Survival

SURVIVAL: SMART FIGHT เปิดตำราป้องกันตัวพื้นฐาน รับมือภัยคับขันจากสถานการณ์ใกล้ตัว

By: NTman March 22, 2020

ในชีวิตลูกผู้ชาย คงปฏิเสธไม่ได้ว่า แม้ไม่ได้อยากหาเรื่อง แต่ในหลายครั้งเรื่องก็มาหาเราแบบไม่ทันตั้งตัว จึงเป็นเหตุให้ SURVIVAL ประจำเดือนมีนาคมนี้ เราขอเสนอเป็นซีรีส์ Smart Fight ให้ทุกคนได้เรียนรู้ศิลปะป้องกันตัวพื้นฐานเพื่อเอาตัวรอด รวมถึงปกป้องคนที่เรารักและห่วงใยจากสถานการณ์ต่าง ๆ ที่พบเจอได้ในชีวิตประจำวันอย่างชาญฉลาดและปลอดภัยแบบรุ่นใหญ่มีวิชา

โดยได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญอย่าง คุณปลาย – จิติณัฐ อัษฎามงคล ประธาน ONE Championship ประเทศไทย และพ่วงดีกรีผู้ฝึกสอนระบบการต่อสู้ป้องกันตัว M.A.T.T. Combatives (Martial Arts Tactical Transition) ที่จะมาเปิดเผยเคล็ดวิธีป้องกันตัวให้ชาว UNLOCKMEN ได้เรียนรู้กันอย่างหมดเปลือก

ปลาย – จิติณัฐ อัษฎามงคล ประธาน ONE Championship ประเทศไทย

 

CAUTION!!

ก่อนที่จะไปเรียนรู้ถึงสเต็ปต่าง ๆ ของศิลปะป้องกันตัว คุณปลายได้ย้ำกับเราถึงข้อควรระวังที่อยากให้ทุกคนพึงระลึกไว้เสมอก่อนจะเกิดการปะทะ นั่นก็คืออย่าพาตัวเองไปอยู่จุดเสี่ยง และหากมีการกระทบกระทั่งควรเริ่มต้นด้วยการเจรจา แม้จะถูกหาเรื่องแต่อย่าปล่อยให้ตัวเราตกเป็นฝ่ายเริ่มก่อนในเหตุการณ์วิวาท และอย่ากระทำการใด ๆ เกินกว่าเหตุ เพราะนอกจากจะต้องป้องกันตัวเองจากเหตุร้ายแล้ว เราต้องป้องกันตัวไม่ให้โดนกฎหมายเล่นงานภายหลัง

นอกจากนี้อีกสิ่งสำคัญคือในกรณีถูกจี้ปล้นชิงทรัพย์ พึงระลึกไว้เสมอว่าชีวิตสำคัญกว่าทรัพย์สิน ให้ได้ให้ ยอมได้ยอม ถ้าจำเป็นจริง ๆ ถึงจะเลือกแนวทางการต่อสู้ขัดขืนโดยใช้ศิลปะป้องกันตัว และสุดท้ายอย่างที่บอกว่านี่คือศิลปะการป้องกันตัว ควรใช้ในวิถีทางของการป้องกันตัวเอง และช่วยเหลือผู้อื่น อย่านำวิชาที่ได้ไปใช้ระรานใคร แบบนั้นมันไม่ใช่ลูกผู้ชายหรอก

ถ้าเข้าใจตรงกันแล้ว เชิญทุกท่านไปเรียนรู้การป้องกันตัวจากเหตุร้ายในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้เลย

 

หลบหมัดคนพาล พลิกสถานการณ์เป็นต่อ

 

สำหรับกรณีนี้ถือเป็นเหตุการณ์ที่พบเจอได้บ่อย เพราะการอยู่ในสถานบันเทิง หรือแหล่งอโคจรทั้งหลาย แน่นอนว่าต้องเจอกับคนพลุกพล่าน แสง สี เสียง และแอลกอฮอล์ที่เร่งเร้าอารมณ์เดือดให้เกิดได้ง่าย ทำให้การกระทบกระทั่งจากเรื่องเล็กน้อยที่อาจไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ บานปลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ก่อให้เกิดอันตรายได้อย่างไม่รู้ตัว

ท่า Fence Stand พื้นฐานแรกของการป้องกันตัว

ขั้นตอนแรกให้เริ่มจากการพูดคุยเจรจา แต่ระหว่างเจรจานั้นก็ควรเตรียมพร้อมอยู่ในท่า Fence Stand ท่าเตรียมพร้อมสำหรับการป้องกันตัว เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยระหว่างเจรจา ไม่ให้คู่กรณีนั้นเข้ามาในพื้นที่ของเราใกล้จนเกินไป เพื่อให้เราสามารถมองเห็นทุกการเคลื่อนไหวจะได้รับมือได้ทันท่วงที

อีกทั้งการกางมือในท่านี้ยังมีประโยชน์ในเชิงจิตวิทยา เพราะมันสามารถเป็นภาษากายแสดงให้เห็นว่าเราไม่ต้องการมีเรื่อง และเป็นสัญญาณสื่อสารให้อีกฝ่ายใจเย็นลง ซึ่งนอกจากจะช่วยป้องกันและอาจหยุดยั้งเหตุวิวาทให้จบตั้งแต่ขั้นตอนเจรจา แต่ยังสามารถใช้เป็นหลักฐานในกรณีมีเรื่องราวถึงขั้นเป็นคดีความ เพราะภาพที่พยานแวดล้อมเห็นมันคือการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเราไม่ต้องการมีเรื่อง และพยายามหยุดยั้งเหตุก่อนที่เรื่องจะลุกลามจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ

หากการเจรจาไม่เป็นผล คู่กรณียังคงดึงดันจะเข้ามาทำร้ายให้ได้ สุดท้ายก็ถึงคราวจำเป็นไปสู่สเต็ปถัดไป นั่นคือการใช้กำลังเพื่อป้องกัน และหยุดยั้งอันตรายที่กำลังจะมาถึงตัวด้วยวิธีป้องกันการจู่โจมด้วยหมัดในระยะประชิด

จากคลิปจะเห็นว่าการป้องกันตัวจากเหตุวิวาท จนมีโอกาสเจอหมัดในระยะประชิดเราสามารถเลือกหนทางป้องกันได้ 2 กรณีด้วยกัน

กรณีแรก: คู่กรณีโวยวายก่อนเดินปรี่เข้ามาหาเรื่องจึงพอมีเวลาให้เราตั้งตัว

1. สร้างเซฟตี้โซน ด้วยการยืนแบบ Fence Stand กางขาตั้งหลังให้มั่น ยื่นแขน 2 ข้างไปข้างหน้า แบมือให้เห็นว่าเราพร้อมเจรจา และเพื่อส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายใจเย็นลง รวมถึงสามารถใช้มือผลักอีกฝ่ายได้ ในกรณีที่เขาพยายามเดินเข้ามาใกล้

ทั้งนี้เพื่อเว้นระยะห่างจากผู้ไม่หวังดี ให้ไม่สามารถเข้ามาได้ใกล้กว่า 1 ช่วงแขน ซึ่งเป็นระยะปลอดภัย ระหว่างการเจรจาเรายังสามารถเห็นทุกความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้ทั่วร่าง ทั้งหัวไหล่ แขน ขา สะโพก เพื่อประเมินการรับมือขั้นต่อไปได้ทันที

Tips: พยามสังเกตที่แกนกลางของร่างกายบริเวณลิ้นปี่ของอีกฝ่าย อาศัยการขยับของลำตัวเพื่อประเมินการเคลื่อนไหวได้ครบทุกส่วน

2. ในกรณีที่คู่ต่อสู้ไม่สนใจที่จะเจรจา เลือกที่จะเดินหน้าสาวหมัดใส่ จากท่า Fence Stand ที่เราเตรียมพร้อม จะทำให้เห็นการเคลื่อนไหวของหัวไหล่ เมื่อเห็นแขนข้างไหนขยับ ให้เรายกแขนขึ้นมาทำมุมประมาณ 120 องศา หัวไหล่แนบชิดปิดจุดน็อคอย่างกรามของเราเอาไว้ พร้อมกางมือในลักษณะปีนก เพื่อบล็อคแขนข้างที่คนร้ายสวิงหมัดใส่ โดยใช้การเกร็งโครงสร้างของหัวไหล่เอาไว้เพื่อหยุดยั้งแรงปะทะ

3. จังหวะที่บล็อคหมัด ให้ใช้อุ้งมืออีกข้างซัดไปที่ใบหน้าคู่ต่อสู้บริเวณ T-Zone เพื่อเป็นการหยุดยั้งและเรียกสติ รวมถึงสร้างช่องว่างเวลาเพิ่มโอกาสให้เราดึงตัวเองออกจากสถานการณ์นี้เพื่อขอความช่วยเหลือ (แต่ถ้าประเมินสถานการณ์แล้วว่าอีกฝ่ายไม่น่าจบง่าย ๆ อาจเปลี่ยนจากอุ้งมือ เป็นหมัด เพื่อหวังผลในการหยุดยั้งเหตุได้เด็ดขาดมากกว่า)

กรณีที่สอง : คู่กรณีเตรียมง้างหมัดใส่กะทันหันแบบไม่ทันได้พูดคุย

ถ้ากำลังยืนอยู่ดี ๆ เหลือบไปเห็นอีกทีก็มีหมัดกำลังลอยมาอยู่ตรงหน้า แน่นอนว่าไม่มีเวลา Fence Stand หรือยืนเจรจา จงนำหลัก 5C: Cover Crash Clinch Counter Control มาใช้

1.  เมื่อเหลือบไปเห็นอีกฝ่ายกำลังสาวหมัดใส่หน้า ไม่ว่าจะทิศไหนก็ตาม ให้รีบยกแขน 2 ข้างขึ้นมา Cover อย่างฉับพลัน โดยเอา 2 มือประสานไว้ที่ศีรษะ ยกไหล่สูงให้ท่อนแขนป้องกันใบหน้าและช่วงกราม เหลือช่องว่างระหว่างแขนเอาไว้เล็กน้อยเพื่อเล็งเป้าหมายคู่ต่อสู้
จากนั้นให้ทำการ Crash พุ่งตัวที่มีท่อนแขนกำบัง เล็งสุดแรงไปยังแกนกลางช่วงอกและไหล่ของอีกฝ่ายเพื่อหยุดยั้งหมัด

2. ต่อเนื่องด้วยการ Clinch ใช้แขนของเราสอดเข้าไปเพื่อล็อคหัวไหล่ของอีกฝ่าย ก่อนใช้มืออีกข้างตะปบและกดเข้าไปที่ท้ายทอยของคนร้ายแล้วกดคอเอาไว้ และใช้ขาสเต็ปหมุนตัวออกมาเป็นครึ่งวงกลม เพื่อคุมสถานการณ์และดึงตัวเองออกจากระยะโจมตี หรือถ้าอีกฝ่ายยังฮึดสู้อาจใช้เข่า Counter โจมตีไปที่ใบหน้า เพื่อการ Control ที่ง่ายขึ้น

3. ในกรณีที่ระหว่างเรากดคอให้ก้มต่ำเพื่อทำการควบคุม แล้วคู่ต่อสู้แข็งแรงมากดันตัวขึ้นมา เราอย่าพยายามฝืนกดเขาเอาไว้ ให้ใช้วิธี Switch ให้ใช้แขนข้างที่กดท้ายทอยอยู่ผลักแขนคู่ต่อสู้ขึ้น แล้วเบี่ยงตัวเราเองอ้อมมาด้านหลัง พร้อมใช้แขนข้างนั้นกดไปที่กระดูกสันหลังส่วน Lower Back ให้อีกฝ่ายเสียหลัก ก่อนใช้มือข้างที่ควบคุมไหล่ดันคางคู่ต่อสู้ให้แหงนขึ้น เพื่อให้หลังแอ่นทรงตัวต้านแรงลำบาก แล้วสอดแขนอีกข้างเข้าไปล็อคคอเพื่อคุมสถานการณ์ทันที

 

ป้องกันตนจากดงตีน

อีกหนึ่งสถานการณ์อันตราย ที่เรียกได้ว่าเป็นฝันร้ายของใครอีกหลายคน การต่อสู้กับคนหลายคนในเวลาเดียวกันต่อให้เป็นมืออาชีพก็ใช่ว่าจะเอาตัวรอดได้ง่าย ๆ จงจำไว้ว่ามันไม่มีทางเหมือนในหนังบู๊แอคชัน ที่เราสามารถล้ม 2 – 3 คนได้แบบหล่อ ๆ เหมือนพระเอก

แต่ในความเป็นจริงเราทำได้แค่ขัดขวางผู้ประสงค์ร้าย สร้างความเสียหายให้มาพอที่จะเปิดโอกาสให้เราหนี จงจำไว้ว่าการป้องกันตัวไม่ใช่การต่อสู้เพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ทุกคน ใจความสำคัญคือจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นั้นยังไง ห้กลับบ้านได้อย่างปลอดภัย มีความเสียหายน้อยที่สุด

 

สิ่งสำคัญคืออย่าให้คนร้ายเข้ามาอยู่ในเซฟตี้โซนมากกว่า 1 คน หลักการคือสู้ 1 คน Deal 1 คน ทำซ้ำหลาย ๆ ครั้ง จัดการไปทีละคน อย่าสู้พร้อมกันหลายคน ฟังดูอาจจะเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ในทางปฏิบัติ เรายังพอที่จะมีโอกาส ยังพอที่จะเพิ่มโอกาสที่ว่านั้นได้

หากมีอุปกรณ์ หรือมีพื้นที่ที่ใช้กำบังได้ ให้เอามาใช้เป็นประโยชน์เพื่อขวางไม่ให้คนร้ายเข้ามาพร้อมกัน ในกรณีที่ไม่มีอุปกรณ์หรือสิ่งกีดขวาง ให้พยายามเคลื่อนไหว ใช้ Fence Stand สร้างระยะปลอดภัย หรือเดินหลบเพื่อสร้างแนวให้ฝ่ายคนร้ายยืนสกรีนขวางกันเอง ก่อนที่จะนำกระบวนท่า 5C หรือการจู่โจมอื่น ๆ จากวิธีที่ได้สอนไว้ในข้างต้น เอามาจัดการคนที่ร้ายที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดเพื่อเปิดทางหนี หรืออย่างน้อยก็เป็นการลดจำนวนคู่ต่อสู้ให้ลดลง ก่อนที่จะรับมือด้วยการทำซ้ำขั้นตอนการป้องกันจู่โจมและควบคุมตามที่ได้เรียนรู้ไป

 

ให้ฉันดูแลเธอเมื่อเจอเหตุร้าย

สถานการณ์นี้เหมาะมากสำหรับหนุ่ม ๆ ทั้งหลาย กับโอกาสในการได้แสดงความเป็นสุภาพบุรุษ ด้วยการช่วยเหลือสาว ๆ หรือควบคุมสถานการณ์เหตุวิวาทต่าง ๆ ทั้งไม่ว่าจะเป็นกรณีคนอื่นเข้ามาหาเรื่อง หรือแม้กระทั่งเพื่อนฝูงของเราเองไปกระทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมคุกคามคนอื่นอยู่ก็ตาม

Caution: ยิ่งเป็นเรื่องที่เกิดกับบุคคลที่ 3 ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเราโดยตรง ยิ่งต้องมั่นใจว่า ว่าการยื่นมือเข้าไปให้ความช่วยเหลือ หรือระงับเหตุของเราจะไม่ส่งผลด้านกฎหมายให้งานเข้าภายหลัง ควรประเมินสถานการณ์ให้ดีว่ามันร้ายแรงแค่ไหน เพื่อให้ระดับของการรับมือของเรานั้นไม่เลยเถิดจนกลายเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ถ้าแค่เป็นการคุกคามทางวาจาหรือคำพูด ที่ไม่เหมาะสม การเข้าไประงับเหตุด้วยการลงไม้ลงมืออาจกลับกลายเป็นสาเหตุให้งานงอกโดยไม่รู้ตัว

 

1. หากความรุนแรงยังไม่เกิด ยังอยู่ในเลเวลของการคุกคามด้วยท่าทาง และคำพูด ให้เอาตัวเองเข้าไปสกรีนแยกผู้เสียหายออกเพื่อหลบภัย และจำไว้ว่าอย่าหันหลังให้ผู้ก่อเหตุ จงเริ่มต้นด้วยพื้นฐานจากท่า Fence Stand เพื่อสร้างระยะปลอดภัย และเจรจา

2. หากเหตุการณ์บานปลาย มีการออกหมัดเตรียมทำร้ายร่างกาย ให้ใช้มาตรการเดียวกับกรณีหลบหมัดจากเหตุวิวาทคือกางแขนบล็อก แล้วใช้อุ้งมือกระแทกไปที่ T-Zone เพื่อหยุด และแยก หรือถ้ายังไม่จบก็จำเป็นต้องเข้าสู่สเต็ป 5C Cover Crash Clinch Counter control ต่อไป

แต่ในกรณีระงับเหตุช่วยเหลือบุคคลที่ 3 ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ แนะนำให้ข้ามสเต็ป Counter ไป โดยจะเน้นแค่การล็อคเพื่อควบคุมเหตุให้สงบลงมากกว่า ซึ่งอันนี้ควรใช้สติและวิจารณญาณในการประเมินสถานการณ์ให้ดี ๆ จากที่จะเป็นฮีโร่ จะได้ไม่ต้องมีงานเข้าเจอคดี จากเรื่องที่เราไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเลย

 

ปลดอาวุธโจรชั่ว เอาตัวรอดจากเหตุคับขัน

สำหรับสถานการณ์สุดท้าย เป็นอีกช่วงเวลาที่ความเสี่ยงสูงเนื่องจากอาวุธนั้นมีมากมายหลากหลายประเภท และมีความน่ากลัวอันตรายทั้งนั้น แต่โดยส่วนตัวคุณปลายนั้นยกให้อาวุธมีดเป็นอะไรที่รับมือได้ยากที่สุด เพราะมีดสามารถใช้จู่โจมได้ทุกทิศทางแบบไม่มีแพทเทิร์น อีกทั้งยังมีโอกาสพบเจอได้บ่อยกว่าอาวุธชนิดอื่น ในขณะที่ปืนเรายังรู้ทิศทางลำกล้อง หากมีจังหวะเหมาะโอกาสในการควบคุมไกปืนยังมีเยอะกว่าการควบคุมอาวุธมีดที่เหมือนแขนขามาได้แบบไม่จำกัดทิศทางเสียด้วยซ้ำ

และวิธีการรับมือกับมีดที่สอนกันโดยส่วนใหญ่สามารถทำจริงได้ยาก แต่หลักสูตรของคุณปลายจะทำให้การรับมือกับอาวุธมีดนั้นเป็นไปได้ในวิธีที่สามารถเรียนรู้ฝึกฝน และนำไปใช้ได้จริง

WARNING!!

สิ่งนี้สำคัญมาก หากเจอกับอาวุธเข้ามาจี้ปล้น ควรถามตัวเองเลยว่าสิ่งที่คนร้ายต้องการมันคุ้มที่จะเสี่ยงขัดขืนจริงไหม ถ้าเป็นโทรศัพท์ หรือ กระเป๋าตังค์ รวมถึงทรัพย์สินอื่น ๆ นอกกาย หากยอมให้แล้วปลอดภัยก็ควรให้ไปแต่โดยดี ยังดีกว่าถูกแทง ถูกฟัน ต้องมาจายค่ารักษาที่มากกว่า หรือดีไม่ดีอาจถึงขั้นเสียชีวิตซึ่งอะไรก็ไม่สามารถแทนได้

แต่ถ้าให้ทรัพย์สินไปแล้วยังไม่จบ หรือเป้าหมายของการใช้อาวุธคือเพื่อประสงค์ต่อร่างกาย มุ่งหมายทำให้บาดเจ็บ หรือถึงขั้นเสียชีวิต รวมถึงกรณีที่มีคนรัก ครอบครัว เพื่อนฝูง อยู่ใสถานการณ์ที่อาจถูกปองร้ายต่อร่างกาย หรือชีวิต ในกรณีแบบนี้จึงจะคุ้มเสี่ยงที่จะสู้กันดูสักตั้ง

1. เริ่มต้นด้วยการรักษาระยะปลอดภัย 1 ช่วงแขน แบบ Fence Stand สังเกตการเคลื่อนไหวจากแกนกลางลำตัวของผู้ประสงค์ร้ายให้ดี มีทริคเล็ก ๆ ของท่า Fence Stand ซึ่งเป็นการยกมือกันอยู่ในระดับอก ไปจนถึงสายตา

มันจะเหมือนเป็นการแอบบังคับเชิงจิตวิทยาให้การจู่โจมของคนร้ายนั้นพุ่งเป้ามายังพื้นที่ส่วนล่างซึ่งเปิดอยู่ ทำให้จากเดิมการโจมตีด้วยมีดนั้นไร้แพทเทิร์นคาดเดาไม่ได้ กลายเป็นการโจมตีที่เราพอจะเดาทิศทางและสร้างโอกาสในการรับมือได้มากกว่าที่เคย

2. เมื่อคนร้ายออกอาวุธ มายังช่วงท้องซึ่งเราเปิดช่องเอาไว้ ให้ย่อตัวทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงมา พร้อมดึงสะโพกไปด้านหลังเพื่อสร้างระยะห่างไม่ให้มีดเข้าถึงตัว ขณะที่แขนทั้ง 2 ข้างจัดวางเป็นโครงสร้างรูปตัว X เพื่อบล็อคแขนของคนร้ายตรงบริเวณข้อมือ ส่วนอีกข้างบล็อคไปบริเวณเหนือข้อพับของคนร้าย และใช้แขนข้างเดียวกันนั้นปัดแขนของคนร้ายออกไป แล้วรีบเบี่ยงตัวชิ่งหนีทันที จงจำไว้ว่าไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องอยู่สู้เอาชนะคนที่มีมีด

Tips: ย่อตัว ดึงสะโพกหลบมีด และหายใจออก ทิ้งน้ำหนักลงไปทั้งตัวเพื่อเพิ่มแรงกดและแรงปัดให้กับแขนของเราที่ใช้บล็อคมีดคนร้าย ก่อนที่จะรีบหนีไปโดยเร็วที่สุด

3. ในกรณีที่จำเป็นจริง ๆ เราไม่สามารถชิ่งหนีไปตัวคนเดียวได้ เพราะมีคนรัก คนที่เราห่วงใยอยู่ในสถานการณ์นั้นด้วย จังหวะที่ใช้แขนบล็อก แทนที่จะแค่ปัดแล้วหนีไป ให้เลื่อนแขนข้างที่ปัดมาล็อกบริเวณข้อมือคนร้าย แล้วใช้แขนอีกข้างสลับมาล็อกที่หัวไหล่ พร้อมทิ้งน้ำหนักสุดแรงแล้วใช้ไหล่ของเรากดให้คนร้ายหน้าฟาดพื้น จากนั้นใช้เข่ากดข้อมือคนร้ายเอาไว้และใช้หมัดโจมตีสร้างความเสียหายเพื่อปลดอาวุธ

4. หากเป็นการเงื้อมือฟันจากมุมบนให้ใช้ท่า Fence Stand แล้วกางแขนบล็อค พร้อมใช้มืออีกข้างกระแทกไปที่ต้นคอบริเวณเส้นเลือดใหญ่ให้คนร้ายชะงักแล้วชิ่งหนี หรือถ้าจำเป็นต้องควบคุมและปลดอาวุธ หลังจากบล็อกแล้วให้ล็อกข้อมือทิ้งน้ำหนักสุดแรงเอาไหล่กดคนร้ายให้อยู่กับพื้น และใช้เข่ากดข้อมือเพื่อควบคุม โจมตี และทำการปลดอาวุธต่อไป

 

 

PHOTOGRAPHER: Krittapas Suttikittibut/ Warynthorn Buratachwatanasiri

NTman
WRITER: NTman
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line