ไม่ว่าจะมีงานวิจัยชิ้นแล้วชิ้นเล่าออกมาพูดถึงอันตรายจากแสงสีฟ้ามากน้อยแค่ไหนก็ตาม แต่เรารู้ดีกว่าพฤติกรรมเหล่านี้คงไม่สามารถแก้ได้ทันที เพราะช่องทางสำหรับตามข่าวสารให้ทันของเราส่วนใหญ่ก็มาจากสมาร์ตโฟน แท็บเล็ตหรือจอคอมพิวเตอร์อยู่ดี ดังนั้น แทนที่จะมานั่งพูดเรื่องเดิม เรามามองอีกด้านหนึ่งอย่างพฤติกรรมการอ่านที่เปลี่ยนไปกันดีกว่า ในยุคที่คนเปิดหนังสือน้อยลง เปิดจอมากขึ้น แล้วพฤติกรรมการอ่านของเรามันเปลี่ยนไปจากเดิมมากน้อยแค่ไหน GO-Gulf บริษัท Web Agency ของ Dubai เขารวบรวมและนำเสนอสถิติออกมาในรูปแบบ Infographic ให้เข้าใจได้ง่าย ๆ แล้ว ลองเดาตัวเลขในใจเล่น ๆ แล้วไปดูพร้อมกัน ผู้เขียนบอกได้เลยว่าข้อมูลนี้มันเป็นประโยชน์กับ Online Marketing และคนที่เขียน Content online มาก 8 วินาทีมาตรฐาน เกิน 15 วินาทีขึ้นไปถึงได้ใจ จากปี 2000 เราเคยใช้เวลาเฉลี่ยอยู่ที่ 12 วินาที แต่ผ่านมา 18 ปีเราทำสถิติลดลงไปอีก 4 วินาที เหลือการใช้งานอยู่ที่ราว 8 วินาทีแล้ว และจำนวนนักท่องเว็บ 55% ใช้เวลาไม่ถึง 15 วินาทีเท่านั้นในหน้าเว็บไซต์ แต่ถ้าเว็บไซต์ไหนสามารถสร้าง
เรานั่งทำงานเดิมซ้ำ ๆ ปีแล้วปีเล่าอย่างภักดี เพื่อวันหนึ่งเจ้านายจะบอกว่า “จากนี้นี่คือตำแหน่งของปัญญาประดิษฐ์” แม้ประโยคนี้ฟังแล้วจะบัดซบมาก ๆ แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่ความจริงมันไล่ล่าเราทุกวินาที ทั้งที่ครั้งหนึ่งเทคโนโลยีเคยทำหน้าที่ในฐานะผู้ช่วยคนสำคัญของเราแท้ ๆ แต่เมื่อเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 มันกลับต้อนเราทุกทิศทาง ใครที่ยังคิดภาพไม่ออกเปรียบเทียบความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นให้เห็นง่าย ๆ ว่าระยะห่างที่เคยเว้นช่วงระหว่างความสามารถของเรากับปัญญาประดิษฐ์เหมือนกระต่ายกับเต่า เราคือกระต่ายที่โดนเต่าไล่ตามท้าทายเรื่อยมา จนวันนี้สิ่งที่มันมาท้าทายเราคือความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่การทุ่นแรงงานเหมือนที่เคย เอาเป็นว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดก็คงต้องปล่อยให้เกิด สิ่งสำคัญคือเมื่อเราเลี่ยงไม่ได้แล้วเราจะทำอย่างไรกับสิ่งที่รู้ต่อไป และ 3 สิ่งนี้ที่ UNLOCKMEN นำมาบอกเล่าต่อเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่บอกได้เลยว่ามีทั้งข้อมูลที่ชวนใจชื้นและทำให้ต้องใจหาย ใครพร้อมแล้วไปดูกัน 1. แรงคนหลบไป แรง AI สิชัวร์กว่า เรื่องแรงของมนุษย์เชื่อว่าพวกเราคงเปิดโหมดเจอไฟไหม้ ทำงานหักโหมคุ้มทุนแบบยอดมนุษย์ไม่ได้ทุกวัน ความเสถียรเรื่องแรงของ AI จึงเป็นเรื่องที่เราต้องยอมยกธงขาวให้ และเรื่องแรงนี่แหละที่มันจะส่งผลกับการปรับรูปแบบขององค์กรหลายองค์กร ด้านการลดจำนวนพนักงานวันนี้พวกเราคงเห็นแล้วว่ามีหลายอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบ ไม่ว่ามันจะเป็นงานฝืมือหรือไม่ ถ้าเขียนโปรแกรมได้ ก็มีแนวโน้มโดนเลื่อยขาเก้าอี้อย่างแน่นอน ล่าสุดมีสถิติเรื่องตัวเลขที่เห็นได้ชัดจากการสำรวจเรื่อง Future of Job 2018 ของ World’s Economic กล่าวว่า แรงงานของมนุษย์ลดลงจากเดิมถึง 23% หากนับจากวันนี้จนถึงปี 2025 (จาก
ไม่ว่าคุณจะนั่งทำงานอยู่ที่ไหน กำลังจิบกาแฟร้านดังอยู่หรือชงกาแฟกินเอง หากคุณก้าวเท้าออกจากบ้านย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่คุณจะต้องปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ไม่เราต้องเข้าไปติดต่อเขา พวกเขาก็เป็นคนเดินเข้ามาหาเราเอง และส่ิงเหล่านี้คือตัวแปรที่คุณควบคุมไม่ได้ ซึ่งบางคนในนั้นคือคนสำคัญที่จะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตของคุณไปตลอดกาล หลายครั้งที่เรานั่งฟังคนประสบความสำเร็จเล่าเรื่องราวชีวิตแล้วพบว่า นอกจากการต้องเผชิญหน้ากับปัญหาจากการลงมือทำงานด้วยตัวเองนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อปีนป่ายจนถึงยอดเขาแห่งความสำเร็จแล้ว ผู้คนระหว่างทางก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เขาเติบโตขึ้นเช่นกัน คำพูดของใครบางคนจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ Mind set ที่ยิ่งใหญ่หรือทำให้เขาสามารถก้าวสู่ความสำเร็จได้ และนี่คือ 4 คนดังคุ้นหน้าที่เป็น Iconic ของความสำเร็จและบทสนทนาที่เปลี่ยนชีวิตของพวกเขา 1st World Billionaire: Jeff Bezos ถ้าพูดถึงความสำเร็จระดับโลกจะลืมผู้ชายคนนี้ไปไม่ได้ เพราะเขาคือเจ้าพ่อเว็บ E-commerce ชื่อดังอย่าง Amazon และได้รับการจัดอันดับจากสื่อใหญ่หลายเจ้าไม่ว่าจะเป็น Forbes และ Bloomberg ให้เป็นมหาเศรษฐีที่มีมูลค่าทรัพย์สินสูงที่สุดของโลกในปีนี้ แน่นอนว่าเรื่องสัญชาตญาณและความเป็นอัจฉริยะของเขาจากการขึ้นตำแหน่งสำคัญตั้งแต่อายุยังน้อยนั้น เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ดี แต่จุดเปลี่ยนหนึ่งของเขาคือการได้พูดคุยกับหัวหน้าในครั้งที่เขาจะเสนอการ E-commerce ด้วยวิสัยทัศน์ที่มองเห็นการเติบโตของธุรกิจกว่า 2300 % ในวันนั้น เจ้านายมาบอกว่าไม่มีวันทำได้สำเร็จ: “นายมีงานที่ดี ๆ ทำอยู่แล้วนะ ทั้งรายได้และเงินโบนัส คิดดี ๆ นะ” จากคำพูดนั้นที่เขาคุยด้วยทำให้เขาตัดสินใจลาออกและเลือกเดินหน้าทำตามฝันของตัวเอง โดยได้รับแรงสนับสนุนจาก Mackenzie ผู้เป็นภรรยาให้ลงมือทำ เขาจึงเดินหน้าบุกเบิกและตะลุยมาเรื่อย
“รู้ไหมก่อนหน้านี้พี่ได้เงินเดือนแค่ 9,000 เราน่ะสบายแล้ว เงินเดือนตั้ง 15,000” เราเชื่อว่าชาว MILLENNIAL ที่เกิดมาในวันที่ความไฮเทคมากมายรายล้อม คงอยากเถียงแทบขาดใจกับคำสบประมาทบางอย่างของรุ่นพี่ยุคก่อน ทั้งคำกล่าวหาเรื่องความอดทน วุฒิภาวะการทำงาน หรือที่ร้ายกาจกว่านั้นคือเรื่องการจัดการเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ว่าเป็น Generation แห่งความฟุ้งเฟ้อ ใช้เงินไม่เป็น เพราะทุกวันนี้ชาว MILLENNIAL จำนวนไม่น้อยกำลัง Run The World ด้วยการเป็นนักช้อปขาใหญ่ของตลาด ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่มีอายุนอกช่วงระหว่าง พ.ศ. 2524 และ พ.ศ. 2539 เราขอให้คุณเปิดใจมาอาบน้ำเย็น รับความต่างเผชิญหน้าเพื่อสร้างความเข้าใจกับปัญหาหนี้สินของเหล่ารุ่นน้องที่อาบ “น้ำเย็น” มาทีหลังจาก 6 เหตุผลเหล่านี้ แล้วคุณจะรู้ว่าชีวิตของพวกเขามันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ไม่ต่างจาก “น้ำร้อน” ที่คุณอาบมาก่อนที่ก็ไม่ง่ายเช่นกัน ส่วนชาว MILLENNIAL ถ้าคุณได้อ่านแล้ว จะออกมาให้ความเห็นหลังอ่านจบก็ได้ว่าสิ่งที่คุณเจอมันเป็นแบบนี้จริงไหม ผู้เขียนหวังว่านี่จะเป็นพื้นที่ปะทะทางความคิดเพื่อความเข้าใจ เพราะ “เงิน” ไม่เคยเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าคุณจะเกิดมาในยุคไหนก็ตาม เด็กที่เกิดในยุคข้าวยากหมากแพง ตั้งแต่เกิดมา ชาว MILLENNIAL แทบไม่เคยได้สัมผัสกับคำว่า
ในบ้านเรา การพิมพ์อะไรมั่ว ๆ บนโลกออนไลน์ถือเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยซีเรียสเท่าไหร่นัก แต่สำหรับในต่างประเทศที่ซีเรียสในเรื่องผลกระทบจากการ Post อะไรมั่ว ๆ นั้นถือว่าจริงจังและรุนแรงมาก ไม่มีตัวอย่างไหนจะอธิบายความอันตรายของ Social Media ได้ดีเท่ากรณีของ Elon Musk แล้ว หลังโดนลงดาบจาก Securities and Exchange Commission (SEC) ปรับเงินจำนวนมากถึง $20,000,000 (660 ล้านบาท) และลาออกจากการเป็น Chairman ในบอร์ดบริหาร Tesla เป็นเวลา 3 ปี ทั้งหมดเป็นผลพวงจากการ Tweet แบบไม่คิดหน้าหลังเพียงครั้งเดียว “Sorry pedo guy, you really did ask for it,” ชื่อของ Elon Musk น่าจะถูกนำไปใช้เป็นตัวอย่างกรณีศึกษาด้าน Management Study ได้ดีมาก ในมุมนึง Musk เป็นเหมือนซูเปอร์ฮีโร่ราวกับ
“THE FIRST STEP IS THE HARDEST.” ก้าวแรกยากที่สุด ยังเป็นประโยคที่ใช้ได้จริงกับคนที่อยู่ในทุกวงการเพราะไม่ว่าพวกเราจะแตกต่างกันแค่ไหน สุดท้ายเราทุกคนต้องเผชิญหน้ากับสิ่งเดียวกันคือการตัดสินใจเพื่อ “เลือก” ที่จะ “ทำ” หรือ “ไม่ทำ” อะไรบางอย่างเสมอ เช่นเดียวกับการตัดสินใจสร้างธุรกิจเป็นของตัวเองซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนฝันไว้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะไปถึงเพราะต้องผ่านขั้นตอนยุ่งยากมากมายโดยเฉพาะเรื่องการเงิน ครั้งนี้ UNLOCKMEN ขอชวนทุกท่านมาร่วมพูดคุยกับกลุ่มคนที่มีส่วนสำคัญต่อการทำธุรกิจของเราทุกคนอย่างธนาคาร ที่ล่าสุดสามารถคว้าความสำเร็จระดับโลกในวงการธนาคารมาครองจากการสร้างสรรค์ “Start Biz” นวัตกรรมแอปพลิเคชันชวนทึ่ง! ล้างระบบการทำธุรกรรมจากปึกเอกสารมาใช้ลายเซ็นแค่ลายเซ็นเดียวลงบน iPad (อย่าเซ็นเยอะ กลัวนิ้วล็อก) ความยิ่งใหญ่ครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ แต่เกิดจากความกล้า บ้าพลัง ใส่ใจลูกค้า และกัดไม่ปล่อยของทีมงาน ซึ่งก่อตัวขึ้นจากแนวคิดที่เราทุกคนต้องหลงรัก นี่คือโฉมหน้าของเสาหลักทีมผู้สร้างนวัตกรรมใหม่ทางการเงินครั้งแรกในระดับโลกที่เรามีโอกาสร่วมพูดคุยด้วยทั้ง 5 คน ทีมที่รวมตัวกันจากต่างฝ่ายเพื่อร่วมงานด้วยคอนเซปต์ Agile และสร้างความสำเร็จระดับโลกที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้ในครั้งนี้จาก SCB 1. คุณอาทิตย์ ศรีอัมพร (ตี้) – Commercial Banking Solutions Team 2. คุณบุณณพัฒน์ แก้วสถิตย์ (จอม)
แม้เลือดข้นกว่าน้ำ แต่เงินอาจบ่อนทำลายทุกอย่าง ก่อนจะเข้าเรื่องกงสีเลือดนอกจอเราขอปูพื้นฐานกันสักนิด สำหรับใครที่เป็นลูกหลานจีนคงคุ้นเคยกับคำว่า “กงสี” กันดีอยู่แล้ว แต่คนที่ไม่ค่อยอินกับเรื่องนี้เท่าไหร่อธิบายความหมายและคอนเซ็ปต์ระบบให้เข้าใจกันตรงนี้ว่าคำว่า กงสี (公司) เป็นคำในภาษาจีนที่แปลว่า กิจการหรือกองกลางของตระกูลที่แบ่งผลประโยชน์ร่วมกัน เป้าหมายของการมีกงสี คือความเกื้อกูลกันภายในครอบครัวและการสืบสานความยิ่งใหญ่รุ่งเรืองของตระกูล แต่ความเหลื่อมล้ำที่ตกทอดทางวัฒนธรรมทั้งเรื่องเพศและลำดับอาวุโสก็กลายเป็นหนึ่งในประเด็นความขัดแย้ง อีกทั้งเมื่อเปลี่ยนรุ่นคนครอบครอง เจตนารมณ์ของคนที่กอดคอกันมาก็อาจจะสูญสลายไปตามกาลเวลา เหลือแค่การยื้อแย่งเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น และนี่คือ 3 ตระกูลดังเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่เราคุ้นเคยกับประเด็นความขัดแย้งเรื่องกงสี ที่บ้างก็ยังคงคุกรุ่นอยู่และบ้างก็จางหายไปจากหน้าสื่อแล้ว วันนี้ UNLOCKMEN ขอ RECAP เรื่องเล่าเปิดซีรีส์ชีวิตจริงยิ่งกว่าละครที่คุณอาจยังไม่เคยรู้เหล่านี้ ตระกูลชัยผาติกุล: ไผ่ทองที่กินของจริงหรือของก๊อป? ไอศกรีมละลายในปาก แต่ดราม่าไม่มีวันละลาย กับข่าวที่หลายคนสงสัยเรื่องแบรนด์เจ้าของการค้า “ไอศกรีมไผ่ทอง” ที่เข็นผ่านหน้าบ้านเราตอนสาย ๆ ว่าอันไหนจริงอันไหนเก๊ เพราะหนึ่งในนั้นขึ้นโพสต์เตือนว่าอีกฝ่ายเป็นของปลอม ทว่าเมื่อสืบค้นกันไปมากลับกลายเป็นว่าทั้ง 2 แบรนด์ดันเป็นพี่น้องกันเสียได้ แต่โลโก้และการสะกดที่แตกต่างกันตามภาพ มูลค่าธุรกิจ : 111 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 7 ก.ย. 61) ความขัดแย้ง : สงครามแย่งแบรนด์สินค้าจากรุ่นแรก คือ
6 ลักษณะภายนอกที่จะช่วยส่งเสริมศักยภาพภายในของคุณให้ดูดีทะลุขีดจำกัด
เชื่อว่าเรื่องปัญหาการหลงลืมเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกในชีวิตประจำวันของทุกคน อาจจะเป็นการลืมสิ่งของ ลืมเรื่องราวในอดึต รวมทั้งการลืมข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม จะเป็นนักเรียนที่ต้องคอยจดจำความรู้จากเรื่องที่เรียน พนักงานออฟฟิศที่ต้องคอยทำงานต่างๆ ที่ได้รับมอบหมาย นักธุรกิจที่จะต้องจดจำข้อมูลต่างๆ เพื่อไปเจรจาในธุรกิจ หรือใครก็ตามที โดยจากผลการวิจัยพบว่า การที่เรามักเกิดภาวะหลงลืมอยู่บ่อยๆ นั้นมีสาเหตุมาจากการ “ขาดการทำความเข้าใจ” อย่างแท้จริงนั่นเอง ซึ่งหลายคนคงรู้กันอยู่แล้วว่าการนึกอะไรแล้วนึกไม่ออก มันน่าหงุดหงิดขนาดไหน นี่เป็นเหตุผลที่เราได้หยิบกลวิธีจดจำทุกสิ่งที่คุณเรียนรู้ได้อย่างแม่นยำไม่มีลืม จากหนังสือจิตวิทยา Make It Stick: The Science Of Successful Learning เขียนโดย Henry Roediger และ Mark McDaniel นักจิตวิทยาชื่อดัง แห่งมหาวิทยาลัย Washington University ตามมาดูกันเลยดีกว่าครับ ไม่แน่ เมื่ออ่านจบ คุณอาจนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากมายกว่าที่คิด Force yourself to recall. บังคับตัวเองให้ทบทวน Henry Roediger และ Mark McDaniel บอกว่า ทักษะการเรียนรู้ของมนุษย์มีกลไกเหมือนกับการยกน้ำหนักดัมเบลล์ เมื่อคุณเริ่มที่จะพาตัวเองไปสู่ดัมเบลล์ที่หนักขึ้น คุณก็จะเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับระบบการจัดเก็บความคิดของมนุษย์ เมื่อเราเรียนรู้ว่าสิ่งไหนยาก สมองจะทำการจดจำและเก็บข้อมูลนั้นไว้อย่างแม่นยำเป็นพิเศษ
รู้หรือไม่ว่า ทุกวันนี้ขณะที่เรากำลังชื่นชมปรากฏการณ์การใช้พลังงานทดแทนในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นแผงโซลาร์ พลังงานลม หรือรถยนต์ไฟฟ้าสุดเฉียบแบรนด์ Tesla ที่มีเจ้าของผู้โด่งดังอย่าง ‘Elon Musk’ บนขวานทองของเราเองก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากัน หลายคนอาจไม่รู้ว่าเรามีโรงไฟฟ้าโซลาร์ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าได้ถึง 90 เมกะวัตต์จำนวน 3 โรงบนพื้นที่หลายพันไร่ โรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เตรียมจ่ายไฟเข้าระบบ มี Charging station นับ 100 แห่งที่ติดตั้งไว้สำหรับรถยนต์ EV ที่สำคัญ เรายังเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติไทยได้ที่ผลิตขึ้นจากฝีมือคนไทยเอง อยู่ระหว่างเตรียมผลิตเพื่อจำหน่ายปีหน้าที่จะถึงนี้ด้วย แล้วมันอยู่ที่ไหนกัน? เพื่อคลายข้อสงสัยเราจึงขอพาทุกคนไปเห็นกับตาผ่านการพูดคุยกับ คุณอมร ทรัพย์ทวีกุล หนึ่งใน co-founder ผู้ปลุกปั้น บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือที่คุ้นหูในชื่อ Energy absolute (EA) บริษัทที่อยู่ใน Top List ด้านพลังงานทางเลือกครบวงจรเบอร์ใหญ่สุดของประเทศไทยขณะนี้ หลักกิโลเมตรที่ศูนย์จากไบโอดีเซล ก่อนจะเป็นผู้สร้างความโดดเด่นด้านพลังงานทางเลือก เวทีที่คุณอมรโลดแล่นคือโลกทางธุรกิจจากสายอาชีพที่ใช้ชื่อไม่คุ้นหูว่า “วาณิชธนากร (Investment Banker)” ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัททั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์ เกี่ยวกับการเงินและการลงทุน รวมไปถึงช่วยกำหนดกลยุทธ์ธุรกิจ จึงมีดีกรีเก็บดีเทลกิจการเก่งไม่แพ้เจ้าของกิจการ ด้วยวิสัยทัศน์ด้านการเงินที่หล่อหลอมมายาวนาน