ปัจจุบันกระแสการลงทุนการบริหารความมั่งคั่ง เป็นเรื่องที่คนรุ่นใหม่ต่างให้ความสนใจ ทว่าด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่าง ๆ ที่มีความซับซ้อน ความรู้ความเข้าใจในการลงทุนที่เรายังมีไม่เพียงพอ และคำว่า “ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน” จึงมาแตะเบรก ทำให้แม้เราจะอยากลงทุน แต่ก็ไม่กล้าที่จะเสี่ยง เพื่อตอบโจทย์กระแสการลงทุนนี้ จึงเกิดเป็นเทรนช่องทางการบริการทางการเงินแบบใหม่ที่เรียกว่า Wealth Management หรือการบริหารความมั่งคั่งขึ้น โดยมี “Wealth Personal Banker” หรือผู้แนะนำการลงทุนที่ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านการบริหารเงิน รับหน้าที่ดูแล ปกป้อง และเพิ่มพูนของมั่งคั่งให้กับเรา เพื่อเจาะลึกเบื้องหลังของอาชีพสุดท้าทายนี้ ทีมงาน UNLOCKMEN จึงมุ่งหน้าไปเสาะหาข้อมูลจากคนที่ทำอาชีพนี้และอยู่ในวงการนี้จริงโดยแวะเวียนมาที่ SCB Investment Center โดยได้รับความอนุเคราะห์ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ทั้ง 3 ท่าน ได้แก่ คุณก้อย – กาญจนา คล่องอนันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส SCB FIRST: SA, Executive and Professional Segment และผู้บริหารศูนย์ SCB Investment Center กรุงเทพฯ คุณปอย
มีคนจำนวนหลายล้านคนทั่วโลกได้ดูคลิป Bruce Lee ที่สุดของตำนานแห่งกังฟูจีนฝึกซ้อมด้วยการใช้กระบองสองท่อน Nunchucks วาดลวดลายสุดเทพจนเราต้องอ้าปากค้าง ไม่ว่าจะเป็นการใช้กระบองสองท่อนตีปิงปองอย่างเหนือชั้น เอาชนะนักปิงปองที่แม้จะใช้จำนวน 2 คนก็ยังต่อกรกับ Bruce Lee ไม่ได้ ต่อด้วยการให้คนโยนไม้ขีดใส่ โดย Bruce Lee สามารถใช้กระบองสองท่อนหวดอย่างแม่นยำจนไฟติดไม้ขีดทุกดอกได้ ในภาพฟิลม์ที่ดูเก่าแก่ เสียงและท่าทางที่ดูเป็นธรรมชาติ บวกกับชื่อเสียงตำนานความยิ่งใหญ่ของ Bruce Lee ยิ่งทำให้ทุกอย่างดูน่าเชื่อถือจนไม่มีข้อสงสัย เผื่อใครยังนึกไม่ออก เรากำลังดูถึงคลิปด้านล่างนี้อยู่ตั้งแต่นาทีที่ 0:55 เป็นต้นไป เชื่อว่าถึงตอนนี้ หลายคนก็ยังคงดูสกิลการตีปิงปองและหวดไม่ขีดไฟที่น่าอัศจรรย์ของ Bruce Lee วนไปวนมาด้วยความตะลึง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่เราคิดว่าน่าจะดีกว่าถ้าเราจะรู้ข้อเท็จจริงของคลิปที่ว่านี้เอาไว้ด้วย เพราะที่จริงแล้วนี่ไม่ใช่คลิปการฝึกของ Bruce Lee ที่แท้จริง แต่เป็นคลิป Viral Video ที่ยอดเยี่ยมสำหรับโฆษณาโทรศัพท์มือถือ Nokia N96 Limited Edition Bruce Lee ผลงานของบริษัทโฆษณา JWT Beijing ตั้งแต่ปี 2008 หรือเป็นเวลามากกว่า 40
การสร้างแรงจูงใจบางครั้งก็เป็นสิ่งที่สำคัญต่อธุรกิจ หากคุณกำลังเป็นผู้บริหารอาจจะลองศึกษาจากข่าวนี้ได้ เพราะเมื่อก่อนหน้า Nike มีข่าวคราวการปลดพนักงานทั่วโลกออกถึง 10% สร้างความวิตกกังวลจนเกิดเป็น Toxic Coperate Culture ขึ้นในองค์กร ทว่าจากการรายงานข่าวของ CNBC ล่าสุดได้กล่าวว่าบริษัทกีฬาชั้นนำของโลกได้เตรียมปรับเงินเดือนพร้อมเปลี่ยนวิธีการคำนวณโบนัสให้กับพนักงานทั่วโลก เหตุผลที่ Nike ได้ตัดสินใจเพิ่มเงินเดือนให้กับพนักงานหลากหลายหน้าที่ พร้อมกับมอบโบนัสที่จะวัดจากผลงานส่วนตัว และผลประกอบการบริษัทเพื่อสร้างแรงจูงใจโดยเฉพาะพนักงานในตำแหน่งเดียวกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การทำงานที่ดียิ่งขึ้น โดยทาง Nike ได้ตัดสินใจหยุดจ่ายชดเชยค่าสินไหมทดแทน แล้วนำเงินส่วนนี้มากระจายให้กับพนักงานส่วนใหญ่แทน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะเริ่มในปี 2019 สาเหตุที่เกิดการปรับโครงสร้างในคราวนี้ก็มาจากเหตุการณ์พนักงานระดับซีเนียร์หลายคนเกิดลาออก พร้อมยังเกิดปัญหาภายในบริษัทจนเกิดเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ดี และ Mark Parker ซีอีโอของบริษัทไม่ได้รับเรื่องร้องเรียนเพื่อนำไปแก้ไขอย่างจริงจัง จึงเกิดเป็นปัญหาภายในองค์กรที่เรียกกันว่า Toxic Coperate Culture จนต้องออกมาขอโทษขอโพยกันยกใหญ่ แม้ว่าในไตรมาสล่าสุดของแบรนด์จะกลับมาเติบโตมากขึ้น หลังจากที่ทรุดตัวมานาน ทำให้บริษัทเริ่มกลับมาเล็งเห็นพร้อมฟื้นฟูโครงสร้างองค์กร เพราะต้องยอมรับในจุดหนึ่งว่า ต่อให้สินค้าที่คุณจ่ายไปจะดีสักแค่ไหน แต่ถ้าเกิดภายในบริษัทนั้นไม่นิ่งและมีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายในระดับซีเนียร์อยู่ตลอดเวลา อาจจะทำให้เกิดวัฒนธรรมที่ไม่ยั่งยืนต่อการพัฒนาองค์กรในระยะยาว source
“แค่คิดว่าอยากแก้ จะรื้อแล้วให้ผมเสกขึ้นมามันทำไม่ได้หรอกนะ” “ช้าที่พี่แล้วมาบีบเวลาผมตอนท้ายให้งานมันเสร็จ มันไม่ได้นะพี่” “ก็พี่บรีฟไว้อย่างนี้ ทำไปจนเสร็จแล้วโละ บอกไม่ใช่ที่อยากได้ได้ไง” เราเชื่อว่าใครที่ต้องทำงานกับคนหลายคน หรือทำงานที่ควบคุมให้จบในตัวไม่ได้ คงต้องเคยพูดประโยคด้านบนกันสักหนสองหนหรือมากกว่านั้น เผลอ ๆ ระหว่างพูดคงมีเงื้อหมัด พูดสบถระบายอารมณ์กันบ้าง การทำงานที่เฟืองทุกชิ้นของระบบไม่ได้ทำงานเต็มร้อยพร้อมกัน หรือต่อให้ทำงานได้เต็มที่สุดฝีตีนแต่ผลสุดท้ายก็ยังพังไม่เป็นท่าเพราะลูกค้าปฏิเสธด้วยเหตุผลว่า “เห็นภาพงานไม่ตรงกัน” ส่วนมากมักเกิดจากจุดอ่อนของกระบวนการทำงานแบบดั้งเดิมที่แต่ละงานทุกคนจะส่งต่องานกันแบบไม้ผลัดซึ่งคนในวงการ IT นิยามการทำงานแบบนี้ว่า Waterfall Waterfall คือระบบการทำงานแบบส่งต่อไม้ผลัด ลองคิดภาพตามว่าถ้าเราลงวิ่งผลัดในสนามที่ทีมเรามีสมาชิกวิ่งอยู่ 4 คน คนแรกออกวิ่งส่งต่อให้คนที่สอง คนแรกก็จะไม่รู้เรื่องของคนอื่นนอกจากคนที่สองที่ตัวเองต้องส่งไม้ให้ หรือถ้ามีปัญหาระหว่างทาง กว่าจะไปถึงคนที่ 4 ที่เป็นไม้สุดท้าย ทุกอย่างก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วเพราะมันมาถึงจุดที่หวนกลับไปแก้ไม่ได้อีก สุดท้ายจึงต้องลงเอยด้วยการกลับไปนับหนึ่งอีกครั้ง ถ้านั่นเป็นวิถีการทำงานที่ผู้ชายอย่างเราทำอยู่ UNLOCKMEN อยากพาทุกคนไปรู้จักกับแนวทางการทำงานแบบใหม่ที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้อย่าง “Agile” เทคนิกการทำงานที่ทำให้เราไหวตัวทันต่อทุกปัญหาและแก้ไขได้เสมอซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่บริษัทใหญ่ยักษ์แบบ Google หรือ Facebook ใช้งานจริง AGILE คืออะไร คำว่า “Agile” มีต้นกำเนิดจากสายพัฒนาซอฟต์แวร์ ตั้งแต่ปี 2001 โดยเกิดขึ้นจากจุดประสงค์ที่กลุ่มคน
ผู้ชายอย่างเราคุยกับใครก็อยากคุยกันแบบตรงไปตรงมา หนักแน่นมั่นคง ไม่ต้องมานั่งใส่หน้ากากปั้นแต่งคำตอบใส่กันให้เสียเวลาอันมีค่าในชีวิต แต่บทสนทนาบางรูปแบบก็ถูกวางบทบาทมาเพื่อพูดแต่เรื่องดี ๆ เท่านั้น ลองจินตนาการถึงการสัมภาษณ์งานกับองค์กรที่เราอยากทำงานด้วยใจจะขาดดูสิ เราจะเลือกตอบคำถามแบบตรงไปตรงมาทุกคำถาม หรือว่าเราก็ต้องเลือกตอบบ้าง เลี่ยงตอบบ้าง เพื่อสร้างโปร์ไฟล์ให้ดูดีกันแน่ ? บางทีคนก็ไม่ได้อยากโกหกนักหรอก แต่บางสถานการณ์เราก็จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการพูดความจริงบางอย่าง เพื่อรักษาสถานะเอาไว้ ปัญหาก็คือถ้าวันหนึ่งเราต้องเป็นฝ่ายถาม แต่อยากล้วงความจริงจากอีกฝ่ายได้แบบไม่มีหมกเม็ดล่ะ เราควรต้องถามคำถามแบบไหนออกไปกันแน่ ? มีงานวิจัยจำนวนมากที่พูดถึงการถามตอบ โดยมุ่งประเด็นไปที่วิธีถามคำถามว่ามันมีอิทธิพลต่อคนตอบในรูปแบบไหน โดยเฉพาะเมื่อผู้ตอบอยู่ในสภาวะที่จำเป็นต้องปกปิดอะไรบางอย่าง เช่น ในการเจรจาทางธุรกิจ การสัมภาษณ์งาน การขายของ งานวิจัยชิ้นหนึ่งได้นำกลุ่มตัวอย่างมา โดยกำหนดให้บุคคลเหล่านั้นทำหน้าที่เป็นพนักงานขายเครื่องใช้ไฟฟ้ามือสองให้กับลูกค้า (ซึ่งลูกค้าก็เป็นทีมนักวิจัยที่ปลอมตัวมานั่นแหละ) ก่อนจะทำการซื้อขาย ก็จะมีคนมาบรีฟข้อมูลให้ทีมขายก่อนว่าสินค้าชิ้นนั้นเป็นอย่างไร โดยข้อมูลอย่างหนึ่งคือเจ้าเครื่องใช้ไฟฟ้านี้มันเคยพังมาแล้ว ซึ่งถือเป็นข้อมูลสำคัญที่ไม่ว่าคนซื้อของมือสองที่ไหนก็ต้องอยากรู้อยู่แล้ว แต่ผลปรากฏว่าคนขายทุกคนไม่ได้บอกข้อเท็จจริงว่าเครื่องใช้ไฟฟ้ามือสองนี้เคยพังมาก่อน ซึ่งก็เข้าใจได้เพราะถ้าบอกไปก็มีแนวโน้มว่าพวกเขาอาจจะขายของชิ้นนั้นไม่ออกเลยก็ได้ อย่างไรก็ตามผู้ขายหลายคนก็ยอมบอกความจริงออกมาว่า เฮ้ย สินค้านี้มันเคยพังนะครับคุณ ซึ่งความแตกต่างระหว่างคนที่เผยความลับกับคนไม่เผยความลับก็คือ “วิธีการถาม” นั่นเอง ถ้าถามถูกวิธี ก็จะได้คำตอบที่เราต้องการได้ไม่ยาก “สินค้าชิ้นนี้มีปัญหาอะไรบ้าง?” คือคำถามที่ล้วงคำตอบมาได้มากที่สุด โดยผู้ขาย 89% ยอมบอกว่าสินค้าชิ้นนี้เคยพังมาก่อนจริง ๆ แถมเล่าประวัติการพังให้ฟังด้วย ในขณะที่คำถามที่ดูซอฟต์ลงมาหน่อยอย่าง “สินค้าชิ้นนี้มันไม่มีปัญหาอะไรหรอกเนอะ ใช่ไหม ?” จะมีผู้ขาย
Content writer งานที่เป็นที่ต้องการมากในขณะนี้ สมัครด่วนที่ [email protected]
ทุกวันนี้พวกเราเลิกเดินทางไปซื้อของนอกบ้านแทบถาวรเพราะการไปผจญภัยข้างนอกแลกกับการต้องเผชิญรถติดบนถนนมันไม่คุ้ม สู้เอาเวลาที่รถแช่นิ่งไปทำอย่างอื่นแล้วสั่งซื้อของที่ชอบทางออนไลน์มันชัวร์กว่า (ถ้าเลือกจากร้านที่น่าเชื่อถือก็การันตีความสะดวกกับของดี ๆ ได้แล้ว) วันนี้ UNLOCKMEN จึงขอนำเสนอเรื่องการส่งของหรือระบบ LOGISTIC ในไทยว่าวันนี้มันก้าวกระโดดมาถึงไหนแล้ว หนหน้าเวลาที่เราต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการส่งหรือเลือกบริการจัดส่งจะได้เทียบและเลือกให้เหมาะกับความต้องการของตัวเอง ตัดสายสะดือบริษัทจัดส่งในประเทศไทย ปูพื้นฐานกันก่อนเรื่องการก่อตั้งของแต่ละบริษัทที่ให้บริการด้านการจัดส่ง ถึงแม้ว่า seniority จะไม่ใช่เครื่องหมายที่สามารถการันตีคุณภาพได้ 100 % แต่ Brand Heritage อาจจะสามารถเอามาใช้ตัดสินใจก่อนเลือกส่งได้ เราขอคัดเลือกแบรนด์ที่น่าจับตามองปี 2561 สรุปสั้น ๆ ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ไปรษณีย์ไทย อายุ 135 ขวบ แบรนด์เก่าแก่คู่ประเทศ เกิดมาตั้งแต่ยุครัชกาลที่ 5 ใน พ.ศ. 2426 โดยใช้ชื่อว่ากรมไปรษณีย์โทรเลข จากนั้นได้ปรับการดำเนินกิจการโยกย้ายและโอนอำนาจไปมาร่วมกับหน่วยงานอื่น และเปลี่ยนฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจในปี พ.ศ. 2519 ภายหลังจึงแยกตัวเป็นเอกเทศใน พ.ศ. 2546 และใช้ชื่อว่า “บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด” จากนั้นเป็นต้นมา Kerry Logistics Express 12 ขวบ บริษัทสัญชาติฮ่องกงที่อยู่ในเครือ Kerry
เราเชื่อว่าโดยพื้นฐานของมนุษย์ ในวันเริ่มแรก ทุกคนน่าจะมีศักยภาพเท่ากัน แต่สิ่งที่แตกต่างกันไปก็คือประสบการณ์ ความรู้ ต่างคนต่างมีลักษณะนิสัยขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัว คนที่รู้เยอะ จินตนาการเยอะ ก็อาจจะได้เปรียบคนที่ไม่ค่อยได้เสพความรู้รอบตัวมากนัก บางคนได้ท่องโลกบ่อย เข้าถึงความรู้ได้มากกว่า ก็ได้เปรียบไป แต่ในยุคของโลก INTERNET ทำให้ข้อจำกัดตรงนั้นถูกทำลายไป ทุกคนเข้าถึงข้อมูลได้เท่ากัน อยู่ที่แต่ละคนจะใช้มันเสพความรู้เรื่องอะไร แต่เคล็ดลับที่ BILL GATES และ ELON MUSK บอกไว้เสมอ ก็คือแหล่งความรู้ของพวกเค้านั้นมาจาก ‘การอ่าน’ แต่การอ่านเองก็มีทั้งอ่านแล้วได้ประโยชน์ กับอ่านแล้วได้บันเทิง เวลาเราเห็นสถิติที่บอกว่า คนไทยอ่านหนังสือปีละ 8 บรรทัด อาจจะคิดว่าไม่จริง เราก็อ่านอยู่ตลอดเวลา อ่านทั้งวัน อ่านทุกวัน โดยเฉพาะเรื่องดราม่าและข่าวบันเทิง ความต่างจากการอ่านที่ GATES และ MUSK บอกก็คือ เราจะได้ประโยชน์จากมัน ต่อเมื่อมันเป็นบทความหรือหนังสือที่มีประโยชน์ มีสาระ ช่วยพัฒนาความรู้และจินตนาการทางใดทางหนึ่ง BILL GATES บอกว่า “การอ่านเนื้อหาที่มีประโยชน์ สอนให้เราได้ความรู้ที่เราไม่รู้ มุมมองที่เราคิดไม่ถึง เหมือนเป็นการให้อาหารสมองตลาดเวลา จะบอกว่าการอ่านทำให้ผมประสบความสำเร็จ ก็ไม่ผิดเลย”
ความซวยเวลามันพุ่งเข้ามาหา มันจะวิ่งเข้ามาแบบถี่ ๆ แต่สำหรับปีหมาปีนี้ ถือว่าเป็นปีมหาโหด “หมาดุไล่กัดนางเงือก” เพราะร้านเจ้าดังอย่างสตาร์บัคที่มีลูกค้าทั่วโลก เจอตบหน้าขวาซ้ายด้วยข่าวเสีย ๆ หาย ๆ ด้วยสารพัดเรื่องใหญ่หลายประเด็น จนต้องเร่งออกมาแก้ปัญหา เรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาชนิดมือเป็นระวิง และเพื่อให้การจิบกาแฟของหนุ่ม ๆ เข้มข้นขึ้นกว่าที่เคย เราขอ RECAP เรื่องชง ๆ ขม ๆ ที่สาวก Starbucks ต้องรู้กันดังต่อไปนี้ เดือน 3 เป็นมะเร็ง เดือน 4 เหยียดผิว เดือน 6 หุ้นดิ่ง MARCH : STARBUCK VS CANCER สตาร์บัคเริ่มต้นปีชงล็อตใหญ่ตั้งแต่มีนาคมที่ผ่านมา เพราะจู่ ๆ สภาศึกษาและวิจัยสารพิษ (CERT) ก็ลุกมาฟ้องศาลลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐฯ แจ้งข้อหาเรื่องการแปะฉลากเตือนโรคมะเร็ง ถ้าคิดไม่ออกให้คิดว่าเป็นแบบไหนให้คิดถึงซองบุหรี่ที่มีภาพชวนเศร้าทั้งหลาย แต่อันนี้พี่จะให้แปะไว้บนแก้วกาแฟที่ลูกค้ากิน ความกระอักกระอ่วนที่จะต้องบอกใครว่าตัวเองเป็นผู้ร้ายสร้างมะเร็งว่าหนักแล้ว แต่นั่นก็ยังไม่แย่เท่ากับค่าปรับมหาโหดที่โดนฟ้อง 2,500 ดอลลาร์
คำว่า Creative Idea สามารถปรับใช้ได้แบบไร้ขีดจำกัด ใครจะไปคิดว่าแคมเปญของแบรนด์อาหารอย่าง Domino Pizza จะมาเกี่ยวกับการซ่อมแซมหลุมบ่อบนถนนได้ นี่ไม่ใช่การหาเสียงเตรียมลงเลือกตั้งเหมือนนักการเมืองในบ้านเรา แต่เป็นการบริการเพื่อให้ Pizza หน้าโปรดขนส่งไปถึงบ้านคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ต้องเสี่ยงต่อการตกหลุมบ่อจน Pizza หน้าพัง ให้เสียทั้งอารมณ์และรสชาติ Paving for Pizza หรือ อุดรูรั่วเพื่อพิซซ่า เป็นแคมเปญสุดบรรเจิดของ Domino Pizza USA แบรนด์ยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของที่นั่น แน่นอนว่ามีทั้งบริการ Home Delivery และ Take Away ที่คับคั่งตลอดทั้งวัน แต่ปัญหาเล็กน้อยสำหรับคนทั่วไป แต่ถือว่าใหญ่โตสำหรับ Domino Pizza คือระหว่างทางกลับบ้านนั้น หลายคนประสบปัญหาขับขี่รถตกหลุมจนหน้า Pizza เสียหาย ซึ่งมีส่วนในการทำลายรสชาติที่กลมกล่อมของ Domino Pizza อาจจะด้วยการเสียความบาลานซ์ระหว่างซีก Pizza หรือการสูญเสียปริมาณ Cheese ที่พอเหมาะจากการกระแทกติดอยู่บนฝากล่องก็ตาม Russell Weiner, ผู้บริหารของ Domino Pizza USA