิดเดียว ว่าจะให้ตัดออกตรง ซอยให้บางลง หรือแค่เก็บส่วนชี้ฟู ถ้าคิดว่าร้านที่เข้าช่างรู้จักศัพท์เฉพาะ เช่น Fade ( ไถ่ไล่ระดับผมจากบางไปหนา )
ชายหนุ่มร่างกายผอมแห้ง ตัวเล็กและเต็มไปด้วยรอยสัก ลุคท่าทางดูอันธพาล ทว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาจับไม้กลองบรรเลง ก็เหมือนกับงานแสดงศิลปะชั้นสูงขึ้นมาทันที Travis Barker ได้รับยกย่องว่าเป็นมือกลองในยุคโมเดิร์นที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่ง โดยเขาเป็นสมาชิกคนสำคัญของวงป๊อปพังค์ยอดนิยมอย่าง Blink 182 และยังประสบความสำเร็จในชีวิตด้านอื่น ๆ อีกด้วย จนวันนี้เราอยากจะมาเล่าเรื่องราวเจ๋ง ๆ ของเขาไม่ว่าจะเป็น ประสบการณ์เฉียดตายและที่มาของรอยสักต่าง ๆ บนร่างกาย Travis Barker เป็นลูกคนสุดท้ายในครอบครัวที่มีเชื้อชาติผสมทั้ง อเมริกัน , ไอริส , อิตาเลี่ยน ซึ่ง Barker ได้เริ่มเล่นกลองเป็นครั้งแรกตั้งแต่อายุ 5 ขวบ นอกเหนือจากกลองชุดแล้ว Travis มีความหลงใหลในด้านดนตรีอย่างมาก จนเข้าคลาสฝึกการเล่นเครื่องดนตรีชิ้นอื่น ๆ อาทิ ทรัมเปต , เปียโน และยังสมัครเป็นนักร้องประสานเสียงอีกด้วย ทว่าเขาเกือบจะหันเหชีวิตตัวเองหลังจากได้รู้จักกับสเก็ตบอร์ดจนถึงขั้นเคยคิดจะเอาดีเป็นโปรสเก็ตเลยทีเดียว แม้ว่าจะมีเหลวไหลไปบ้างถึงขั้นเคยติดกัญชาอย่างหนัก แต่ประโยคที่ทำให้ยังคงเล่นดนตรีมาจนถึงทุกวันนี้คือคำกล่าวของแม่ของเขากล่าวก่อนตายคือ ให้ Travis ให้เล่นดนตรีจงทำตามความฝันต่อไป เริ่มต้นจากการเป็นคนเก็บขยะสู่พังค์สตาร์ก้องโลก ใครจะไปคิดว่า Travis Barker ก็เคยทำงานเป็นพนักงานเก็บขยะมาแล้วสมัยที่เรียนจบจาก
หากคุณเป็นแฟนเพลงร็อคแล้วคงจะต้องรู้จักชื่อของ Aerosmith เป็นอย่างดีจากเพลง I Don’t Want to Miss a Thing โดยเฉพาะเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ของ Frontman สุดเท่ Steven Tyler ที่กลายเป็นตำนานยังมีลมหายใจอยู่ทุกวันนี้ แต่ใครจะรู้ว่า Frontman คนนี้ก็เป็นนักเลงรถกับเขาด้วยเหมือนกัน เพราะรถคู่ใจของเขานั้นเป็นถึงไฮเปอร์คาร์ตัวแรงอย่าง Hennessy Venom GT ที่แรงติดอันดับ Top 5 ของโลก แบบเปิดประทุนรับลมปะทะบ้องหูแบบเต็ม ๆ ซึ่งรถคันนี้เคยได้ชื่อว่าเป็นรถเร็วและแรงที่สุดในโลกคันหนึ่งเลยทีเดียว แต่ล่าสุด Steven Tyler ได้นำรถสุดรักคันนี้เข้าประมูลเพื่อการกุศลไปเสียแล้ว วันนี้ UNLOCKMEN จะมาแนะนำให้ได้รู้จักกับไฮเปอร์คาร์พลังแรงสูงคันนี้ให้มากขึ้นอีกนิด Venom GT ผลิตโดย Hennessey Performance Engineering สำนักปรับแต่งรถชื่อดังของอเมริกาซึ่งรองรับการปรับแต่งจูนรถหลากยี่ห้อนอกจากรถอเมริกัน ภายนอกของ Venom GT นั้นดัดแปลงโดยใช้ตัวถังของ Lotus Elise และ Exige แทบจะทั้งหมดมาทำตัวรถแม้กระทั่งภายในด้วย พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนและขยายตัวถังอีกหลายส่วนด้วยเช่นกัน ไม่ใช่แค่นั้น เพราะจุดเด่นที่แท้จริงของรถคันนี้อยู่ที่ขุมพลังสุดโหดจนโลกต้องจารึก
แต่งตัวมอซอไม่ได้แปลว่าจน แต่งตัวดีก็ไม่ได้แปลว่ารวย เรื่องที่สามารถตบตากันได้อย่างนี้อาจทำให้ชาว UNLOCKMEN ทั้งหลายติดกับดักความใจดี ยื่นเงินให้เพื่อนหรือคนรู้จักที่เดินหน้าเศร้า ชีวิตสีเทามาขอยืมเงินต่อไลฟ์สไตล์รวยของตัวเองก็เป็นได้ แถมเวลาทวงก็ทวงยากสิ้นดี เพื่อให้ไม่ต้องเจ็บตัวและสูญเงินในบัญชีแบบเจ็บใจเพราะคนจนไม่จริง วันนี้เราเอาทริคจับกระแสความรวยจากนักวิทย์ที่เผยวิธีจับความรวยที่แล่บออกมาตีแผ่ ชนิดเงินเขา บัญชีใคร เราก็รู้! แต่งตัวดีแค่ไหนก็บอกอะไรไม่ได้ และสุดท้ายบอกตรงนี้เลยว่า “กูไม่ให้ยืม!” วีรบุรุษที่จับกลิ่นเงินที่จะพาเราออกจากสถานการณ์สุดกระอักกระอ่วนนี้คือเหล่านักวิจัยของ University of Toronto ซึ่งพวกเขาพบว่า มันจะไปยากตรงไหน ความรวยความจนมันแปะอยู่บนหน้านั่นแล้วไง แต่มันหมายความว่ายังไงกันแน่ลองไปดูกัน เส้นสถานะการเงินบนใบหน้า จะให้พูดก็ดูจะเหมือนการดูโหงวเฮ้งบนใบหน้านั่นแหละ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเหล่าซินแสทั้งหลายเขาใช้วิธีเดียวกันนี้ไหมเวลาทำนายอนาคต แต่ที่แน่ๆ ทั้ง R. Thora Bjornsdottir – นักศึกษาปริญญาโทและ Nicholas O. Rule – ศาสตราจารย์วิชาจิตวิทยา ที่ทำการวิจัยเรื่องนี้นำรูปภาพ portrait ขาวดำ ของชาย 80 คน และหญิง 80 คนที่มาจากต่างเชื้อชาติ สัญชาติและภูมิหลัง ผิวไม่มีรอยสักหรือตำหนิอะไรให้เป็นที่สังเกตมาใช้ในการวิจัย โดยครึ่งนึงมีรายได้ประมาณ $60,000 หรือประมาณ 1,870,000
กว่าจะขุดตัวเองไปออกกำลังกายได้แต่ละที ขุดแซะยากยิ่งกว่านักโบราณคดีขุดค้นซากไดโนเสาร์จากยุคดึกดำบรรพ์เสียอีก แต่ไม่ต้องตกใจไปเราไม่ใช่ผู้ชายคนเดียวที่ประสบปัญหา “หลอกตัวเองให้ขี้เกียจ” นี้ ขอแค่อย่ามัวจมไปกับมันแล้วปล่อยให้ร่างกายไหลไปตามวันเวลาและไขมันที่พอกพูนร่างกายขึ้นเรื่อย ๆ หยุดตั้งแต่ตอนนี้! ด้วย 5 เหตุผลจากผู้เชี่ยวชาญที่จะทลายข้ออ้างของจอมขี้เกียจอย่างคุณให้หมดสิ้นไป “โธ่ ก็ผมไม่มีเวลานี่ครับ” ข้ออ้างอันดับหนึ่งของจอมขี้เกียจอย่างเราคือ “ไม่มีเวลา” Laura Vanderkam นักเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับธุรกิจพูดเรื่องเวลาไว้อย่างน่าสนใจว่าในแต่ละอาทิตย์เรามีเวลา 168 ชั่วโมงเท่า ๆ กัน เป็นเวลานอนไป 56 ชั่วโมง และตีเป็นเวลางาน 50 ชั่วโมงไปเลย! เท่ากับว่าเราเหลือเวลา 62 ชั่วโมงเต็ม ๆ ที่เราสามารถจัดสรรปันส่วนเป็นเวลาพักผ่อนหย่อนใจ เวลาเดินทาง เวลาอาบน้ำกินข้าว ปัญหาเรื่องไม่มีเวลาจะหมดไปถ้าเรามองเวลาเป็นล็อตใหญ่ ๆ แล้วแบ่งมันไว้ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ และใส่ “การออกกำลังกายไว้ในตารางเวลาที่เราวางไว้ด้วย” โดยอาจจะเริ่มต้นจาก 1 ชั่วโมงครึ่งจาก 168 ชั่วโมง (อาทิตย์ละ 3 วัน วันละ 30 นาที) ถ้าคิดได้ว่ามันแค่ 1 ชั่วโมงครึ่งจาก 168
คุณมีรอยสักหรือเปล่า? ถ้ามี รอยสักก็เป็นบางสิ่งที่แสดงความเป็นตัวคุณได้แบบสุดขั้วมากพออยู่แล้ว แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราบอกคนอื่นว่า เฮ้ย รอยสักเรามาจาก Tattoo Artist ที่ไม่มีแขนว่ะ! อ้าวเฮ้ย! แล้วเขาใช้อะไรสักให้เรา แล้วมันจะออกมาสวยไหม Tattoo Artist ที่ไม่มีแขนเขาจะทำงานกันอย่างไร วันนี้ไม่ต้องทนสงสัยอีกต่อไป เพราะนี่คือเรื่องของ Tattoo Artist ที่โคตรสร้างแรงบันดาลใจ เพราะจากการไม่มีแขน สู่การมีแขนเทียม ไปจนถึงการมีแขนเทียมเป็นเครื่องสักอัจฉริยะที่สรรค์สร้างศิลปะได้แม้ไร้แขนจริง JC Sheitan Tenet เป็นชายชาวฝรั่งเศสผู้ สูญเสียแขนขวาท่อนล่างไปเมื่อ 24 ปีก่อน แน่นอนว่าในขณะนั้น ความหม่นเศร้าย่อมแผ่ขยายปกคลุมรอบ ๆ ตัวเขา เพราะเขาจินตนาการไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าชีวิตเขาจะไปในทิศทางไหนต่อ ยิ่งจินตนาการว่าเขาจะกลับมาวาดภาพ เขียนภาพอย่างที่เคยทำได้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ แต่โลกใบนี้ก็สอนให้เรารู้จริง ๆ ว่า ไม่มีอะไรใหญ่หรือไกลเกินความฝันของเราเพราะเมื่อปี 2016 JC Sheitan Tenet ได้แขนเทียมเป็นของตัวเอง แต่ที่แม่งโคตรจะคูลกว่านั้นคือมันเป็นแขนเทียมพิเศษที่โมดิฟายเข้ากับเครื่องสักอีกด้วย! JC Sheitan Tenet เป็น Tattoo Artist
ความคิดสร้างสรรค์กลายเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แทบจะแตะต้องไม่ได้ เรียกว่าไปบีบคั้นมันมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งมีแนวโน้มว่าจะแหลกสลายลงไปตรงหน้ามากเท่านั้น บางทีเค้นให้ตายก็ไม่ออกมา จนเลือดเราขึ้นหน้าด้วยความโมโห UNLOCKMEN อยากจะบอกว่าอย่าเพิ่งหัวร้อนไป ความคิดสร้างสรรค์ไม่ได้ลอยมาจากอากาศ แต่อยู่ที่การฝึกนิสัยให้เราเป็นคนสร้างสรรค์ แล้วจะสร้างฉัน สร้างฝันนั้นให้สำเร็จได้อย่างไร ใช้เวลานานหรือเปล่า เราบอกเลยว่าขอเวลาแค่ 10 นาทีต่อวันเท่านั้น เพื่อฝึกเราเป็นคนใหม่ คิดอะไรสร้างสรรค์กว่าเดิม The Journey of A Man And A Dog การบริหารกล้ามเนื้อส่วนความคิดสร้างสรรค์ ถูกตั้งชื่อตามลักษณะง่าย ๆ แต่ทำได้จริงของมันว่า The Journey of A Man And A Dog มันง่ายสุดง่ายจนผู้ชายทุกคนต้องตะโกนออกมาว่า เฮ้ย รู้อย่างนี้ทำตั้งนานแล้ว! จุดเริ่มต้นของมันอยู่ที่คุณหลับตาแล้วจินตนาการให้ชัดเจนว่ามีผู้ชายหนึ่งคนและหมาหนึ่งตัว จากนั้นค่อย ๆ พิจารณาความสัมพันธ์ของผู้ชายคนนั้นกับหมาหนึ่งตัวในห้วงจินตนาการสุดบรรเจิดของคุณ หมาตัวนั้นมาจากไหนกันนะ? หมาตัวนั้นอยู่กับผู้ชายคนนั้นมานานแค่ไหนกัน? สุนัขตัวนั้นเป็นพันธุ์อะไร? หมาตัวนั้นเป็นของผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า? แล้วทั้งเขาและมันกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนกัน? เริ่มจากคิดถึงรายละเอียดง่าย ๆ พื้นฐานทั้งหมด แต่ครอบคลุมทุก ๆ รายละเอียดเท่าที่เราจะจินตนาการออกในหัว